ตอนที่ 239 หวังว่าคุณจะอยู่ในความสงบ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 239 หวังว่าคุณจะอยู่ในความสงบ
ต๭นที่ 239 หวังว่าคุณจะอยู่ในความสงบ สองสามปีมานี้กู้เหยาหลับไม่ค่อยสนิทมาตลอด หลายครั้งจะตกใจเพราะฝันร้าย ดังนั้นเธอจึงหลับค่อนข้างดึก หวังว่าเวลาเข้านอนจะได้นอนหลับได้ลึกสักหน่อย แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพียงเธอหลับตาฝันร้ายมากมายก็มาทำให้เธอรำคาญ วันนี้เธอก็ฝันอีกแล้ว ฝันว่ามีคนใส่ชุดกาวน์หมอหลายคนถือเข็มมาฉีดของเหลวอะไรไม่รู้ใส่ร่างกายเธอ เธอดิ้น เธอต่อต้าน แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ราวกับมีแหที่มองไม่เห็นมาคลุมเธอไว้ เธอทำได้เพียงยอมให้คนพวกนั้นกดเธอไว้ “กู้เหยา——” ท่ามกลางความมืดมิด มีเสียงทุ้มต่ำหนึ่งเรียกชื่อเธอ เป็นเสียงผู้ชายที่แสนคุ้นเคยแต่ช่างห่างไกลออกไป เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นมา ก็มีร่างดำๆเดินมาหาเธอ เงาดำนั้นยิ่งเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เธออยากจะเอื้อมมือออกไปจับเขา ตอนที่เธอกำลังจะเอื้อมจับเงาดำนั้นได้ คนที่สวมชุดกาวน์หมอสีขาวก็บังคับดึงเธอออกมา แต่ละคนยกแขนเอากระบอกฉีดยาบังคับฉีดเข้าไปในร่างกายเธอ กู้เหยาดิ้น พลางร้องเสียงดัง “อย่า อย่า——” ในตอนที่เธอหมดหนทางที่สุด โทรศัพท์ข้างตัวก็ดังขึ้นเสียงดัง เหมือนกับระฆังสวรรค์ดึงเธอออกมาจากฝันร้าย กู้เหยาหายใจหอบหนัก เธอที่ยังไม่ฟื้นจากความกลัวเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก คลำหาโทรศัพท์แล้วรับสาย “ฮัลโหล?” เสียงเธอยังไม่หายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เธอยังไม่ได้ดูให้แน่ชัดว่าใครโทรม เพียงแต่คิดว่าสายนี้ดึงเธอออกมาจากความฝันได้อย่างทันเวลาพอดี “กู้เหยา ผมโม่ข่ายนะ” เสียงทุ้มต่ำของอีกฝ่ายดังเข้ามาในลำโพง ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษทำให้คนสบายใจ ......โม่ข่ายอีกแล้ว กู้เหยาจำได้ลางๆตอนที่เธอฝันร้ายเมื่อสองสามวันก่อน ก็เป็นโม่ข่ายที่โทรมาดึงเธอออกจากฝันร้ายได้ทันเวลา เหมือนกับว่าเขามีลางอยู่ตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น ทำไมเขาถึงปรากฏตัวออกมาตอนที่เธอต้องการตลอดเลยล่ะ? ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าในสายตาผู้ชายคนนั้น ตัวเองเป็นเพียงแค่ตัวแทนของภรรยาคนก่อนของเขา......