ตอนที่ 38 คุก
ตนที่ 38 คุก
โม่ฉีสิงพูดเสียงเข้มว่า “สวินเทียน? หากข้าจำไม่ผิด สวินเทียนเป็นคนของจวนเวินอ๋องไม่ใช่หรอ” เขามองไปที่ต้วนกุ้ยเฟย สายตาของเขาไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอะไร
ต้วนกุ้ยเฟยเห็นฮ่องเต้มองมาที่นาง คิดว่ายังไงก็หนีไม่พ้นแล้ว ยังไงก็จะให้เรื่องนี้โยงไปถึงเวินอ๋องไม่ได้
ต้วนกุ้ยเฟยยิ้มแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท สวินเทียนเป็นคนในจวนหานเอ๋อจริงๆนั่นแหละ แต่ว่ามันจะสื่ออะไรได้ล่ะ?”
ฮ่องเฮามองไปที่เยนเยว่กับสวินเทียน วินาทีนั้นเขาแทบอยากจะฆ่าพวกเขาทิ้งซะ น้ำเสียงของนางไม่ค่อยดีนัก “สวินเทียน เจ้าสั่งให้เยนเยว่ไปวางยารัชทายาทงั้นหรอ?”
“ถูกต้อง ข้าเอง ข้าคือสวินเทียน” สวินเทียนตอบ
“เจ้ามีความแค้นอะไรกับรัชทายาท ทำไมถึงต้องสั่งเยนเยว่ให้มาวางยารัชทายามด้วย?” ฮ่องเฮาถามต่อ
ตอนนี้โม่ฉีหานที่กลับมาจากห้องขังก็เข้ามาเห็นเข้าพอดี เขาพอดีมาได้ยินคำพูดที่ทำให้เขาเดือดร้อนจนถึงที่สุด
“เวินอ๋องสั่งให้หม่อมฉันไปสังหารรัชทายาท” สวินเทียนพูดแบบไม่มีความรู้สึกอะไร จากนั้นไม่ว่าใครจะถามอะไรเขา เขาก็ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น
ต้วนกุ้ยเฟยยืนฟังอยู่ข้างๆ ถึงกับยืนแทบไม่อยู่ เกือบจะเป็นลมไป ยังดีที่โม่ฉีหานเข้ามาพยุงไว้พอดี
โม่ฉีสิงจ้องไปที่โม่ฉีหานที่เข้ามาพอดี สายตาของเขาเยือกเย็นมาก ต้วนกุ้ยเฟยสะบัดมือของโม่ฉีหานที่พยุงนางไว้ แล้วไปจับที่ชายเสื้อของโม่ฉีสิง
“ฝ่าบาท ไม่ใช่อย่างนั้นนะเพคะ” นางหันไปมองโม่ฉีหาน “หานเอ๋อ เจ้ารีบอธิบายกับเสด็จพ่อสิ ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น”
โม่ฉีหานไม่พูดอะไร เขารู้ว่าตอนนี้พูดอะไรไป ก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่อยากอธิบาย เพราะคิดว่ายังไงซะเรื่องนี้เขาก็หนีไม่พ้นแล้ว
ดีไม่ดีเขาอาจจะได้ชื่อว่าเป็นคนฆ่าพี่ฆ่าน้องของตัวเองก็ได้ ต่อไปหากอยากครองบัลลังก์นั้นก็ยาก ดังนั้นเพื่อแผนการระยะยาว ตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำคือ นิ่งไว้เป็นดีที่สุด
ตอนนี้โม่ฉีสิงแค่เห็นสายตาของต้วนกุ้ยเฟยเขาก็รังเกียจ เขาสะบัดชายเสื้อขึ้น จากนั้นก็ผลักต้วนกุ้ยเฟย “เจ้าสั่งสอนลูกชายของเจ้าอย่างนี้หรอ”
ต้วนกุ้ยเฟยเริ่มร้องไห้ โม่ฉีสิงไม่อยากมองหน้านาง เขาออกคำสั่งทันที “ทหาร จับตัวเวินอ๋องโม่ฉีหานกับพวกไปขังที่คุก ต้วนกุ้ยเฟยกักบริเวณในตำหนักหย่งฝูกง ไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามออกจากตตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว” พอพูดจบ เขาก็เดินไปเลย พอเดินผ่านหน้าหมิงอ๋อง เขาก็พูดกับหมิงอ๋องว่า “ในเมื่อความจริงทุกอย่างปรากฎแล้ว หมิงอ๋องเจ้าไปรับชายาของเจ้าออกมาจากคุกได้แล้ว”
หลังจากโม่ฉีสิงไปแล้ว โม่ฉีหานถูกทหารเอาตัวไป ต้วนกุ้ยเฟยเห็นลูกชายถูกจับเข้าคุก วินาทีนั้นนางสับสนมาก ไม่คิดว่าแผนการของนาง จะทำให้โม่ฮีหานถูกซ้อนแผนแบบนี้
