ตอนที่ 50 หัวใจ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 50 หัวใจ
ต๭นที่ 50 หัวใจ กลางดึก แสงไฟภายในห้องส่องสว่าง ถึงแม้ไฟจะสว่างอยู่แต่ว่าในใจของโล่หวินหลานกลับหนาวเย็น ในหัวของนางตอนนี้มันมีแต่สายตาที่เลือดเย็นของโม่ฉีหมิง เหมือนชีวิตของทุกคนอยู่ในกำมือของเขา เขาอยากจะฆ่าก็ฆ่า ความรู้เหน็บหนาวนี้มันไม่รู้มาจากไหน เสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงของเย่หวินดังลอยมา “พระชายา?” “เข้ามา” โล่หวินหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ นางปล่อยให้สมองของนางโล่ง เมื่อพูดจบ ประตูก็เปิดขึ้นมา เย่หวินยกผ้ากับยาผสมเหล้าเข้ามา วางบนโต๊ะแล้วก็พูดว่า “พระชายา ท่านอ๋องสั่งให้ข้ามาทายาให้ท่าน เมื่อกี้ท่านอ๋องหายโกรธบ้างแล้วก็กลับไปยังห้องหนังสือแต่ก็ยังไม่ลืมว่าท่านบาดเจ็บเลย ท่านอ๋องเป็นห่วงท่านมากจริงๆนะ” ขวดสีขาวตั้งอยู่ตรงนั้น ด้านข้างเป็นผ้าสำลี โล่หวินหลานเหลือบไปมอง นางนอนขี้เกียจอยู่ที่เตียง ความรู้สึกร้อนบนใบหน้ายังไม่จางไป ตอนนี้เมื่อเห็นยา ก็เหมือนเจ็บกว่าเดิม “อืม ......” โล่หวินหลานพูด ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าบนหน้านั้นมีรอยนิ้วมือห้านิ้วอยู่ เย่หวินหยิบกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งมา นางรับกระจกมาดู ใบหน้างามๆของนางมีรอยนิ้วมือทั้งห้าอยู่บนนั้น มันเห็นได้ชัดมาก ใบหน้าด้านซ้ายมีรอบยคล้ำ เครื่องประดับบนผมหลุดลุ่ย ดูยังไงก็เหมือนผู้หญิงที่ถูกหยามเกียรติมาแล้ว นางยิ้มแห้ง สภาพนางแบบนี้ไม่แปลกที่โม่ฉีหมิงจะโกรธมากขนาดนั้น หรือว่านางไม่ควรจะสงสารชีวิตพวกนั้นจริงๆ ปล่อยคนอื่นไป พวกเขาก็จะทำให้นางถึงที่ตาย พวกเขาไม่ปล่อยนางไปแน่ แล้วจะไปคาดหวังให้คนอื่นปล่อยพวกเขาไปได้ยังไงกัน? คุณค่าของชีวิตมีค่าเท่าเทียมกัน แล้วทำไมนางจะต้องยอมรับความเจ็บปวดด้วย? เย่หวินนำสำลีชุบยาผสมเหล้า แล้วเช็ดไปที่หน้าของนาง “พระชายา อย่าว่าแต่ท่านอ๋องเลย ข้าเห็นท่านในสภาพแบบนี้ยังโกรธเลย ท่านอ๋องเป็นห่วงท่านมากถึงได้ทำแบบนั้น” เย่หวินพูดไปด้วยทายาไปด้วย นางเห็นว่าโล่หวินหลานสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนก็เลยพูดว่า “สองวันมานี่ท่านอ๋องสั่งให้ข้าตามคุ้มครองท่านตลอด แต่ว่าวันนี้มีเงาดำมาล่อเราออกไป ข้าตามมันไปสุดท้ายถึงได้คิดได้ว่ามีคนตั้งใจล่อข้าให้ตามเขาไป แม้แต่พ่อบ้านที่ไปรับท่านก็เจอเรื่องแบบนี้เช่นเดียวกัน ข้าก็เลยรีบกลับมารายงานท่านอ๋องที่จวน” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่หวินก็หยุด แล้วมองไปที่สีหน้าของนาง “พระชายา ท่านอย่าหาว่าข้าพูดมากเลย