ตอนที่ 89 ปิ่นหัก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 89 ปิ่นหัก
ต๭นที่89 ปิ่นหัก โล่หวินหลานจับขอบโต๊ะไว้แน่น ในใจรู้สึกโกรธมาก นางมองโม่ฉีหมิง กำแพงชั้นสุดท้ายมันถูกปะทุออกแล้ว “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรก็ผิด ไม่เชื่อใจข้าแล้ว ถ้างั้นข้าจะอธิบายไปยังไงเจ้าก็คงไม่เชื่อจริงไหม?” โล่หวินหลานมองไปที่พื้นแล้วส่ายหน้า จากนั้นก็ยื่นมือไปดึงปิ่นหยกลายดอกบัวออกมาจากศีรษะ แล้วขวางลงไปกับพื้นอย่างแรง ปิ่นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียงแตกที่ดังชัดเจนดังเข้าหูของโม่ฉีหมิง เขาจับเก้าอี้ไว้แน่น มือของเขาสั่น เขาไม่รู้ว่าหากไม่ทำแบบนี้แล้ว เขาจะทำอะไรลงไปบ้าง โล่หวินหลานเดินออกจากห้องหนังสือไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย ครั้งนี้ โม่ฉีหมิงไม่ได้รั้งนางไว้อย่างเคย แต่ปล่อยให้นางออกไปจากห้องหนังสือตามที่นางต้องการ แสงแดดภายนอกส่องทิ่มตาของนาง ลมร้อนพัดใส่หน้าของนาง นางเอามือพาดที่หน้าผากแล้วเงยหน้ามองฟ้า น้ำตาเย็นๆไหลลงมาจากตา เหมือนเป็นเพราะแดด เย่หวินยืนอยู่ข้างๆด้วยความร้อนใจ นางได้ยินว่ามีเกิดเรื่อง เหงื่อก็ออกเต็มหน้าผาก เห็นโล่หวินหลานเดินออกมาด้วยความรีบร้อน นางก็รีบเดินตามมา ครั้งนี้โล่หวินหลานไม่ได้กลับไปที่ห้อง แต่เดินออกจากประตูใหญ่ไปเลย พ่อบ้านมองโล่หวินหลานวิ่งออกนอกประตูไปด้วยอารมณ์โกรธ อีกทั้งเย่หวินที่วิ่งตามไปไม่ทัน “แม่นางเย่หวิน เมื่อวานพระชายายังดีดีอยู่เลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?” พ่อบ้านไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี ประตูเขาเป็นคนเปิด เขาเป็นคนให้พระชายาไป ท่านอ๋องรักพระชายาแค่ไหนคนในจวนรู้ดีทั้งนั้น หากท่านอ๋องถามมา เขาจะทำยังไง? “ไปแล้ว แล้วจะทำยังไงได้ล่ะ? ข้าจะไปรายงานท่านอ๋องก่อน” เย่หวินแบมือ นางเดินไปที่ห้องหนังสือเตรียมรับคำตำหนิและรับโทษเต็มที่ เห็นสีหน้าของโม่ฉีหมิงไม่ดี แต่เมื่อเขาแม้แต่รอยยิ้มก็หมดไปแล้ว พูดแค่ว่า “ไปแล้วก็ช่างเถอะ” เย่หวินถอนหายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นโม่ฉีหมิงตอบด้วยความจนใจแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาควบคุมทุกเรื่องไว้ในกำมือของเขาได้ตลอด เหมือนทุกเรื่องเป็นไปอย่างที่เขาคิดเอาไว้ทั้งหมด แต่หลังจากที่เขาได้เจอพระชายาคนนี้ มันมีหลายเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไป เหมือนทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม ไม่รู้ควรพูดยังไงดี เขากำลังคิดจะออกไปจากห้องเหลือบไปเห็นปิ่นหยกลายดอกบัวที่แตกอยู่ที่พื้น ในใจก็เขาก็เจ็บปวดขึ้นมา แล้วออกไปจากห้อง เรื่องคราวนี่รุนแรงมาก แม้แต่ปิ่นหยกลายดอกบัวของพระชายาก็แตก ภายในจวนเวินอ๋อ ภายในห้องจุดธูปหอมเอาไว้ หน้าต่างประตูปิดสนิท ตั้งแต่เขากลับมาจากส่วยซินเก๋อ ก็อยู่ในห้องนอนตลอด ไม่ได้คิดถึงเรื่องในวันนั้นอีก เขาปฏิเสธที่จะพบคนที่มาหาเขาทั้งหมด ไม่ไปประชุมเช้า ขังตัวเองไว้ในห้องคนเดียว เอาแต่ดื่มเหล้า เขาสู้อุตส่าห์ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ความเชื่อใจจากเย่เซียวหลัวมา