แต่ว่า ได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำและเหมือนกับเครื่องดนตรีเชลโลอย่างไรอย่างนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะสบายใจขึ้นมา ราวกับว่าค่ำคืนอันมืดมิดนั้นมีแสงสว่าง ราวกับว่าฤดูหนาวอันหนาวเหน็บนั้นมีอ้อมกอดอันอบอุ่น เธอหายใจเข้าลึกๆเอาลมเย็นเข้า พยายามใช้น้ำเสียงที่สงบนิ่งพูดกับเขา ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่อยากให้ชายคนนั้นมองความคิดเธอออก “ดึกขนาดนี้แล้ว มีเรื่องอะไรหรอคะ?” “จู่ๆก็อยากได้ยินเสียงคุณ เลยโทรมาหา” เขาพูด น้ำเสียงอ่อนโยนเกือบจะสมบูรณ์แบบดังผ่านลำโพง “ไม่รบกวนคุณใช่ไหม?” “เปล่าค่ะ......” กู้เหยาเอ่ยตอบเสียงเบา ตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว ทั้งโลกมืดสนิทและสงบนิ่ง เสียงทั้งหมดจึงดังขึ้นอย่างชัดเจน เช่นเสียงลมหายใจที่มั่นคงของผู้ชายปลายสาย จู่ๆกู้เหยาก็อยากหัวเราะ ดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้ เขาไม่หลับ แล้วโทรหาเธอแบบนี้......เป็นความบังเอิญ หรือว่าเขารู้จริงๆว่าเธอกำลังฝันร้าย? “โม่ข่าย” เธออดเรียกชื่อเขาไม่ได้ “ผมอยู่นี่” อีกฝ่ายตอบด้วยความหนักแน่น กู้เหยานั่งอยู่บนเตียง เงยหน้านิดหน่อย มองไปที่ความมืดรอบด้าน อดไม่ได้ที่ยกมุมปากขึ้นมา “คุณจับตาดูฉันอยู่ตลอดเวลาหรอ ทำไมถึงมาได้ทันเวลาแบบนี้?” เธอพูดเบาๆและเร็ว สามส่วนอ้อน เจ็ดส่วนซุกซน แต่เธอไม่รู้ว่าคำพูดเธอกลับทำให้อีกฝ่ายอย่างโม่ข่ายใจตกลงไป เขาจับตาดูเธออยู่จริงๆ ก่อนหน้านี้สองสามวัน เขารู้ว่าเธอเป็นโรคฝันร้าย ถึงแม้ว่าการโทรศัพท์มาตอนเที่ยงคืนจะทำให้คนสงสัยได้ง่าย แต่เขาก็อดโทรมาหาเธอไม่ได้ แม้ว่าจะกอดเธอแนบอกไม่ได้ เพื่อให้คุณออกจากความมืด นั่นก็หวังว่าจะห่างจากผู้คนสิบล้านคนได้ อนุญาตให้คุณสงบนิ่งเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ว่าผมยิ่งหวังว่าจะได้กลับไปอยู่ข้างคุณเร็วๆ คิดถึงตรงนี้แล้ว มุมปากโม่ข่ายก็อดวาดโค้งในความมืดไม่ได้เช่นเดียวกัน เขาเอ่ยเสียงเบาอย่างช่วยไม่ได้และออดอ้อน “ใช่ ผมจับตาดูคุณอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่อดีตจนถึงอนาคต คุณหญิงกู้ อยากจับผมไว้ไหม?” อยากจับผมไว้ไหม—— คราวนี้เป็นกู้เหยาที่อึ้งไป คำพูดของเขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่รู้ว่าหมายถึงดูอยู่จริงๆ......หรือมีความหมายแฝงของคำว่าดูอยู่ แล้วยังมีการจับ......