ตอนที่ 325 หลักฐานที่ยังเก็บไว้ในปีนั้น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 325 หลักฐานที่ยังเก็บไว้ในปีนั้น
ต๭นที่ 325 หลักฐานที่ยังเก็บไว้ในปีนั้น ณ ฟาร์มแห่งหนึ่ง ผู้ช่วยเหอวางสายลงไป รายงานสถานการณ์ให้คุณปู่โม่ได้ทราบ “คุณท่านครับ เหลียงฮุ่ยอี๋ทางนั้นส่งข่าวมาว่า จนวันนี้คุณชายยังคงหมดสติไม่ยอมฟื้นแล้วจริงๆ คุณผู้ชายก็ไปนิวซีแลนด์เป็นเพื่อนภรรยา ข่าวคราวทางนี้คงยังไม่เข้าไปถึงหูของพวกเขา พวกเขาต่างก็ไม่อยู่ที่เจียงเป่ย ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ท่านจะครอบครองเซิ่งเทียนไว้ในกำมือขอรับ” เสียงของผู้ช่วยเหอทุกถ้อยคำดังเข้าไปในหูของคุณปู่โม่อย่างชัดเจน คุณปู่ได้ยินชัดถ้อยชัดคำ แต่ว่ายังคงนั่งนิ่งอยู่นาน ผ่านไปครู่ใหญ่ คุณปู่โม่จึงส่งเสียงออกมา กล่าวขึ้นช้าๆว่า : “เสี่ยวเหอ หลายสิบปีมานี้ ตระกูลโม่ของเราเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วเซิ่งเทียนล่ะ? ภาพลักษณ์ของผมในสายตาคนอื่นเป็นอย่างไรบ้าง?” ผู้ช่วยเหอเสมือนเป็นตัวตายตัวแทนของคุณปู่ แค่เพียงคุณปู่ถอนหายใจ ส่งสายตา หรือเคลื่อนไหวอะไรสักอย่าง เขาสามารถเข้าใจได้ว่าคุณปู่ท่านต้องการจะให้ทำอะไร “คุณท่านครับ เมื่อก่อนตระกูลโม่เป็นอย่างไร กระผมไม่ทราบหรอกขอรับ กระผมรู้แค่ว่าตลอดระยะเวลายี่สิบปีนี้ที่กระผมอยู่รับใช้ท่าน ท่านเป็นกังวลมากทั้งเรื่องตระกูลโม่และเซิ่งเทียน หากไม่ใช่เพราะความพยายามของท่านในอดีต เซิ่งเทียนคงไม่ประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้หรอกขอรับ” “เมื่อก่อนสมาชิกในตระกูลโม่ทุกคนต่างรักและสามัคคีกัน คุณชายกตัญญูรู้คุณต่อท่านอย่างมาก รักและเอาใจใส่คุณหนูตลอดเวลา แต่ว่าวันนี้ตระกูลโม่เปลี่ยนเป็นแตกคอกัน ไม่รักใคร่กันเหมือนเดิม พวกเราต่างก็รู้ดีว่าทำไมทุกอย่างถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้” “คุณท่านขอรับ กระผมทราบดีว่าท่านเป็นคนมีเมตตากรุณา ท่านไม่เคยคิดทำร้ายใครก่อน ท่านเป็นคนใจอ่อน แต่ว่าศัตรูของท่านไม่ใช่คนใจอ่อนเนี่ยสิขอรับ” “ท่านอย่าลืมสิขอรับว่า ในมือลูกสาวของเซียวลิ่งคางถือหลักฐานอยู่ ถ้าเธอเอาหลักฐานชิ้นนั้นเผยแพร่ออกไป......คุณท่านขอรับ ถึงตอนนั้นท่านจะทำอย่างไร? คุณหนูจะทำอย่างไร?” “คุณท่านขอรับ ท่านคิดว่าตัวเองนั้นอายุมากแล้ว เห็นอะไรมามากมาย แต่ว่าท่านต้องคิดแทนคุณหนูด้วยนะครับ เธอเพิ่งจะอายุยี่สิบต้นๆเอง หนทางในอนาคตยังอีกยาวไกลมาก พ่อแม่ของเธอก็ตายตั้งแต่ยังเล็ก เธอมีท่านเพียงคนเดียวที่เป็นคนสนิทที่เธอเหลืออยู่นะขอรับ” “คุณท่านขอรับ ท่านก็ทราบดีนี่ครับว่า วิธีที่คุณชายใช้ต่อสู้กับศัตรูนั้นโหดร้ายมากแค่ไหน ท่านก็เห็นด้วยตาของตัวเองแล้วนี่ครับ” ผู้ช่วยเหอพูดครั้งเดียวออกมายืดยาว ระหว่างทางไม่หยุดทิ้งช่วงเลย ทักษะการพูดของเขานี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เทียบได้กับเขา “เสี่ยวเหอ แกไปเตรียมการ เอาข่าวเรื่องการล้มป่วยลงโดยไม่มีสาเหตุของโม่ชิกระจายออกไปให้ทั่ว ยิ่งดูรุนแรงมากเท่าไหร่ยิ่งดี ดีที่สุดคือเอาบันทึกการรักษาของคุณหมอเผยแพร่ออกไปด้วย” ทีแรกตอนที่จัดการเรื่องนี้อยู่ คุณปู่โม่ยังรู้สึกลังเลและเกร็งๆอยู่นิดหน่อย แต่เมื่อฟังผู้ช่วยเหอพูดเรื่องพวกนั้นจบแล้ว ความกังวลที่มีอยู่ทั้งหมดหายลับไปทันที เขาอยากจะปกป้องรักษาตระกูลโม่เอาไว้ อยากจะปกป้องเซิ่งเทียนไว้ ไม่อยากให้ความพยายามจนประสบความสําเร็จของตระกูลโม่ตกอยู่ในกำมือของคนอื่น คุณปู่บอกกับตัวเองว่า สิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้แต่แรกคือแบบนี้ เขาเองก็เข้าใจดี เขายังทำแบบนี้ไม่ใช่เพื่อสิ่งเหล่านั้นเลย เขากลัวว่ากู้เหยาจะเปิดโปงหลักฐานที่ถือไว้อยู่ในมือออกมา ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อจะหยุดมันไว้ แล้วหาทางเอาหลักฐานนั้นกลับคืนมาให้ได้ แต่ว่าหลักฐานนั้นอยู่ที่ไหนกันล่ะ? ตอนนี้คนของเขายังไม่มีข้อมูลอะไรเลย ได้ยินคุณปู่โม่ตอบรับแล้ว ผู้ช่วยเหอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พลางกล่าวว่า : “คุณท่านขอรับ ทั้งหมดยกให้เป็นหน้าที่ผมจัดการเอง ท่านหายห่วงได้เลยขอรับ” คุณปู่โม่ถามต่อ : “เสี่ยวเป่าล่ะ? ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” ผู้ช่วยเหอบอกว่า : “คุณหนูไปถ่ายละครโบราณในสถานที่ไกลๆแห่งหนึ่ง ที่นั่นสัญญาณไม่ค่อยดี อินเตอร์เน็ตยังเข้าไปไม่ถึง เธอยังไม่ได้ยินข่าวเรื่องที่คุณชายป่วยหนักเลยขอรับ อีกราวหนึ่งเดือนเธอถึงจะกลับมา เมื่อเธอกลับมาแล้ว เรื่องทั้งหมดก็คงเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้วล่ะขอรับ” คุณปู่โม่พยักหน้า พลางโบกมือให้พร้อมกับเอ่ยว่า : “ไปจัดการเถอะ ยิ่งทำให้เสร็จเร็วได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี อย่าปล่อยให้มัวแต่ฝันค้างอยู่” เพื่อตัวเขาเอง เพื่อเสี่ยวเป่า.....เขาจำเป็นต้องถือเซิ่งเทียนไว้ในกำมือ ถ้างั้นเขาถึงจะสามารถควบคุมกำลังคนเอาไว้ได้ถึงจะทำในสิ่งที่อยากจะทำได้ ถึงจะสามารถทำให้เสี่ยวเป่ามีชีวิตอย่างสุขสบายได้ตลอดไป เขาอายุแปดสิบกว่าปีแล้ว จะว่าไปก็เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว เดิมทีเขาคิดไว้ว่าเวลาที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่นี้จะได้เห็นเสี่ยวเป่าแต่งงานกับโม่ข่าย ได้เห็นพวกเขามีลูกด้วยกัน ......ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็คงตายตาหลับได้แล้ว แต่ว่าเขาคิดไม่ถึงเลยว่า โม่ข่ายที่เชื่อฟังเขาเสมอจู่ๆกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น อีกทั้งไม่ส่งข่าวมาบอกเขาเลยสักคำ ปีนั้นกลับมาที่เจียงเป่ยตอนตรุษจีน จู่ๆได้ยินโม่ข่ายแนะนำผู้หญิงคนนั้นว่าเป็นภรรยาของเขา คุณปู่ท่านรู้สึกราวกับว่าตัวเองฝันสลายแล้ว ความฝันอันสวยหรูที่ตั้งใจวาดมาโดยตลอดถูกพวกเขาพังทลายลง กลายเป็นแค่เพียงฟองสบู่ โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ว่าผู้หญิงที่โม่ข่ายแต่งงานด้วยเป็นลูกสาวของเซียวลิ่งคาง เขายิ่งโกรธใหญ่ เขาเข้าใจว่า เซียวลิ่งคางจะต้องทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้แน่นอน ลูกสาวของเขาถึงได้มาใกล้ชิดกับโม่ข่าย คิดจะเปิดเผยเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาหลายปีแล้ว ความสามัคคีทั้งหมด ความอบอุ่นใจทั้งหมดที่เคยมี.....ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมี ได้พังทลายลงตั้งแต่ที่เขารู้ว่ากู้เหยาเป็นลูกสาวของเซียวลิ่งคาง ณ เวลานั้น ในสมองของเขามีเพียงความคิดเดียวคือ กำจัดลูกสาวของเซียวลิ่งคางเสีย ไม่ปล่อยให้เธอได้มีโอกาสพูดอะไร เมื่อทุกอย่างเตรียมไว้พร้อมแล้ว เมื่อได้เวลาที่เขาจะสามารถกำจัดลูกสาวของเซียวหนิงอี้ได้ทันที กู้เจิ้งเต๋อก็มาเจอเขาเข้า เป็นเพราะกู้เจิ้งเต๋อไอ้คนไม่ได้เรื่องพรรณนั้นที่มาเจอเขาเข้า เรื่องถึงได้บานปลายขยายวงกว้างมาถึงวันนี้ ไม่เช่นนั้นกู้เหยาก็คงสาบสูญไปจากโลกนี้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ...... โม่ข่ายนอนป่วยอยู่บนเตียง กู้เหยาไม่กล้าทิ้งเขาไปไหน เธอกลัวว่าพอตัวเองออกไป โม่ข่ายจะถูกใครลักพาตัวไปอีกถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็จะหาเขาไม่เจออีก ดังนั้นตลอดทั้งวันทั้งคืน กู้เหยาเฝ้าอยู่เคียงข้างโม่ข่าย แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน จนกระทั่งเช้าของวันรุ่งขึ้นเซียวหนิงอี้มาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เห็นกู้เหยายังมีกำลังใจที่เข้มแข็ง เซียวหนิงอี้ปวดใจจนต้องลูบหัวของเธอ พลางกล่าวว่า : “เหยาเหยา สถานการณ์ของโม่ชิคงไม่ได้ใช้เวลาแค่วันสองวันถึงจะดีขึ้นได้หรอก พี่จะเฝ้าเขาอยู่ที่นี่ให้เอง เธอกลับไปอาบน้ำอาบท่า นอนพักสัก2-3ชั่วโมงก่อน จัดเตรียมเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาอยู่เป็นเพื่อนเขาต่อเถอะ” เมื่อวานกู้เหยารีบมาที่โรงพยาบาล ไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วยเลย ความจริงเธอแค่อยากจะกลับไปเอาของบางอย่างเท่านั้น เพื่อความสะดวกในการที่จะต้องอยู่เฝ้าโม่ข่าย มีเซียวหนิงอี้อยู่ที่นี่คอยดูแลโม่ข่ายแทนเธอ เธอก็สบายใจได้แล้ว เธอไว้ใจเซียวหนิงอี้ได้โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อาจเป็นเพราะว่าข้างกายพวกเขาตอนนี้เหลือญาติแท้ๆอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น กู้เหยากลับไปที่คฤหาสน์โน่หยวน จากการชี้แนะของเซียวหนิงอี้จึงพบปากกาบันทึกเสียงที่เขาทิ้งเอาไว้ให้ เมื่อฟังสิ่งที่ปากกาบันทึกเสียงเอาไว้จนจบ กู้เหยาถึงกับตะลึงไปชั่วครู่ เธอเข้าใจมาตลอดว่าหลักฐานที่อยู่ในมือนั้นเป็นสิ่งที่สามารถใช้ยืนยันว่าคุณปู่โม่นั้นเป็นฆาตกร นึกไม่ถึงเลยว่านอกจากหลักฐานที่แสดงว่าคุณปู่โม่เป็นฆาตกรแล้ว ในเทปบันทึกเสียงยังมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวตนที่แท้จริงของคุณปู่โม่อีกด้วย แต่ว่าเทปบันทึกนี้มีอายุนานหลายปีแล้ว ประกอบกับผ่านมาหลายมือ คุณภาพเสียงไม่ค่อยสมบูรณ์และไม่ชัดเจน ยากที่จะฟังออกว่าคนที่พูดนั้นเป็นใคร ดังนั้นหากพวกเขาสองพี่น้องคิดจะอาศัยเทปบันทึกฉบับนี้มาใช้เป็นหลักฐานชี้ตัวคุณปู่โม่แล้วละก็ คงจะไม่ได้การแน่ นอกเสียจากว่าเธอจะสามารถหาผู้เชี่ยวชาญฝีมือดี เอาเทปบันทึกเสียงที่ไม่สมบูรณ์ฉบับนี้ซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้ถึงแม้ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ ขอเพียงมีคนเชื่อบ้าง สร้างกระแสทางสังคมได้บ้างก็พอแล้ว 
已经是最新一章了
加载中