ตอนที่28 ประลอง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่28 ประลอง
ต๭นที่28 ประลอง พอเห็นโล่หวินหลานทำท่ายิ้มอย่างมีเลศนัย สวินโม่พึ่งรู้สึกตัวว่ามีอะไรผิดปกติ จะถึงยังไงโล่หวินหลานก็เป็นภรรยาของโม่ฉีหมิง นางไม่ได้พูดอไรแล้วเขาจะทำอะไรได้? ชิ!! พอคิดแล้วก็รู้สึกไร้สาระ ก็แค่ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง ไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจขนาดนั้น จึงสังเกตโลหวินหลานอีกที สวินโม่ยิ่งมองด้วยสายตาถากถางมองขึ้น “ข้าได้ยินเย่หวินพูดว่าเจ้ากำลังหาวิธีรักษาท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ?” “เจ้าเคยเรียนการแพทย์หรือ? รู้ไหมว่าการวินิจฉัยคืออะไร?” ไม่รอให้โล่หวินหลานตอบ สวินโม่จึงถามขึ้นอีกรอบ นัยน์ตามีความโกรธเล็กน้อยผู้หญิงที่สามีตัวเองกำลังป่วยยังมีเวลาออกไปเถลไถล ยังจะหวังให้นางรักษาอาการป่วยของท่านอ๋องหรือ? ไม่พูดเรื่องอื่น พูดถึงเรื่องการรักษา พวกเขาแทบจะพลิกทั้งแผ่นดินหาหมอเทวดาแต่ก็ไม่มีใครสามารถรักษาได้ นางเป็นเพียงหญิงบอบบางนางหนึ่ง ที่อยู่ในวัยบานสะพรั่ง จะไปเรียนรู้อะไรเยอะแยะ? เย่หวินยกมุมปากขึ้น ไม่ปฎิเสธคำพูดจากสวินโม่ นางไม่เก็บมาใส่ใจหยิบขนมเข้าปากช้าๆ นัยน์ตาบรรจบลงที่สวินโม่ “”ไม่รู้ว่าคุณชายสวินโม่ผู้เป็นเจ้าสำนักหวูอินโหลว การแพทย์เก่งกาจ คิดเห็นอย่างไรกับอาการป่วยของท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ?” นางพูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ไม่มองสวินโม่อยู่นาน มือหยิบของหวาน ท่าทางเนิบช้า สวินโม่ถึงกับหน้าชา สายตามีแต่ความเจ็บปวด ใบหน้าและขาของเจ้านายเป็นความเจ็บปวดของเขามาตลอด ถึงแม้ว่าเจ้านายจะทำท่าไม่ค่อยใสใจ ไม่สนใจ แต่ลูกผู้ชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าเขารู้ มีบางเรื่องที่ทำลายเกียรติศักดิ์ของผู้ชาย เช่นผู้ชายที่แข็งแกร่งมาตลอดอย่างเจ้านายของเขา ถึงจิดใต้สำนึกจะคิดอย่างนั้น แต่ใบหน้าเขากลับไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา มีแต่น้ำเสียงเย็นเหยียบ น้ำเสียงคมชัด “ข้าเข้าใจดี แต่มีบางอย่าง ไม่ใช่ว่าเข้าใจแล้วจะเพียงพอ โล่หวินหลาน เจ้าคิดทำการใดอยู่กันแน่?” โล่หวินหลานเงยหน้ามองเขา สายตาสังเกตไปที่เขาเล็กน้อย ครั้งที่แล้วเขาสัมผัสได้ว่าสวินโม่ปฏิบัติกับโม่ฉีหมิงไม่ใช่คนทั่วไปจะกระทำได้ ครางนี้นางรู้แน่ชัดแล้วว่า สวินโม่คือคนในยุทธภพ ถึงจะสนิทกับโม่ฉีหมิงเพียงใดแต่ไม่น่าจะเป็นห่วงกันมากขนาดนี้ ฉะนั้นเรื่องนี้จึงมีเงื่อนงำอย่างมาก