ตอนที่53 คุยกันต่อหน้า
1/
ตอนที่53 คุยกันต่อหน้า
ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก
(
)
已经是第一章了
ตอนที่53 คุยกันต่อหน้า
ตนที่53 คุยกันต่อหน้า โม่ฉีหมิงจับมือโล่หวินหลานจนแน่น ไม่หันหน้ากลับพลางพูด “ฉินหยิ่น เย่หวิน ต้อนรับราชทายาทดีๆ” น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย็นชาเหินห่าง น้ำเสียงเย็นๆราวกับจะทำให้บรรยากาศโดยรอบหยุดนิ่ง เขาไม่มีความรู้สึกอะไรมากมายๆ ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องอะไรก็เย็นเหยียบอย่างนี้ตลอด เพียงแค่ตอนที่จับมือโล่หวินหลาน ทุกคนจึงจะรู้สึกอบอุ่น “ราชทายาท เชิญ” เย่หวินผายมือเชิญ ต้อนรับโม่ฉีซิวเข้าไป ทันทีที่ถึงในสวน โล่หวินหลานก็กล่าวเสียงต่ำ “จะให้เขาเข้ามาทำไม?” ยังคิดว่าไม่ยุ่งมากพอหรอ? โม่ฉีหมิงตบหลังนางเบาๆ มุมปากยกขึ้นเบาๆ “คืนสิ่งที่สมควรเป็นของเขาซะ” ที่แท้ก็จะคืนกำไรหยกแก่โม่ฉีซิวนั่นเอง โล่หวินหลานเข้าใจแล้ว ไม่สนว่าเป้าหมายเขาคืออะไร จะพูดกับเขาให้เจน ห้องโถงของจวนหมิงอ๋อง คนรับใช้คนหนึ่งกำลังชงชาให้กับทุกคน ชาที่ดื่มคือปี้โหล่วชุน ใบชาที่หงิกงอถูกน้ำร้อนราดเทลงไป ต่างคลี่ใบขยายสวยงามจับจิต ค่อยๆลอยขึ้นมาบนแก้วน้ำชาสีขาว เพียงไม่นาน กลิ่นชาหอมอ่อนๆก็ลอยมาแตะจมูกเบาๆ “นับว่าเป็นชาชั้นเยี่ยม ไม่ได้มาหาน้องสี่นานแล้ว ชาหอมกว่าเดิมเยอะเลย” โม่ฉีหมิวกล่าวชื่นชมไม่ขาดปาก หน้ากากที่เก็บซ้อนใบหน้าของโม่ฉีหมิงไว้ทำให้ดูไม่ออกว่าเขารู้สึกอะไรอยู่ เขาหัวเราะเย็นๆเบาๆ แม้แต่นัยน์ตายังแสดงออกมาความแข็งแกร่ง “ราชทายาท ท่านเหมือนลืมไปว่า ถ้าพูดถึงชา ชาที่จวนท่านถือว่ารสเยี่ยมหลายวันก่อนที่เฉลิมฉลองบ้านไต้เท้าหานไท่โสว่ค้นเจอเงินทองในคลังสมบัติ ก็มีชาชั้นเลิศที่ท่านพ่อยกให้ท่านเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าจะเจอในจวนของเขา” พอพูดออกไป โม่ฉีซิวก็เปลี่ยนสีหน้าทันที รีบเก็บสีหน้ากังวลลนลาน ตอนนั้นเขาทำอย่างนี้เพื่ออยากรวบรวมอำนาจ ผูกมิตรไมตรีกับแคว้นรอบข้าง พลางแอบตีสนิท ชิ่งเฉิงไท่โสว่ชอบดื่มชา พลางนำชาที่ได้จากแคว้นหลิงมอบให้กับเขา ใครจะไปรู้ว่า ไม่กี่วันที่มอบให้ไป ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำเรื่องจนโดนจับได้ว่ารับสินบน ค้นตรวจสำเนาเงิน ใบชาพวกนั้นดันวางไว้ที่ๆสังเกตเห็นง่าย หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นโม่ฉีซิวก็ได้ไปตรวจการเรื่องนี้ ตรวจไม่พบ ถึงเรื่องนี้จะผ่านไปนานแล้ว แต่ก็เป็นเหมือนก้างติดคอเขาอยู่ตอนนี้ ถึงแม้จะผ่านไปครู่เดียว กผ้รีบกลับสู่สภาวะปกติ เขาก็ไปที่โล่หวินหลาน สายตานางไม่ได้อยู่ที่เขา แต่กลับจ้องไปที่โม่ฉีหมิงตลอดเวลา เขาไม่เข้าใจ โม่ฉีหมิงก็พิการมีอะไรดีนัก? เขาเป็นถึงรัชทายาท อนาคตเจียงซานต้องเป็นของเขาทั้งหมดอยู่แล้ว อยู่กับเขา อนาคตมีแต่สมบัติรออยู่ข้างหน้า เขาเอามือกอดอกสองข้างแน่น พยายามทำให้ตัวเองเป็นปกติที่สุด “น้องสี่เจ้าก็ล้อเล่นไป ชาในจวนข้าจะไปหอมสู้ชาในจวนเจ้าได้ยังไง ไม่เพียงแค่ชา รวมถึงคนก็หอม……” เจาตั้งใจเน้นคำว่าคน สายตาก็มองไปที่โล่หวินหลาน ในคำคำพูดแฝงได้ด้วยความยุแยงให้แตกคอกัน สายตาเย็นชาของโม่ฉีหมิงซักพักก็หันไปมองทางเขา กำมือแน่น ใบหน้ามีความตึงเครียด จนเส้นเลือดปูด โกรธจนสั่นไปทั้งตัว โล่หวินหลานรีบจังมือเขาเบาๆ แล้วคลายมือที่กำแน่นออก “ท่านอ๋อง ของที่ท่านอยากได้” เสียงของพ่อบ้านดังมาจากข้างหลัง มือของเขาถือกล่องใบหนึ่งวางบนโต๊ะ “เอาให้รัชทายาท” โมฉีหมิงเสียงเย็น พ่อบ้านรีบยื่นให้รัชทายาท เปิดกล่องวางไว้ต่อหน้าเขา “หวินหลาน เจ้าไม่ชอบของที่ข้าให้หรือ?” โล่หวินหลานเม้มปากส่ายหน้า มองหน้านางพลางถาม “เทียบกับกำไรหยกชิ้นนี้แล้ว ข้าชอบปิ่นหยกมากกว่า ของอันนี้ท่านนำกลับคืนไปเถอะ” บนผมของนางมีปิ่นหยกฟู่หยงสะท้อนแสงวิบวับงามตา บาดลึกหัวใจของโม่ฉีซิว ปากเขาขยับนิดหน่อย กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ถูกโม่ฉีหมิงขัดขึ้น “รัชทายาท ครั้งก่อนที่ท่านพ่อสั่งให้เจ้าตรวจสอบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจียงซุ่ยเจ้าได้จัดการรึยัง? เมื่อเทียบกับกำไลหยกชิ้นนี้ ประชาชนสำคัญกว่านัก!” โม่ฉีหมิงแสยะยิ้มขึ้น ตั้งแต่โม่ฉีซิวหายก็ถูกจัดไปประจำการดูแลชางสิงเจียงปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ เป็นปัญหาเดียวในตอนนี้ ไม่เพียงแต่เขา ยังมีพี่น้องหลายคนช่วยเหลือเขา ปัญหาชางสิงเจียงน้ำท่วมในครั้งนี้พวกเขาช่วยกันระดมความคิด เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะพยายามให้สุดความสามารถเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำให้ได้ “ก็จริง งั้นข้าไปก่อนล่ะ” โม่ฉีซิวลุกขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย มุมปากยังมียิ้มอยู่บ้าง ขาที่กำลังก้าวออกจากห้องโถง โล่หวินหลานเตือนขึ้น “รัชทายาท ท่านลืมของของท่าน”พูดพลาง รีบให้คนรับใช้ส่งไปให้เขา โม่ฉีซิวที่กำลังยิ้มอยู่หุบยิ้มทันที รับกล่องนั้นมา เดินไม่หันหลังกลับอีก ท้องฟ้าข้างนอกสีฟ้าครามสดใส เท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างหนักอึ้ง ในมือกำกล่องในมือแน่น ในนั้นมีหยกสลักรูป นกฟีนิกส์นอนแน่นิ่งอยู่ในกล่อง สายตาของมีความเย็นชา มืออันสั่นเทาเอื้อมไปหยิกกำไลหยก หยิบขึ้นมาดูตรงหน้า ส่งกับพระอาทิตย์พลางยิ้มประชด ทันใดนั้น มือใหญ่ใช้แรงบีบ เศษหยกตกลงพื้นอย่างรุนแรง “ซึพา” หยกก็แหลกละเอียดคามือ ทั้งสองอยากแสดงความรักต่อหน้าเขาให้เขาถอยออกไป ดูถูกคนอย่างโม่ ซิงเกินไปแล้ว ของที่เขาอยากได้ เขาไม่เคยไม่มาครอบครอง โล่หวินหลาน นางต้องอยู่ในกำมือเขาให้ได้ สาวเท้ายาวออกจากจวนหมิงอ๋องไป พ่อบ้านส่งแขกอย่างยินดี เดินออกทางประตูผ่านที่นั่งหินสีเขียวทางเล็ก หมุนตัวพลันก็ถึงทางยาวแล้ว ผู้คนมากหน้าหลายตาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก เสียงเรียกขานของพ่อค้าแม่ค้าดังทั่วตลาด ไหล่ตกกระทบผ่านกันไปมา พอเห็นว่าเดินชนใครก็จำเป็นต้องโค้งคำนับขอโทษ โค้งคำนับอยู่หลายครั้ง จนต้องรอให้โม่ฉีซิวบอกว่าไม่เป็นไรถึงจะยอมจากไป “ใช้เหล้าแก้เครียดยิ่งเครียด ชักดาบออกจากน้ำน้ำยิ่งไหล……” ตรอกซอยร้านสุราในนี้ยังคงขับขานกลอนบทนี้ให้ฟังอยู่ตลอด ซอยนี้โม่ฉีซิวเคยมา เป็นโรงละครที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจิงเฉิงก็ว่าได้ โม่ฉีซิวเดินเข้าไปในนั้น ยังไม่ทันเดินเข้าด้านใน ก็มีเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังออกมาจากข้างหลัง เสียงร้องไห้กระซิกๆสะอึกสะอื้น เสียงนี้เดิมทีก็ได้ทำให้ผู้คนสนใจ หากตั้งใจฟังสักนิด เหมือนเสียงร้องของคนที่เดียว “พี่ชาย พี่ชาย ท่านได้โปรดช่วยแม่ของข้าได้ แม่ข้ากำลังป่วย ได้โปรดให้เงินข้าสักนิด จะให้ข้าเป็นวัวเป็นม้าข้าก็ยอม……” “หวินหลาน……” โม่ฉีซิวพึมพำชื่อนี้ขึ้น หาต้นตอของเสียง ตอนที่กำลังเดินถึง ผู้หญิงคนนั้นก็มีผู้คนล้อมรอบกาย ทั้งเนื้อทั้งตัวนางใส่เสื้อผ้ามอมแมม น่าค้นหายิ่งนัก