ตอนที่ 15 บ้าคลั่ง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 15 บ้าคลั่ง
ตอนที่ 15 บ้าคลั่ง ฉันมักจะรู้สึกว่าการเป็นตำรวจจะต้องเป็นคนที่มีไหวพริบการสังเกตสูงตนน่าตกใจมาตลอด อย่างเช่นเมื่อซูหลินเห็นว่าฉันใช้มือแตะลงที่หน้าท้อง เขาก็น่าจะรู้แล้วว่าฉันกำลังตั้งครรภ์ แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซูหลินดูจะไม่ใช่ตำรวจแบบนั้น ฉันจึงลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฉันใต้ตาดำแบบนี้ แต่คุณที่เฝ้าอยู่ที่นี่ทั้งคืนกลับยังดูดีเสียกว่า!” ฉันตีซูหลินไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่กลับเห็นว่าพยาบาลที่เพิ่งเดินผ่านพวกเราไปเมื่อสักครู่กำลังเดินกลับมาทางพวกเรา “พวกคุณสองคน ห้ามใช้เสียงดังในโรงพยาบาลนะคะ!” ฉันก้มหัวลงด้วยความละอายเล็กน้อย แต่กลับพบว่านางพยาบาลที่กำลังจะเดินจากไปหมุนตัวหันกลับมาอีกครั้ง “แล้วก็เธอ ห้ามสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลนะ!” นางพยาบาลชี้ไปที่ซูหลินพร้อมกับท่าทีราวกับเขาเป็นพวก “ใช้ไม่ได้” และนั่นทำให้ฉันอดจะส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกไปไม่ได้ จนกระทั่งเมื่อนางพยาบาลเดินจากไปไกลแล้ว ฉันถึงได้หยุดเสียงหัวเราะลง เมื่อได้กลิ่นบุหรี่ที่ยากจะจางหายไปจากตัวของซูหลิน ความคิดประหลาดก็เกิดขึ้นมาในหัว : ยังดีที่เทียนปูหยู่ไม่สูบบุหรี่ ฉันรู้สึกตกใจที่ท่าทีของตัวเองที่มีต่อเจ้าคนนั้นเปลี่ยนไป และพยายามจะสะบัดมันออกไปจากหัว ก่อนจะคิดว่าอาจจะเป็นเพราะสองวันที่ผ่านมานี้ตัวเองเหนื่อยเกินไป อีกทั้งยังถูกเรื่องประหลาดๆ นี่ทำจนสมองเบลอไปหมด! และในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของซูหลินก็ดังขึ้น และเมื่อรับสายโทรศัพท์แล้ว มันยังตามมาด้วยเสียงร้องเสียงหลงของซูหลิน : “ว่ายังไงนะ!” ภายในใจของฉันเกิดความรู้สึกไม่สงบขึ้นมา ฉันลอบกำชายเสื้อของตัวเองเอาไว้ จนกระทั่งซูหลินวางโทรศัพท์ไป ฉันถึงได้เปิดปากพูดออกมา เพียงแต่ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร ซูหลินกลับหันมาบอกฉันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด : “วันนี้พวกเราเพิ่งจะสืบค้นเจอคนที่ชื่อว่าไป๋เวยเวย แต่ว่า......” ซูหลินก้มหน้าลงราวกับพยายามจะหาคำที่เหมาะสมมาใช้ เมื่อผ่านไปสักพัก เขาก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉันอีกครั้ง “ไป๋เวยเวยหายตัวไปแล้ว” อะไรนะ! ฉันพยายามที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้ถึงได้ไม่ร้องออกมาเสียงดังอย่างซูหลิน ซูหลินหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แต่ดูเหมือนว่าจะนึกไปถึงคำเตือนของนางพยาบาลเมื่อสักครู่ได้ เขาถึงเก็บมันลงไปอย่างใช้อารมณ์ ส่วนฉันเมื่อไม่มีกลิ่นบุหรี่มาปลอบประโลม ฝ่ามือก็เหนียวไปทั่วเนื่องจากเหงื่อจำนวนมากแล้ว ถ้าบอกว่าเป้าหมายของผีสาวชุดแดงคือพวกเด็กสาวสามคนที่พักอยู่ในหอพักกับจ้าวเซียว