ในตอนนี้สายตาของฮ่องเฮานั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นความแค้น “ข้าเชื่อใจเจ้า แต่เจ้ากลับทำกับข้าแบบนี้”
โม่ฉีหานถูกจับไปขังวันที่สาม โม่ฉีสิงก็ได้ข่าวมาจากในคุกหลวงว่า เยนเยว่ฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด ส่วนสวินเทียนพอได้สติก็เริ่มปฏิเสธข้อกล่าวหา
วันนั้นหลังจากสวินเทียนถูกจับมาขังก็สลบไป จนกระทั่งเยนเยว่ฆ่าตัวตาย เขาถึงได้ฟื้นขึ้นมา
เยนเยว่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ว่าโม่ฉีหมิงใช้ศพเยนเยว่ที่ตายไปก่อนหน้านี้สลับตัวกับเย่หวิน หรือก็คือในคืนที่เย่หวินกลับมา สวินเทียนก็ฟื้นขึ้นมาเผชิญหน้ากับโม่ฉีหาน
สวินเทียนจำอะไรไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจำได้แค่ว่าท่านอ๋องให้เขาไปหาเยนเยว่ แต่หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น เขาจำไม่ได้เลย
“ท่านอ๋อง ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่? ข้าน้อย ...... แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?” สวินเทียนเห็นเจ้านายของตัวเองถูกขังรวมอยู่กับเขา คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
โม่ฉีหานมองมาที่สวินเทียน เขาไม่เคยสงสัยในความพักดีของสวินเทียนเลย แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง
“สวินเทียน เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยหรอ?” โม่ฉีหานถามด้วยความสงสัย
“ท่านอ๋อง เรามาอยู่ในคุกนี่ได้ยังไง?” สวินเทียนรู้สึกว่าที่โม่ฉีหานตกอยู่ในสภาพนี้ เหมือนจะเกี่ยวกับตัวเขา
“เยนเยว่บอกว่าเจ้าเป็นคนสั่งให้นางไปสังหารรัชทายาท จากนั้นเจ้าก็ยังบอกอีกว่า ข้าเป็นคนสั่งให้ไปสังหารรัชทายาท” โม่ฉีหานพูดอย่างเรียบๆ
“ทำไมเป็นอย่างนี้?” สวินเทียนบ่นกับตัวเอง “ข้าน้อยจะทำเรื่องที่ให้ร้ายท่านอ๋องแบบนั้นได้ยังไง”
จะต้องเกิดความผิดพลาดอะไรแน่ๆ
“สวินเทียน ตอนที่เจ้าไปกาเยนเยว่เจ้าเจอใครบ้างไหม?” หรือว่ามีใครทำอะไรกับเขา
สวินเทียนส่ายหน้า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยจำอะไรไม่ได้เลย”
โม่ฉีหานยิ้มแล้วพูดกับสวินเทียนว่า “สวินเทียน พวกเรานายบ่าว คงได้ไปยมโลกเป็นเพื่อนกันแล้วล่ะ”
สวินเทียนมองไปที่เจ้านายของเขา สายตาจริงจังแล้วพูดกับเวินอ๋องว่า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยไม่มีทางให้ท่านเดือดร้อนแน่นอน ข้าน้อยติดตามท่านมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ท่านอ๋องเป็นคนที่ต้องทำการใหญ่ ข้าน้อยจะทำทุกวิถีทางให้ท่านอ๋องอยู่รอดปลอดภัย”
โม่ฉีหานฟังดูก็รู้ว่าสวินเทียนคิดจะทำอะไร สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที พวกเขาโตมาด้วยกัน แค่สวินเทียนจงรักภักดีกับเขา เขาจะทนเห็นตัวเองรอด แล้วเขาตายไปได้ยังไง
แต่ว่าสวินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เขาพูดต่อว่า “ท่านอ๋อง สวินเทียนขอลาท่านไปก่อน ต่อไปท่านอ๋องต้องระวังตัวให้มาก”
