ตอนที่ 43 การแก้แค้นที่อยู่เบื้องหลัง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 43 การแก้แค้นที่อยู่เบื้องหลัง
ต๭นที่ 43 การแก้แค้นที่อยู่เบื้องหลัง ค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วง ความเยือกเย็นซึ่งไร้ความปราณีได้เข้ามาเยือน ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาเป็นระลอกๆ ไม่ขาดระยะ ท่ามกลางความรู้สึกผ่อนคลาย กลืนกินมวลอากาศในฤดูร้อนไปจนหมดสิ้น ทำให้รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที แต่ว่าที่เจียงเป่ยซึ่งเป็นเมืองที่สว่างไสวไม่เคยหลับอยู่ตลอด ราวกับไม่เคยกลัวความหนาวเหน็บ ถึงแม้จะดึกดื่นแค่ไหน คนเดินถนนในตอนกลางคืนก็ยังคงพลุกพล่าน ไม่ขาดสาย ไม่ว่าลมหนาวจะรุนแรงแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจหยุดความคึกคักลงไปได้ และไม่แคร์ ร้านกาแฟสตาร์บัคในเมืองเจียงเป่ยก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ข่าวลือซุบซิบนินทาเรื่องการปกครองประเทศก็เริ่มต้นจากที่นี่ ยังมีการเยาะเย้ยถากถางยิ่งกว่าลมหนาวเข้ากระดูก นั่นคือการสมรู้ร่วมคิด เช่นเดียวกับผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ที่มุมห่างไกลจากผู้คน หม่าตันน่าซื้อผ้าพันคอมาผืนหนึ่ง ซึ่งคล้ายคลึงกับของกู้เหยามาก ส่งให้สวีย่าวอั้ย “พี่สาว อากาศเย็นแล้ว ฉันเลือกมาให้พี่โดยเฉพาะเลยนะคะ เป็นของแบรนด์ดังรุ่นlimitedด้วยนะ ทั้งเมืองมีอยู่แค่ 6 ผืนเอง” สวีย่าวอั้ยเมื่อเห็นโลโก้บนผ้าพันคอ ก็ขมวดคิ้ว ไม่ยื่นมือออกไปรับ “เธอเพิ่งจะเปลี่ยนงานนี่ ยังไม่มีเงินมากเท่าไหร่ ทำไมถึงใช้เงินฟุ่มเฟือยนักละ?” “เมื่อก่อนตอนที่ฉันอยู่ที่บริษัทนวัตกรรมและเทคโนโลยี พี่ดูแลฉันอย่างดี ฉันยังไม่ได้ตอนแทนอะไรพี่บ้างเลย นี่ถือเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากฉันก็แล้วกันคะ” หม่าตันน่าพูดได้อย่างชาญฉลาด พลางเอาผ้าพันคอผืนนั้นยื่นส่งให้สวีย่าวอั้ย สวีย่าวอั้ยกวาดตามองผ้าพันคอที่มีราคาผืนนั้น และไม่กล้ารับ พลางพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า “เธอมีอะไรอยากจะให้ฉันช่วยก็บอกมาตามตรงเถอะ ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ พ่อกับแม่ของเธอมอบความไว้วางใจให้ฉันคอยดูแลเธอ สิ่งที่ฉันพอจะช่วยได้ฉันก็ยินดีช่วยเสมอ” เธอรู้จักคนอย่างหม่าตันน่าเป็นอย่างดี ถ้าไม่มีเรื่องอะไรให้เธอช่วยละก็ หม่าตันน่าคงไม่ยอมเสียเงินมากขนาดนี้ ผ้าพันคอผืนนี้ดูแล้วค่อนข้างพลิ้วไสว ถ้าเกิดว่ารับมันมาแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องหนักใจมากแค่ไหน สวีย่าวอั้ยพูดอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา แถมไม่ยอมรับผ้าพันคออีกด้วย หม่าตันน่าเริ่มหน้าเสีย ได้แต่ยิ้มด้วยความละอายใจ พลางกล่าวว่า “พี่ก็รู้นี่คะว่า ที่ฉันต้องออกจากบริษัทเก่า ก็เพราะกู้เหยานังสารเลวนั่น......” พูดถึงกู้เหยา หม่าตันน่าเริ่มใส่อารมณ์แยกเขี้ยว รอยยิ้มบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นความอัปลักษณ์ขึ้นมาทันที “ถ้าไม่ใช่เพราะเธออยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ทำไมฉันจะต้องตกระกำลำบากขนาดนี้ด้วย!” สวีย่าวอั้ยเดาถูกว่าหม่าตันน่าจะต้องพูดถึงเรื่องที่เธอถูกไล่ออก เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเอาความผิดของตัวเองโยนไปให้กับกู้เหยาแทน เธอถอนหายใจยาว พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถึงแม้ปกติฉันจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับแผนกธุรกิจเท่าไหร่ แต่ฉันก็พอจะรู้จักคนอย่างกู้เหยาอยู่บ้าง หล่อนไม่ใช่คนที่ชอบก่อเรื่อง ดังนั้นเหตุผลที่ทำไมเธอถึงถูกไล่ออก เธอน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจนะ” สวีย่าวอั้ยเป็นลูกพี่ลูกน้องของหม่าตันน่า ปกติเวลาทำงานจะคอยช่วยเหลือหม่าตันน่ามาโดยตลอด แต่สำหรับเรื่องนี้ เธอกลับไม่เข้าข้างหม่าตันน่า “พี่คะ ที่พี่เห็นน่ะผู้หญิงคนนั้นมันเสแสร้งทั้งนั้น พี่ไม่รู้หรอกว่าหล่อนหน้าด้านขนาดไหน” หม่าตันน่ามองซ้ายมองขวา พูดเสียงเบาว่า “เมื่อก่อนตอนที่หล่อนอยู่จิงตูก็ถูกไล่ออกจากบ้านมา เพราะไปแย่งผู้ชายของพี่สาวตัวเอง” นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น และเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว อีกทั้งไม่ได้เห็นกับตาตัวเองไม่มีใครรู้ความจริงในรายละเอียด สวีย่าวอั้ยจึงไม่อยากรับคำหม่าตันน่า หม่าตันน่าเห็นสวีย่าวอั้ยนิ่งเฉย ก็เข้าใจเอาเองว่าสวีย่าวอั้ยเริ่มเข้าข้างตนแล้ว จึงเสริมต่อว่า “พี่ว่า แม้แต่คนในครอบครัวยังไม่เอาหล่อนเลย ไม่รู้ว่าหล่อนมีดีอะไรนักหนา เบื้องหลังก่อเรื่องไว้มากมาย.....” “เธอนัดฉันมาก็เพื่อจะคุยเรื่องพวกนี่นะหรือ?” สวีย่าวอั้ยรีบตัดบทหม่าตันน่าทันที “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะ” สวีย่าวอั้ยทิ้งท้ายแล้วก็เตรียมตัวจะลุกออกไป หม่าตันน่าเห็นว่าไม่ได้การแล้ว จึงรีบรั้งสวีย่าวอั้ยเอาไว้ “พี่คะ เดี๋ยวสิคะ!” เธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เอารูปที่แอบถ่ายเมื่องสองวันก่อนส่งให้สวีย่าวอั้ยตรงหน้า ยิ้มอย่างร้ายกาจ “พี่ดูนี่สิคะ ฉันไม่ได้ใส่ร้ายหล่อนนะ ผู้หญิงคนนี้รู้อยู่แล้วว่าท่านประธานโม่มีภรรยาแล้ว แต่ก็ยังไปให้ท่าเขาอีก” สวีย่าวอั้ยเหลือบตามองทีหนึ่ง ภาพชายหญิงในรูปกำลังจับมือกันอยู่ ผู้ชายสูงใหญ่หล่อเหลา ส่วนผู้หญิงก็ดูเรียบร้อยสง่างาม ผู้หญิงคนนั้นกำลังมองออกไปไกลๆ นัยนน์ตาสดใส ส่วนสายตาของผู้ชายราวกับตรึงไว้ที่ผู้หญิงคนนั้น เหมือนกำลังพิจารณาฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่มีความหยาบคายเลยแม้แต่น้อย เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรู้สึกดี ทำให้คนเคลิบเคลิ้มตามไปด้วย เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว สวีย่าวอั้ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ใช่เรื่องอื่นใด เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้ว่า ที่แท้ท่านประธานโม่ที่ดูเป็นคนเย็นชาขนาดนั้นก็มีอารมณ์แบบนี้กับเขาด้วยเหมือนกัน ส่วนกู้เหยาที่อยู่ข้างๆเขา