ตอนที่ 179 ไม่แยกจากกันตลอดไป   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 179 ไม่แยกจากกันตลอดไป
ต๭นที่ 179 ไม่แยกจากกันตลอดไป บนโต๊ะอาหารเย็น อาหารหลากหลายชนิดเป็นพิเศษ มีไก่ผัดหน่อไม้ ซุปข้นหอยกาบ โจ๊กธัญพืช เกาลัดผัดผักกาด ผัดเต้าหู้และอื่นๆ ทั้งหมดเป็นอาหารโภชนาการสำหรับคนท้อง โม่เสียวกินทีละคำ พลางมองสองคนบ่อยมาก อาหารไม่อร่อยแบบนี้ ท่อนไม้อย่างพี่ชายเธอกลับกินเป็นเพื่อนพี่สะใภ้อย่างมีความสุข ทั้งสองยังช่วยอีกฝ่ายตักอาหาร สิ่งที่คาดไม่ถึงที่สุดก็คือ พี่ชายเธอที่เป็นโรครักความสะอาดสามารถทานอาหารเหลือจากพี่สะใภ้ได้ด้วย เมื่อก่อน ท่อนไม้อย่างพี่ชายเธอตอนทานอาหารต้องทานคนเดียว ทานจานเดียวกับคนอื่นต้องแยกตะเกียบ พอมาดูตอนนี้ เขาทานอาหารที่กู้เหยาเหลือไว้อย่างกระตือรือร้น ใบหน้ามีความสุข ถ่อมตนเข้ากระดูกเสียจริง เห็นว่าพวกเขาสองสามีภรรยามีความสุขแบบนี้แล้ว แล้วมาคิดถึงตัวเองกับจ้านเนี่ยนเป่ย โม่เสียวเป่าก็จิ้มข้าวในชามอย่างหดหู่ พวกเขาเห็นใจคนโสดที่ไม่มีคนรักอย่างเธอหน่อยได้ไหม? ทันใดนั้น เธอก็คิดถึงผู้ใหญ่ในครอบครัว ถ้ามีพวกเขาล่ะก็ อย่างน้อยก็ยังมีพวกเขาที่รักเธอ เธอจะไม่น่าสงสารเหมือนในตอนนี้ “พี่ พี่สะใภ้ คุณปู่กับพ่อแม่ได้ยินข่าวพี่สะใภ้ถูกลักพาตัวแล้วก็เป็นห่วงมา พวกเขาบอกว่าอีกสองวันจะรีบกลับมา” โม่เสียวเป่าพูด เมื่อวานคุณปู่ตระกูลโม่ได้โทรมาถามโม่เสียวเป่าว่าถ่ายทำหนังเป็นอย่างไรบ้าง? โม่เสียวเป่าเพียงครู่เดียวก็เผลอหลุดปากไปโดยไม่ได้ระวัง เรื่องที่กู้เหยาถูกลักพาตัวไปจึงได้ยินไปถึงหูของคุณปู่ตระกูลโม่ โดยเฉพาะตอนที่รู้ว่าเดิมทีคนที่ถูกลักพาตัวไปคือโม่เสียวเป่า คุณปู่ตระกูลโม่ก็โกรธมาก เลยตัดสินใจกลับประเทศ “พี่จะให้คนเตรียมไว้ล่วงหน้า” ได้ยินว่าผู้ใหญ่ตระกูลโม่จะกลับมา โม่ข่ายก็จัดการเรื่องที่ควรทำ นับวันท้องกู้เหยาก็ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะคลอดแล้ว ดีที่จะมีคนคอยดูแลในบ้านเยอะๆ ทันทีที่ได้ยินว่าคุณปู่ตระกูลโม่จะมา กู้เหยาก็ตื่นตระหนก มือที่ถือตะเกียบตักอาหารอยู่ก็ชะงักเล็กน้อย วันนั้นที่เธอยืนยันว่าตัวเองท้อง คุณปู่ตระกูลโม่มาหาเธอให้เธอเลิกกับโม่ข่าย แต่เธอปฏิเสธ หลังจากนั้นคุณปู่ตระกูลโม่ก็ไม่ได้มาหาเธออีก และไม่ได้ส่งข่าวใดๆมา ไม่รู้ว่าเขาล้มเลิกไป หรือว่ามีความคิดอื่น? คิดถึงตรงนี้แล้ว กู้เหยาก็ลูบท้องกลมอย่างเผลอตัว ลูกยังไม่ได้คลอด ใจเธอก็ไม่มั่นคง รู้สึกกังวลอย่างมากว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ลูกในท้องเธอก็เป็นลูกของโม่ข่าย