“สวินเทียน ข้าขอสั่งเจ้า ห้ามทำเรื่องโง่ๆเด็ดขาด” โม่ฉีหานพูด เขากลัวว่าเขาจะห้ามเขาไว้ไม่ได้ สวินเทียนยิ้ม “ท่านอ๋อง สวินเทียนเข้ามาที่ห้องขังที่นี่แล้ว โทษของข้าคือลอบสังหารรัชทายาท ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี แต่มันทำให้ท่านอ๋องต้องเดือดร้อน”
โม่ฉีหานสีหน้าเศร้าหมอง
สวินเทียนเห็นสภาพโม่ฉีหานในตอนนี้ รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ก็พูดต่อไปว่า “ท่านอ๋อง สวินเทียนยอมตายแทนท่าน ไม่มีอะไรควรที่จะต้องให้ท่านเสียใจเลย สวินเทียนยอมไปตายเอง ท่านอ๋องอย่าโทษตัวเองเลย”
โม่ฉีหานมองไปที่สวินเทียนอย่างเศร้า อยากจะพูดอะไร แต่ก็เอ่ยปากไม่ออก
ในเวลานี้เป็นเวลาที่โม่ฉีสิงส่งเจ้าหน้าที่ถิงเว่ยมาสอบปากคำสวินเทียน สวินเทียนเดินออกจากห้องขังไป โม่ฉีหานหันหลังให้เขา สวินเทียนหันมองไปทางโม่ฉีหานแล้วคำนับเขา
ตอนนี้หากใครก็ตามที่เห็นดวงตาของโม่ฉีหาน ก็จะเห็นว่ามันแดงจนน่าตกใจ เหมือนเลือดจะไหลออกมา นั่นคือคนสนิทของเขา เป็นเหมือนพี่น้องกับเขา เขาจงรักภักดีกับเขามาก ในโลกใบนี้คงไม่มีคนอย่างเขาอีกเป็นคนที่สองแล้ว
ถิงเว่ยจางหยีนั่งฟังเรื่องราวจากปากของสวินเทียนอย่างนิ่งๆ บ่าวไพร่ที่จงรักภักดีอย่างเขา สมควรได้รับการนับถือ หลังจากนั้น ถิงเว่ยจางหยีก็พาตัวสวินเทียนไปยังลานสอบสวน สวินเทียนคุกเข่าลง จางหยีมองเขา “สวินเทียน คดีสั่งให้เยนเยว่ไปสังหารรัชทายาทเจ้ามีอะไรจะสารภาพอีกไหม?”
สวินเทียนเงยหน้ามามองถิงเว่ย ใบหน้าของเขานิ่งเหมือนคนตาย เขาพูดกับจางหยีว่า “ไต้เท้าถิงเว่ย ข้าต้องการกลับคำในคดี”
จางหยีฟังเขาพูดแบบนี้ นี่มันคือคดีที่ฮ่องเต้ทรงตัดสินไปแล้ว มันเชื่อมโยงกับราชบุตรทั้งสามของประเทศ คิดจะกลับคำก็กลับได้หรอ
จางหยีตบโต๊ะ “สวินเทียนเจ้าบังอาจมาก เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเจ้าพูดอะไรออกมา? เจ้าสารภาพผิดต่อหน้าฝ่าบาทไปแล้ว ตอนนี้เจ้าคิดจะกลับคำอีกหรอ?”
“เรียนไต้เท้าถิงเว่ย การสังหารรัชทายาทเป็นความคิดของสวินเทียนคนเดียว ไม่เกี่ยวกับเวินอ๋อง ข้าวางแผนวางยารัชทายาท เยนเยว่ก็ยืนยันแล้วนี่นา ก่อนหน้านี้เพื่อหนีความผิด ก็เลยใส่ความเวินอ๋อง เวินอ๋องไม่เคยยุ่งเรื่องการเมืองเลย เรื่องแบบนี้ท่านจะทำได้ยังไงกัน”
“แล้วเจ้าจะสังหารรัชทายาททำไม?” จางหยีถาม
“สามปีก่อนรัชทายาทเคยออกเดินทางไปข้างนอกครั้งหนึ่ง ทหารที่ติดตามเขาทำร้ายท่านยายที่อยู่กับข้าคนหนึ่ง ท่านยายอายุมากแล้ว จะทนให้เขาทุบตีได้ยังไงกัน นางทนเจ็บไม่ไหวตายไป ข้าเคยไปตามหาทหารที่ททำร้ายท่านยาย แต่คิดไม่ถึงว่าข้าจะไม่พบตัวเขา ก็เลยหันไปแค้นรัชทายาทแทน ความแค้นนี้สะสมมาเรื่อยๆ ยิ่งนานยิ่งลึกขึ้น ก็เลยคิดจะฆ่าเขา”
จางหยีมองไปที่คำให้การของสวินเทียน เขามองยังไงก็ไม่อยากจะเชื่อ “ข้าจะเชื่อได้ยังไงว่าคำพูดที่เจ้าพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง?”
