ตอนที่ 9 จ้าวเซียวมาขอความช่วยเหลือ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 9 จ้าวเซียวมาขอความช่วยเหลือ
ตอนที่ 9 จ้าวเซียวมาขอความช่วยเหลือ มีคนมาตบไหล่ฉันเบาๆ ฉันเลยหันหลังไปมองคือเพื่อนของจางเจียเย่น บนใบหน้าของทั้งสองคนยังคงแสดงถึงความหวาดกลัวอยู่ ดูท่าทางมีความลังเลที่จะพูดอยู่สักพักก็เปิดปากถามว่า “เฉินน่อ เธอบอกพวกฉันได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” จริงๆฉันไม่ได้อยากจะเล่าให้ฟังหรอก แต่ยังไงสะพวกเขาก็เป็นเพื่อนกัน บางครั้งเขาอาจจะมีเบาะแสอื่นๆก็ได้ พวกเขาสมควรที่จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันพยายามที่จะเล่าให้เพื่อนไม่รู้สึกตกใจกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็แน่ละ ฉันไม่ได้พูดประโยคที่จางเจียเย่นพูดกับฉันออกไปออกไป ฉันกลัวว่าพวกเธอจะหวาดกลัวกันไปมากกว่านี้ เมื่อทั้งสองได้ฟังจบแล้ว สีหน้าทั้งคู่ก็ซีดเผือดคล้ายกระดาษก็ไม่ปาน เพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยก็คือจ้าวเซียว หล่อนค่อยๆก้าวถอยหลังไปได้ไม่กี่ก้าวก็กรีดร้องออกมาด้วยความกลัวว่า “เธอมาหาเราแล้ว เธอมาหาเราที่นี่แล้วว” ฉันตกใจมาก ไม่รู้จะเอ่ยว่าอะไร จ้าวเซียวหมุนตัวแล้ววิ่งหนีไป คล้ายว่ากำลังโดนบางสิ่งที่น่ากลัวไล่ตามอยู่ ส่วนเพื่อนอีกคนนึงก็บอกว่า ขอโทษแทนจ้าวเซียวด้วยนะคะ ก่อนจะตามจ้าวเซียวไป เหลือฉันอยู่คนเดียวฉันมองตามพวกเธอไปด้วยความใจลอย เมื่อกี้ที่จ้าวเซียวตะโกนออกมาทำให้คนจำนวนไม่น้อยหันมาสนใจตรงที่ฉันอยู่ ผู้คนต่างคิดว่าฉันใส่สีตีไข่ลงไปในเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อให้เพื่อนตกใจกลัว ทำให้ฉันโดนวิพากวิจารย์มากกว่าเดิมอีก แสงแดดส่องเข้ามาจากปลายหน้าต่างริมทางเดิน แต่ทว่าที่ที่ฉันยืนอยู่เป็นมุมทางเดินทั้งมืดและเย็นคล้ายว่าอยู่กันคนละโลกเลยทีเดียว ฉันทำได้แค่ยืนกอดตัวเอง ไม่มีอะไรบรรเทาความหนาวที่เกิดจากความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้ไปได้ ฉันต้องทำอย่างไรเหรอ รอบข้างเงียบสงัด ฉันคล้ายกับคนที่แข็งทื่อเหมือนตอไม้ ยืนอยู่ตรงนี้นานมาสักพักแล้ว จนนึกถึงคำพูดของเทียนปูหยู่ที่พูดกับฉันว่า ถ้ากำลังเจอปัญหาให้ไปที่ร้านหนังสือแล้วหาหนังสือเล่มหนึ่ง นึกถึงคำนี้ ฉันไม่สนใจแล้วว่ามันจะเป็นจริงหรือเขาจะหลอกฉันอะไรยังไง เหมือนคนกำลังจมน้ำแล้วตะเกียกตะกายเพื่อพยายามรักษาชีวิตเอาไว้ แม้จะเป็นความฝันลมๆแล้งๆแต่ทว่าก็ยังดีกว่าไม่มีความหวังอะไรเลย จางเจียเย่นตายไปแล้ว ลางสังหรณ์บอกฉันว่าถ้าฉันไม่ทำอะไรกับเรื่องนี้เลย มันอาจจะมีคนตายมากไปกว่านี้ก็ได้ ฉันรีบไปที่ร้านหนังสือนั้น แล้วซื้อหนังสือที่เทียนปูหยู่บอกมา ไม่รู้ทำไม ฉันรู้สึกว่าคุ้นเคยกับร้านหนังสือร้านนี้มาก แต่ฉันพึ่งมาเมื่อสองเดือนก่อนเองนี่ ตอนนั้นที่ซื้อหนังสือเรียนไป หนังสือสีดำเล่มนี้ มันเป็นสีที่ดำมากๆทั้งหน้าปกและด้านในล้วนเป็นสีดำทั้งนั้นเลย ฉันลองเปิดอ่านดูข้างในก็พบว่า มันไม่ได้เขียนอะไรไว้ในนี้เลย ในใจก็คิดแล้วว่าหรือว่าตานั่นแกล้งฉันอีกแล้วหรอ ไม่หรอก ฉันสะบัดหัว ต้องอดทนอีกนิด ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร อาจารย์ที่ปรึกษาก็โทรมาเสียก่อน บอกว่าตำรวจกำลังรอฉันอยู่ให้ฉันรีบกลับไปมหาลัยเดี๋ยวนี้ เพราะมันเป็นคดีฆาตกรรมจะรอช้าไม่ได้ เมื่อให้ปากคำกับทางตำรวจเสร็จ ก็ต้องไปหานักจิตวิทยาอีก กว่าจะได้กลับห้องก็ปาไปห้าทุ่มครึ่งแล้ว ฉันรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ฟุบลงกับโต๊ะเพื่อพักสักครู่ พี่จิ้นและอันอันกลับบ้านไปแล้ว เยนหนานก็ยังไม่กลับมา ทำให้ทั้งห้องว่างเปล่ามีแค่ฉันคนเดียว อดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกกลัวเกิดขึ้นในใจ อยู่ดีๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ป้อก ป้อก ฉันกล้าๆกลัวๆอยู่นานกว่าจะเดินไปถึงประตู แล้วถามเสียงเบาๆไปว่า “ใครหน่ะ” “ฉันเองจ้าวเซียว” นั่นเป็นเสียงของจ้าวเซียวตัวจริงไม่ผิดแน่ แต่ทว่าน้ำเสียงกลับมีความเหนื่อยล้า ฉันเลยพ่นลมหายใจ แล้วเปิดประตูออก แต่ทว่ากลับเจอเยียหนานอยู่ข้างนอกในมือมีถุงเต็มเลย คล้ายว่าพึ่งซื้อของกลับห้องมา จ้าวเซียวและเพื่อนอีกคนที่มาเมื่อตอนบ่ายก็มาด้วยเธอชื่อไป๋หย่าถิง เป็นเพื่อนของจางเจียเย่น เยนหนานไปล้างผลไม้ ฉันเลยให้อีกสองคนนั่งลงก่อน เลยถามพวกเธอว่า ดึกขนาดนี้มาหามีอะไรหรือไม่ จ้าวเซียวเอาแต่กัดริมฝีปากล่าง หลังจากเงียบมานานอยู่ดีๆก็ร้องไห้ออกมา ฉันได้แต่งุนงง เยนหนานได้ยินเสียงร้องโวยวายเลยรีบวิ่งเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันได้แต่มองไปที่จ้าวเซียวอย่างจนปัญญาและเอากระดาษทิชชู่ไปให้เธอ จ้าวเซียวร้องไห้สะอึกสะอื้นเลย ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ และก็ไม่รู้ด้วยว่าอะไรทำให้เธอร้องไห้ออกมา ได้แต่รอให้เธอร้องไห้เสร็จอย่างเงียบๆ สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นไป๋หย่าถิงเอ่ยปากออกมาว่า “เฉินน่อ จริงๆแล้วหน่ะจ้าวเซียวอยากจะให้เธอช่วยอะไรหน่อยหน่ะ” ไป๋หย่าถิงอธิบาย ก่อนจะเกิดเรื่องหน่ะ จางเจียเย่นมีท่าทีประหลาดมาก ทั้งๆที่เมื่อก่อนตอนสมัยมัธยมปลายพวกเธอสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันแท้ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจางเจียเย่นกันแน่ แต่ก็ทำได้แค่หาคนช่วย อยากให้เชิญวิญญาณมาถามให้กระจ่างไปเลย “อะไรนะ ทำพิธีเชิญวิญญาณ !!” เยนหนานเบิกตากว้าง “บ้านา พวกเธอเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ” “เฉินน่อ ขอร้องละ ช่วยพวกเราเถอะนะ มันอาจจะได้ผลจริงๆก็ได้นะ อีกอย่างเธอเป็นคนเห็นเหตุการณ์ ฉันคิดว่าลองดูสักครั้งคงไม่เป็นไรหรอก เธอคิดว่าไง ถ้ามันไม่ได้ผลหรืออะไรพวกเราก็จะเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้” จ้าวเซียวพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ฉันกัดปากแน่น ความจริงฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้หรอกนะ เรื่องลี้ลับหน่ะ แต่ใครจะไปรู้ว่าเราจะได้เห็นกันต่อหน้าหรือเปล่า แต่ทว่าในท้องฉันมีอยู่หนึ่งตัวแล้วนี้ ! “แล้วพวกเธอรู้หรือเปล่าว่าทำไมจางเจียเย่นถึงได้แปลกไป” ฉันเลยถามไปที่จ้าวเซียว อยู่ดีๆ จ้าวเซียวก็หันศีรษะมา ด้วยความรู้สึกแปลกๆ “อันนี้ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ก่อนหน้านั้นเธอฝันร้ายอยู่บ่อยๆ สีหน้าไม่ค่อยจะดี พวกเราเลยไม่กล้าถามหน่ะ” ฉันขมวดคิ้ว อืมมม จ้าวเซียวกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่
已经是最新一章了
加载中