ตอนที่ 19 การค้นพบใหม่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 19 การค้นพบใหม่
ตอนที่ 19 การค้นพบใหม่ “คุณว่ายังไงนะ!” ฉันรู้สึกไม่อยากจะเชื่อขึ้นมาเล็กน้อย เกรงว่าตัวเองจะฟังอะไรผิดไป จึงถามซูหลินออกไปอีกครั้ง แต่ว่าซูหลินกลับไม่ได้สนใจฉันอยู่ก่อนแล้ว เขากำลังเดินห่างออกไปยังผืนหญ้าที่ไกลออกไปด้วยตัวคนเดียวเพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่าง ซูหลินเปิดหญ้ารกเหล่านั้นออก และย่อตัวลงราวกับพยายามตามหาอะไรบางอย่างอยู่ ฉันเห็นเพียงเขาใช้มือข้างหนึ่งลูบลงเบาๆ ที่ผืนดินไม่หยุด อีกทั้งบางทีก็ยังยกมือขึ้นมาตรวจสอบดูนิ้วมืออีกด้วย แม้ว่าฉันจะดูผิดหวัง แต่ก็มักจะรู้สึกว่าซูหลินนั้นค้นพบอะไรบางอย่างแล้ว แต่ว่ารอจนกระทั่งฉันเดินไปถึงข้างกายของเขา ซูหลินก็เตรียมจะลุกขึ้นออกจากที่นี่แล้ว ฉันจึงถามออกไปอย่างไม่ยอมตายใจ “คุณมองดูอยู่ตั้งนานเจออะไรไหม?” ซูหลินไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กลับเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้า ฉันเงยหน้าขึ้นตามเขา วันนี้แสงอาทิตย์ค่อนข้างมืดครึ้ม และบังเอิญมีเมฆดำข้างๆ กำลังลอยผ่านมาช้าๆ พอดี มันจึงค่อยๆ บดบังพระอาทิตย์ไปทีละเล็ก เงาของฉันเองก็ค่อยๆ โปร่งใสไปทีละน้อย จนกระทั่งหายไปไม่มีให้เห็น บริเวณโดยรอบเองก็มืดครึ้มลงไปไม่น้อย และในตอนที่เมฆดำบดบังพระอาทิตย์ได้อย่างพอดีนั้น อยู่ๆ ซูหลินก็เอาผ้ายันต์ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้อย่างรวดเร็วและไร้สัญญาณ เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “ตอนนี้ล่ะ!” ฉันยืนอยู่ที่เดิมไร้การขยับเขยื้อนมองไปยังผ้ายันต์ในมือของซูหลินที่กำลังลอยขึ้นไปในอากาศ มันอาศัยกำลังของกระดาษใบหนึ่งในการบาดนิ้วมือของซูหลิน เลือดสดค่อยๆ หยดลงมาจากบาดแผลและลอยขึ้นไป จนกระทั่งมันมากพอที่จะห้อมล้อมยันต์เอาไว้ มันก็หยุดลงด้วยตัวเอง ฉันเริ่มมองเหม่อออกไป จนกระทั่งพบว่ารอบตัวของฉันมืดมิดไปหมดแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังเป็นช่วงกลางวันอยู่เลยนะ ฉันเย็นสันหลังขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ และมักจะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่ด้านหลังของฉันตลอดเวลา ฉันนึกถึงผีสาวชุดแดงในภาพบันทึกขึ้นมา ไม่สิ ตอนนี้ควรจะเรียกเธอว่าจ้าวซิ้ว ฉันคิดไปถึงใบหน้าขาวซีดและริมฝีปากสีแดงเลือดภายใต้เรือนผมที่ยุ่งเหยิง และยังมีเสียงหัวเราะที่เจือปนเสียงร้องไห้อันไม่ชัดเจนของเธออีก ในตอนนี้ฉันเหลือเพียงความคิดเดียวในหัว หนี! แต่ว่าฉันกลับได้พบว่า ภายในความมิดมืดนี้ ฉันไร้หนทางหนี ฉันไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง และตอนนี้เพียงยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นปลายนิ้ว หรือแม้กระทั่งฉันอยากจะพูดอะไรออกไป ก็ได้เพียงอ้าปากออก แต่กลับไร้เสียงถูกส่งออกมา ดูเหมือนว่าฉันจะนึกถึงเสียงร้องขอความช่วยเหลือของจ้าวซิ้วขึ้นมาที่ข้างหู : “ช่วยฉันด้วย......ช่วยฉันที......” ฉันสามารถรู้สึกได้ว่าจ้าวซิ้วเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างที่เปียกชื้นของเธอทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายตัวจนถึงขีดสุด ภายในโพรงจมูกเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ฉันรู้สึกว่าภายในท้องของฉันเริ่มที่จะปั่นป่วนขึ้นมาแล้ว ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจจะอดทนรับต่อไปได้อีกแล้ว สองขาของฉันหมดเรี่ยวแรงลง และล้มลงไปนั่งที่พื้นในทันที ฉันจับศีรษะของตัวเองเอาไว้แน่น และได้แต่กลัวว่าจ้าวซิ้วที่อยู่ข้างหลังจะลงมือทำอะไรกับฉัน ฉันเริ่มพึมพำออกมาอย่างหมดหนทาง : “ขอโทษ ขอโทษ ฉันไม่ควรจะเข้าร่วมพิธีอัญเชิญผีเลย......