ตอนที่ 129 อิจฉาผู้อื่น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 129 อิจฉาผู้อื่น
ต๭นที่ 129 อิจฉาผู้อื่น โม่เสียวเป่าไม่ใช่ลูกที่ตระกูลโม่คลอดมาเอง ผู้ใหญ่ในตระกูลโม่อยากให้เธอกับโม่ข่ายแต่งงานกัน งั้นก็เข้าใจได้ คิดถึงตรงนี้แล้ว กู้เหยาก็มองโม่เสียวเป่าอย่างระมัดระวัง สายตาที่สุกใสสะอาดของเธอ รอยยิ้มแสนหวาน ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นเด็กที่กำลังโต ในใจคิดอะไรก็ปรากฏขึ้นบนดวงหน้าสวยนั้น เสียวเป่าเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ นั่นก็เป็นการยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเธอและโม่ข่ายจากใจจริง แถมตัวเองกลับคิดเพ้อเจ้ออยู่ตรงนี้ กู้เหยาโกรธตัวเองที่จู่ๆก็สงสัยความสัมพันธ์ของโม่ข่ายและเสียวเป่า ถ้าระหว่างพวกเขามีความรู้สึกเกิดขึ้นจริงๆ โม่ข่ายจะแต่งงานกับเธอทำไม ก่อนแต่งกับเธอโม่ข่ายก็พูดอย่างชัดเจนมากว่าเขาอยากจะใช้ชีวิตกับเธออย่างมีความสุข แม้ว่าโม่เสียวเป่าไม่ใช่ลูกของตระกูลโม่ แต่เห็นตอนที่เธอพูดถึงโม่ข่ายก็รู้ว่าภายในใจเธอคนในตระกูลโม่ก็เหมือนกับเป็นครอบครัวทางสายเลือดเธอ แล้วดูเธอสิ เธอคือลูกที่เกิดจากตระกูลกู้แท้ๆ แต่พ่อเธอคนนั้นกลับทำเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์ร้ายอีก ดังนั้นความสัมพันธ์ของมนุษย์บนโลกใบนี้ บางครั้งสายเลือดเดียวกันก็ใช่ว่าจะสนิทกันที่สุด ความรู้สึกนั้นสามารถบ่มเพาะได้ โม่เสียวเป่าไม่ได้สังเกตเลยว่ากู้เหยาคิดอะไรอยู่ในหัวมากมาย และยังพูดต่ออีก “พี่สะใภ้ ฉันจะบอกพี่ให้นะ คุณปู่ คุณพ่อและคุณแม่น่ะดีมากๆ ถึงเวลาพวกเขาต้องชอบพี่เหมือนที่ฉันชอบพี่แน่ๆ” “เสียวเป่า ขอบคุณนะ!” กู้เหยายิ้ม ถึงผู้ใหญ่ในตระกูลโม่จะไม่ยอมรับเธอชั่วคราว เธอก็จะพยายามด้วยตัวเอง ให้พวกเขายอมรับเธอให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ตราบใดที่โม่ข่ายไม่พูด เธอก็ไม่ยอมบอกเลิกกันง่ายๆ คุยกันอีกสักพัก โม่เสียวเป่าก็รับสาย จากนั้นก็รีบเดินมา ตอนที่ออกประตูไปใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส ราวกับว่าเธอกำลังจะไปหาคนที่เธอรัก โม่ข่ายรู้สึกเห็นใจที่แผลกู้เหยายังไม่หายดี ตอนกลางวันเลยให้ป้าเฉินทำอาหารให้กู้เหยาทาน “คุณผู้หญิง......” ป้าเฉินมองกู้เหยา อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ลังเล “ป้าเฉิน มีอะไรก็พูดตรงๆเถอะค่ะ” กู้เหยายิ้มแล้วพูด “คุณผู้หญิงคะ ป้าก็มีหน้าที่ทำอาหารให้คุณชายมาเกือบสามสิบปีแล้ว