ท่านอ๋องจริงใจกับท่านจริงๆนะ” หลังจากที่ทายาเสร็จแล้ว เย่หวินก็ตรวจสอบอีกว่าบนตัวนางยังมีแผลที่ไหนอีกหรือเปล่า เมื่อไม่เห็นว่ามีก็เบาใจ สีหน้าของโล่หวินหลานไม่ได้เปลี่ยนไป เย่หวินไม่รู้ว่านางควรพูดเรื่องพวกนี้หรือเปล่า แต่ว่านางไม่อาจเห็นทั้งสองคนทำสงครามเย็นอย่างนี้ต่อไปอีก ทั้งสองคนรักกัน แต่กลับไม่ยอมถอยให้กันเลย เย่หวินกำลังคิดว่าหรือควรบอกเรื่องกำไลของโม่ฉีซิวให้นางรู้ดี นางพลิกตัว แล้วพูดว่า “เย่หวิน เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว” เย่หวินพยักหน้า แล้วออกไป คืนนี้ลมพัดแรงมาก โล่หวินหลานนอนลงกับหมอน ม้วนผ้าห่มขึ้น เหมือนกับงูตัวหนึ่ง ทันใดนั้นเองเสียงร้องเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้น หลายวันมานี่มีวันนี้นี่แหละที่อากาศเย็นสบาย ไม่นาน ฝนก็ตกลงมา เสียงฝันสาดดังมาจากด้านนอก โล่หวินหลานพลิกตัวไปมา นางนึกถึงคืนที่ฝนตกเหมือนวันนี้ วันนั้นคนที่เย็นชาคนนั้นโอบกอดนางสัมผัสริมฝีปากของนาง ...... บอกกับนางว่าอย่าไป ....... นางลุกขึ้นนั่ง บนหน้าผากเหงื่อออกเยอะมาก นางลุกขึ้นมาแล้วปิดหน้าต่าง แต่ว่าบนโต๊ะถูกฝนสาดแล้ว นางหยิบร่มออกจากห้องไป ลมพัดชายกระโปรงของนาง ฝนสาดลงมาที่ร่ม “พระชายา ฝนตกหนักขนาดนี้ท่านออกมาทำไม? เดี๋ยวข้าน้อยไปหยิบเสื้อคลุมให้ท่านดีไหม?” สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาหานาง นางรู้สึกตกใจที่เห็นโล่หวินหลานออกมา โล่หวินหลานส่ายหน้า กำลังจะเดินผ่านนางไป ก็หันกลับมาเรียกนางเอาไว้แล้วถามว่า “เห้อ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ไหน?” “ทูลพระชายา ตอนนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องหนังสือ” สาวใช้ก้มหน้าแล้วตอบ นางโบกมือ ไม่ได้พูดอะไรต่อ กางร่มแล้วเดินไป เมื่อนางไปถึงหน้าห้องหนังสือ ฝนก็สาดเต็มเสื้อไปหมดแล้ว นางยื่นมือจะไปเคาะประตู แต่พอนางยกมือขึ้นก็หยุดค้างอยู่กลางอากาศ แล้วก็วางมือลง ภายในห้องสว่าง นางกัดปาก ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากจะถอยหลังกลับ นางลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับไป สายตาที่แหลมคมจ้องมองเงาที่หน้าประตูที่เดินไปเดินมาอยู่หลายรอบ แล้วสุดท้ายก็เห็นนางค่อยๆหายไป คนที่อยู่ข้างในเห็นทุกอย่างชัดเจน “ท่านอ๋อง พระชายาไปแล้ว ทำไมท่านไม่ออกไปหานางล่ะ?” ฉินหยิ่นไม่เข้าใจ ทั้งสองคนทำสงครามเย็นกัน พวกเขาเองก็ไม่สบายใจ ยากนักกว่าพระชายาจะมาที่นี่ ไม่แน่นางอาจจะยอมถอยแล้วก็ได้ แต่ว่าทำไมท่านอ๋องถึงได้ปล่อยให้นางกลับไปล่ะ? ฉินหยิ่นจะเข้าใจได้ยังไง? เขาจ้องไปที่ประตู เขาอยากจะออกไปมาก แต่ว่าถ้าเขาออกไปแล้ว โล่หวินหลานจะพูดอะไรกับเขา? ครั้งนี้คืนนี้กันไปแล้ว