ตอนที่ 339 เด็กชายยอดเยี่ยม   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 339 เด็กชายยอดเยี่ยม
ต๭นที่ 339 เด็กชายยอดเยี่ยม "ผมออกไปโทรศัพท์หาจ้านเนี่ยนเป่ยมา ให้เซียวหนิงอี้ส่งตัวเหลียงฮุ่ยอี๋ไปไว้ในมือเขา ให้เขาจัดการที่เหลือ" โม่ข่ายไม่ได้ปิดบังว่าทำอะไร แค่ไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมดให้เธอฟัง กู้เหยาพยักหน้า "อืม อย่างนี้ก็ดี เรื่องอื่นก็ยกให้เป็นหน้าที่เขาเถอะ คุณดูแลร่างกายให้ดีก็พอ" โม่ข่ายทิ้งตัวข้างกู้เหยา กอดเธอไว้ในอก "ร่างกายผมไม่ได้เลวร้ายเหมือนอย่างที่คุณคิดนะ" กู้เหยาคว้ามือที่อยู่ไม่สุขของเขา เอ่ยอย่างจนใจว่า "โม่ข่าย คุณอย่าเล่นเหมือนเด็ก ๆน่า รีบพักผ่อนเถอะจะได้หายเร็วๆ" "กู้เหยา..." "หืม?" "คุณจะไม่บอกผมจริงๆเหรอ?" เขารู้ว่าเธอต้องมีเรื่องอะไรแน่ ส่วนเธอจะบอกเขาหรือไม่ก็เป็นเรื่องสิทธิ์ของเธอแล้ว เขาหวังเพียงเธอจะสามารถพึ่งพิงเขา เชื่อใจเขาได้มากกว่านี้ "ฉันกังวลว่าจะมีคนมีทำร้ายลูกเรา... แค่คิดว่าเหยาเหยาจะถูกคนทำร้าย ฉันก็...." เพียงแค่คิดว่าเหยาเหยาน้อยได้รับบาดเจ็บ กู้เหยาก็หวาดกลัวจนพูดไม่ออก โม่ข่ายตบหลังกู้เหยา ปลอบใจเธอ "ผมจัดคนดูแลข้างกายเธอแล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นแน่ ถ้าคุณยังไม่วางใจอย่างนั้นเราก็ให้เธออยู่ที่บ้าน หยุดไปโรงเรียนชั่วคราวก็ได้" กู้เหยาไม่ได้เอ่ยถึงเหตุผลอื่น ทว่าโม่ข่ายก็สามารถคาดเดาได้แล้ว ต้องมีคนข่มขู่เธอแน่ แต่ตอนนี้คนที่คุกคามเธอนอกจากผู้เฒ่าโม่แล้วเขาก็คิดถึงคนอื่นอีกไม่ออกจริงๆ เรื่องของเซียวหลิ่งคงผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ผู้เฒ่าโม่ก็ยังคิดอยากจะกำจัดเธอโดยเร็ว มันเพราะอะไรกันแน่? ในไม่ช้า เขาจะต้องรู้คำตอบแน่ ...... เดือนเจ็ดกับเดือนแปดเป็นช่วงฤดูที่มีลมแรง หลายวันมานี้กรมอุตุวิทยาได้แขวนสัญญาณเตือนภัยพายุถึงระดับขีดสีส้ม เห็นได้ชัดว่าอากาศมีความเลวร้ายขนาดไหน ด้านนอกมีพายุฝนฟ้าคะนอง ท้องฟ้ากลายเป็นสีมืดครึ้มทั้งแผ่นราวกับถูกกดไว้บนยอดอย่างไรอย่างนั้น แต่ว่าทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีผลกระทบกับคนในคฤหาสน์โน่หยวนสักนิด ร่างกายของโม่ข่ายยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ กู้เหยาจึงไม่อนุญาตให้เขาไปทำงาน ทุกวันนี้เธอจะให้เวลาเขาจัดการงานที่บ้านในแต่ละวันละสองชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเวลาถึงกำหนดกู้เหยาก็จะไม่เก็บเครื่องไม้เครื่องมือของเขา หรือมองเขาอย่างดุดันอีกแล้ว เวลานี้ โม่ข่ายกำลังยุ่งอยู่ในห้องหนังสือ ส่วนกู้เหยาพาเหยาเหยาน้อยเข้าไปเล่นในห้องเด็ก เหยาเหยาน้อยไม่ได้ไปโรงเรียนอนุบาล กู้เหยาจึงย่อมต้องรับหน้าที่เป็นครูให้กับเธอ รับผิดชอบสอนให้เหยาเหยารู้จักตัวอักษร ใครจะรู้ว่าเหยาเหยาฉลาดกว่าที่กู้เหยาคิดไว้มาก ยังไม่สี่ขวบแต่กลับรู้จักตัวอักษรจีนมากมายรวมถึงคำศัพท์ในภาษาอังกฤษอีกด้วย กู้เหยาไม่อาจไม่ชมเชยเธอ ที่เหยาเหยาน้อยฉลาดขนาดนี้จะต้องเป็นยีนที่ส่งต่อมาจากคุณโม่ข่ายผู้ยิ่งใหญ่แน่ “คุณแม่ ทำไมน้องสาวของเหยาเหยากับน้องสาวของหมิงหมิงไม่เหมือนกันคะ?” เหยาเหยาน้อยถามเสียงนุ่มนวล เธอสงสัยมาตลอดว่าทำไมน้องสาวของหมิงหมิงเป็นเด็กผู้หญิง แต่น้องสาวของเธอเป็นลูกสุนัขตัวหนึ่ง ทั้งสองต่างก็เป็นน้องสาว แล้วทำไมถึงมีหน้าตาไม่เหมือนกัน “เพราะว่า คนคลอดพวกเขาไม่ใช่คุณแม่คนเดียวยังไงล่ะคะ ต้องไม่เหมือนกันอยู่แล้ว น้องสาวของหมิงหมิงมีคุณแม่ของหมิงหมิงเป็นคนคลอดออกมา น้องสาวของเหยาเหยาก็มีแม่ของตัวเองคลอดออกมาเหมือนกัน” เห็นเหยาเหยากระพริบตากลมโตอย่างเฉลียวฉลาด แสดงสีหน้าน่ารักไร้เดียวสาแล้ว กู้เหยาก็อดอุ้มเธอแล้วกัดเบาๆไม่ได้ “คุณแม่...” เหยาเหยาน้อยถูกคุณแม่ฟัดเหวี่ยงจนหัวหมุนแล้ว ยกมือจับเส้นผมตัวเองอย่างมึนงง ดูไปแล้วทั้งขลาดเขลาแต่ก็น่ารักน่าเอ็นดูด้วยเช่นกัน กู้เหยายิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้จากนั้นก็ที่ได้รับตอบกลับมาก็คือตาขาวกลมโตเล็กๆของลุกสาว เธอรู้สึกคล้ายกับว่าเหยาเหยาน้อยได้เมินเธอเข้าแล้ว “เหยาเหยาไม่เล่นกับคุณแม่แล้ว เหยาเหยาจะเล่นกับพี่เล่” เสียวเหยาเหยาไม่อยากอยู่กับแม่จริงๆเสียด้วย อยากจะไปเล่นกับพี่เล่แทนมากกว่า พวกเธอเล่นกันอยู่ในห้องเด็กเล่น มีเล่เฝ้าอยู่หน้าประตู ไม่พูดไม่จา ไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ สองตาเพ่งตรงไปเพียงที่เหยาเหยาน้อยเท่านั้น ไม่ยอดคลาดแม้แต่วินาทีเดียว กู้เหยาเห็นเหยาเหยาน้อยทะยานไปที่พี่เล่ของแก เธอสังเกตเห็นว่าใบหน้าน้ำแข็งนั้นอ่อนโยนลงภายในพริบตา เขากางแขนสองข้างออกเพื่ออุ้มเหยาเหยาน้อย ลูบเบาๆที่ใบหน้าของเธอด้วยท่าทางระมัดระวังอย่างยิ่งราวกับว่ากำลังปกป้องสมบัติลำค่าสำคัญชิ้นหนึ่งอยู่ ผู้ชายคนนี้ทั้งสูงทั้งผอมแล้วก็ใบหน้าที่น่ามองมาก เพียงแต่เขาชอบทำหน้าจริงจังตลอดเวลาแล้วก็ไม่ชอบสุงสิงกับคนอื่น ทุกคนจึงเผลอละเลยความหล่อของเขาไปโดยปริยาย จดจำได้เพียงแค่ความเย็นชาของเขา กู้เหยากลับมาอยู่ที่คฤหาสน์โน่หยวนนานแล้ว นอกจากเหยาเหยาเธอก็ยังไม่เคยเห็นเล่คุยกับคนอื่น ๆเลย “มองจนเคลิ้มไปหมดแล้ว มองอะไรอยู่น่ะ?” โม่ข่ายนั่งลงข้างกู้เหยาได้พักหนึ่งแล้ว