ตอนที่ 347 ไม่ใช่ปู่ที่แท้จริงอีกแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 347 ไม่ใช่ปู่ที่แท้จริงอีกแล้ว
ต๭นที่ 347 ไม่ใช่ปู่ที่แท้จริงอีกแล้ว ระหว่างทางกลับบ้าน กู้เหยาคิดถึงคำพูดของเหลียงฮุ่ยอี๋อยู่ตลอด ในหัวสมองยังคงกังวลกับสุขภาพร่างกายของโม่ข่าย กังวลไม่สบายใจแบบนี้ไปจนถึงตอนกลางคืน จู่ๆกู้เหยาก็นึกถึงบทสนทนาที่คุยกับเหลียงฮุ่ยอี๋ในวันนี้ ——เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของคุณปู่โม่ ผู้ช่วยเหอคือคนประเทศ A เหลียงฮุ่ยอี๋คือคนประเทศ A พวกเขาล้วนอุทิศตนให้กับคุณปู่โม่ คุณปู่โม่ในตอนนี้ไม่ใช่คนประเทศ A แล้วเขาคือใครกันแน่? คิดอยู่นาน กู้เหยาก็ไม่ได้คำตอบ คุณปู่โม่ในตอนนี้เป็นภัยอันตรายต่อโม่ข่ายอย่างมาก เธอไม่สามารถมองดูภัยอันตรายอยู่ข้างตัวอย่างช่วยไม่ได้ และต้องบอกโม่ข่าย ต้องทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย กู้เหยาคิดแล้วคิดอีก เธอมองโม่ข่ายที่อยู่ข้างๆอย่างอดไม่ได้ และเอ่ยถามอย่างตั้งใจและเคร่งเครียด “โม่ข่าย ตอนคุณเด็กๆ คนที่รักคุณมากที่สุดในบ้านคือใคร?” “ปู่ผม” พูดถึงคนที่รักตัวเองมากที่สุดในบ้าน คนแรกที่นึกถึงก็คือคุณปู่ของเขา โม่ข่ายจำได้มาโดยตลอด พ่อแม่เขารักกันมาก คุณพ่อรักคุณแม่เขามาก เพราะตอนคลอดเขาคุณแม่ลำบากมาก สุขภาพร่างกายไม่ดีอยู่เสมอ คุณพ่อเลยดูแลคุณแม่ด้วยกำลังที่มีทั้งหมด เขาเลยกลายเป็นคนที่ถูกเพิกเฉย แต่เขามีคุณปู่ คุณปู่เขารักเขามากมาโดยตลอด สั่งสอนหลักการปฏิบัติตนมากมายให้กับเขา ทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายจากคุณปู่ ตอนเด็กๆ คุณปู่มักจะพูดประโยคหนึ่งกับเขาอยู่บ่อยๆ——ลูกผู้ชายตระกูลโม่ จะต้องดีที่สุด จะต้องรักภรรยาและปกป้องลูก หากปกป้องทั้งโลกด้วยความตั้งใจดี ก็จะสามารถพิชิตดวงดาวได้ “ก่อนหน้านี้คุณปู่โม่เคยเกิดเรื่องอะไรที่......แปลกๆมาก่อนไหม?” กู้เหยาคิดใคร่ครวญคำพูดอีกครั้ง กลัวโม่ข่ายจะไม่เข้าใจ และกลัวว่าโม่ข่ายจะเข้าใจมากเกินไปจนสงสัยขึ้นมา “เรื่องแปลกๆหรอ?” คิ้วสวยของโม่ข่ายขมวดขึ้นมา ไม่เข้าใจว่ากู้เหยาหมายความว่าอย่างไร “อย่าเช่น......” กู้เหยาพึมพำอยู่สักพักก่อนพูด “นิสัยเปลี่ยนไปอย่างมาก?” เธอถามอย่างจริงจังและรอบคอบอย่างมาก มองความกังวลและลังเลในดวงตาเธอไม่ยาก เห็นกู้เหยาเป็นแบบนี้ โม่ข่ายก็ทำสีหน้าแน่วแน่ขึ้นมา คิดอย่างระมัดระวังจากนั้นถึงตอบว่า “เหมือนว่าจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก” ได้ยินคำตอบแบบนี้ กู้เหยาก็ผิดหวังอย่างอดไม่ได้ “ทำไมหรอ?” ถึงจะตอบคำถามไปแล้ว