ตอนที่ 13 ไป๋เวยเวย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 13 ไป๋เวยเวย
ตอนที่ 13 ไป๋เวยเวย อะไรนะ! ไป๋หย่าถิงตายแล้ว...... เมื่อได้ยินคำพูดของซูหลิน ในหัวของฉันก็เริ่มเต็มไปด้วยเสียงหึ่งรบกวนราวกับมีผีสาวชุดแดงจำนวนมากมายกำลังหัวเราะร้ายบินผ่านไปมาไม่หยุดหย่อน ในตอนนั้นฉันเสียสติไปทันที และได้เพียงนั่งนิ่งอยู่บนที่นั่งโดยไม่ขยับเขยื้อน “นี่! เฉินน่อ!” กว่าฉันจะได้สติกลับคืนมาเพราะซูหลินใช้มือที่หยาบกร้านจากการถือปืนและต่อสู้ของเขาตบลงที่ไหล่ของฉันอย่างรุนแรง ซูหลินก็ต้องเรียกฉันไปหลายครั้งหลายคราแล้ว ไป๋หย่าถิงคือคนที่หวาดกลัวเรื่องพวกนี้จนรีบร้อนหนีกลับบ้านเกิดไปโดยไม่สนใจแม้กระทั่งการเรียน แต่ว่าทำไม แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่เธอก็ยังไม่อาจจะหลบหนีชะตาร้ายในครั้งนี้ได้......หรือว่าระหว่างเพื่อนร่วมหอพักอย่างพวกเขาจะมีความลับที่บอกคนอื่นไม่ได้อยู่จริง...... “ไป๋หย่าถิงตายเพราะอะไรคะ?” ฉันถามขึ้นอย่างไม่ยอมตายใจ “ได้ยินว่าอยู่ๆ ก็บ้าคลั่งขึ้นมาบนรถไฟระหว่างกลับบ้าน จากนั้นก็กระโดดลงจากขบวนรถตกลงไปเสียชีวิต แถมก่อนที่จะเสียชีวิตเธอก็ยังเอาแต่พึมพำไม่หยุดด้วย.......” ซูหลินยังไม่ทันได้พูดจบ แต่ฉันก็รู้ได้แล้วว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปคืออะไร ดูเหมือนว่าการตายของไป๋หย่าถิงเองก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผีสาวชุดแดงตนนั้นเช่นกัน สิ่งที่ไป๋หย่าถิงพึมพำร้องก็คือคำที่เธอเขียนลงบนกระดาษเมื่อหลายวันก่อนในตอนที่เราอัญเชิญผีมา : ช่วยด้วย ดวงตาของฉันจ้องมองเขม็งไปยังผีสาวชุดแดงในจอภาพ ในหัวจิตนาการภาพความหวาดกลัวบนใบหน้าของไป๋หย่าถิงในยามใกล้ตายขึ้นมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ฉันเงยหน้าขึ้นถามซูหลินด้วยสายตาที่เลื่อนลอย : “คุณคิดว่าผีสาวตนนี้มีความสัมพันธ์กับพวกเด็กผู้หญิงที่อยู่ในหอพักหรือเปล่าคะ? หรือว่า.......” ฉันลังเลอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็ยังไม่อาจจะพูดสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกไปได้ เมื่อนึกไปถึงจ้าวเซียวที่ตอนนี้กำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล และไป๋หย่าถิงที่เสียชีวิตอย่างน่าสลดใจแล้ว ฉันก็ไม่อาจจะทนโยนความสงสัยไปให้พวกเธอได้ แต่ว่าก็สามารถเห็นได้ชัดว่า ซูหลินเข้าใจสิ่งที่ฉันสื่อออกไปแล้ว เขาจึงพูดต่อในสิ่งที่ฉันได้เกริ่นเอาไว้ : “หรือว่าการตายของผีสาวชุดแดงจะมีความเกี่ยวข้องกับความหวาดกลัวของเด็กสาวพวกนี้” เขาดับบุหรี่ในมือลง และเริ่มจุดม้วนใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง ฉันขมวดคิ้วยกมือขึ้นปิดจมูก ภายในใจอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าอย่างไรตอนนี้ฉันก็เป็นคนที่กำลังตั้งครรภ์คนหนึ่ง “คิดไม่ถึงเลยว่า เด็กสาวตัวน้อยๆอย่างเธอจะมีมันสมองที่หลักแหลมขนาดนี้” ซูหลินเปิดภาพบันทึกอีกครั้งและอีกครั้งราวกับเกรงว่าจะพลาดอะไรไป พร้อมกับหันมาส่งรอยยิ้มที่ดูไม่ดีนักมาทางฉัน