แล้วการหายตัวไปของไป๋เวยเวยหมายความว่าอะไรกัน? หรือว่าความจริงแล้ว เป้าหมายของผีสาวตนนั้นไม่ได้รวมไป๋หย่าถิงเอาไว้ด้วย แต่เป็นเพียงจ้าวเซียวและเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันทั้งสองของเธอ? แต่ว่าแม้นี่จะสามารถอธิบายการหายตัวไปของไป๋เวยเวยได้ แต่ว่าในส่วนการตายของไป๋หย่าถิงแล้ว มันก็ไม่ได้เข้ากันเอาเสียเลย ในตอนนั้นฉันไม่มีความคิดอะไรดีๆ เลย ไม่รู้ว่า “หายตัวไป” นั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่____เพียงแค่ตามหาไม่พบเฉยๆ หรือว่าได้เสียชีวิตอยู่ในที่ที่พวกเราหาไม่พบไปเสียแล้ว....... ฉันสั่นสะท้านขึ้นมา และส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางซูหลิน เมื่อซูหลินได้ฟังการวิเคราะห์ของฉันแล้ว เขาก็พยักหน้าลงด้วยความมั่นใจ แต่เขากลับหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความสงบนิ่ง : “ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง ไป๋เวยเวยอาจจะเป็นพวกเดียวกับผีสาวชุดแดง และถ้าเป็นแบบนั้น เธออาจจะร่วมมือกับผีสาวชุดแดงเพื่อทำร้ายจ้าวเซียวก็ได้” ดูเหมือนว่าการเป็นไปของเรื่องราวจะทะลุออกจากขอบเขตความเข้าใจของฉันแล้ว ฉันมองไปยังใบหน้าด้านข้างที่นิ่งเฉยของซูหลินและได้แต่เงียบไปชั่วขณะ คนที่มีชีวิตเป็นๆ อยู่คนหนึ่งจะสามารถร่วมมือกับผีเพื่อทำร้ายคนได้จริงหรือ...... และเพราะว่าฉันไม่เข้าใจ ทั้งหมดถึงได้ดูแปลกประหลาดไปหมด...... อยู่ๆ ฉันก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และรีบลุกขึ้นเตรียมเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยทันที “ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริง ผ้ายันต์ของคุณก็ไม่สามารถป้องกันร่างเนื้อของคนธรรมดาได้” ดังนั้นจ้าวเซียวก็ยังคงสามารถตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ แม้ว่าจ้าวเซียวจะไม่สามารถพูดอะไรได้ แต่ว่ามันก็เป็นชีวิตของคนคนหนึ่ง ฉันไม่สามารถจะไม่สนใจได้แน่ ฉันเดินเข้ามาที่ห้องพักผู้ป่วย ก่อนจะพบว่าพวกเพื่อนนักศึกษาได้กลับมาแล้ว และกำลังพูดคุยเล่นกับจ้าวเซียวอยู่ ฉันจึงค่อยๆ วางใจลง มีคนอยู่มากมายแบบนี้ แม้ว่าอยู่ๆ ไป๋เวยเวยจะปรากฏตัวขึ้นมาก็ไม่น่าจะทำอะไรจ้าวเซียวได้ ฉันกับซูหลินอาศัยช่วงที่จ้าวเซียวกำลังนอนกลางวันตรวจสอบวิดีโอในวันนั้นอีกครั้ง จนถึงตอนนี้เมื่อเห็นผีสาวตนนั้น ฉันก็ยังคงรู้สึกเย็นสันหลังขึ้นมาทุกที เมื่อคิดไปถึงว่าครั้งหนึ่งเคยอยู่ร่วมห้องกับเธอ ฉันก็ยิ่งรู้สึกเสียใจที่ตอบรับจ้าวเซียวไปในตอนนั้น ในตอนที่พวกเรากำลังจดจ่ออยู่กับวิดีโอ อยู่ๆ ภายในห้องพักผู้ป่วยก็เกิดเสียงดัง “เพล้ง” ขึ้น___มันคือเสียงชามแตก และตามมาด้วยเสียงร้องแสดงความเจ็บปวดของจ้าวเซียว พวกเรารีบพุ่งเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย และเห็นจ้าวเซียวกำลังกลิ้งตกลงมาจากเตียงราวกับตุ๊กตาไม้เชิด อีกทั้งยังกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง : “เลิกทำอะไรไร้ประโยชน์ได้แล้ว