ดวงตากลมโตคู่นั้นสุกสะกาวสดใส “แม่นาง ข้าไม่ให้เจ้าเป็นวัวเป็นม้า ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้ามาปรนนิบัติข้า ข้าให้เงินช่วยชีวิตแม่เจ้าดีไหม?” มีเสียงหนึ่งที่เสียงดังหยาบคายดังขึ้น พลางยื่นมือไปลูบคลำใบหน้าของนาง นางหันหน้าหลบ ถอยหลังยืนชิดกำแพง นัยน์ตามีแต่ความหวาดกลัว ดูๆแล้วยิ่งทำให้คนเอนดูมากขึ้น ขณะที่ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นจะแตะโดนตัวนาง หญิงผู้นั้นก็เตะเข้ากลางเป้าของชายฉกรรจ์ ขณะที่ชายฉกรรจ์คนนั้นล้มลงก็มีเสียงดังโหยหวนขึ้น “ช่วยด้วย! ขออภัย!” กลุ่มคนที่รายล้อมอยู่ไม่มีใครได้ทันเห็นฉากนั้น ก็ต่างนึกว่าชายฉกรรจ์คนนั้นลวนลามผู้หญิง ทุกคนต่างรีบมุงดูอย่างสนใจ “แม่เขากำลังป่วย ก็ทุกข์มากพออยู่แล้ว ทำไมยังจะรังแกคนอื่นอีก? “ข้าก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อยู่ไม่ได้แล้วเพราะว่าต้องการเงินไปรักษาแม่ เจ้าทำไมเป็นคนอย่างนี้?” ทุกคนต่างชี้กล่าวโทษชายฉกรรจ์คนนั้น ชายฉกรรจ์ผู้นั้นเจ็บปวดจนล้มลงดิ้นกับพื้นอย่างเจ็บปวด แค่อธิบายยังไม่มีโอกาส ก็ถูกต่อว่าด่าทอ โม่ฉีซิวที่อยู่ไกลๆมองเห็นทุกกริยาท่าทางทั้งหมดของนาง มือลูบคางเบาๆ สายตาเย็นชาจ้องเหตุการณ์ข้างหน้าอย่างจดจ่อ “ทำไมข้าโชคร้ายอย่างนี้! ท่านแม่ป่วยก็แล้ว ยังจะถูกคนอื่นลวนลาม…… ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว……” ผู้หญิงคนนั้นร้องห่มร้องไห้ ทั้งตัวแทบโถมเข้าชนกำแพง ทุกคนช่วยกันดึงผู้หญิงคนนั้นไว้ทันที ปลอบนาง “ยังอ่อนยังสาวทำไมคิดจะอยากตายขึ้นมาล่ะ! ช่างน่าสงสารจริงๆ!” พูดพลางล้วงเงินออกจากแขนเสื้อ ต่างหยิบยื่นใส่มือนาง คนอื่นเห็นอย่างนั้น ก็ต่างหยิบเงินจากที่เอวบ้าง เสื้อบ้างออกมา ผู้หญิงคนนั้นรับเงินมา รีบยัดใส่แขนเสื้อแบไม่ทัน ทั้งโค้งคำนับทั้งขอบคุณคนที่ให้เงินกับนาง พอทุกคนต่างทยอยเดินจากไป นางเดินไปหามุมๆหนึ่งนับเหรียญอย่างไว กำเหรียญใส่ที่หน้าอก ถอนหายใจเบาๆหนึ่งที “ยังห่างกันไกล! เมื่อไหร่จะเก็บเงินพอรักษาท่านแม่ได้เนี่ย?” เสียงของผู้หญิงคนนี้พูดขึ้นอย่างเนือยๆ “เจ้าอยากได้เงินใช่ไหม?” เสียงแหบพร่าของโม่ฉีซิวลอดให้หด้ยินมาแต่ไกล ผุ้หญิงคนนี้ตกตะลึง เขาเดินมาข้างหน้านางแล้ว “ข้าสามารถช่วยให้เจ้ารักษาแม่เจ้าให้หายได้ ทั้งยังจะให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบาย มีชีวิตที่ดี” ผู้หญิงคนนี้รู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่ดีๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาใกล้ เขามีกลิ่นไอของผู้ดีทั้งตัว ทำให้คนหยุดมองไม่ได้เลย “เจ้า ทำไมถึงช่วยข้าล่ะ?” โม่ฉีซิวหัวเราะอย่างเลศนัย “เจ้ากล้า ฉลาด ข้าต้องการคนแบบเจ้า” ผู้หญิงคนนี้จ้องโม่ฉีซิวด้วยความตกตะลึง สายตาพิฆาตยิ้มอย่างมีเลศนัย ตอนเดินเข้าใกล้นาง ในตัวมีกลิ่นหอมอ่อนๆโชยออกมา ยังไม่ทันรู้สึกตัว เขาก็ปลดเงินถุงหนึ่งออกจากเอวมายื่นให้นาง “เงินพวกนี้เจ้ารับไว้ก่อน ช่วยแม่หาเก่งๆสักคน เวลานี้ของวันพรุ่งนี้ให้เจ้าไปรอข้าที่โรงน้ำชาอวี่กั่ง” โม่ฉีซิวสั่งเสียงหนักแน่น “ได้ ข้าเคยพูดไว้ ใครก็ตามที่ช่วยข้ารักษาท่านแม่หาย เป็นวัวเป็นม้าให้เขาข้าก็ยอม คุณชาย ข้าชื่อหรูซู” ใบหน้าของหรูซูมีรอยยิ้มน้อยๆ ตากลมโตจ้องมองไปที่โม่ฉีซิว เสียงยิ่งเหมือนโล่หวินหลานมากๆ “ไปเถอะ” โม่ฉีซิวพูดพลาง มือไผล่หลังเดินจากไป ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ โถงห้องน้ำชาเงียบเชียบ โลหวินหลานนอนพิงเก้าอี้อย่างสงบพลางจ้องมองไปที่ต้นไม้สีเขียวด้านนอก มือนุ่มถูกกุมด้วยมือใหญ่ของโม่ฉีหมิงบีบนวดคลึงเบาๆ “เมื่อไหร่จะเริ่ม?” โม่ฉีหมิงถามขึ้น “หืม?” โล่หวินหลานตอบ เห็นสายตาเย็นชาที่มองมา ถึงรู้สึกตัว เขาพูดถึงเรื่องโม่ฉีซิวอยู่ จึงตอบ “นับตั้งแต่ข้าออกจากจวนหลินอ๋องครั้งแรก หรือจะพูดว่าข้ารักษาเขาหาย รู้สึกพระคุณนัก” รู้สึกเป็นพระคุณ? โม่ฉีหมิงยิ้มเย็น คนอื่นยังเป็นไปได้ นำกำไลหยกที่พระพันปีถวายให้ไปมอบให้คนอื่นเขาก็ไม่ค่อยเชื่อแล้ว หากรู้สึกขอบคุณและหลงรัก อันนี้ไม่แน่ ยิ่งถ้า เขาได้เข้าใจตัวโม่ฉีซิวมากกว่าใครๆ นับตั้งแต่วันที่เขาป่วย เขาก็ไม่ชอบรับเรื่องจากเบื้องบนมาทำแล้ว ดูท่าแล้วเขาจะจงใจไม่ช่วย แต่ไม่รู้ว่าเขาแอบไปใช้แรงไปเท่าไหร่ในการรวบรวมต้าเฉิงไว้ ดูจากเรื่องที่เกิดในครั้งนี้ โม่ฉีซิวคงไม่ยอมรามือง่ายๆ ”เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง” โม่ฉีหมิวกล่าวเสียงแหบพร่า ยื่นมือไปกุมมือเล็กไว้
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่53 คุยกันต่อหน้า
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A