ครั้งต่อไปเจอเรื่องอย่างนี้อีกก็ต้องมาสงครามเย็นกันอีกหรอ เขาต้องการความรู้สึกที่จับต้องได้ เรื่องของโม่ฉีซิวในคืนวันนั้นทำให้พวกเขามีปัญหากัน หากว่าโล่หวินหลานไม่เข้าใจ ต่อให้นางยอมถอยก็ไม่มีประโยชน์ โม่ฉีหมิงเก็บสายตากลับมาแล้วพูดว่า “คนในคุกสารภาพคนที่อยู่เบื้องหลังหรือยัง?” ฉินหยิ่นรู้ว่าเขาถามคนถึงคนที่ทำร้ายโล่หวินหลานในคืนนี้ เขาพูดว่า “ยัง แต่ว่าเราสืบได้ว่าตระกูลของคนนั้นมาจากเหลียนปิน เขาแทะโลมสะใภ้ในบ้านก็เลยถูกไล่ออกจากบ้าน จากนั้นเขาก็เดินทางมาที่เมืองหลวง ได้พบกับกลุ่มชาวยุทธกลุ่มหนึ่งโดยบังเอิญ ก็เลยคอยรับใช้พวกเขา เขาสังหารหญิงสาวไปมากกว่าสิบคนแล้ว ขุนนางท้องที่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้” โม่ฉีหมิงพยักหน้า แล้วพูดว่า “สอบสวนมันต่อไป จะต้องให้มันคายออกมาให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง” พูดจบ นอกประตูก็มีเงาโผล่มา แล้วก็เข้ามาในห้อง ชายคนนั้นคำนับโม่ฉีหมิง แล้วพูดว่า “คำนับท่านอ๋อง ข้าน้อยเฝ้ายามไม่ดี คนที่อยู่ในคุกฆ่าตัวตายแล้ว” ฆ่าตัวตาย? เขาไม่ใช่นักฆ่าเดนตาย ในปากไม่มียาพิษ หกไม่ได้ถูกทรมานทนพิษบาดแผลไม่ไหว แสดงว่าเบื้องหลังของเขาจะต้องเป็นคนมีอำนาจมากจนเขาไม่กล้าพูด “ฆ่าตัวตายยังไง?” โม่ฉีหมิงถามด้วยสายตาอันตราย “ฉวยโอกาสที่คนอื่นไม่ทันระวัง เอาหัวชนกำแพงตายทันที” “เย่เฟิง เจ้าไปสืบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครกัน ไม่ว่ายังไงก็ตาม จะต้องสืบจนรู้ให้ได้” โม่ฉีหมิงพูด เย่เฟิงรับคำสั่ง แล้วถามเขาว่ามีอะไรจะสั่งอีกไหม จากนั้นก็ถอยกลับไป หลังจากที่สั่งงานเย่เฟิงไปแล้ว โม่ฉีหมิงก็หยิบปิ่นหยกขาวลายดอกบัวบนโต๊ะขึ้นมาเล่น ด้านนอกแกะสลักเป็นลวดลายของดอกบัว เรียบง่ายแต่สวยงาม สายตาของเขาเป็นประกาย เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับ เช้าวันต่อมาโล่หวินหลานตื่นขึ้นมาแต่เช้า คนในจวนอ๋องค่อยๆตื่นขึ้นมา ภายนอกเรือนยังมีน้ำค้างตกอยู่ โล่หวินหลานหยิบกล่องยาแล้วก็เดินออกไปหน้าประตูจวน ถนนในตอนเช้ามันเงียบมาก กลิ่นดินยังคงแตะจมูกอยู่ มีลมพัดมาเป็นระยะๆ “พระชายา ทำไมท่านถึงได้ตื่นเช้าแบบนี้ล่ะ? ท่านคลุมเสื้อหน่อยเถอะ กำลังจะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว อากาศเย็น” ไม่รู้ว่าเย่หวินมาข้างตัวนางตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไม่ทันได้สติ บนไหล่ก็มีเสื้อคลุมสีขาวคลุมไว้แล้ว “ขอบใจนะ” โล่หวินหลานผูกเชือกด้วยตัวเอง “พระชายาอย่าพูดแบบนี้ ข้าน้อยรับไม่ไหว” เย่หวินรีบพูด สมัยโบราณ แบ่งชนชั้นชัดเจน นางเป็นเพียงสาวใช้เล็กๆคนหนึ่ง