ตอนที่ 14 ค้นพบผ้ายันต์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 14 ค้นพบผ้ายันต์
ตอนที่ 14 ค้นพบผ้ายันต์ ฉันฟุบตัวอยู่ที่ประตูทางเข้า และลอบมองเข้าไปที่จ้าวเซียว เมื่อเทียบกับเมื่อวานแล้ว เธอก็ดูไม่ได้ดีขึ้นมานัก เธอยังคงนอนอยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่าย ไม่ยอมพูดคุยอะไรกับใคร ในตอนที่ฉันไล่พวกเพื่อนนักศึกษาที่อยู่เป็นเพื่อนเธอออกไป เธอก็ทำเพียงขยับหัวเล็กน้อยเท่านั้น ความจริงเมื่อวานฉันกับซูหลินได้ไปถามหมอมาแล้ว แม้ว่าอาการบาดเจ็บภายนอกของจ้าวเซียวจะสาหัส แต่มันก็เป็นเพียงอาการภายนอกเท่านั้น ตลอดมาที่เธอสลบไปไม่ยอมฟื้นก็เป็นเพราะเธอตกใจมากจนเกินไป สมองจึงได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย แต่เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็หมายความว่าไม่ได้มีอะไรต้องห่วงแล้ว ฉันเองก็เรียนการแพทย์ แม้ว่าตอนนี้จะยังเรียนไม่จบ แต่ว่าก็พอเข้าใจอยู่บ้างแล้ว การที่จ้าวเซียวเป็นแบบนี้ มันก็เพื่อที่จะปกปิดความรู้สึกผิดในใจของเธอเท่านั้นเอง ฉันจึงไม่อ้อมค้อมกับเธออีกต่อไป และถามออกไปอย่างเรียบง่ายและตรงประเด็น : “ไป๋เวยเวยคือใคร?” ดูเหมือนจ้าวเซียวจะคิดไม่ถึงว่า ฉันจะรู้จักคนที่ชื่อว่าไป๋เวยเวย เธอจึงมองมาที่ฉันด้วยความตกใจในตอนแรก ก่อนที่จะขดตัวและก้มตัวซ่อนลงไปในผ้าห่ม ที่แท้เธอก็ยังคงไม่อยากจะหลุดเรื่องราวใดๆ ออกมา แต่ว่าเห็นได้ชัด ถ้าหากเธอยังไม่พูดอะไรออกมา เราก็จะไม่สามารถสืบหาที่มาที่ไปของเรื่องนี้ได้ และมันก็อาจจะทำให้ผีสาวชุดแดงแผลงฤทธิ์ออกมาได้ จากนั้นชีวิตของจ้าวเซียวก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน ฉันคิดว่าจ้าวเซียวน่าจะรู้ถึงความหนักหนาของเรื่องนี้อยู่ ฉันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดเรื่องสาเหตุต่างๆ กับเธอ ฉันก็เลยไม่ได้พูดอะไรมาก และยังคงแสดงท่าทีนิ่งแข็งอยู่อย่างเคย : “ยังจำผู้ชายที่มาหาเธอเมื่อวานได้ไหม เขาเป็นตำรวจ เมื่อคืนเขาคอยดูแลเธออยู่ทั้งคืน คนที่ชื่อว่าไป๋เวยเวย เธอไม่จำเป็นต้องบอก พวกตำรวจก็สามารถสืบหากันได้ มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแหละ” ฉันมองไปยังจ้าวเซียวที่ยังคงนิ่งเฉยไม่รู้สึกรู้สาอะไร ในใจของฉันเกิดความรู้สึกผิดหวังขึ้นมา แต่ว่าฉันก็ยังคงทำท่าทีข่มขู่เธอต่อไป : “ถ้าเธอไม่บอกเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเธอออกมาให้ชัดเจน คืนนี้ไป๋เวยเวยอาจจะมาหาเธอก็ได้ และเมื่อถึงตอนนั้น ความปลอดภัยในชีวิตของเธอ.......” ฉันจงใจหยุดคำพูดลง และมองไปยังจ้าวเซียวตาไม่กระพริบ ในตอนนั้นเอง ซูหลินเดินก็เข้ามา และในระหว่างที่เขากำลังจะพูดอะไรสักอย่างขึ้น จ้าวเซียวก็เปิดผ้าห่มออกอย่างไม่คาดคิด จากนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ : “เธอคิดผิดแล้ว ผีสาวตนนั้นไม่ใช่ไป๋เวยเวย” เพราะว่าผู้คนที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวโยงกับเรื่องนี้มีเพียงผีสาวตนนั้นเท่านั้นที่ฉันไม่รู้จัก