สวิยโม่จึงรู้สึกไม่พอใจโล่หวินหลานเป็นอย่างมาก ปากที่กำลังจะพูดจาถากถางนาง โล่หวินจึงแทรกขึ้น “คุณชายสวิน ในเมื่อท่านมีความสงสัยต่อฝีมือการรักษาของข้า ถ้าอย่างนั้น เรามาประลองกันสักครั้งไหมท่าน?” โล่หวินหลานลุกขึ้นช้าๆ พลางเอามือกอด ใช้ตามองลงไปสวินโม่ที่นั่งอยู่ข้างล่าง ดูยังไงชุดที่ใส่อยู่จะเรียบๆ แต่ทำไมท่าทางรวมถึงคำพูดคำจาถึงคล้ายกับท่านอ๋องนัก มีความรู้สึกเหมือนสูงส่งเทียมฟ้า อยู่สูงเหนือคนอื่น ดั่งเสือที่กระหายเลือด ยังเหมือนเสือชีต้าที่นิ่งสยบความเคลื่อนไหว โดยรวมแล้ว อันตรายไม่เบา ทันใดนั้นก็เสียงล้อรถเข็นดังเข้าจากข้างนอก โม่ฉีหมิงกำลังค่อยๆหมุนรถเข็นออกมา ทั้งสองต่างมองไปที่โม่ฉีหมิง โล่หวินหลานขมวดคิ้วที่งามดังคันศรขึ้น ก้าวไปข้างหน้า ไปช่วยเขาเข็นรถเข็น พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ท่านกำลังดูราชกิจอยู่ไม่ใช่หรือ? จะออกมาทำไมเพคะ?” โมฉีหมิงฉีกยิ้มเบาๆ รู้สึกถึงเสน่ห์ผ่านแวบเข้ามาในหัวใจ พูดอย่างอ่อนโยน “มาถึงก็ยินเรื่องที่เจ้ากับสวินม่คุยกันเรื่องประลอง พวกเจ้าจะทำอะไรกันหรือ? พลางมองลึกเข้าไปนัยน์ตาของสวินโม่ เตือนเขาอย่าทำอะไรเกินเหตุเป็นนัยๆ แต่สวินโม่หาได้สนใจให้ เขาทำเพื่อท่านอ๋อง แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมวางมือง่ายๆ คิดถึงตรงนี้ เขาก็ลุกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “เจ้าว่าประลองอะไรล่ะ?” น้ำเสียงก็ยังคงเต็มไปด้วยวาจาถากถาง เขาไม่เคยรู้สึกว่า เขาจะมีอะไรสู้หญิงบอบบางนางหนึ่งไม่ได้ “แน่นอนว่าข้าจะประลองเรื่องการแพทย์ที่ทันถนัดที่สุดอย่างไรเล่า” โล่หวินหลานยิ้มขึ้น ยิ้มได้เย็นชา ไม่มีท่าทีสนใจนัก แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ความจริงแล้ว ไม่พูดถึงเรื่องอื่น ถ้าให้พูดถึงเรื่องฝีมือการรักษาคน นางยังรู้สึกมั่นใจอย่างมากเลยทีเดียว สำหรับสวินโม่ที่มีลักษณะนิสัยเอาตนเป็นที่ตั้งและคิดว่าผู้ชายเป็นใหญ่ มีเพียงแต่จะชนะเขาด้วยความสามารถเท่านั้น จึงจะทำให้เขายอมรับในตัวนางได้ โม่ฉีหมิงแววตาไหววูบไปทีหนึ่ง กลับหลังหันไปมองโล่หวินหลาน “ฝีมือการแพทย์ของสวินโม่……” “ท่านอ๋อง ท่านไม่มีความเชื่อมั่นในตัวข้าหรือ?” โม่ฉีหมิงยังไม่ทันพูดจบก็ถูกโล่หวินหลานตัดบท นางหันไปมองโม่ฉีหมิงที่มองนางด้วยสายไม่ค่อยเชื่อ เขาไม่เคยเห็นฝีมือการรักษาของนางสักหน่อย จะรู้ได้ยังไงว่าฝีมือการแพทย์ของนางเก่งกาจขนาดไหน” “ข้ามั่นใจ ต้องมั่นใจในตัวเจ้าสิ เพียงแต่……” โม่ฉีหมิงก็ยังรู้สึกลังเล ไม่มีอะไรจะถาม