ตอนเขาอยู่ในท้องคุณนาย ป้าก็คอยดูแลคุณนาย พอคุณชายเกิดมา ป้าก็มีหน้าที่ดูแลอาหารการกินคุณชายมาตลอด” ป้าเฉินพูด “อืม” กู้เหยาพยักหน้า “ป้าเฉิน ลำบากป้ามาหลายปีเลย” “คุณผู้หญิง เข้าใจผิดแล้วค่ะ ป้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้” พูดไป ป้าเฉินก็หยิบสมุดขึ้นมาหนึ่งเล่มจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อน แล้วส่งให้กู้เหยา “คุณผู้หญิง ในสมุดเล่มนี้มีจดนิสัยอาหารการกินของคุณชายอยู่ อันไหนที่เขาไม่ทาน อันไหนที่เขาทานไม่ได้ รบกวนคุณผู้หญิงดูหน่อยนะคะ” กู้เหยารับสมุดมา พลิกสมุดดู หน้าแรกที่ชัดเจนมากที่สุดคืออาหารที่โมม่ข่ายทานไม่ได้ ทานแล้วจะแพ้ อาหารนั้นก็คือ——หัวหอม! กู้เหยานึกขึ้นมาได้ เธอกับโม่ข่ายอยู่ด้วยกันไม่นาน เธอเคยทำหัวหอมให้โม่ข่ายทาน ครั้งแรกเขาปฏิเสธ ครั้งที่สองเขาทาน สุดท้ายก็ไม่กลับมาหนึ่งคืน ป้าเฉินพูดอีก “เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรสำหรับป้าหรอกค่ะ แต่ป้าเป็นห่วงว่าวันไหนคุณผู้ชายจะ......” กู้เหยายิ้มแล้วแทรกคำพูดป้าเฉิน “ป้าเฉิน ขอบคุณที่ให้สมุดเล่มนี้กับฉันนะคะ ฉันจะตั้งใจอ่าน ตั้งใจจำ ต่อไปจะไม่ให้โม่ข่ายทานอะไรพลาดอีกแล้วค่ะ” กู้เหยาอ่านสมุดเล่มนี้ทั้งบ่าย หลังจากอ่านแล้วเธอก็รู้ว่าที่แท้โม่ข่ายก็ไม่ใช่คนเลือกทานธรรมดาๆ มีอาหารมากมายที่โม่ข่ายทานไม่ได้ อะไรที่อยากทานก็ต้องได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญถึงจะได้ทาน ไม่เคยทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะหม้อไฟ—— อ่านพวกนี้แล้ว กู้เหยาถึงได้รู้ว่าที่แท้ตัวเธอเองไม่ได้รู้จักเขาเพียงน้อยนิด แต่ไม่รู้จักเขาอย่างมากเลยต่างหาก โม่ข่ายทานหัวหอมไม่ได้ แต่เขากลับไม่บอกเธอด้วยตัวเอง ต้องรอให้เขาทานไปแล้วถึงจะให้ป้ามาบอกเธอ ในประเด็นนี้ทำให้กู้เหยาไม่สบายใจ เรื่องระหว่างเธอและเขาสองคน พูดต่อหน้ากันถึงจะดี ให้คนที่สามมาบอกเธอ มันคือเรื่องอะไรกัน? หรือว่าในใจของโม่ข่าย เธอไม่ได้สำคัญเท่ากับคุณป้า? คิดถึงตรงนี้แล้ว ปากเธอก็ยกยิ้ม วันนี้ตัวเองเป็นอะไรกันแน่? เหมือนเธอกลายเป็นภรรยาขี้บ่นไปแล้ว กู้เหยาวางสมุดลง แล้วหยิบพู่กันและกระดานวาดภาพมาที่ระเบียงห้องใหญ่ ฤดูหนาวที่เจียงเป่ยไม่หนาวเท่าปักกิ่ง เช้าวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นสูง ไม่ต้องสวมเสื้อคลุมหนาๆก็ไม่หนาว ตอนนี้สีท้องฟ้าค่อยๆมืดลง อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่หนาวมาก แม้แต่กู้เหยาที่ขี้หนาวก็ไม่ได้รู้สึกหนาว