ตอนที่ 93 แม่ที่ถูกทำร้ายโดยพ่อ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 93 แม่ที่ถูกทำร้ายโดยพ่อ
ต๭นที่ 93 แม่ที่ถูกทำร้ายโดยพ่อ “ร่างกายของคนไข้ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วครับ และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก ถึงได้หมดสติลงชั่วคราว พวกเราจำเป็นต้องรีบช่วยชีวิตโดยด่วนครับ” ร่างกายของคนไข้ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว! และได้รับบาดเจ็บสาหัสมาอีก! ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในหูของกู้เหยายังคงได้ยินคำพูดของคุณหมอที่พูดไว้ก่อนจะเข้าห้องฉุกเฉินซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น เมื่อนึกถึงรอยช้ำสีม่วงหลายแห่งตามร่างกายของแม่ที่ถูกทำร้าย ก็พลันนึกถึงสายตาอันเจ็บปวด เสียใจและสำนึกผิดที่แม่มองมาที่เธอ กู้เหยาเจ็บปวดใจจนแทบจะหยุดหายใจ ตลอดชีวิตนี้ แม่ของเธอเป็นคนขี้ขลาดและไม่มีความเห็นใดๆ แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโตความรักที่แม่มีให้เธอกลับไม่น้อยไปกว่าแม่คนอื่นเลย กู้เหยายังจำได้ว่า ตอนเด็กๆเธอซนมาก มักจะหกล้มหัวเข่าถลอกอยู่บ่อยๆ แม่จะคอยช่วยทำแผลให้เธอเสมอ พลางร้องไห้เพราะเจ็บแทนลูก แม่ของเธอเป็นคนขี้แยแบบนั้น เป็นผู้หญิงที่มักใช้น้ำตาแก้ปัญหาอยู่เสมอ ก็เพราะเธอเป็นแม่ที่ขี้ขลาดเอาแต่ร้องไห้อยู่แบบนั้น แม่ที่ไม่กล้าเสียงดังกับพ่อมาโดยตลอด กลับต้องปะทะเข้ากับพ่อเพราะเธออยู่หลายครั้ง ที่กู้เหยาจำได้ขึ้นใจเลยก็คือเธอตกลงแต่งงานกับเหชียวหนานจิ่งแล้ว เรื่องนี้จึงเป็นเหตุที่ทำให้พ่อและแม่ทะเลาะกันเป็นครั้งแรก เป็นเพราะว่าในสายตาของแม่รักกู้เหยาคนเดียวมาตลอด ดังนั้นตอนหลังที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ที่แม่เป็นคนเอ่ยปากเองว่าให้ยอมพี่สาว กู้เหยาจึงคิดว่าเธอจะไม่มีวันให้อภัย คนอื่นหักหลังเธอ ทำร้ายเธอแค่ไหน สำหรับเธอแล้วมันก็คือคนอื่น เธอสามารถใช้วิธีเดียวกันตอกกลับไปได้ หรือแม้กระทั่งเอาคืนได้สองเท่า แต่ว่าแม่เป็นคนที่เธอรักมากที่สุด เธอคือเลือดเนื้อเชื้อไขที่ออกมาจากคนเป็นแม่ เป็นเลือดที่หล่อหลอมมาจนเป็นคนที่รัก ทำไมแม่ถึงได้พูดแบบนั้นออกมาได้ กู้เหยาโอบใบหน้าไว้ด้วยสองมือสูดหายใจเข้าลึก ครั้งนี้ที่แม่มาที่เจียงเป่ยตกลงมาเพื่ออะไรกันแน่? หรือว่าเหมือนกับที่กู้ซินเคยพูดไว้ ได้รับคำสั่งจากพ่อให้มาเอาเธอกลับไปจิงตูเพื่อมีลูกกับเหชียวหนานจิ่งแทนกู้ซินซะ? ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ แม่คงจะไม่ร้องไห้เสียใจถึงขนาดนั้น และคงจะไม่เป็นลมในที่สุด กู้เหยากุมขมับคิดแล้วคิดอีก หรือว่าตัวเองเข้าใจแม่ผิดไป บางทีที่แม่มาครั้งนี้อาจจะไม่ได้ต้องการให้เธอกลับไปจิงตูก็ได้นะ? ขณะที่กู้เหยากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที เรียกเธอใหเตื่นจากภวังค์ เห็นหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏ “คุณโม่” คำ 3 พยางค์ขึ้น เธอกลับไม่ยอมรับสาย กลัวว่าถ้าได้ยินเสียงโม่ข่ายแล้วเธอจะร้องไห้ออกมาทันที จ้องมองเบอร์โทรที่หน้าจออยู่สักพักหนึ่ง กู้เหยาก็สูดหายใจเข้าลึก หลังจากทำอารมณ์ให้เป็นปกติจึงเลื่อนปุ่มรับสาย พยายามใช้น้ำเสียงที่ผ่อนคลายพูดกับเขา “คุณโม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ไม่มีเรื่องอะไรก็โทรหาเธอไม่ได้หรือ? เธอมองไม่เห็นว่าโม่ข่ายที่ปลายสายกำลังขมวดคิ้วอยู่ กลับคิดว่าไม่มีเรื่องอะไร จึงพูดออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและสงบนิ่ง “เที่ยงแล้วครับ อย่าลืมทานข้าวนะครับ” “คะ” ถึงแม้โม่ข่ายจะมองไม่เห็นเธอ แต่ว่ากู้เหยายังคงพยายามฝืนยิ้มเข้าไว้ กู้เหยาไม่ได้กระตือรือร้นหาเรื่องคุย โม่ข่ายเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ คนที่อยู่ปลายสายทั้งสองข้างได้แต่นิ่งเงียบ “คุณกู้ครับ อาการของคนไข้ไม่ค่อยดีเลยครับ แม้ว่าจะรู้สึกตัวบ้าง แต่ว่าตามสภาพร่างกายของเขาก็มีโอกาสที่จะหมดสติไปได้อีกครับ” แสงไฟในห้องฉุกเฉินดับลง คุณหมอท่านหนึ่งเดินออกมาเพื่อแจ้งให้กู้เหยาทราบ ได้ยินคำพูดของหมอ ในใจของกู้เหยาก็ร้อนรน จนลืมไปว่าในสายยังมีโม่ข่ายรออยู่ เธอจับคุณหมอเอาไว้ ถามอย่างรีบร้อนว่า “คุณหมอคะ หมายความว่าอย่างไรคะที่บอกว่ามีโอกาสจะหมดสติไปได้อีก? อาการของแม่ฉันตกลงเป็นอะไรกันแน่คะ?” คุณหมอดึงกู้เหยาออกไปพลางกล่าวว่า “คุณกู้ครับ คุณอย่าเพิ่งตกใจ สภาพร่างกายของแม่คุณไม่สู้ดีนัก นี่คือสิ่งที่คุณควรรับรู้เอาไว้ ในสภาพร่างกายแบบนี้ ขืนถูกทำร้ายอีกละก็ น้อยคนนักที่จะรับไหวครับ” ร่างกายไม่ค่อยดีขืนถูกตีอีก? ดังนั้นหมายความว่าแม่ในครั้งนี้เป็นเพราะละเมิดคำสั่งของคนคนนั้น ไม่อยากมาเจียงเป่ยบังคับเธอให้กลับไป คนคนนั้นจึงลงมือกับแม่อย่างรุนแรง? “กู้เหยา คุณอยู่ที่โรงพยาบาลไหนครับ?” เมื่อสักครู่ในโทรศัพท์ โม่ข่ายได้ยินสิ่งที่คุณหมอและกู้เหยาคุยกันจึงพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “ฉัน......” เดิมทีกู้เหยาอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ที่สุด เธอก็หยุดมันเอาไว้ กัดริมฝีปากของตัวเองไว้แน่น ที่จริงเธออยากจะบอกโม่ข่ายเรื่องนี้ ตอนนี้เธอต้องการกำลังใจจากเขานิดหน่อย แต่ว่าก็ไม่อยากจะรบกวนงานของโม่ข่าย และไม่อยากให้โม่ข่ายเห็นความอดสูในครอบครัวของเธอ “กู้เหยา บอกผมสิ คุณอยู่ที่โรงพยาบาลไหนครับ?” น้ำเสียงของโม่ข่ายนุ่มลึกและส่งผ่านมายังหูโทรศัพท์ของกู้เหยาอีกครั้ง กู้เหยาสูดหายใจลึกหนึ่งครั้ง บอกว่า “ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลประชาชนเจียงเป่ยคะ” “กู้เหยา