มันเป็นแต้มต่อเดียวที่จะเอาชนะรัชทายาทได้ แต่ตอนนี้ เย่เซียวหลัวจะเอาเรื่องนี้บอกกับเย่ฮ่องเฮา เขาก็จะกลายเป็นเป้าหมายทันที คนทั่วแผ่นดินจะหัวเราะเยาะเขา ทำลายแผนการของเขาทุกอย่าง มีคนมาเคาะประตู เขามองไปที่ประตูอย่างหงุดหงิด ใครมากวนเขาอีก? “ท่านอ๋อง คุณหนูสามของตระกูลเย่ให้คนส่งของมาให้ท่าน” สาวใช้มารายงาน แต่ไม่กล้าพูดเยอะ นางรู้ว่าช่วงนี้ท่านอ๋องอารมณ์ไม่ค่อยดี นางไม่เคยเห็นท่านอ๋องเป็นแบบนี้มาก่อน เวินอ๋องกำลังดื่มเหล้าอยู่อึ้งไป เย่เซียวหลัว? นางให้คนเอาอะไรมาให้อีก? วันนี้พูดกับนางชัดเจนแล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมนางยังคงมาตื้อเขาอีก? เขาขว้างขวดเหล้าทิ้ง แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ทิ้งของให้หมด ต่อไปไม่ว่านางจะส่งอะไรมา ไม่ต้องรับอีก” สาวใช้รับคำสั่งแล้วก็ถอนออกไป คนในจวนเห็นว่านางเพิ่งมาใหม่ ก็เลยให้นางรับผิดชอบเรื่องซื้อเหล้าให้ท่านอ๋องกับรับหน้ากับของที่คุณหนูสามตระกูลเย่ส่งมา ทั้งๆที่รู้ว่าท่านอ๋องอารมณ์ไม่ดี แต่กลับให้นางรับผิดชอบงานนี้ ครั้งนี้ไม่เพียงทำให้เวินอ๋องไม่พอใจ แถมยังทำให้คุณหนูสามตระกูลเย่อีกด้วย? ก็แค่จูบนางไปเอง ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น มาตื้อเขาทำไมทุกวัน? หากเขาคิดอะไรกับนางจริง เขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้นางมา แต่ว่านางไม่ใช่โล่หวินหลาน ไม่ได้มีค่าให้เขาต้องแย่งชิง อีกทั้งเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนางด้วย แล้วทำไมเขาถึงได้จูบนางล่ะ แถมยังจูบอย่างดูดดื่มด้วย แม้แต่รัชทายาทมายังไม่รู้ตัวเลย ตอนนั้นเขาเวียนหัว สู้กับรัชทายาทได้พักหนึ่งถึงได้สติ เรื่องหลังจากนั้นก็มึน เวินอ๋องจับไปที่หัวของตัวเอง นั่นแสดงว่าเขาถูกคนวางยาแน่นอน เขาตกใจกับความคิดของตัวเขาเอง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวันนั้นเขาถึงได้ไม่มีสติ แล้วใครเป็นคนทำล่ะ? เวินอ๋องคิดไปคิดมาคนที่เป็นไปได้มากที่สุดคือโม่ฉีหมิง ถูกต้อง นอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครสามารถวางหลุมพรางได้โดยไม่ทันป้องกันตัวได้อีกแล้ว เวินอ๋องรู้สึกโกรธมาก ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงเลย? โม่ฉีหมิง ในเมื่อเจ้าทำมันออกมาได้ ก็จะต้องรับผลของมันให้ได้ เขากำหมัดแน่น แล้วทุบไปที่โต๊ะ เรื่องของตระกูลเย่มันไม่ง่ายแล้ว มันไม่ใช่แค่ใครเป็นคนวางกำดักใส่ร้ายเย่เซียวหลัวกับเวินอ๋องแล้ว เย่เซียวหลัวเห็นว่าของที่นางส่งไปถูกปฏิเสธกลับมาหมด หรือว่านี่คือการปฏิเสธความสัมพันธ์ นางโกรธมาก ลุกขึ้นแล้วก็ไปหาเวินอ๋องเลย แต่ไม่ทันได้ออกจากประตู ด้านนอกก็มีคนเดินเข้ามา เขาสวมชุดสีน้ำเงินเข้ม ดูไปแล้วองอาจไม่น้อย “น้องสาม เจ้าจะไปไหน? ท่านพ่อหาเจ้าน่ะ” เย่อวิ๋นกว่างเดินเข้ามา เขาขวางเย่เซียวหลัวที่กำลังโกรธอยู่ เมื่อเย่เซียวหลัวถูกพี่ชายคนรองของนางขวางไว้ความโกรธที่มีต่อเวินอ๋องก็หายไป เมื่อเห็นพี่ชายคนรองที่รักและเอ็นดูนนางมาตั้งแต่เล็ก ในใจของนางก็รู้สึกน้อยใจ เขาไปกอดเย่อวิ๋นกว่าง “พี่รอง ......” “เป็นอะไรไป? น้อยใจอะไรมา? ไหนใครกล้ารังแกน้องสาวของเย่อวิ๋นกว่าง? บอกพี่รองมาสิ พี่รองจะไปแก้แค้นให้เจ้าเอง” เย่อวิ๋นกว่างพูดด้วยความโกรธ พร้อมที่จะพุ่งออกจากจวนไปได้ตลอดเวลา แต่ถูกเย่เซียวหลัวห้ามไว้ มีเพียงพี่รองของนางเท่านั้นที่เลือกจะปกป้องนางโดยที่ไม่ถามอะไรเลย เย่เซียวหลัวร้องไห้ แล้วก็กอดเย่อวิ๋นกว่างไว้แน่น นางโผเข้ากอดเขา น้ำตาของนางไหลท่วมเสื้อของเขา เย่อวิ๋นกว่างตบหลังปลอบนาง “ไม่มี พี่รองดีกับข้าจังเลย ข้าแค่ซาบซึ้งใจ” นางพูดด้วยความสะอื้น เย่อวิ๋นกว่างตบหัวนางเบาๆ “เจ้าเด็กโง่” จนนางเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าอกของเย่อวิ๋นกว่าง เย่อวิ๋นกว่างรู้สึกอึ้ง เขาจับมือนางไว้แน่นแล้วเดินไปที่ห้องหนังสือ เย่กั๋วกงกำลังรอเย่เซียวหลัวอยู่ที่ห้องหนังสือ เห็นนางผมเผ้ายุ่งเหยิง จมูกแดง ก็รู้สึกสงสัย เขายังไม่ทันได้ว่าอะไรเลย ทำไมถึงร้องไห้แล้วล่ะ? เย่อวิ๋นกว่างรู้สึกแปลกๆ ยื่นมือไปโอบไหล่ของเย่เซียวหลัว เงยหน้ามองไปที่พ่อของตัวเอง “ข้าไม่วางใจน้องสาม ข้าจะอยู่ปกป้องนางที่นี่” เย่กั๋วกงใช้แส้สะบัดใส่ตัวของเขา แรงขนาดแรงเหมือนตวัดกระบี่พุ่งใส่ตัวเขา “ยังไม่ออกไปอีก?” “โอ้ย อย่าตีอย่าตี ข้าออกไปเดี๋ยวนี้แหละ” เย่อวิ๋นกว่างหลบซ้ายทีขวาที แต่ว่าหลบไม่พ้น แขนของเขามีรอยแดง แล้วรีบออกจากห้องหนังสือไป เย่สิงจือต้องยอมรับว่าเขาแก่มากแล้ว การกระทำเมื่อกี้ทำให้เขาเหนื่อยมาก ตอนนี้นั่งลงด้วยความหอบ “หลัวเอ๋อ เจ้ากับรัชทายาทเป็นยังไงบ้าง? ข้าเห็นช่วงนี้เจ้าออกไปข้างนอกบ่อย ไปกับรัชทายาทหรอ?” เย่สิงจือค่อยๆถาม แล้วยกชาขึ้นดื่ม เย่เซียวหลัวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำถามของเขา ก็คิดแล้วตอบว่า “ใช่ ไปกับรัชทายาท” เมื่อได้ยินนางตอบว่าไปกับรัชทายาท เย่กั๋วกงก็เบาใจ แสดงว่าในใจของรัชทายาทก็มีนางอยู่บ้าง ไม่งั้นคงไม่มาชวนนางถี่ขนาดนี้ เย่กั๋วกงพยักหน้าด้วยความพอใจ เขาดีใจโดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเย่เซียวหลัว เขายังไม่ทันได้พูดอะไร เย่เซียวหลัวก็รีบคำนับแล้วขอตัวออกไป “ท่านพ่อ ลูกขอตัวก่อน” เย่เซียวหลัวพูดจบ ก็ก้มหน้าแล้วออกไป เมื่อนางออกจากจวนตระกูลเย่ นางก็รู้สึกว่าจะให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ช้าเร็วก็ต้องมีคนรู้ เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะต้องทรมานไม่ได้มีแค่นางคนเดียว ยังมีท่านพ่อ ท่านแม่ของนาง ฮ่องเฮา รวมถึงรัชทายาทด้วย นางปกปิดทุกคน ทุกคนคิดว่านางกับรัชทายาทชอบพอกัน แต่ว่าไม่มีใครรู้ว่ารัชทายาทไม่เคยมาหานางเลย อีกทั้งยังเจอนางกับเวินอ๋องกำลังพรอดรักกันอยู่ ที่หน้าประตูวังหลวง เย่เซียวหลัวหยิบป้ายประจำตัวออกมา ป้ายนี้นางแอบหยิบมาตอนที่นางคุยกับพ่อของนางในห้องหนังสือ นางเช็ดเหงื่อ แล้วเดินเข้าไปในวังหลวง อากาศยามเช้าเย็นสบายมาก เย่เซียวหลัวสูดหายใจเข้าลึกๆ นางตัดสินใจจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไว้เองคนเดียว หลังจากที่นางสารภาพทุกอย่างกับทุกคนแล้ว นางก็จะแต่งงานกับเวินอ๋อง เดินไปเรื่อยๆจนมาถึงตำหนักของฮ่องเฮา มีทั้งคนที่รู้จักแล้วก็ไม่รู้จักคำนับนาง นางยังคงอารมณ์เอาไว้ แต่ว่าเมื่อมาถึงที่นี่จริงๆ นางกลับรู้สึกแปลก 
已经是最新一章了
加载中