ตอนที่ 174 ทั้งแข็งแกร่งทั้งอ่อนโยน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 174 ทั้งแข็งแกร่งทั้งอ่อนโยน
ต๭นที่ 174 ทั้งแข็งแกร่งทั้งอ่อนโยน “งั้นรบกวนคุณชายโม่ไปเตรียมเงินสดก่อน อีกครึ่งชั่วโมงพวกเราจะติดต่อคุณไปอีกครั้งเพื่อแจ้งสถานที่นัดหมาย อย่าเล่นอะไรตุกติกล่ะ ไม่งั้น——โอ๊ย——” ได้ยินเสียงกรีดร้องของกู้เหยา มือโม่ข่ายที่ถือโทรศัพท์อยู่กำแน่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เส้นเลือดตรงขมับปูดขึ้นมา “พวกแกอยากได้เงิน ให้ก็จะให้ แต่ถ้าพวกแกกล้าแตะแม้แต่ปลายผมของเธอ ฉันจะฆ่าล้างตระกูลพวกแก” น้ำเสียงของโม่ข่ายดูเหมือนไม่ได้แปลกไปจากปกติมากเท่าไหร่ แต่คนที่คุ้นเคยกับเขาล้วนตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว โม่เสียวเป่าก็ไม่เว้น วางโทรศัพท์ไปแล้ว สายตาดุดันของโม่ข่ายกวาดมองไปที่คนด้านหลัง หลิวยงเดินออกมาพูดข้างหน้าทันที “ประธาน ตามรอยสัญญาณสถานที่ที่ส่งออกมาแล้ว ดำเนินการทันทีเลยไหมครับ?” “แจ้งไป ถ้าฉันยังไม่ได้สั่ง ห้ามใครทำอะไรโดยสะเพร่า ไม่อนุญาตให้ส่งข่าวลือออกไป เดี๋ยวติดต่อธนาคารเตรียมเงินสด เตรียมรถไปรับเงิน” ตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายจับตัวเรียกค่าไถ่กู้เหยาไป โม่ข่ายก็เปลี่ยนวิธีการช่วยทันที กู้เหยาอยู่ในมือพวกมัน เขาไม่สามารถทำหุนหันพลันแล่นได้ ทำได้เพียงเอาเงินให้ตามความต้องการของคนลักพาตัว การช่วยให้กู้เหยาปลอดภัยออกมาสำคัญมากที่สุด สำหรับเรื่องอื่น—— มุมปากเขาวาดโค้งเย็นชา ดวงตาเขาฉายแววกระหายเลือดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน กล้ามาแตะต้องตัวผู้หญิงของเขา เขาจะให้ชีวิตพวกมันหลังจากนี้ตกอยู่ในนรก ไม่มีอิสระอีกตลอดกาล โม่เสียวเป่าตอนแรกอยากตามไปด้วย แต่พี่ชายเธอไม่เห็นการมีอยู่ของเธอเลย เธอรู้ดีว่าตัวเองไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ยังกลายเป็นตัวภาระของพวกเขาอีก ช่วงปีที่ผ่านมา พวกผู้ใหญ่ไม่เคยจำกัดอิสระของเธอ บ่อยครั้งที่มีแค่จงคุณเท่านั้นที่ตามเธอมาด้วย เพราะไม่มีใครข้างนอกรู้สถานะของเธอ ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือคนตระกูลโม่ งั้นคงไม่มีคนคิดจะลักพาตัวเธอ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนพวกนั้นมีเธอเป็นเป้าหมาย หรือว่ามีกู้เหยาเป็นเป้าหมายกันแน่? ถ้าเล็งมาที่เธอ แต่สุดท้ายกลับลักพาตัวกู้เหยา—— คิดถึงตรงนี้แล้ว โม่เสียวเป่าก็รู้สึกแย่อย่างมาก น้ำตาไหลเอ่อล้นวนอยู่ในขอบตา แต่เธออดกลั้นไม่ร้องไห้ออกมา