ตอนที่ 197 ถูกกล่าวหาว่าเสแสร้ง

ต๭นที่ 197 ถูกกล่าวหาว่าเสแสร้ง แฟชั่นโชว์ชุดชั้นใน Miwa เป็นโชว์ระดับโลก หลังจากเสร็จกิจกรรม ไม่เพียงแต่สถานะทางสังคมของนางแบบจะสูงขึ้นเท่านั้น พวกดีไซน์เนอร์เบื้องหลังก็ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย แม้ว่าอัตราส่วนการเผยตัวของดีไซน์เนอร์ต่อหน้าผู้ชมจะไม่ได้มากเท่าพวกนางแบบ แต่ในตำแหน่งอาชีพวงการแฟชั่นระดับโลกกลับมีมากกว่านางแบบ คนที่ได้รับรางวัลจะยิ่งโด่งดังในช่วงหนึ่ง หลังจาก Asteria ได้รับรางวัล ชีวิตก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เพราะการงานของเธอคุณพ่อเป็นคนจัดการทั้งหมด เธอต้องทำแค่วาดรูปออกแบบ ใช้ชีวิตได้อย่างพอใจมาก วันที่สามของการมาถึงเจียงเป่ย กู้เจิ้งเต๋อก็ช่วย Asteria รับงานมาหนึ่งอย่าง เป็นรายการสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์แฟชั่นแห่งหนึ่งในเจียงเป่ย ดีไซน์เนอร์ล้วนทำงานอยู่เบื้องหลัง Asteria ไม่เคยเผยโฉมหน้ามาก่อนในช่วงปีที่ผ่านมา จู่ๆได้ยินข้อมูลแบบนี้มา ในใจเธอก็ปฏิเสธ แต่พอเห็นสีหน้าคาดหวังของคุณพ่อ เธอก็พูดปฏิเสธไม่ออก สุดท้ายก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับปาก ตอนไปออกรายการ เพื่อให้ผลลัพธ์การถ่ายทำออกมาค่อนข้างดี ทีมงานรายการก็แต่งหน้าให้ Asteria จัดมาก เดิมทีผิวเธอก็ดีมากอยู่แล้ว ปกติเธอแทบจะไม่แต่งหน้าเลย ตอนที่เข้าร่วมสถานการณ์ที่จำเป็น เธอแต่งหน้าบางๆเท่านั้น ก็ทำให้หลายๆคนอึ้งไป วันนี้เป็นครั้งแรกของเธอที่แต่งหน้าจัดขนาดนี้ รองพื้นหนา บลัชออนแดง แต่งจนตัวเองเกือบจำตัวเองไม่ได้ ถ้าเธอไม่รู้จักคนพวกนี้ เธอต้องคิดว่าพวกเขาตั้งใจแต่งให้เธอเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจะสัมภาษณ์เธอ แต่ให้เธอมาแสดงงิ้ว ตอนอัดรายการ พิธีกรได้ถาม Asteria เกี่ยวกับงานก่อนสองสามข้อ เช่นเธอมีแผนอะไรกับงานในอนาคตบ้าง แต่ถามไปถามมาก็เข้าเรื่องความรัก Asteria ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วพูด “ตอนนี้ฉันอายุยังไม่เยอะนะคะ เลยวางแผนว่าจะทำงานสักสองสามปี สำเร็จในอาชีพการงานก่อน ค่อยมาพิจารณาเรื่องความรักค่ะ” พิธีการพูด “คุณ Asteria สาวและสวยขนาดนี้แถมได้รับรางวัลหน้าใหม่และรางวัลที่ดีที่สุดของ Miwa ด้วย ต่อไปคนที่คิดจะจีบคุณคงต้องต่อแถวจากเจียงเป่ยไปฝรั่งเศสเลยมั้งคะ แต่ไม่จำเป็นต้องรีบนะคะ ค่อยๆเลือกไปก็ได้” Asteria “……” Asteria ไม่เคยออกรายการโทรทัศน์มาก่อน