ดังนั้นในตอนแรกฉันถึงคิดเอาเองว่าไป๋เวยเวยก็คือผีสาวตนนั้น การปฏิเสธอย่างไร้ความรู้สึกของจ้าวเซียวทำให้ฉันรู้สึกหมดหนทางขึ้นมาเล็กๆ ฉันมองไปที่ซูหลิน ซูหลินยักคิ้วให้กับฉันราวกับกำลังขำใส่ฉันอยู่อย่างไรอย่างนั้น แล้วมันจะมีทางไหนกัน ฉันไม่ใช่ตำรวจเสียหน่อย! แต่ว่าในตอนนี้จ้าวเซียวก็ดูว่าง่ายขึ้นมาไม่น้อย และเริ่มพูดเรื่องของไป๋เวยเวยออกมาอย่างละเอียด ทีแท้ จ้าวเซียว จางเจียเย่น และไป๋เวยเวยก็เป็นเพื่อนรักที่เติบโตมาด้วยกัน เพียงแต่หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จ้าวเซียวกับจางเจียเย่นสอบติดที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ไป๋เวยเวยที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมกลับถูกแยกไปเข้าศึกษาที่อีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง ตามที่จ้าวเซียวบอกมา เมื่อคืนเธอฝันร้าย และคนที่อยู่ด้วยกันกับเธอก็คือไป๋เวยเวย แม้ว่าจ้าวเซียวจะยังคงยืนยันว่าเธอจำรายละเอียดอะไรในฝันไม่ได้ แต่ว่าต่อให้ใช้นิ้วหัวแม่โป้งเท้าคิดก็ยังรู้ว่า ภายในฝันนั้นจะต้องมีผีสาวชุดแดงอยู่อย่างแน่นอน เพียงแต่ทำไมไม่ว่าอย่างไรจ้าวเซียวก็ไม่ยอมบอกเรื่องของผีสาวชุดแดงกับเรากัน? จากสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาก็สามารถดูออกได้ว่าจ้าวเซียวรู้จักเธออย่างแน่นอน และฉันก็คิดว่าจ้าวเซียวเองก็รู้ว่าพวกเรารู้ถึงจุดนี้แล้ว แต่ว่าเธอกำลังยืดยัดทำอะไรอยู่กันแน่...... ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ฉันก็ไม่อาจจะเข้าใจ ฉันจึงหมุนตัวเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย และพบว่าซูหลินกำลังสูบบุหรี่อยู่ที่ข้างเตียงระหว่างโถงทางเดิน เมื่อเห็นว่าฉันกำลังเดินเข้าไปหา เขาก็รีบโยนบุหรี่ทิ้งไป จากนั้นก็หันมาฉีกยิ้มให้กับฉัน “พยาบาลไม่ได้บอกกับคุณเหรอคะ ว่าที่โรงพยาบาลห้ามสูบบุหรี่?” ฉันฟุบตัวลงที่ขอบหน้าต่างข้างๆ เขาและมองออกไปที่ภายนอก “ฉันรู้ว่าเธออยากจะถามอะไร ความจริงแล้วฉันก็เป็นตำรวจที่ไม่ได้น่าเชื่อถือนัก เพราะว่านอกจากเป็นตำรวจแล้ว ฉันยังเป็นนักบวชลัทธิเต๋าด้วย” อะไรนะ? นักบวชลัทธิเต๋า! แต่ว่าเมื่อพูดไปแล้ว ซูหลินก็เป็นเพียงตำรวจคนหนึ่ง แต่พอฉันมายืนที่ตรงนี้ เขาก็รู้แล้วว่าฉันต้องการจะพูดอะไร “ความจริงพ่อของฉันเป็นซินแส ดังนั้นฉันก็เลยไม่เหมือนพวกตำรวจที่ไม่เชื่อในพระเจ้าพวกนั้น และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมคดีนี้ถึงมีแค่ฉันมาตรวจสอบ” ฉันมองพิจารณาตัวของซูหลิน ในหัวจินตนาการภาพเขาสวมชุดนักบวชลัทธิเต๋าและถือแส้หางม้าไว้ในมือ แม้ว่ามันจะดูน่าตลกมาก แต่ในตอนนี้ฉันกลับขำไม่ออก ในตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี เมื่อคิดไปถึงว่าภายในห้องพักผู้ป่วยของจ้าวเซียวไม่มีใครอยู่ ฉันก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง หน้าต่างภายในห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดเอาไว้ สายลมพัดโชยเข้ามา ฉันเห็นว่าที่ใต้เตียงของจ้าวเซียวดูเหมือนมีแสงสีเหลืองประกายผ่านไป ฉันเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ก่อนที่จะคิดอะไรขึ้นมาได้ ฉันหยิบเอาอาหารเช้าที่อยู่ข้างๆ มา และนั่งลงที่ข้างเตียงของจ้าวเซียว จากนั้นก็ค่อยๆ ลงมือคนข้าวต้มในมือ ในตอนที่ตักข้าวตักป้อนให้จ้าวเซียว มือของฉันสั่นไหวจนช้อนตกลงมาที่พื้น ฉันส่งยิ้มให้กับจ้าวเซียวด้วยความละอาย ก่อนที่จะรีบฟุบตัวลงไปเก็บช้อนที่ใต้เตียงขึ้นมา ใช่แล้ว ฉันจงใจ ไม่อย่างนั้นฉันจะสามารถเห็นชัดๆ ได้อย่างไรว่าที่ใต้เตียงของจ้าวเซียวถูกใครบางคนนำผ้ายันต์มาติดไว้ แต่ว่าเพราะได้รู้ถึงตัวตนใหม่ของซูหลินแล้ว ฉันก็เลยไม่ได้ประหลาดใจกับของสิ่งนี้นัก ฉันตักข้าวต้มป้อนให้กับจ้าวเซียวอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าจ้าวเซียวดูจะยอมรับฉันไม่น้อยแล้ว ฉันก็เลยถามขึ้นเพื่อไม่ให้เสียโอกาสไป : “เธอคิดว่าเธอจะสามารถหลบซ่อนไปได้ทั้งชีวิตเหรอ?” จ้าวเซียวนิ่งไปไม่น้อย ราวกับรู้สึกว่าเธอไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปมากกว่านี้แล้ว เธอหันมามองฉันเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับไปก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มอีกครั้ง พูดกันมาขนาดนี้แล้ว ดูเหมือนว่าหากจะถามต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา อีกอย่างถ้าจ้าวเซียวอยากจะพูด ในคืนทีอัญเชิญผีมา เธอก็น่าจะบอกกับฉันไปแล้ว ฉันคิดไปโดยไม่อาจจะห้ามตัวเองได้ ถ้าหากว่าจ้าวเซียวบอกเรื่องที่ปกปิดเราเอาไว้ตั้งแต่แรก บางทีอาจจะไม่เกิดเรื่องมากมายเหล่านี้ขึ้นก็ได้...... แต่ว่าบนโลกจะไปเอาคำว่าถ้าหากมากมายขนาดนั้นมาจากไหนกันนะ....... เมื่อเห็นว่าจ้าวเซียวทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ไม่พูดอะไรให้เปล่าประโยชน์กับเธอต่อมากนัก และออกมาทันที เมื่อมีการป้องกันของผ้ายันต์ ในยามกลางวันแสกๆ ผีสาวตนนั้นก็ไม่น่าจะสามารถทำอะไรกับเธอได้ ซูหลินยังคงอยู่ในท่าทีดังเดิมราวกับว่ายังไม่ได้ขยับไปไหนตั้งแต่ที่ฉันออกไป ในตอนนั้นเอง นางพยาบาลคนหนึ่งก็เดินผ่านพวกเราไป บนรถเข็นของเธอมีสิ่งของรูปร่างกลมถูกคลุมไว้ด้วยผ้าขาว ผ้าสีแดงถูกเลือดสดเปรอะเปื้อนจนไม่เหลือชิ้นดี ฉันรู้ดี ภายใต้ผ้าขาวผืนนั้นคือเด็กที่ยังไม่กลายเป็นรูปเป็นร่างในท้องของแม่คนไหนสักคน...... ฉันคิดไปพร้อมกับลูบท้องของตัวเองโดยไม่อาจจะควบคุม ดูเหมือนว่าที่ท้องน้อยจะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย ด้านในนี้มีเด็กคนหนึ่งอยู่จริงๆ สินะ...... “ดูเหมือนว่า เธอจะเจอผ้ายันต์ของฉันแล้ว เธอไม่คิดจะถามอะไรหน่อยเหรอ?” เสียงของซูหลินดึงให้ฉันกลับมาสู่โลกความจริง ฉันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาสังเกตเห็นท่าทางของฉันเมื่อสักครู่หรือไม่
已经是最新一章了
加载中