เขามีแต่ความเป็นห่วงโล่หวินหลาน หากฝีมือการรักษาของโล่หวินหลานดีจริงๆก็ช่างเถอะ แต่ถึงนางจะฝึกมาดีขนาดไหน ก็เป็นแค่หญิงสาววัยบานสะพรั่ง ผู้หญิงที่ไม่เคยพบเจอผู้คนภายนอก จะไปเรียนรู้อะไรได้? ไม่ใช่อาศัยความรู้จากตำรานิดๆหน่อยๆ สวินโม่ไม่เหมือนกับคนอื่น เขาเป็นถึงเจ้าสำนักหวูอินโหลว ไม่พูดถึงเรื่องการแพทย์ว่าเก่งกาจขนาดไหน ในยุทธภพทั่วหล้าต่างรู้จักเขาเป็นอย่างดี แล้วยังมาเจอกับหญิงที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักใครผิดใครถูกกาลเวลาจะพิสูจน์ออกมาเอง ไม่พูดไม่ได้ ถึงโม่ฉีหมิงจะรู้สึกซาบซึ้งถึงความพยายามที่จะรักษาใบหน้าและขาของเขา ก็ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในการรักษาของนางเท่าไรนัก เขาหาหมอมารักษาทั่วหล้า ก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แล้วจะมาหวังกับผู้หญิงบอบบางแค่คนเดียวหรือ? “หึๆ……” สวินโม่ยิ้มเย็น ก็นึกว่าจะหลงรักนางมาก ดูไปดูมาก็แค่เฉยๆ เป็นอย่างงั้นก็ดี ท่านอ๋องอย่างไม่ถูกผู้หญิงหยำฉาปั่นหัว “หากไม่กลัวว่าจะแพ้ ก็มาเลย” โล่หวินหลานไม่ใส่ใจกับคำสบประมาทจากเขา ถึงจะรู้สึกผิดหวังกับคำพูดของโม่ฉีหมิงไปบ้าง แต่นางเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองมากเช่นกัน นางชอบใช้ความสามารถในการแสดงออกมากกว่า หันหลังกลับพลางเข็นโม่ฉีหมิงออกไป พอเข้ามาถึงในสวน สวินโม่ก็ตามมาเช่นกัน เขาจะคอยดู ว่าสตรีนางนี้จะทำอะไรกันแน่ ด้านหลังของสวน โล่หวินชี้ไปที่กระต่ายที่บาดเจ็บของนาง น้ำเสียงเหยือกเย็น “คุณชายสวิน เรามาประลองกันเถอะ ใครจะรักษาให้กระต่ายตัวนี้ลุกขึ้นได้เร็วที่สุด ท่านเห็นว่าอย่างไร?” สวินโม่จ้องมองไปที่กระต่ายที่บาดเจ็บสาหัส พลางใช้สายตาพินิจพิเคราะห์ รวมถึงรู้สึกว่าโลหวินหลานน่าสงสัยมาก คิดแล้วคิดอีก ก็พลันนั่งลง ยื่นมือไปแตะกระต่ายดูอาการ พอมองแล้ว ก็รู้สึกเสียงแปรบในใจ แต่เดิมก็รู้สึกได้ถึงกระต่ายตัวนี้หายใจรวยรินอยู่แล้ว ตอนนี้กลับปรากฏเพิ่ม กระต่ายตัวนี้ขาหักอย่างสาหัส โม่ฉีหมิงที่เห็นอาการของกระต่ายตัวนี้ อดไม่ได้จะขมวดคิ้วแน่น กระต่ายบาดเจ็บถึงขั้นนี้แล้ว จะรักษาอย่างไร? สวินโม่นิ่งเงียบใช้ความคิด ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองที่โล่หวินหลาน “กระต่ายตัวนี้บาดเจ็บสาหัสอย่สงหนัก อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือนถึงจะลุกขึ้นได้” เขาพูดถึงวิการที่ดีที่สุดที่จะรักษา เพราะเขาคิดไม่ออกว่าจะรักษาขาที่หักจนไม่สามารถต่อคืนมากลับเดิมได้อย่างไร กระต่ายที่หายใจรวยรินอยู่ เขาไม่ใช่เทพเทวดาอะไรซักหน่อย “อิๆ” โล่หวินหลานหัวเราขึ้นมาเบาๆ ไม่ปิดบังความชังหน้าสวินโม่ กระต่ายตัวนี้ข้าเก็บได้ตอนมันบาดเจ็บพอดีนางกะใช้มาทดลองในครั้งนี้ ในเมื่อสวินโม่ดูถูกนางขนาดนี้ วันนี้จะให้เขาเห็นฝีมือการแพทย์ของนางให้กระจ่าง โล่หวินหลานเดินอ้อมโมฉีหมิง เดินไปทางสวินโม่ สายตาเข้มขึ้น “ภายในหนึ่งชั่วยามข้าก็สามารถทำให้กระต่ายตัวนี้ลุกขึ้นได้แล้ว เจ้าเชื่อไหม?” สายตาอันมุ่งมั่นของนาง เย็นชา ใบหน้าที่ใหญ่เท่าแค่ฝ่ามือเล็กๆ ใบหน้าสมมาตรสวยงาม เส้นความเด็ดเดี่ยวของนางวาดฝันไปด้วยความตั้งใจ ไม่รอให้สวินโม่ตอบ โล่หวินหลานก็กลับหลังหันไปเตรียมของทันที โม่ฉีหมิงใช้สายตาสุขุมนุ่มลึกมองไล่หลังโล่หวินหลานไปไม่คลาดสายตา ท่าทางที่เชื่องช้าไม่เหมือนใครมีแต่เสน่ห์ หลังอันเล็กบางที่เต็มไปด้วยความสวยงามมั่นใจ ทำให้เขาหลงเผลอไผลไปชั่วขณะ มองเห็นโล่หวินที่เดินจากไป สวินโม่คิ้วผูกเป็นโบว์ เมื่อกี้นางพูดอะไร? หนึ่งชั่วยาม พูดจาโอ้อวดเกินไปรึป่าว? เขาจะดูว่านางหน้าแตกยังไง! ผ่านไปไม่นานโล่หวินหลานก็กลับมาพร้อมกับอุปกรณ์การรักษา เป็นอุปกรณ์ที่นางทำขึ้นเอง มีบางส่วนที่นางคิดค้นขึ้นเองกับพวกหยูกยา “นี่คืออะไร?” ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยว่านางจะสามารถทำให้กระต่ายลุกยืนขึ้นได้ในชั่วพริบตา แต่พอเห็นอุปกรณ์ประหลาดๆพวกนี้แล้ว สวินโม่ยังคงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างประหลาดใจ โม่ฉีหมิงก็มองไปที่โล่หวินหลานเหมือนกัน ในใจก็รู้อยากจะถามไม่ต่างกัน อุปกรณ์ประหลาดๆพวกนี้มันคืออะไรกันแน่? หากจะพูดว่าคือกรรไกรพวกเขายังพอรู้บ้าง แต่ที่ไหนจะไปมีกรรไกรที่เล็กขนาดนี้? ยังมีมีดเล็กใหญ่พวกนี้อีก เอาไว้ทำอะไรกันแน่? มีดอันแค่นั้นจะไปทำอะไรได้? “อุปกรณ์การผ่าตัด” โล่หวินหลานมองค้อนทั้งสอง น้ำเสียงเรียบเฉย “ผ่าตัด?” สวินโม่ถามขึ้นอย่างแปลกใจ ไม่มีเสียงเย็นอีก เป็นถึงเจ้าสำนักหวูอินโหลว เขาไม่เคยเป็นมีคำถามเยอะเท่าวันนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่รู้สึกแพ้ แต่ว่า ของพวกนี้มันก็แค่ของไม่มีประโยชน์ใช้งานไม่ได้ โมฉีหมิงยิ่นมือไปดึงมือของโล่หวินหลานไว้ เห็นหน้าหันหน้ากลับมา จึงพูดน้ำเสียงเรียบๆ “พยายามให้ดีที่สุดก็พอ แพ้ชนะไม่สำคัญ” นัยน์ตาโล่หวินหลานสั่นเครือเล็กน้อย เบะปากเล็กน้อย “ถ้าหากข้าชนะ สำหรับอาการของท่านข้าคิดว่าควบคุมได้” พูดจบ นางก็เริ่มเตรียมอุปกรณ์ตรงหน้าอย่างตั้งใจ “ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดจะฆ่ากระต่ายตัวนี้หรอกนะ?” เห็นโล่หวินที่กำลังจัดแจงวางอุปกรณ์ให้เข้าที่เข้าทาง