พวกแกเอาชนะเธอไม่ได้หรอก ไม่มีทางเอาชนะได้!” ดูเหมือนว่านิ้วมือของเธอจะไปโดนกับเศษชามที่แตกเข้า เลือดสดจึงไหลรินออกมา แต่ว่าจ้าวเซียวดูราวกับจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ เลยแม้แต่น้อย เธอยังคงตวัดแขนวุ่นวายไปทั่วเพื่อกันไม่ให้ใครเข้าใกล้ เมื่อซูหลินเห็นภาพสถานการณ์แล้ว เขาก็จัดการล็อคประตูห้อง และนำผ้ายันต์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม จากนั้นก็หลบแขนที่กำลังตวัดไปอย่างบ้าคลั่งของจ้าวเซียวด้วยความคล่องแคล่ว ไม่นานเขาก็สามารถนำผ้ายันต์ไปแปะลงบนหัวของเธอได้ ทันใดนั้นจ้าวเซียวก็ดูราวกับถูกสะกด แขนทั้งสองของเธอนิ่งค้างอยู่กลางอากาศในท่าเดิม มองดูน่าตลกอยู่เล็กๆ แต่ซูหลินกลับประสานนิ้วกลางและนิ้วชี้เข้าด้วยกันชี้ไปยังบริเวณที่จ้าวเซียวถูกแปะผ้ายันต์เอาไว้ พร้อมกับพึมพำร่ายมนต์อะไรบางอย่าง จากการร่ายมนต์ทำให้แขนของจ้าวเซียวค่อยๆ ลดต่ำลง และท่าทางที่ดูโหดเหี้ยมก็ค่อยๆ กลับสู่สภาพดั่งเดิม ดวงตาของเธอค่อยๆ ปิดลงกลับไปเป็นท่าทางการนอนหลับเช่นเดิมราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ในตอนนั้นซูหลินหันมาส่งสายตาให้ฉัน ฉันถึงได้เดินไปเปิดประตูที่ถูกล็อคเอาไว้ พวกหมอรีบร้อนเข้ามาภายใน และกล่าวว่าการกระทำเมื่อสักครู่ของพวกเรา ซูหลินหลุดออกมาจากความจริงจังด้วยความว่องไว และเปลี่ยนไปอยู่ในท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสอีกครั้ง : “คุณหมออย่าโกรธเลยน่า เมื่อสักครู่เธอตกใจนิดหน่อย ผมก็เลยกล่อมให้เธอนอนไปแล้ว......” ดูเหมือนว่าพวกหมอจะยังไม่วางใจนัก พวกเขาก็เลยฉีดยาระงับให้กับจ้าวเซียวไปอีกเข็ม แต่ว่าเมื่อฉีดยาเข้าไปแล้ว อยู่ๆ จ้าวเซียวก็เบิกดวงตาขึ้น พร้อมกับส่งรอยยิ้มน่าหวาดกลัวให้กับพวกหมอ ราวกับว่าพวกหมอตกใจจนลนลาน พวกเขารีบถอนเข็มฉีดยาออกและกำชับเพียงไม่กี่คำ ก่อนจะออกไปด้วยความร้อนรน “จ้าวเซียว ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอตั้งใจจะไม่บอกอะไรกับเราเลยจริงๆ เหรอ!” ฉันรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่จ้าวเซียวตั้งใจทำให้พวกหมอตกใจ แต่ว่าสิ่งที่น่าประหลาดใจจริงๆ อยู่ที่เธอฟื้นขึ้นมาจากผลยันต์ของซูหลินได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร นี่สามารถบอกได้ว่าพลังของผีตนนี้ไม่ใช่ธรรมดา “ฉันเคยบอกไปแล้ว ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น! ถ้าพวกเธอไม่อยากให้ฉันเป็นบ้าขึ้นมาอีก ก็อย่ามาถามฉันอีกเลย!” เมื่อจ้าวเซียวพูดจบ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น เมื่อเปิดประตูออก หญิงสาวที่ฉันไม่เคยพบเห็นมาก่อนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ในระหว่างที่ฉันกำลังมองพิจารณาเธออยู่นั้น คิดไม่ถึงเลยว่า อยู่ๆ จ้าวเซียวที่อยู่ข้างหลังจะร้องไห้ออกมาเสียงดังยกใหญ่ จ้าวเซียวร้องไห้ไปพร้อมกับพยายามดึงสายน้ำเกลือออก จากนั้นก็โซเซลงมาจากเตียง
已经是最新一章了
加载中