บางทีเขาอาจจะรู้สึกได้แล้วว่าฉันไม่ถูกกับกลิ่นบุหรี่นัก เขาจึงโยนบุหรี่ที่เผาไหม้ไปแล้วกว่าครึ่งในมือไปโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ถ้าหากบอกว่าสมมุติฐานของเราเป็นไปได้ มันก็หมายความว่าการตายของผีสาวชุดแดงมีความเกี่ยวข้องกับเด็กผู้หญิงพวกนั้น ถ้าแบบนั้นแล้ว....... เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉันก็รีบลุกขึ้นทันที จากนั้นกับใช้ทั้งสองมือตบลงที่โต๊ะแรงๆ ทำเอาพวกคนที่กำลังจดจ่ออยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตตกใจกันไปยกใหญ่ และค่อยๆ หันมามองที่ฉัน ฉันส่งรอยยิ้มไปให้พวกเขาด้วยความรู้สึกผิด จากนั้นก็หันไปพูดกับซูหลินด้วยใบหน้าเคร่งเครียด : “ความจริงแล้วในคืนนั้นผีสาวพยายามที่จะฆ่าจ้าวเซียว และตอนนี้จ้าวเซียวก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว คุณว่าเธอจะกลับมาทำอะไรอีกครั้งไหมคะ?” ซูหลินดูราวกับถูกฉันสะกิดให้รู้ตัวขึ้น เขาไม่มีอารมณ์จะดูวิดีโออีกต่อไป และรีบจัดการดึงแฟลชไดร์ฟออกมา พร้อมกับลากฉันพุ่งออกไปข้างนอกโดยไม่พูดอะไรสักคำ ที่แท้ซูหลินก็พาฉันมายังโรงพยาบาลที่จ้าวเซียวกำลังพักรักษาตัวอยู่นั่นเอง เพราะว่าจ้าวเซียวเรียนอยู่ต่างเมือง ทำให้ภายในห้องพักผู้ป่วยมีเพียงเพื่อนนักศึกษาอยู่เป็นเพื่อนไม่กี่คนเท่านั้นและภายในนั้นก็ยังมีคนนำโน้ตบุ้คมาทำวิทยานิพนธ์ด้วย เมื่อเห็นว่าจ้าวเซียวปลอดภัยดี ฉันและซูหลินก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ แต่ฉันรู้ดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคน และเรื่องแบบนี้ก็ไม่อาจจะสะเพร่าได้ แม้ตอนนี้จะยังไม่มีเรื่องอะไร แต่พวกเราก็ไม่อาจจะมั่นใจได้ว่าวินาทีต่อไปจ้าวเซียวจะยังคงปลอดภัยอยู่ ดูเหมือนว่าซูหลินจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาพูดอะไรกับเพื่อนนักศึกษาอยู่สักพัก ก่อนที่จะเอาโน้ตบุ้คของอีกฝ่ายมาเสียบแฟลชไดร์ฟของตัวเองเข้าไป ฉันเข้าใจเจตนาของซูหลินขึ้นมาในทันที และก็ลอบมองท่าทีของจ้าวเซียวไปโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา ซูหลินจัดการอยู่นาน สุดท้ายเขาก็ส่งโน้ตบุ้คไปที่ด้านหน้าของจ้าวเซียว “นักศึกษาจ้าวเซียว กรุณาดูตรงนี้หน่อยสิ” จ้าวเซียวพยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีลุกขึ้นมานั่งและมองไปยังจอโน้ตบุ้ค แต่ว่าในวินาทีต่อมา ดวงตาของเธอก็เบิกออกกว้างราวกับได้รับความตกใจอย่างไม่ได้ตั้งตัว “ก่อนหน้านี้เคยพบกับเธอมาก่อนหรือเปล่า?” แม้ว่าจะเป็นชุดคำถามทั่วไปที่ตำรวจมักจะใช้ แต่ไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่จ้าวเซียวกำลังเผชิญอยู่ก็เป็นผีตนหนึ่ง ใบหน้าของซูหลินยังคงเป็นปกติ และไม่ได้มีความรู้สึกว่า “คดีนี้ไม่ปกติ” เลยแม้แต่น้อย “ไม่......ไม่เคยค่ะ นี่คืออะไร......หรือว่า นี่คือในคืนนั้น.......” จ้าวเซียวเริ่มจะร้อนรนขึ้นมา สองมือของเธอจับเข้าที่เรือนผม ท่าทางนั่งยืนไม่เป็นสุข พร้อมกับพึมพำออกมาไม่หยุดปาก : “ฉันไม่รู้จักเธอ ไม่เคยเจอมาก่อน......