สวินโม่ที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก็เอ่ยปากพูดประชดขึ้น โล่หวินหลานตอบ สายตาแน่วแน่ มองเบี่ยงเบาๆจากนั้นก็รีบเก็บสีหน้าทันที พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ใช่ไง ฆ่ามันแล้วเอาไปย่างกิน คุณชายสวินก็กินเยอะๆละกัน” โล่หวินหลานพูดพลางแกว่งมีดในมือไปมา กริยานี้กวนประสาทสวินโม่ไม่ใช่น้อย สวินโม่สะอึกไปกับคำพูดเมื่อครู่ของนางจนไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไร หากแต่โม่ฉีที่อยู่ข้างๆได้แต่ถูกจมูกไปมา ยิ้มอย่างมีเลศนัยมุมปาก เป็นอย่างเขาคิดไว้ บรรยากาศที่เริ่มกดดัน ถูกคำพูดนางทำลายบรรยากาศนี้ขึ้น เห็นโล่หวินหลานที่เริ่มลงมือผ่าตัด ทุกคนเริ่มเงียบเสียงเก็บเสียงหัวเราะด้วยพลัน มองไปที่โล่หวินหลานด้วยความกดดัน เวลานี้ เย่หวินได้ยกน้ำชาเข้ามา โม่ฉีปัดมือไปมา ให้นางถอยลงไป เวลานี้ ใครจะไปมีกะจิตกะใจดื่มชา? หากแต่สวินโม่ กลับรับชามาดื่มอย่าใจเย็น แววตามีความยั่วยุเบาๆ โลหวินหลานรีบเก็บสายตาโดยพลัน ไม่ไปมองคนที่ท่าทางไม่รีบร้อนใจเย็นคนนั้น เริ่มการผ่าตัดของนางอย่างตั้งใจ ถ้าเป็นคนในยุคของนาง สำหรับอาการของโม่ฉีหมิงนางมีความมั่นใจถึงร้อยละเก้าสิบว่าจะต้องหายแน่นอน แต่พอมายุคที่การแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า อึปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นก็ไม่มี เพราะฉะนั้นอุปกรณ์รวมถึงหยูกยาพวกนี้นางเป็นคนทำขึ้นเอง กำลังอยู่ในขั้นทดลอง ฆ่าเชื้อ ลงมีด ใส่ยา เย็บแผล ลื่นไหลดุจสายน้ำพริบตาเดียวก็เสร็จ เรียวนิ้วมือเล็กบางลงมืออย่างรวดเร็วพริ้วไหวอย่างเต้นระบำ สายตาแน่วแน่ตั้งใจ หน้าผากเริ่มมีเหงื่อเม็ดใสๆผุดขึ้น มือหนาแข็งแรงรีบยื่นเข้ามา ในมือถือผ้าเช็ดหน้าเช็ดเบาๆใบที่หน้าผากมน หน้าอึ้งไปเพียงครู่ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเจ้าของมือคือใคร รู้สึกใจเต้นตึกตัก นัยน์ต์ตารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที ท่าทางมีดในมือเร็วมาก แปบเดียวการผ่าตัดก็เสร็จ “การแพทย์นี้หมอหลวงโล่เป็นคนสอนเจ้า?” โม่ฉีหมิงถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตาดั่งเหยี่ยวมองไปที่นางอย่างลึกซึ้งพลางจ้องไปที่มือของนางอย่างไม่คลาดสายตา มองจากสองมือบางที่ชำนิชำนาญ ต้องไม่ใช่ว่าเคยใช้วิธีนี้ครั้งดียวในการรักษาแน่ ถึงแม้จะรู้ว่าพ่อของเขาเป็นหมอในยุคนั้น แต่การรักษาที่อันตรายนี้เข้าพึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก 
已经是最新一章了
加载中