มีคุณหมออยู่ แม่คุณจะต้องไม่เป็นอะไรครับ คุณอย่าเพิ่งคิดมากเกินไป” โม่ข่ายพูดเสียงนุ่มปลอบใจเธอ “อืม” กู้เหยาพยายามพยักหน้าตอบรับ “งั้นผมขอวางสายก่อนนะครับ” หลังจากกล่าวทักทายกู้เหยาแล้ว โม่ข่ายจึงวางสาย เดินไปพลางพูดไป “ผู้ช่วยเหลียงครับ ช่วยจองเที่ยวบินที่เร็วที่สุดกลับเจียงเป่ยเดี๋ยวนี้เลยครับ” “ท่านประธานโม่คะ คุณจะกลับเจียงเป่ยหรือคะ?” ได้ยินโม่ข่ายบอกว่าจะกลับเจียงเป่ยกะทันหัน เหลียงฮุ่ยอี๋อึ้งไปครู่หนึ่งแล้วจึงตอบสนองกลับ “ท่านประธานโม่ คือว่า ประชุมตอนบ่ายกำลังจะเริ่มแล้วนะคะ การประชุมครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เซิ่งเทียนจะขยายไปทางตะวันตกนะคะ ถ้าคุณไปตอนนี้.....” โม่ข่ายไม่ได้สนใจที่เหลียงฮุ่ยอี๋พูดเลย บอกต่อไปอีกว่า “แล้วก็ติดต่อไปยังโรงพยาบาลประชาชนเจียงเป่ยที่นั่น ให้พวกเขาหาหมอที่เก่งที่สุดไปรักษาคุณแม่ของกู้เหยาด้วย เอาประวัติการรักษาคุณแม่ของกู้เหยามาให้ผมดูก่อนขึ้นเครื่องนะครับ” เหลียงฮุ่ยอี๋บอกว่า “ท่านประธานโม่คะ การประชุมกำลังจะเริ่มแล้วนะคะ ผู้นำสูงสุดของแต่ละมณฑลทางตะวันตกก็มากันพร้อมแล้ว.....” “ที่ผมพูดไป คุณไม่เข้าใจเลยใช่ไหม?” โม่ข่ายหยุดเดินแล้วหันกลับมามองหน้าเหลียงฮุ่ยอี๋อย่างเย็นชา น้ำเสียงไม่เบาแต่ก็ไม่หนัก แต่กลับทำให้คนฟังไม่อาจขัดคำสั่งได้ “.....” เหลียงฮุ่ยอี๋อ้าปาก แต่ก็ไม่กล้าฝืนอีก ค่อยๆมองไปทางโม่ข่ายทีหนึ่ง หลิวยองทีหนึ่ง หลิวยองสบสายตาของเหลียงฮุ่ยอี๋ พลางรีบก้าวเดินตามโม่ข่ายไป โน้มน้าวว่า “ท่านประธานคะ เพื่อที่จะบุกตลาดฝั่งตะวันตก เซิ่งเทียนใช้เวลาถึง 3 ปีเต็มในการเตรียมการ นี่เป็นโอกาสเดียวที่สำคัญที่สุดเลยนะคะ ถ้าคุณไม่เข้าประชุม ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่เซิ่งเทียนลงทุนลงแรงไปก็เท่ากับสูญเปล่าเลยนะคะ” โม่ข่ายยังคงไม่สนใจ ยกมือขึ้นดูนาฬิกา “จากที่นี่ไปถึงสนามบินใช้เวลาเท่าไหร่?” เหลียงฮุ่ยอี๋บอกว่า “เร็วที่สุดก็ราวครึ่งชั่วโมงคะ” “จองตั๋วเครื่องบินไปเจียงเป่ยที่จะออกในอีก 40 นาทีข้างหน้า” เมื่อบอกเหลียงฮุ่ยอี๋เสร็จ โม่ข่ายมองไปทางหลิวยอง “ประชุมตอนบ่ายให้เหชียวโม่แทนไป คุณอยู่ช่วยเขาที่นี่ก่อน” “ท่านประธาน......” หลิงยองยังอยากจะโน้มน้าวต่อ แต่ว่าเมื่อสบตาโม่ข่าย ก็ไม่พูดอะไรอีก ประธานโม่ของพวกเขาตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่งเซิ่งเทียนอย่างเป็นทางการ รวมระยะเวลาเกือบ 6 ปีเต็ม ไม่เคยตัดสินใจผิดพลาด และไม่เคยดื้อรั้นเช่นนี้มาก่อน วันนี้เขากลับละทิ้งการประชุมที่กำลังจะเริ่มขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมที่สำคัญอย่างมากด้วย ตกลงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นถึงได้ทำให้เขาตัดสินใจอย่างไร้สาระแบบนี้ได้?
已经是最新一章了
加载中