แต่โม่ข่ายก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมกู้เหยาถึงถามแบบนี้ “โม่ข่าย ถ้าเกิดว่า ฉันพูดว่าถ้าเกิดว่านะ......” กู้เหยากลืนน้ำลายอย่างกังวล แล้วถามอย่างระมัดระวังอย่างมาก “ถ้าคุณปู่โม่คนปัจจุบันไม่ใช่ปู่แท้ๆของคุณ คุณจะทำยังไง?” “ถ้าไม่ใช่ปู่แท้ๆของผมหรอ? จะไม่ใช่ปู่แท้ๆของผมได้ยังไง?” ข้อสันนิษฐานของกู้เหยานี้ไร้สาระเกินไป โม่ข่ายเลิกคิ้วขึ้นมา แต่ก็คิดอย่างตั้งใจ แต่คิดอยู่นาน โม่ข่ายก็คิดไม่ออก เห็นเขาขมวดคิ้ว กู้เหยาก็พูดอีก “คุณปู่โม่เคยหายไปสักพัก......จากนั้นก็เปลี่ยนไป บางทีอาจจะเปลี่ยนแค่นิดหน่อยไหม” ได้ยินกู้เหยาถามแบบนี้ จู่ๆก็มีอะไรแวบขึ้นมาในสมองโม่ข่าย เขายังคงจำได้แม่น ตอนเขาอายุเก้าขวบ สุขภาพร่างกายของปู่เขาไม่ดีเลยไปรักษาตัวอยู่ข้างนอกหนึ่งปี หนึ่งปีผ่านไป คุณปู่ก็กลับมาตอนที่คุณพ่อและคุณแม่เก็บเสียวเป่ามาเลี้ยง ตอนนั้นข้างกายคุณปู่ก็มีผู้ช่วยที่เรียกว่าเสี่ยวเหอ หลังจากนั้นเป็นต้นมา นิสัยคุณปู่ก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย เขามักจะหลีกเลี่ยงเขา ไม่สอนเขาทุกเรื่องเหมือนแต่ก่อน แต่คุณปู่กลับรักเสียวเป่าที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดเลยมากขึ้น ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม จนเสียวเป่ากลายเป็นหัวแก้วหัวแหวนของคนในครอบครัว ในตอนนั้นโม่ข่ายที่ยังเป็นเด็กก็อิจฉานิดหน่อย แต่เขาก็คิดว่าคุณปู่ทำแบบนี้เพราะเขาเป็นเด็กผู้ชาย ต้องแบกรับภาระที่มากกว่า แต่เสียวเป่าเป็นเด็กผู้หญิง การถูกดูแลเอาใจใส่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ความคิดนี้ติดอยู่ในใจลึกๆของโม่ข่าย แต่กูเหยาในวันนี้กลับพูดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างขึ้นมา บางทีทัศนคติของคุณปู่ที่เปลี่ยนไปกับตัวของเขา อาจจะไม่ใช่เพราะไม่รักและใส่ใจ แต่เป็นเพราะคุณปู่ไม่ใช่คุณปู่คนเดิมแล้ว...... และตอนนั้นที่จู่ๆเสียวเป่าปรากฏตัวขึ้นมา ผู้ปกครองที่สำคัญที่สุดของเสียวเป่าก็คือ “คุณปู่” ...... หรือว่า......สิ่งที่กู้เหยาพูดถูกต้องแล้ว คุณปู่ไม่ใช่คุณปู่ของตนตั้งนานแล้ว แต่คุณปู่และเสียวเป่ามี......สายเลือดที่เกี่ยวข้องกันอย่างแท้จริง? เพราะความคิดในหัวสมองทำให้โม่ข่ายประหลาดใจขึ้นมา ไม่ใช่ว่าไม่มีความเป็นไปได้ แต่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าคุณปู่โม่คนที่รักเขาและคอยสั่งสอนเขาคนนั้นจะโดนคนแอบสวมรอย โม่ข่ายไม่ได้ตอบ แต่กู้เหยารับรู้ได้จากสีหน้าท่าทางของเขาว่าคุณปู่โม่คนก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างแน่นอน