ถ้าคุณปู่ตระกูลโม่ไม่พอใจเธอ ก็คงจะไม่ให้แตะต้องสายเลือดตระกูลโม่ของพวกเขาด้วย แต่พอหวนคิดอีกครั้ง ลูกในท้องเธอไม่ใช่สายเลือดตระกูลโม่เพียงคนเดียว แต่ยังเป็นสายเลือดเธอด้วย ตามความคิดของคุณปู่ตระกูลโม่ สายเลือดครึ่งหนึ่งของลูกในท้องเป็นคนเสื่อมเสีย ถ้าคุณปู่ตระกูลโม่ต้องการกำจัดสายเลือดที่สกปรกสำหรับเขาล่ะ? “กู้เหยา เป็นอะไร?” น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดของโม่ข่ายดึงความนึกคิดของเธอกลับมา เธอหันศีรษะกลับไปสบสายตาของเขาที่เป็นห่วง เธอยิ้ม “ฉันอิ่มแล้ว” โม่ข่ายวางตะเกียบลง ยกผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดปากด้วยท่าทางสง่างาม “ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณออกไปเดินสักพัก” กู้เหยาพยักหน้า “ค่ะ” เพราะเป็นฝั่งทะเล เมืองเจียงเป่ยตอนกลางวันจะร้อนมาก ตอนกลางคืนจะมีลมทะเลพัดมา อากาศเย็นดี หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ พวกเขาสองสามีภรรยาก็เดินเล่นอยู่ที่สนามหญ้าในคฤหาสน์ ไม่ต้องพูดเลยว่าพอใจมากแค่ไหน โม่ข่ายจูงมือกู้เหยา ก้าวเท้าช้ามาก ให้เหมาะสมกับจังหวะของเธออย่างเต็มที่ เดินไปกับเธออย่างอดทนและเอาใจใส่ ความคิดของโม่ข่ายอยู่ที่กู้เหยาทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าความคิดกู้เหยาตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว เธอคิดถึงอสูรกายอย่างกู้เจิ้งเต๋อ คิดถึงคุณแม่ที่เธอไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างดีด้วย คิดถึงชายลึกลับคนนั้น ชายคนนั้นคือใครกันแน่? เขารู้การมีอยู่ของเธอหรือไม่ กู้เหยาอยากรู้มาก ถึงขั้นอยากไปจ้างนักสืบเอกชนมาสืบหาว่าผู้ชายคนนั้นคือใครกันแน่ แต่สืบเจอแล้วจะทำอย่างไรได้? ตั้งแต่เล็กจนโต คุณแม่ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอมาก่อน อยากให้เธอเป็นเด็กธรรมดาที่แข็งแรงเติบโต “กู้เหยา กำลังคิดอะไรอยู่?” น้ำเสียงทุ้มต่ำของโม่ข่ายขัดความคิดเธออีกครั้ง เธอยิ้มให้เขาแล้วพูด “ฉันกำลังคิดว่าทำไมคุณถึงชอบเสื้อผ้าสีเทา?” หน้าหนาวสวมชุดสูทสีเทา หน้าร้อนสวมเสื้อเชิ้ตสีเทา เขาเปลี่ยนสีไม่ได้หรอ? โม่ข่าย “เคยชิน” ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาก็สวมแต่เสื้อผ้าสีนี้ และไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน บอกว่าชอบ ก็คงพูดไม่เต็มปาก อาจจะเพราะเคยชิน เป็นสัญลักษณ์ของเขาไปแล้ว กู้เหยามองสำรวจเขาอยู่นาน เอียงศีรษะคิด “ฉันคิดว่าคุณสวมเชิ้ตสีขาวน่าจะดูดีขึ้นนะ อยากลองไหม?” “ได้” เขาไม่ได้คิดอะไรมาก ก็พยักหน้าตอบรับ เพราะประโยคเดียวของเธอจะเปลี่ยนนิสัยหลายปีของเขาไปได้ เขายอมเธอ เอาอกเอาใจเธอขนาดนี้ แต่ในใจเธอกลับซ่อนความรู้สึกไว้มากมาย ไม่ปริปากพูดกับเขาให้ชัดเจนเลย คิดสักพัก กู้เหยาก็พูดขึ้น “โม่ข่าย คุณรู้นานแล้วใช่ไหมว่าพ่อที่แท้จริงของฉันไม่ใช่กู้เจิ้งเต๋อ” “อืม” แม้ว่าจะประหลาดใจกับคำถามที่ฉับพลันของกู้เหยา โม่ข่ายก็พยัหน้าอย่างซื่อตรง ในขณะเดียวกันก็กระชับมือเธอให้แน่นขึ้น แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ผมเคยบอกแล้วว่าผมแคร์แค่อนาคตของคุณเท่านั้น” เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่สนใจอดีตของเธอ ถ้าสนใจล่ะก็ ตอนแรกถ้าสืบเจอประวัติเธอแล้วคงไม่ยืนกรานจะจดทะเบียนสมรสกับเธอหรอก เธอถามอีก “แล้วคุณรู้ไหมว่าเขาคือใคร?” “อืม” โม่ข่ายยืนนิ่ง สองมือวางไว้บนไหล่กู้เหยา แล้วพูดอย่างจริงจัง “กู้เหยา พ่อที่แท้จริงของคุณเป็นผู้ชายที่ดีและรับผิดชอบมากคนหนึ่ง เพียงแต่เขาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทิ้งคุณแม่คุณไปโดยไม่สนใจหรอก” “เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน?” กู้เหยาหายใจเข้า แล้วหัวเราะออกมาอย่างหมดหนทาง “งั้นฉันก็เหลือตัวคนเดียวแล้วหรอ?” ทันทีที่ได้ยินเธอพูดว่าเหลือตัวคนเดียว คิ้วตรงของโม่ข่ายก็ขมวดเล็กน้อย แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “คุณยังมีผมกับลูก” “ฉันรู้ว่าฉันมีคุณและลูก แต่ฉันอยากมีคนในครอบครัวนี่หน่า ถ้าคุณรังแกฉันล่ะก็ ก็จะมีคนจัดการคุณแทนฉันไง” ท่าทางขี้อิจฉาของโม่ข่ายทั้งน่าเกลียดน่าชัง กู้เหยาอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ตาทึ่มเอ๊ย!” โม่ข่ายดึงเธอเข้ามากอดในอ้อมอกเบาๆ แล้วถามเธออย่างเคร่งเครียด “ถ้าพ่อคุณมีลูก คุณอยากรู้จักพวกเขาไหม?” “กลัวว่าพวกเขาไม่อยากรู้จักฉันมากกว่า” กู้เหยายิ้มพูด เดาว่าไม่มีลูกบ้านไหนยอมรับลูกที่เกิดจากผู้หญิงนอกบ้านหรอก แถมยังอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนั้นด้วย “ไม่ต้องคิดมาก เราเดินกันเถอะ” โม่ข่ายลูบศีรษะเธอ แล้วจูงมือเธอเดินต่อไป กู้เหยาหวังอย่างมากว่าเขาจะสามารถจูงมือเธอเดินไปตลอดเหมือนในตอนนี้ เดินไปถึงสุดขอบโลก ไม่แยกจากกันตลอดกาล แต่เธอก็ตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ได้ มักจะรู้สึกว่าชีวิตที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ไม่นานสักวันหนึ่งก็จะจากเธอไป หรือในที่สุดเธอก็จะสูญเสียเขาไปตลอดกาล
已经是最新一章了
加载中