ยังไงฟังแล้วก็มีความหมายอื่นแฝงอ่ะ! ท่ามกลางความมืด กู้เหยาก็อดไม่ได้ที่จะกอดหมอนข้างในอ้อมกอดแน่น กัดปากอยู่นาน ถึงได้กัดฟันพูด “อยาก” กัดฟันเหมือนเต็มไปด้วยความโกรธ แต่กู้เหยาก็รู้ดีว่าตัวเองในท่ามกลางความมืดนั้น แก้มแดงแปร๊ดเหมือนกับท้องฟ้าสีแดง อีกฝ่ายไม่ได้ตอบรับ ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆกู้เหยาก็รู้สึกกังวลนิดหน่อย อดไม่ได้ที่จะซุกศีรษะเข้ากับหมอน ใจเต้นแรงเหมือนกับพายุ “ได้——” นานแสนนาน ก็มีเสียงคำพูดพยางค์เดียวที่เรียบง่ายดังมาจากปลายสาย กู้เหยาอึ้งไป “รอผมนะ” อีกฝ่ายพูดอีกด้วยความมั่นคงเหลือเกิน จากนั้นก็วางสายไป กู้เหยาเหมือนยกภูเขาออกจากอก ทันใดนั้นทิ้งโทรศัพท์ในมือไป จากนั้นก็ซุกหน้าเข้ากับหมอนอย่างลึกซึ้ง แล้วก็ส่งเสียง “อืม” ขึ้นมาเบาๆ เธอจะรอเขา แต่เสียงนี้มันไม่ได้ซ่อนไว้ในหมอน มันหายไปท่ามกลางความมืด ข้างหูไม่มีเสียงโม่ข่ายแล้ว ความเหงาและโดดเดี่ยวนั้นก็เหมือนกับว่าเข้ามาหาเธออีกครั้ง ราวกับว่าเพียงแค่เธอหลับตา มันก็จะกลืนกินเธอลงไป กังวลว่าถ้าหลับไปก็จะถูกฝันร้ายครอบงำอีก กู้เหยากอดหมอนข้าง ลืมตามองไปที่ท้องฟ้ามืดมิดยามค่ำคืน พยายามอย่างมากไม่ให้ตัวเองหลับ เธอพยายามนึกถึงฝันที่เธอเพิ่งฝันไปเมื่อครู่ แต่ในสมองกลับมีแค่ภาพสีขาว ราวกับว่าฝันนั้นไม่เคยมีอยู่มาก่อน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เหมือนกับว่าไม่ได้นานมาก เหมือนกับว่านานมาก โทรศัพท์ที่วางบนหัวเตียงก็ดังขึ้นรบกวนอีกครั้ง ครั้งนี้กู้เหยาเห็นชัดเจน บนโทรศัพท์โชว์ว่า “โม่ข่าย” สองพยางค์ เขามีเรื่องอะไรอีก? ปลายนิ้วกู้เหยาสไลด์รับสายอย่างสงสัย “คุณชายโม่?” “หลับยังครับ?” เสียงอ่อนโยนของเขาดังในหูเธอ เธอส่ายศีรษะด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็ได้ยินเขาพูดขึ้น “ผมอยู่ข้างล่างบ้านคุณ” กู้เหยาอึ้งเล็กน้อย รีบลุกจากเตียงเดินไปที่ระเบียงทันที มองลงไปด้านล่างก็เห็นโม่ข่ายที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวยืนใต้โคมไฟถนนบริเวณบ้าน เขาเงยหน้าขึ้นมา มุมปากยกขึ้นแล้วโบกมือให้เธอ “คุณหญิงกู้ อยากลงมาเดินเล่นกับผมไหมครับ?” ออกไปกับชายที่ยังไม่ถือว่าคุ้นเคยดีในเวลาเที่ยงคืน มันคือเรื่องที่กู้เหยาไม่เคยแม้แต่จะคิดมาก่อน ในตอนนี้เธอกลับไม่ลังเลเลยสักนิด “ค่ะ คุณรอฉันสักครู่” วางโทรศัพท์เสร็จ กู้เหยาก็กลับไปที่ห้องเปิดไฟ เดินไปที่หน้าตู้เสื้อผ้า ไม่รู้ว่าควรใส่ชุดอะไรดีในชั่วขณะหนึ่ง ปกติเธอสวมแต่ชุดที่สบายๆตามใจตัวเอง ตอนทำงานก็สวมชุดทำงาน ในตู้เสื้อผ้าไม่มีกระโปรงเลยสักตัว เลือกไปเลือกมา กู้เหยาก็หาชุดที่พอใจไม่เจอ สุดท้ายก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงยีนส์ เธอค่อยๆออกไป หวังว่าคุณพ่อจะเห็น แต่หารู้ไม่ว่ากู้เจิ้งเต๋อนั้นจับตาดูเธอทุกการกระทำ
已经是最新一章了
加载中