ตอนที่ 48 คำพูดโกหก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 48 คำพูดโกหก
ต๭นที่ 48 คำพูดโกหก โม่ข่ายไม่สนใจใคร กู้เหยารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย หยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปครู่หนึ่งโม่ข่ายจึงเงยหน้าขึ้น สายตาที่อยู่ใต้กรอบแว่นสีทองขุ่นมัวและสงบนิ่ง : “คุณมาทำไมล่ะ?” เพราะว่าเขาไม่อยากบังคับให้เธอไปอาบน้ำเย็น เลยทำให้เขาต้องเป็นไข้สูง สูงเสียจนต้องนอนซมอย่างเดียว ผู้หญิงคนนี้ยังคิดจะออกไปทำงานอีก ไม่ใส่ใจไยดีเขาสักนิด จะถามสักคำหรือก็ไม่ ช่างเป็นผู้หญิงที่ใจร้ายจริงๆ สีหน้าของโม่ข่ายและท่าทางการพูดนั้นทำให้กู้เหยารู้สึกว่าเขาไม่ยินดีเลยที่เธอมาที่นี่ ในใจของเธอรู้สึกเป็นทุกข์ เม้มปาก : “เหลียงฮุ่ยอี๋ให้ฉันมาเยี่ยมคุณคะ” เหลียงฮุ่ยอี๋บอกให้เธอมา เธอก็เลยมางั้นหรือ ถ้าเขาไม่บอกให้เหลียงฮุ่ยอี๋โทรศัพท์ไปบอก เธอก็คงจะไม่มาสินะ? โม่ข่ายขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงที่พูดยิ่งเย็นชาสงบนิ่งมากขึ้นอีก : “คุณก็เห็นผมแล้วนี่ งั้นก็กลับไปทำงานต่อเถอะ” “อ้อ.....คะ” กู้เหยาออกแรงสะกดกลั้นความรู้สึกกดดันในใจเอาไว้ พยักหน้าพลางยิ้มเล็กน้อย หันหลังกำลังจะไป ผู้หญิงคนนี้ยังจะกล้าไปด้วย! โม่ข่ายมองเบื้องหลังของเธอด้วยสายตาอันขุ่นมัว สีหน้าไม่เป็นมิตร หนังสือพิมพ์ที่กำอยู่ในมือขวาแทบจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เมื่อเดินไปถึงปากประตู กู้เหยาหยุดก้าวกะทันหัน ถอนหายใจลึกและยาว หันกลับไปมองค้อนเขา : “โม่ข่าย คุณมันคนเฮงซวย!” เธอกังวลเรื่องเขามาตลอดครึ่งเช้า กว่าจะได้เจอเขาก็ยากเหลือเกิน มาตอนนี้กลับออกปากไล่ให้เธอกลับไปซะงั้น ถึงยังไงก็แล้วแต่เขาก็เป็นสามีของเธอ ในโลกนี้มีสามีที่ไหนเหมือนเขาบ้าง เวลาไม่สบายไม่อยากให้ภรรยามาเยี่ยม กู้เหยายิ่งคิดยิ่งน้อยใจ ยิ่งคิดยิ่งโมโห หยดน้ำตาใสๆค่อยๆไหลเอ่อล้นออกมาจากทั้งสองตาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ เธอยกมือขึ้นเช็ด พลางกัดริมฝีปาก : “โม่ข่าย ไปตายซะ ถึงตายแล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน คิดซะว่าฉันไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนเลยก็แล้วกัน” กู้เหยาระเบิดอารมณ์ใส่เขาทันที ทำเอาโม่ข่ายตกตะลึงอึ้งไปเมื่อเห็นกู้เหยาร้องไห้น้ำตาไหล ในใจของโม่ข่ายรู้สึกเจ็บปวดโดยไม่มีเหตุผล ความรู้สึกนั้นแพร่กระจายไปเต็มหัวใจ เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย เขายังจำได้ว่า ตอนนั้นเธอเจ็บใจที่ถูกเฉียวหนานจิ่งจับส่งไปสถานีตำรวจท้องถิ่น เหตุการณ์ในตอนนั้นเธอยังไม่ร้องไห้ขนาดนี้ แต่ครั้งนี้ทำไมถึงได้........ “มานี่สิ” น้ำเสียงของโม่ข่ายอ่อนโยนลงมากแบบไม่รู้ตัว พลางกวักมือเรียกเธอ “คุณบอกให้ฉันไป ฉันก็จะไป คุณบอกให้ฉันไปหา ฉันก็ต้องไปอย่างนั้นหรือ? คุณเห็นฉันเป็นอะไรคะ?” กู้เหยายังคงไม่พอใจ เรื่องอะไรจะยอมเข้าไปหาเขาง่ายๆ โม่ข่ายขมวดคิ้ว : “คุณไม่มาใช่ไหม?” กู้เหยาไม่สนใจคำพูดเขา เอาแต่เช็ดน้ำตาอยู่ตรงนั้น โมโหตัวเองที่ร้องไห้ออกมาต่อหน้าผู้ชายคนนี้ ตัวเองกลายเป็นคนขี้แยไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน “งั้นผมไปหาคุณเอง” โม่ข่ายตั้งท่าจะถอดสายน้ำเกลือในมือออก “คุณจะทำอะไรน่ะ? หาเรื่องหรือไง?” กู้เหยาตกใจ รีบเข้าไปหยุดเขาไว้ “ถ้าผมตายไปแล้ว คุณก็จะได้เป็นแม่ม่ายยังสาวไงครับ ไม่ดีหรือไง” โม่ข่ายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ว่าสายตาที่อยู่ใต้แว่นกรอบทองนั้นกลับส่งยิ้มออกมา “คุณ.....” กู้เหยายังไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ก็มีมุมที่เจ้าเล่ห์เหมือนกัน แต่ว่าท่าทางการพูดยังดูเหมือนปกติ โม่ข่ายยกมือขึ้นลูบใบหน้าของกู้เหยา นิ้วหัวแม่มือที่หยาบกร้านค่อยๆเช็ดน้ำตาที่ค้างอยู่บนใบหน้าเธอ : “โธ่ บอกผมสิว่าร้องไห้ทำไมครับ?” กู้เหยากัดริมฝีปาก พูดอย่างกระฟัดกระเฟียด : “ฉันกลัวว่าคุณจะตาย แล้วทิ้งให้ฉันเป็นแม่ม่ายคนเดียวนะสิคะ” โม่ข่ายเผยยิ้มออกมา ยื่นมือออกมากอดเธอเอาไว้ พลางเอ่ยว่า : “เด็กโง่เอ๋ย!” คุณน่ะสิโง่! พวกคุณมันโง่กันทั้งบ้าน! กู้เหยาอยากจะตะโกนด่าออกไปแบบนั้น แต่ว่าเขากอดเธอเอาไว้แน่นมาก แน่นจนราวกับจะฝังเธอเข้าไปอยู่ในอกอุ่นๆของเขาเลยทีเดียว ทำไมเขาถึงได้มีแรงมากขนาดนี้นะ? แค่มือเพียงข้างเดียว ก็เอาเธอกอดไว้แน่นแทบตาย ไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรก็ไม่มีทางหลุดได้ “อย่าดิ้นสิครับ” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นที่เหนือหัวของเธอ แหบแห้งอย่างน่าทึ่ง คำง่ายๆ2คำยังคงเหมือนถูกต้องคำสาป ทำให้กู้เหยาหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้านไปชั่วครู่ โม่ข่ายยิ้มอย่างพอใจ เอาขากรรไกรล่างวางไว้บนศีรษะของกู้เหยา ผมของเธอลื่นมาก นุ่มมาก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สดชื่นมาก กู้เหยาที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา ใจหนึ่งก็เป็นทุกข์ที่ตัวเองยอมโอนอ่อนให้เขาขนาดนี้ อีกใจหนึ่งก็เบ้ปากโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจของเขาอยู่ด้านบน เสียงหัวใจเต้นอยู่ด้านข้าง รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก “คุณชายคะ กับข้าวเตรียมเรียบร้อยแล้วคะ” ป้าเฉินที่เป็นคนช่วยเตรียมอาหารให้โม่ข่ายรีบเข้ามาขัดจังหวะพอดี เมื่อเห็นคนทั้งสองกำลังกอดกันอยู่ จึงรีบถอยหลังออกไป โม่ข่ายปล่อยกู้เหยาออก : “ทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ?” กู้เหยาพยักหน้า โม่ข่ายไม่ให้พยาบาลช่วยเขา แต่ให้กู้เหยาทำแทนดีกว่า เธอเอามือหนึ่งหยิบถุงน้ำเกลือที่แขวนไว้สูง อีกมือหนึ่งช่วยเขาถือถาด โม่ข่ายราวกับเป็นคุณชายใหญ่ ไม่ต้องทำอะไรเลย หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย กู้เหยาจึงนั่งลงตรงข้ามโม่ข่าย โม่ข่ายกวักมือเรียก : “มานั่งข้างๆผมสิครับ” กู้เหยาตั้งใจเหลือบไปมองหน้าป้าเฉินที่เตรียมอาหารมาให้ สัมผัสที่หกของเธอบอกเธอว่า หญิงวัยกลางคนคนนี้ไม่ค่อยชอบเธอสักเท่าไหร่ เธอจึงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับ นิ้วเรียวยาวของโม่ข่ายวางสบายๆอยู่บนโต๊ะทานข้าว สายตาเหล่มอง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จนป้าเฉินเตรียมอาหารเสร็จ เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า : “ป้าเฉินครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ป้าออกไปก่อนเถอะครับ” ป้าเฉินกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าเธอเข้าใจอารมณ์ของโม่ข่ายดี จึงรีบพยักหน้า : “คุณชาย คุณผู้หญิง ทานให้อร่อยนะคะ” “คุณผู้หญิง” กู้เหยาสะดุดสามคำนี้จนแทบจะพ่นน้ำที่กำลังดื่มอยู่ออกมา ใบหน้าอันสวยงามของเธอแดงขึ้นอีกครั้ง โม่ข่ายเห็นท่าทางที่เธอตกตะลึง จึงบอกว่า : “เมื่อกี้นี้ท่านนั้นคือคุณป้าที่คอยดูแลเรื่องอาหารการกินของผมเอง ต่อไปคุณก็เรียกเธอว่าป้าเฉินได้นะ” มีคนขับรถชื่อเหล่าเว่ย มีผู้ช่วยที่แสนจะจงรักภักดีชื่อเหลียงฮุ่ยอี๋และหลิวยอง ยังมีคุณป้าที่รับผิดชอบเรื่องอาหารโดยเฉพาะ แถมยังมีป้าเฉินที่เขาเรียกเมื่อครู่จัดเตรียมอาหารให้อีก เห็นแล้วนึกถึงที่เขาเรียกกันว่าครอบครัวเศรษฐี โม่ข่ายเล่าว่าเมื่อก่อนเขาเคยทำธุรกิจที่ต่างประเทศ เขาเคยทำธุรกิจอะไรกันนะ? ทำไมรู้สึกว่าเขาน่ากลัวกว่าประธานของบริษัทเสียอีก โม่ข่ายกวักมือเรียกอีก : “มานั่งข้างๆผม ช่วยคีบผักให้ผมหน่อยครับ” “มือข้างขวาคุณก็ใช้ได้นี่คะ” กู้เหยาพูดเสียงเบา เข็มน้ำเกลือนั้นติดอยู่ที่มือด้านซ้ายของโม่ข่าย มือขวาของเขาเพิ่งจะกอดเธออย่างแน่นเมื่อกี้นี้ ทำไมตอนนี้ถึงคีบผักเองไม่ได้แล้วล่ะ? “ปกติผมใช้มือซ้ายทานข้าวนี่ครับ” น้ำเสียงของโม่ข่ายดูเหมือนไม่พอใจนิดหน่อย แต่ว่าริมฝีปากกลับเผยยิ้มเล็กๆออกมา กู้เหยาถึงรู้ว่า โม่ข่ายผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์ไม่เบา ปกติใช้มือซ้ายทานข้าวที่ไหนกันล่ะ? แต่ว่าเมื่อเห็นเขากำลังไม่สบาย กู้เหยาจึงต้องจำยอมเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ถ้าเกิดว่าเขาเป็นอะไรไปอีก เธอจะกลายเป็นแม่ม่ายทันที 
已经是最新一章了
加载中