กู้เหยาไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่เอื้อมมือไปกอดโม่ข่าย แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “โม่ข่าย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างคุณ” “กู้เหยา คุณรู้เรื่องที่ผมไม่รู้ใช่ไหม?” กู้เหยาไม่เคยถามเรื่องสมมุติฐานมาก่อน โม่ข่ายจึงเดาออกว่าเธอจะต้องมีหลักฐานอะไรที่เขาไม่รู้อยู่ในกำมือแน่นอน กู้เหยาพยักหน้า “ฉันมีของที่เกี่ยวข้องกับคุณปู่อยู่......คุณอยากดูไหม?” หากส่งของสิ่งนี้ไปแล้ว โม่ข่ายอาจจะสูญเสียคนในครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเคยสำคัญมากที่สุดไป แต่โม่ข่ายแทบจะไม่ลังเล พยักหน้าด้วยสายตาอันยากที่จะเข้าใจแต่หนักแน่น คุณปู่คนปัจจุบันไม่ใช่คุณปู่แท้ๆของโม่ข่าย เขาคงไม่รักโม่ข่าย วิธีการวางยาที่ผ่านามานั้นคงเป็นวิธีที่เบาที่สุดของชายแก่เจ้าเล่ห์ที่สวมรอยคนนั้น กู้เหยาเห็นว่าโม่ข่ายตัดสินใจแล้ว ก็ไม่ได้ยืดเยื้อเวลา รีบเอาเครื่องบันทึกเสียงอันจิ๋วที่ซ่อนไว้อย่างระมัดระวังออกมาแล้วส่งให้โม่ข่ายทันที เธอพูด “เครื่องบันทึกเสียงนี้ได้มาจากแหวนวงนั้นที่แม่ฉันให้คุณ เพราะมันเก่ามากแล้ว เสียงเลยไม่ค่อยชัดเจน มีขาดๆหายๆบ้าง” โม่ข่ายพยักหน้า เปิดเครื่องบันทึกเสียงอันจิ๋วนั้นแล้วฟังเนื้อหาบทสนทนาภายในเครื่องบันทึกอันจิ๋วนั้นเงียบๆ เนื้อหาบทสนทนาไม่มากนัก ครึ่งแรกเกี่ยวกับการฆาตรกรรมเซียวลิ่งคัง ครึ่งหลังเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของคุณปู่ บทสนทนาฟังออกลางๆ ชายชราที่บ่งบอกตัวตนไม่แน่ชัดสวมรอยเป็นคุณปู่ตระกูลโม่ที่แท้จริง แต่เขาคือใครกันแน่ ทำไมจะต้องสวมรอยเป็นคุณปู่ตระกูลโม่ ไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่ชัดในบทสนทนานี้ ก่อนที่จะฟังเครื่องบันทึกเสียงนี้ โม่ข่ายเคยคาดเดาไว้ แต่นั่นเป็นแค่การคาดเดาของตัวเองจึงไม่สำเร็จ แต่หลักฐานพวกนี้ในตอนนี้ทำให้รู้ว่าคุณปู่คนปัจจุบันไม่ใช่คุณปู่แท้ๆของเขา และคุณปู่แท้ๆของเขาถูกคนสวมรอยมาตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน แต่หลานชายที่คุณปู่รักที่สุดกลับไม่รู้อะไรเลย กู้เหยาดึงปลายเสื้อของโม่ข่ายอย่างระมัดระวังแล้วพูด “โม่ข่าย เทปเสียงนี้มันไม่สมบูรณ์ ส่วนที่มันปล่อยออกมาบางทีอาจจะเป็นใจความสำคัญมากที่สุดแล้ว” โม่ข่ายกำหมัดแน่น ซ่อนอารมณ์รุนแรงไว้ภายในใจ เขายิ้มให้กู้เหยา “สิ่งนี้เอาให้ผมจัดการเอง คุณไม่ต้องคิดมากนะ จะดึกแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” 
已经是最新一章了
加载中