ก็สวยขนาดนี้ เห็นสวีย่าวอั้ยตกตะลึง หม่าตันน่าคิดว่าตัวเองทำสำเร็จไปอีกขึ้นแล้ว รีบพูดต่อว่า “พี่คะ ฉันยังมีข้อมูลอื่นอีก ขอเพียงพี่เอาเรื่องนี้ส่งอีเมล์ภายในไปทั่วทั้งบริษัท ให้ทุกคนได้รู้ธาตุแท้ของหล่อนชัดเจน ถึงตอนนั้นดูสิว่าท่านประธานจะยังต้องการหล่อนอีกไหม หล่อนยังจะมีหน้าทำงานที่นี่อีกไหม?” สวีย่าวอั้ยที่กำลังตะลึงกลับตื่นจากภวังค์ทันที ถอนหายใจยาว ส่ายหน้าพลางตอบว่า ว่า “ตันน่า นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เธอและฉันไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว” หม่าตันน่าเพียงคิดอยากจะแก้แค้นกู้เหยา เธอไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น สวีย่าวอั้ยปฏิเสธเธอเป็นครั้งที่สอง เธอเริ่มรู้สึกไม่ค่อยพอใจในความอธรรมครั้งนี้ จึงโยนมือของสวีย่าวอั้ยกลับไป “พี่คะ จนวันนี้มีพี่เพียงคนเดียวที่จะช่วยฉันได้นะ สำหรับพี่แล้วเรื่องแค่นี้มันง่ายมากเลยนะคะ ทำไมพี่ถึงไม่ยอมช่วยฉันล่ะ?” ตอนที่เธอถูกไล่ออกพี่สาวคนนี้ก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไร ตอนนี้เรื่องแค่เล็กน้อยที่เธออยากขอความช่วยเหลือ สวีย่าวอั้ยกลับไม่ยอมช่วยเธอ ช่างทุเรศซะจริง ครั้งนี้ สวีย่าวอั้ยส่ายหน้าอย่างมาดมั่น สลัดมือของหม่าตันน่าออกไป หันกลับไปหยิบกระเป๋าขึ้นจากเก้าอี้ เห็นสวีย่าวอั้ยทำท่าจะจากไปอีกครั้ง หม่าตันน่าโกรธจนกระทืบเท้า พูดแบบไม่มีทางเลือกว่า “ตกลงพี่เป็นพี่สาวประสาอะไรกัน?” สวีย่าวอั้ยหยุดก้าวเดิน หันกลับมาปลายตามองเธอด้วยสายตาไม่สนใจไยดีเหมือนคนแปลกหน้า “เรื่องนี้ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้จริงๆ ฉันขอเตือนเธอไว้เป็นครั้งสุดท้าย อย่าทำเรื่องโง่ๆอีก ตั้งอกตั้งใจทำงานเธอถึงจะมีอนาคต” มองเบื้องหลังของสวีย่าวอั้ยที่จากไป หม่าตันน่าโกรธจนตัวสั่น ใบหน้าอันสสวยงามกลายเป็นน่ากลัว ราวกับปิศาจร้าย ทุกวันนี้ สวีย่าวอั้ยเป็นเหมือนความหวังเดียวของเธอ ในเมื่อเธอไม่ช่วยหม่าตันน่า ถ้าอย่างนั้นหม่าตันน่ายังจะหนทางไหนขับไล่กู้เหยาออกไปจากบริษัทได้อีก? วันนั้นในห้างสรรพสินค้า เห็นกู้เหยาและโม่ข่ายรักกันหวานชื่น เธอจึงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เธอจะต้องไม่ปล่อยให้กู้เหยาอยู่อย่างสงบ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องถูกผู้หญิงคนนั้นแย่งไป เธอมีอะไรดีนักหนา? ปกติหมกมุ่นอยู่แต่กับการทำงาน แข็งทื่อตายซากแบบนั้น ท่าทีแข็งข้อ เบื้องหลังทำเรื่องสกปรกเอาไว้ไม่รู้เท่าไหร่? ทำไมใครๆต่างก็คอยช่วยหล่อน? เธอมีดีอะไรนักนะ! “คุณหม่าคะ ผู้จัดการสวีไม่ยอมช่วยคุณ ฉันจะช่วยคุณเองคะ” ขณะที่หม่าตันน่ารู้สึกว่าโลกใบนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับเธอเลย เสียงอันอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของหม่าตันน่า เธอหันหลังกลับไปมอง รู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่ว่าเพียงครู่เดียวก็สงบสติลงได้ ยิ้มอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า “เธอนั่นเอง”
已经是最新一章了
加载中