เอาออกไป เอาออกไป......” เมื่อเห็นว่าจ้าวเซียวเริ่มจะสูญเสียการควบคุม ซูหลินก็ไม่อาจจะบังคับเธอให้พูดอะไรต่อไปได้ และทำได้เพียงนำโน้ตบุ้คออกมา พวกเพื่อนนักศึกษาเองก็รีบเข้ามาปลอบประโลมเธอ ซูหลินหันมาส่งสายตาให้กับฉัน ก่อนจะพาฉันออกมาจากห้องพักผู้ป่วยทันที แต่ว่าดูเหมือนซูหลินไม่ได้ต้องการจะออกไปจากที่นี่ และทำเพียงนั่งอยู่ภายนอกห้องพักของจ้าวเซียว จากนั้นก็จุดบุหรี่ขึ้นสูบโดยไม่สนใจใคร “ดูเหมือนว่าจ้าวเซียวจะรู้จักผีตนนั้นจริงๆ เพียงแต่ตอนนี้อาการของเธอไม่มั่นคงเท่าไหร่ พวกเราใช้ไม้แข็งไม่ได้ คืนนี้ฉันจะอยู่ที่นี่ ส่วนเธอก็กลับไปก่อนเถอะ” ฉันลุกยืนขึ้นมา ความจริงแล้วฉันรู้สึกไม่ค่อยวางใจให้ตำรวจที่ไม่เอาใจใส่อย่างซูหลินดูแลจ้าวเซียว แต่ว่าเมื่อนึกไปถึงผู้เข้าร่วมพิธี “อัญเชิญผี” ในวันนั้น ฉันก็อดที่จะกังวลเรื่องของตัวเองขึ้นมาไม่ได้ แน่นอนว่ายังมีเยนหนานอีกด้วย เมื่อกลับมาถึงห้องนอน พี่จิ้นก็ยังคงกล่อมเยนหนานให้นอนหลับอยู่ ฉันหันไปมองเยนหนานเล็กน้อย ที่จริงหากพูดกันจริงๆ แล้ว เธอต่างหากที่เป็นคนที่ไม่ได้มีส่วนผิดอะไรมากที่สุด ฉันนั่งลงบนเตียงด้วยความท้อแท้ และเริ่มนึกย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอีกครั้ง ในตอนแรกพบศพของจางเจียเย่น ไม่สิ ถ้าพูดให้ชัดเจนก็คือ พบชิ้นส่วนศพของเธอต่างหาก หัวของจางเจียเย่นที่เต็มด้วยเลือดรินไหลยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉันไม่จางหาย หลังจากนั้นจ้าวเซียวก็สลบไป และไป๋หย่าถิงก็เสียชีวิต...... ดังนั้นจึงสามารถพูดได้ว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดก็ยังคงมาจากตัวจางเจียเย่น และจางเจียเย่นคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรที่พวกเราไม่รู้กับผีสาวตนนั้น รวมทั้งจ้าวเซียวและไป๋หย่าถิงอีก? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ปัญหาทุกอย่างต่างก็โยงไปที่ตัวของจ้าวเซียวทั้งหมด ตอนนี้คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็มีเพียงจ้าวเซียวแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าหากตอนนี้จ้าวเซียวไม่พูดอะไรออกมา พวกเราก็ไร้หนทางอื่นเช่นกัน...... ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะหลับไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว ในเช้าตรู่ของวันถัดมา ฉันตื่นขึ้นด้วยเสียงรบกวนสายเข้าจากซูหลิน ซูหลินที่อยู่ปลายสายตื่นเต้นราวกับค้นพบแผ่นดินใหม่ : “เฉินน่อ ฉันเจออะไรใหม่ๆ ด้วยล่ะ! รีบมาเร็วเข้า!” ฉันรีบพุ่งตัวไปยังโรงพยาบาลอย่างรีบร้อนด้วยความประหลาดใจเต็มหัว และแน่นอนว่ามีรอยใต้ตาดำด้วย ตามที่ซูหลินบอก เมื่อคืนหลังจากที่จ้าวเซียวหลับไปแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะฝันร้าย และเธอก็ตะโกนชื่อหนึ่งออกมาตลอดระยะการฝันนั้น อีกทั้งชื่อนี้ก็ยังเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูพวกเราเอาเสียเลยอย่าง___ไป๋เวยเวย หรือว่าผีสาวชุดแดงตนนั้นจะชื่อว่า ไป๋เวยเวย?
已经是最新一章了
加载中