สวินเทียนฟังที่ถิงเว่ยพูดมา เขาก็ลุกขึ้นยืน “สวินเทียนวางยาพิษรัชทายาท คือโทษตาย ให้ร้ายเวินอ๋อง คือโทษตาย หลอกลวงเบื้องสูง ก็คือโทษตาย ไต้เท้า สิ่งที่สวินเทียนทำลงไปมีแต่โทษตาย” พูดจบ เขาก็ชิงเอาดายของทหารคนหนึ่งมาปาดคอตัวเองตาย
โม่ฉีหานมองผ่านช่องกำแพงคุก มองไปที่พระจันทร์ เขารู้ว่า ตอนนี้สวินเทียนตายแล้ว เขาปกป้องเขาจนตาย ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกหนาว ในใจเขารู้สึกหนาวมาก ในตอนนี้เอง เขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“ท่านอ๋องดูอารมณ์ดีจังเลยนะ ในเวลาแบบนี้ ยังมีอารมณ์ชมจันทร์อีก เวินอ๋องก็ยังเป็นเวินอ๋องอยู่วันยังค่ำ ไม่เสียแรงที่ได้รับสมญานามว่าเวินอ๋องเป็นคนสบายๆแค่ไหน” โล่หวินหลานเดินเข้ามาในคุก แล้วยืนอยู่ด้านหลังโม่ฉีหาน
พูดแล้วก็บังเอิญเกินไป สามวันก่อน ก็อยู่ที่ตรงนี้ ห้องขังห้องนี้ คนสองคนนี้ แต่แค่ยืนอยู่คนละสถานะเท่านั้น โม่ฉีหานได้ยินโล่หวินหลานพูด เขาก็ไม่ได้สนใจนาง ยังคงเงยหน้ามองพระจันทร์อยู่
“เห้อ” โล่หวินหลานถอนหายใจ แล้วมองไปที่เขา แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า “ท่านอ๋องไม่รู้สึกหนาวใจบ้างหรอ?”
“พระชายาหากเจ้ามาเพื่อเยาะเย้ยข้า ท่านก็กลับไปได้แล้ว ข้ากับท่าน ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก” สวินเทียนเพิ่งตายไป ตอนนี้เข้าไม่มีอารมณ์จะมารับมือกับการเหน็บแหนมของนาง
แต่ว่าโล่หวินหลานจะให้เขาได้ใจได้ยังไง “ท่านอ๋องได้ยินหรือยังว่าสวินเทียนตายแล้ว?”
ในใจของเขากำลังคิดเรื่องนี้อยู่ โม่ฉีหานได้ยินโล่หวินหลานยืนยันว่าสวินเทียนตายแล้ว ตัวเขาก็สั่น นางพูดว่า “ท่านอ๋องอยากรู้ไหมว่าเขาสารภาพอะไรออกมาบ้าง?”
โม่ฉีหานได้ยินดังนั้น ก็หันกลับมามองนาง แต่ไม่ได้พูดอะไร เหมือนรอให้นางพูดต่อไป
“สวินเทียนมีท่านยายคนหนึ่ง ตายไปเมื่อสามปีก่อนหรอ? เท่าที่ข้ารู้มา สวินเทียนเป็นเด็กกำพร้านะ” โล่หวินหลานพูดจบ ก็เอานาฬิกาแขวนของตัวเองมาเล่น
โม่ฉีหานเหมือนอยากจะพูดอะไร โล่หวินหลานก็พูดขึ้นมาว่า “เจ้าเจ็บปวดใจเพราะเสียสวินเทียนไป แล้วทำไมถึงยังได้ลงมือกับญาติพี่น้องตัวเองได้ลงคอแบบนี้ล่ะ?”
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายความว่ายังไง?” โม่ฉีหานเริ่มโมโห
โล่หวินหลานก็ไม่ได้สนใจเขา แล้วพูดต่อว่า “จะว่าไป ข้ายังต้องขอบคุณท่านที่ช่วยกำจัดญาติสนิทพวกนั้นของข้า หากเป็นตัวข้าเอง คงไม่กล้าลงมือทำอะไร”
โม่ฉีหานยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “กับคนที่กล้าขอบคุณคนที่ฆ่าญาติของตัวเองได้ลงคอ ก็อาจจะมีเพียงผู้หญิงอย่างเจ้าแล้วล่ะโล่หวินหลาน เจ้ามันเลือดเย็น”
โล่หวินหลานยิ้ม “หึ หากเทียบกับเวินอ๋องแล้ว โล่หวินหลานยังห่างชั้นกับท่านมาก คืนนี้อีกยาวไกล หวินหลานไม่รบกวนท่านอ๋องชมจันทร์แล้วดีกว่า”
เมื่อประตูห้องขังเปิดและปิดลง โม่ฉีหานก็ได้ยินเสียงพูดว่า “ท่านอ๋องรู้หรือเปล่าว่าตัวเองจะต้องอยู่ในห้องขังนี่อีกนานแค่ไหนกัน?”
โม่ฉีหานนั่งลงบนฟางหญ้าที่พื้น