ขณะที่โม่เสียวเป่ากำลังเศร้าเสียใจ ก็มีรถคันหนึ่งติดป้ายกองทัพมาจอดข้างถนนอย่างเสียงดัง ประตูฝั่งคนขับเปิดขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดกองทัพลงมาจากรถ เอื้อมมือไปปิดประตูรถดังปัง เขารูปร่างแข็งแรงกำยำ สูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตร ดูแล้วอายุประมาณสามสิบ โครงหน้าโดดเด่น คิ้วหนาดำยกขึ้น มุมปากเม้มเล็กน้อย ถึงจะสวมชุดกองทัพอยู่ แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่าเขาเป็นคนชั่วร้าย น้อยคนนักที่จะมีความยุติธรรมและความชั่วร้ายในขณะเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบขนาดนี้ แต่ชายผู้ที่สวมชุดกองทัพคนนี้กลับทำได้ โม่เสียวเป่ามองเห็นเขาจากไกลๆ เขาเหมือนกับในความทรงจำเธอ และยังดูดีมากจนทำให้เธอละสายตาไปไม่ได้ สายตาของเขามองมาที่โม่เสียวเป่าเป็นอันดับแรก ไม่เหมือนกับโม่เสียวเป่า พอเขามองเห็นเธอก็เบนสายตาออกมา ไม่สบตากับเธอ ถ้าเป็นสถานการณ์อื่น โม่เสียวเป่าคงพุ่งตัวเข้าอ้อมอกนานแล้ว ถามนู่นนี่จนเขารำคาญ จะต้องบอกให้เขาฟังว่าคิดถึงเขามากแค่ไหนตลอดหนึ่งปีกว่า แต่สถานการณ์ในวันนี้ เธอทั้งกังวลและหวาดกลัว โดยเฉพาะตอนที่เห็นเขา ความรู้สึกน้อยใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเกิดขึ้นในใจ เธอกัดปากอยากร้องไห้แต่ก็ไม่ร้องออกมา หนึ่งปีกว่าที่ไม่ได้เจอกัน เธอเคยคิดหลายครั้งว่าเมื่อไหร่เธอจะได้เจอเขาอีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอเขาอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้ เขาเดินมาไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอ หว่างคิ้วเลิกเล็กน้อย น้ำเสียงธรรมดาเอ่ยขึ้น “โทรมาหาผม แล้วก็มาร้องไห้ให้ผมดูหรอ?” โม่เสียวเป่ามองเขา น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลแหมะลงมา “จ้านเนี่ยนเป่ย ตอนนี้ฉันเสียใจมาก รู้สึกแย่มาก กลัวมาก คุณไม่รู้จักพูดจาดีๆปลอบฉันหน่อยหรอ?” โตมาขนาดนี้ โม่เสียวเป่าก็เติบโตมากับการดูแลของคนในครอบครัว ไม่เคยเจอเรื่องลักพาตัวมาก่อนเลย เธอที่อายุแค่สิบแปดปีจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร จ้านเนี่ยนเป่ย “ไม่รู้” โม่เสียวเป่ากระทืบเท้าด้วยความขุ่นเคือง “งั้นคุณจะมาทำไม?” จ้านเนี่ยนเป่ย “มองคุณร้องไห้ขี้มูกโป่ง” ได้ยินคำพูดนี้ของจ้านเนี่ยนเป่ย ในพริบตาเดียวโม่เสียวเป่าก็ลืมไปเลยว่าทำไมถึงกังวลเมื่อครู่นี้ เธอกัดฟัน ยกเท้าขึ้นมาเหยียบเท้าจ้านเนี่ยนเป่ยอย่างแรงทันที “ฉันให้คุณมาดูฉันร้องไห้ขี้มูกโป่งหรอ” เหยียบเท้าเขาสองข้างไม่พอ โม่เสียวเป่ายังยกกำปั้นขึ้นมาตีจ้านเนี่ยนเป่ยอีกสองสามที ตีไปด้วยคำรามไปด้วย “คุณไม่ปลอบฉัน ยังกล้ามาหัวเราะเยาะฉันอีก” กำลังของโม่เสียวเป่า และความเร็วในการโจมตี สำหรับจ้านเนี่ยนเป่ยแล้วก็เป็นแค่เด็กน้อยกำลังโกรธ ถ้าเขาอยากจะเลี่ยง ก็เลี่ยงได้ง่ายๆ แต่เขากลับไม่ขยับไปไหน ให้โม่เสียวเป่าได้ระบายอารมณ์อย่างเต็มที่ ตีไปตีมา โม่เสียวเป่าก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมา “ถ้าพี่สะใภ้กับเด็กในท้องเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะทำยังไงอ่า?” จ้านเนี่ยนเป่ยผลักเธอออกมาจากหน้าอก นิ้วมือที่จับปืนมาหลายปีออกแรงเช็ดน้ำตาให้เธอ “เธอร้องไห้แบบนี้ พี่สะใภ้เธอจะกลับมาได้หรือไง?” โม่เสียวเป่าโกรธจนกัดปากเพราะประโยคนี้ของเขา “จ้านเนี่ยนเป่ย คุณอยากให้ฉันไประเบิดที่อยู่ของคุณไหม?” จ้านเนี่ยนเป่ย “เอาน้ำตามาระเบิดหรอ?” โม่เสียวเป่ายกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาอย่างแรง โกรธจนกัดเขี้ยวสองข้าง “นี่คุณ——”” จ้านเนี่ยนเป่ย “ผมทำไม? จะกัดผมสองที? ตีผมสองหมัด? แบบนี้พี่สะใภ้คุณคงกลับมาหรอก?” โม่เสียวเป่า “……” “มีพี่ชายคุณกับผมอยู่ พี่สะใภ้คุณไม่เป็นอะไรหรอก” เห็นท่าทางขุ่นเคืองและกระฟัดกระเฟียดของโม่เสียวเป่าแล้ว ทันใดนั้นจ้านเนี่ยนเป่ยก็อดพูดจาดีๆขึ้นมาไม่ได้ และไม่ได้ดูด้วยว่าเจียงเป่ยคือเขตภายใต้การควบคุมของใคร กว่าสิบปีก่อนหน้านี้ ตระกูลจ้านได้มาอยู่ที่เจียงเป่ย ในมือมีอำนาจกองบัญชาการเขตเจียงเป่ย ในวันนี้ บริษัทเซิ่งเทียนของตระกูลโม่ก็อยู่ในเมืองเจียงเป่ย มือข้างหนึ่งก็กำเส้นเศรษฐกิจที่สำคัญของเมืองเจียงเป่ยไว้ ตระกูลโม่และตระกูลจ้าน คนหนึ่งธุรกิจ คนหนึ่งการเมือง ล้วนเป็นตระกูลที่เป็นใหญ่ในแต่ละด้านของตัวเอง ในเจียงเป่ย ไม่มีใครกล้าทำร้ายคนของพวกเขา แน่นอนว่ายกเว้นพวกที่ไม่คิดอยากมีชีวิตอยู่ “จริงหรอ?” โม่เสียวเป่าสูดน้ำมูก แล้วพูดอีก “ฉันรู้ว่าพวกพี่เก่งกันมาก แต่ฉันก็ยังกังวลมาก” “ขึ้นรถ” จ้านเนี่ยนเป่ยไม่ตอบคำถามเธออีก หิ้วเธอขึ้นรถไป “ฉันจะไปส่งเธอก่อน เธออย่าสร้างปัญหาให้เรา นั่นก็เป็นการช่วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว” โม่เสียวเป่า “แต่ว่า——” จ้านเนี่ยนเป่ย “แต่อีกคำเดียว ฉันจะโยนเธอออกไปนอกหน้าต่างรถเลย” โม่เสียวเป่ากัดฟัน เธอตาบอดจริงๆสินะ? ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เธอจะมาชอบผู้ชายที่ไร้เหตุผล ไม่อ่อนโยนและยังปากเสียมากได้อย่างไรกัน? 
已经是最新一章了
加载中