กู้เหยานั่งอยู่หน้ากระดานวาดรูป หยิบพู่กันขึ้นมา แต่ใช้เวลาอยู่นานที่จะจรดพู่กันลงไป เพราะในใจเธอมันสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าตัวเองคิดจะทำอะไรกันแน่ และไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังตื่นตระหนกเรื่องอะไรกันแน่ นั่งอยู่สักพัก กู้เหยาก็ยกพู่กันขึ้นมาวาดบนกระดานวาดรูป ที่จริงเธอไม่รู้ว่าตัวเองอยากวาดอะไร ขณะที่เริ่มตื่นตัวขึ้นมาจากความตระหนักรู้ บนกระดานวาดภาพก็ปรากฏศีรษะลางๆ แม้ว่าจะวาดได้น่าเกลียดมาก แต่ก็มองออกว่าศีรษะนั้นคือโม่ข่าย ก่อนโม่ข่ายกลับบ้าน เขาก็ไม่เห็นกู้เหยาทุกห้อง สุดท้ายถึงไปเจอเธอที่ระเบียงห้องใหญ่ เขายืนอยู่ด้านหลังเธอ เห็นเธอกำลังวาดรูปเขาอย่างลวกๆ จากภาพสะเปะสะปะของเธอมองออกว่า ในใจเธอตอนนี้กำลังกังวล โม่ข่ายกลับห้องไปหยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งมาให้เธอ เดินไปที่ระเบียงจับไหล่เธอ “อากาศหนาวขนาดนี้ ทำไมมานั่งข้างนอก?” “ฉันอยากนั่งข้างนอก คุณจะทำไม?” น้ำเสียงเธอไม่ค่อยเป็นมิตรอย่างมาก เพราะในใจเธอนั้นสับสนวุ่นวาย อยากหาที่ระบายออกมา โม่ข่ายเลยเป็นคนที่ถูกเลือกระบายอารมณ์ใส่มากที่สุด “เป็นอะไร?” กลับมาก็ถูกเธออารมณ์เสียใส่ โม่ข่ายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเป็นแบบนี้ แต่ก็อดกลั้นถามเธอ เขาขมวดคิ้วแน่น แววตาเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง กู้เหยาค่อนข้างใจอ่อน “ไม่มีอะไร ไม่ต้องสนใจฉันหรอก” เธอไม่อยากคุยกับเขา กลัวว่าความปั่นป่วนของเธอจะกลายเป็นดาบแทงโม่ข่าย “กู้เหยา บอกผมไม่ได้หรอ?” โม่ข่ายไม่อยากปล่อยเธอไปแบบนี้อย่างเห็นได้ชัด จะต้องซักไซ้ให้ได้ เป็นผู้ชายที่ใจร้ายจริงๆ อยากให้เธอพูดเหตุผลน่าอายในใจออกมาหรอ? กู้เหยามองโม่ข่ายอย่างขุ่นเคือง ราวกับจะกินเขา โม่ข่ายค่อนข้างอธิบายไม่ได้ กำลังคิดจะเอ่ยถาม กลับเห็นกู้เหยาที่จู่ๆก็กระทืบเท้า แล้วคำรามออกมาอย่างโกรธเคือง “ฉันอิจฉา!” พอพูดออกไป กู้เหยาเหมือนแมวน้อยที่กำลังโกรธเท่านั้น พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และจูบปากโม่ข่ายอย่างดุเดือด จูบนี้ฉับพลันและรุนแรง อาจพูดได้ว่าไม่มีวิธีการอะไร เต็มไปด้วยรสชาติการระบายอารมณ์ เธออิจฉาเสียวเป่า ถึงขั้นริษยา เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองจะไร้เหตุผลแบบนี้ ทันใดนั้น ภายในโพรงปากก็สัมผัสรสชาติหวาน กู้เหยากัดเขาเจ็บ เลือดคลุ้งไปทั่วริมฝีปากพวกเขา
已经是最新一章了
加载中