และไม่ชอบให้ใครก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ตอนที่พิธีกรถามคำถามที่เธอไม่อยากตอบ เธอก็ไม่ตอบอย่างตรงไปตรงมา เธอไม่ตอบ แต่พิธีกรก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป พิธีกรถามอีก “Asteria คุณชอบผู้ชายแบบไหนหรอคะ? ภายนอกหรือว่าภายในสำคัญกว่ากัน? ความสามารถหรือเงินทองสำคัญกว่ากันคะ?” พิธีกรยังถาม Asteria อีกหลายคำถาม คำถามพวกนี้เธอไม่เคยคิดมาก่อน เลยไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร Asteria ไม่ตอบอีก พิธีกรก็ค่อนข้างหงุดหงิด เขาพูดขึ้น “คนสวยอย่างคุณ Asteria แถมสำเร็จในหน้าที่การงาน สเปคคุณต้องสูงมากแน่ใช่ไหมล่ะคะ คนธรรมดาคุณคงไม่ชอบ” Asteria พูด “ฉันว่าโชคชะตาสำคัญที่สุดค่ะ คนที่ใช่สำคัญที่สุด เรื่องอื่นไม่สำคัญเลยค่ะ” พิธีกรพูด “คุณ Asteria ครับ คุณหมายความว่า คู่ชีวิตที่คุณเลือกไม่ได้มองว่าเขาจะมีเงินหรือไม่ ไม่ได้สนใจสถานะของเขาเลยงั้นหรอคะ?” Asteria เลิกคิ้วเล็กน้อย ค่อนข้างไม่พอใจ เลือกคู่ชีวิตมันเกี่ยวอะไรกับมีเงินหรือไม่มีเงิน? เกี่ยวอะไรกับสถานะ? เรื่องความรักไม่ใช่ความพอใจของคนทั้งสองหรอ? เธอคิดว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แค่ชอบกันและกัน ก็ไม่มีสถานะมาเกี่ยวข้อง แต่ในใจลึกๆของเธอก็บอกกับเธอว่ามันมีเรื่องสถานะมาเกี่ยวจริงๆ แต่เสียงนั้นมันแสนไกลเหลือเกิน ไกลจน Asteria จำอะไรไม่ได้ พิธีกรเป็นคนมีประสบการณ์ รู้ว่า Asteria ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับคำถามเรื่องความรัก เลยเปลี่ยนไปถามเรื่องงานของ Asteria อีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ คุยถึงเรื่องงาน Asteria ก็ยอมพูดคุย ตั้งใจพูดคุยเกี่ยวกับคำถามด้านการออกแบบ แต่อีกฝ่ายกลับเพียงถามตื้นๆเท่านั้น ราวกับว่าไม่สนใจเกี่ยวกับการงานของเธอเลย หลังจบรายการ Asteria ก็พูดคุยกับพิธีกรอย่างสุภาพด้วยความเกรงใจสองสามประโยค พิธีกรก็อบอุ่นมาก แต่พอปิดกล้อง พิธีกรก็ทำหน้าขุ่นมัวทันที มองเธอด้วยความไม่พอใจหนึ่งทีก่อนหันตัวเดินไปเลย Asteria กลับมาล้างเครื่องสำอางที่ห้องแต่งตัวก็ได้ยินเสียงนินทา “Asteria ดีไซน์เนอร์ชุดชั้นในอะไรนั่น ก็แค่เป็นหน้าใหม่ที่โชคดีเท่านั้นแหละ เพิ่งขึ้นมาในตำแหน่งสูง แต่วางท่าไม่น้อยเลย” “จริงแก ตอนพี่เฉียงเวยถามนะ นางก็แบบไม่สนใจเลย คิดว่าตัวเองเป็นใคร” “พูดจาไม่ดีเลย ดีไซน์เนอร์เสื้อผ้าก็มีใหม่ทุกปี เธอจะรุ่งโรจน์ไปนานเท่าไหร่กันเชียว