จะรับคำขอบคุณจากโล่หวินหลานได้ยังไง? ทั้งสองยืนอยู่พักหนึ่ง พ่อบ้านก็เอารถม้ามาจอดที่หน้าประตูจวน เย่หวินพยุงนางขึ้นรถม้าไป ตัวเองก็นั่งข้างๆพ่อบ้าน “เย่หวิน เจ้าขึ้นมาทำไม? ลงไปเดี๋ยวนี้ ข้าไปคนเดียวได้ เกิดเจ้าติดฝีดาษขึ้นมาจะทำยังไง?” โล่หวินหลานเปิดผ้าม่านออก แล้วไล่นางลงไป เย่หวินจะกล้าลงไปได้ยังไง ตั้งแต่ที่โล่หวินหลานเกือบจะเกิดเรื่องเมื่อคืน โม่ฉีหมิงก็สั่งให้นางอยู่คุ้มครองนางไม่ให้ห่างไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว “พระชายา ฝีดาษของท่านหลินอ๋องก็เกือบหายแล้ว ข้าฝึกวรยุทธตั้งแต่เด็ก มีกำลังภายในคุ้มกายอยู่ ไม่มีอะไรหรอก” เย่หวินยิ้ม ไม่เคยมีใครห่วงนางแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่หมิงอ๋องช่วยชีวิตนางไว้ นางก็สาบานว่าจะติดตามรับใช้หมิงอ๋องจนตาย แต่ว่าความเป็นห่วงของโล่หวินหลานในวันนี้ ทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งใจกับพระชายาท่านอ๋องคนนี้มากขึ้นไปอีก โล่หวินหลานยิ้มอย่างจนใจ คนโบราณเอะอะอะไรก็ใช้กำลังภายในมาอ้าง คิดว่ามีกำลังภายในแล้วจะไม่เป็นอะไรเลยหรือไง? ตลอดทางจนถึงหน้าประตูจวนหลินอ๋อง พวกนางได้ยินเสียงยินดีมาแต่ไกล สาวใช้ยังไม่ได้สวมชุดต้านเชื้อ เมื่อเห็นรถม้าของโล่หวินหลานมาถึง ก็รีบเดินมาต้อนรับ แล้วพูดว่า “พระชายาหมิงอ๋อง ท่านมาแล้วหรอ ท่านอ๋องฟื้นแล้วเพคะ” ตามหลักแล้วก็น่าจะฟื้นวันนี้แหละ นางพยักหน้า แล้วก็เดินเข้าไป ต้วนกุ้ยเฟยนั่งอยู่ริมเตียง กำลังป้อนกลูโคสให้กับโม่ฉีมู่ ดูเหมือนภาพแม่ลูกผูกพันกันมาก “พระมารดา หลายวันมานี่ลำบากท่านแล้ว ตอนที่ลูกป่วยต้องให้ท่านมาดูแลข้าแบบนี้” โม่ฉีมู่ก้มหน้าพูด ต้วนกุ้ยเฟยหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปากให้เขา “ขอบคุณอะไรกัน? เด็กโง่พูดอะไรแบบนี้ หลายวันมานี่ชายาหมิงอ๋องเป็นคนรักษาเจ้า หากไม่มีนาง เจ้าคงไม่หาย” นางเป็นคนเข้าใจโลก รู้ว่าต้องบอกเรื่องที่โล่หวินหลานรักษาโรคให้เขารู้เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโม่ฉีหมิง สีหน้าของโม่ฉีมู่ตกใจแบบปิดไม่มิด โล่หวินหลานมารักษาเขาหรอ? ยังไม่ทันได้พูดอะไร โล่หวินหลานก็เดินเข้ามา วางกล่องยาแล้วพูดว่า “รักษาโรคช่วยคนเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว แต่บางคนเกิดมาคิดแต่จะทำร้ายคนอื่น บาปกรรมที่ทำไว้ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะชดใช้หมดหรือเปล่า” คำพูดของนางยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นางไม่เพียงพูดถึงเรื่องที่เย่ฮ่องเฮาทำ แต่แอบพูดถึงเรื่องที่หลินอ๋องป่วยในครั้งนี้ด้วย มันทำให้ทั้งคู่รู้สึกทำตัวไม่ถูก 
已经是最新一章了
加载中