ทั้งยังโบกมือไปมาตรงหน้าเธอด้วยแต่เธอไม่ยักจะสังเกตการมีตัวตนอยู่ของเขา “โม่ข่าย เล่แก่กว่าเหยาเหยากี่ปีเหรอคะ?” คนที่เป็นแม่คนย่อมมักมีแต่ความกังวล ลูกสาวยังไม่ถึงสี่ขวบแต่เห็นชายหนุ่มดูดีคนหนึ่งก็คิดอยากจะเก็บไว้ให้ลูกสาวเสียแล้ว “ดูจากทรงแล้วน่าจะประมาณสิบเอ็ดหรือสิบสองปีล่ะมั้ง” โม่ข่ายเคยรับปากว่าจะไม่ตรวจสอบภูมิหลังของเล่ เขาก็รักษาสัจจะไม่ได้ตรวจสอบจริงๆ แม้แต่อายุของเล่ก็ไม่เคยถามสักครั้ง ที่รู้อย่างเดียวก็มีแต่ชื่อของหมอนั่นเท่านั้น “สิบสองปีไม่ถือว่าแก่มาก” กู้เหยาพยักหน้า พึมพำกับตัวเองเบาๆ ทำเอาโม่ข่ายงงงวยไปด้วย “ตกลงคุณกำลังคิดอะไรกันแน่?” โม่ข่ายย่นคิ้วน้อยๆ นั่งอยู่ข้างเธอแต่กลับถูกเธอเมินแบบนี้ ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลยจริงๆ “คิดเรื่องน่ายินดีน่ะสิคะ” กู้เหยายิ้มแล้วอิงอยู่บนอกของโม่ข่าย เสียดสีแผงอกเขาเบาๆ “คุณคิดว่าเล่เป็นยังไงบ้าง?” “อะไรยังไง?” “เป็นสามีเป็นยังไงบ้างน่ะสิ?” “กู้เหยา คุณมีสามีแล้ว มีลูกแล้ว อย่าคิดอะไรเลอะเทอะ ไม่อย่างนั้นผมจะฆ่าหมอนั่นซะ” โม่ข่ายแทบจะตะโกนออกมา “โม่ข่าย นี่สมองคุณใส่อะไรไว้ข้างในกันแน่?” “คุณไม่ใช่ถามว่าเอาเล่มาทำสามีเป็นยังไงหรอกเหรอ?” “ไสหัวไป ครึ่งชั่วโมงนี้คุณอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าเด็ดขาด” เกลียดเขาชะมัด สมองของผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? “งั้นคุณกำลังคิดอะไร?” “ฉันก็แค่คิดว่าเหยาเหยาน้อยอยู่คนเดียวเหงาเกินไป โชคดีที่มีเล่อยู่ข้างๆก็เลยไม่ทำให้แกต้องรู้สึกเบื่อจนเกินไป” ถ้าไม่เพราะเหยาเหยาน้อยรังเกียจน้องชายล่ะก็ กู้เหยายังคิดจะคลอดน้องชายน้องสาวให้เธอมากกว่านี้หน่อยด้วยซ้ำ ไว้ให้เป็นเพื่อนเล่นกับเธอ หลังจากนี้เธอกับโม่ข่ายก็จะแก่ลง ถ้ามีน้องชายน้องสาวเยอะให้มาเป็นเพื่อนเหยาเหยา เธอก็จะไม่เหงาอีกต่อไป หลายครั้งที่กูเหยาคิดถึงเรื่องนี้ก็จะเผลอคิดถึงตอนที่เหยาเหยาร้องไห้หาแม่ กลัวว่าพอพ่อมีน้องชายแล้วก็จะไม่รักเธออีก พอคิดถึงฉากนั้นขึ้นมากู้เหยาก็มักรู้สึกปวดใจ สงสารลูกสาวยิ่งนัก... “ถ้าเหยาเหยาน้อยเหงาล่ะอย่างนั้นพวกเราก็รับเลี้ยงเด็กมาสักสองสามคนก็ได้ ต่อไปก็ให้เป็นเพื่อนเล่นที่บ้านของแก” โม่ข่ายเสนอความคิด "ทำไมต้องรับมาด้วย? ถ้าอยากจะเลี้ยงล่ะก็พวกเรามีกันเองไม่ดีกว่าเหรอคะ?" “พวกเราจะไม่มีอีกแล้ว” ท้องแรกของกู้เหยาลำบากมากแค่ไหน โม่ข่ายได้เห็นกับตาตัวเองและได้สลักมันไว้ในใจนานแล้ว จากนี้ไปเขาไม่ให้กู้เหยาต้องได้รับความลำบากแบบนั้นอีก 
已经是最新一章了
加载中