ใครจะไปรู้ล่ะ” “ฉันว่านะนางก็แกล้งทำเป็นบริสุทธิ์ แกล้งทำเป็นสูงส่ง ไม่แน่เบื้องหลังชีวิตส่วนตัวเธออาจจะเน่าเฟะอุจาดตาก็ได้” “คนประเภทที่บอกว่าฐานะคู่ชีวิตไม่สำคัญต่อหน้าคนอื่นอะนะ ที่จริงคนที่ไม่รวยถึงพันล้านคงไม่สนใจหรอก” ทีมงานสองสามคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสที่ห้องแต่งตัวข้างๆ คำพูดไม่ต้องบอกว่าเจ็บปวดแค่ไหน Asteria ไม่อยากเชื่อว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังล้างเครื่องสำอางอยู่ในห้องแต่งตัว เหมือนว่าพวกเขาตั้งใจอยากพูดให้เธอฟัง ตั้งใจทำให้เธอโมโห รอให้เธอโมโหพวกเขา จะได้อัดคลิป แบบนั้นเธอก็จะเป็นคนดังที่เล่นตัวดีแต่พูดจริงๆ เธอเป็นเพียงดีไซน์เนอร์หน้าใหม่เท่านั้น ถ้ายืนยันข่าวลือว่าเธอดีแต่พูดจริงๆ พัฒนาการของเธอต่อไปก็จะต้องเป็นอุปสรรคแน่นอน Asteria ส่ายศีรษะอย่างหมดหนทาง เธอแค่ไม่ให้ความร่วมมือในการตอบคำถามเท่านั้น กลับถูกว่าเป็นคนดีแต่พูดเสียอย่างนั้น ดูเหมือนวันหลังเธอไม่อยากร่วมรายการแบบนี้อีกแล้ว ทำงานตัวเองอย่างเงียบเสียดีกว่า ตราบใดเสื้อผ้าที่ออกแบบสวย ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครตามหาเธอ Asteria ลบเครื่องสำอางเสร็จแล้ว ยกกระเป๋าเดินออกไป ตอนเดินไปถึงประตู. ด้านนอกก็มีกลุ่มคนเดินมา “ประธานโม่ เชิญด้านนี้เลยค่ะ!” ได้ยินเสียง Asteria ก็เงยหน้ามองไป เห็นเพียงกลุ่มคนกำลังล้อมรอบชายสูงใหญ่ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวคนหนึ่งเดินเข้าไปในห้องโถงรายการออกอากาศ สีหน้าท่าทางของคนพวกนั้น จะบอกให้ความเคารพก็ให้ความเคารพ จะบอกว่าเลียแข้งเลียขาก็เลียแข้งเลียขา คนนี้ที่ถูกพวกเขาล้อมรอบ คงเป็นคนที่สำคัญจริงๆนั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดเลย แต่คนที่ชอบนินทาลับหลังผู้อื่นพวกนั้น ก็ทำได้เพียงเสียดสีคนที่พึ่งความพยายามของตัวเองโดยไม่มีคนสนับสนุนเบื้องหลังอย่างเธอเท่านั้นแหละ แน่จริงก็ไปวิพากษ์วิจารณ์คนใหญ่คนโตแบบนั้นสิ Asteria ถอนหายใจหนึ่งที ยกเท้าเดินไป แต่ตอนนี้ถูกชายคนที่มีกลุ่มคนล้อมรอบใช้สายตามองมาที่เธอ เพียงแค่เหลือบมองมาไกลๆเท่านั้น คลื่นสมองของโม่ข่ายโต้กลับอย่างรวดเร็ว ฝ่าเท้าเขาชะงัก หันศีรษะกลับมาอีกครั้ง สายตาคมสองข้างมองมายังผู้หญิงที่กำลังเดินออกไป ช่วงปีที่ผ่านมานี้ เขาเห็นคนที่คล้ายกู้เหยามานับไม่ถ้วน ทุกครั้งที่เขาเดินเข้าไปมองใกล้ๆ ก็ได้รับความผิดหวังกลับมาทุกครั้ง