ขอโทษค่ะ......” ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ความกลัวของคนเราจะสามารถรุนแรงได้ถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งการเต้นของหัวใจตัวเองก็ยังไม่สามารถรู้สึกได้ถึง และได้ยินเพียงเสียงดัง “ตุ้บๆ” จากข้างขมับเท่านั้น และตอนนี้ความคิดเดียวที่ฉันเหลืออยู่ก็มีเพียง : เทียนปูหยู่ รีบมาช่วยฉันที....... ในตอนที่ฉันกำลังสั่นสะท้านหดหัวรอความตายอยู่นั้นอยู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างมาสัมผัสเข้าที่แผ่นหลังของฉัน! ฉันส่งเสียงกรีดร้องออกไปอย่างห้ามไม่อยู่ ตัวของฉันดูราวกับจะสิ้นหวังเพียงแค่นั้น “เฮ้ เธอเป็นอะไรไป?” น้ำเสียงนั้นฟังดูคุ้นเคยมาก แต่ฉันกลับนิ่งแข็งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน ในระหว่างที่กำลังเลือนรางอยู่นั้น ฉันรู้สึกได้ว่ามือของตัวเองถูกอะไรบางอย่างควบคุมเอาไว้ และค่อยๆ ดึงฉันขึ้นมาจากทางด้านบนหัว จนกระทั่งตอนนี้ฉันถึงได้พบว่า บริเวณโดยรอบไม่ได้มืดมิดอีกต่อไป มันกลับมาเป็นอย่างในตอนแรกแล้ว และคนที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างกายฉันพร้อมกับมองมาราวกับฉันเป็นโรคประสาทก็คือซูหลิน “ขอโทษที ฉันไม่คิดว่าจะทำให้เธอตกใจขนาดนี้......” บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าใบหน้าของฉันซีดเซียวมากจนเกินไป ทำให้ซูหลินรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เขาปลอบประโลมฉันอยู่นาน ฉันถึงได้ยอมเชื่อว่าทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นไปนั้นเป็นเพียงภาพหลอนที่ฉันสร้างขึ้น ฉันจับมือของซูหลินเอาไว้ และพยายามใช้แรงลุกขึ้นมา ก่อนจะพบว่าบนเส้นทางหินนั้นมีของเหลวสีดำปรากฎล้อมรอบอยู่เป็นวงแหวน บางทีซูหลินอาจจะมองความสงสัยของฉันออก เขาจึงเกาหัวพูดอธิบายออกมาด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก : “มันเกิดขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังใช้มนต์เมื่อสักครู่ มันคือเลือดของฉันเอง” ฉันเพิ่งจะได้เห็นผ้ายันต์บาดนิ้วของซูหลินด้วยตาของตัวเอง และเลือดสดนั้นก็เป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะร่วงหล่นลงบนพื้นและแห้งแล้ว หรือแม้แต่ถูกอากาศทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นสีดำสนิทแบบนี้ “มนต์ที่ฉันใช้เมื่อสักครู่เป็นการวัดพลังโดยรอบ เพราะว่าบริเวณรอบๆ นี้มีพลังของวิญญาณร้ายอยู่ ดังนั้นเลือดของฉันก็เลยกลายเป็นสีดำ” เมื่อเห็นว่าฉันค่อยๆ ได้สติกลับคืนมาจากอาการตกใจแล้ว ซูหลินก็ค่อยๆ ปล่อยมือออก เขาหยิบบุหรี่ออกมาจุด ก่อนจะสูบเข้าไปอย่างใช้ความคิด : “เฮ้อ ดูเหมือนว่าจ้าวซิ้วจะไม่ได้ฆ่าไป๋หย่าถิง หรือพูดให้ชัดเจนก็คือ จ้าวซิ้วไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเธอ” เมื่อพูดจบก็ดูเหมือนว่าซูหลินจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขารีบวิ่งไปที่รถยนต์ ฉันตามเขาขึ้นมาบนรถยังไม่ทันได้ปิดประตูดี เขาก็รีบขับออกมาอย่างรีบร้อน แม้แต่บุหรี่ที่อยู่ในมือก็ยังโยนออกไปข้างนอกหน้าต่างโดยไม่สนใจ บนเส้นทางซูหลินอธิบายสาเหตุการเกิดภาพหลอนให้ฉันฟัง ที่แท้มนต์นี้ของซูหลินเวลาที่กำลังร่ายจะสามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อจิตของผู้คนที่อยู่โดยรอบได้ เพราะว่าเป็นมนต์คาถาที่เอาไว้ใช้ตรวจสอบวิญญาณร้าย ดังนั้นมันจึงสามารถสร้างคำทรงจำของมนุษย์ หรือภาพความกลัวที่สุดที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายในสมองของมนุษย์ขึ้นมาได้ แต่ว่าซูหลินก็ไม่คิดเลยว่าปฏิกิริยาของฉันจะรุนแรงขนาดนี้ ตามหลักการแล้ว คนธรรมดาทั่วไปก็จะเกิดเพียงภาพหลอนเล็กๆ เท่านั้น แต่ว่าเป้าหมายที่จะได้รับผลจากมนต์คาถานี้จริงๆ ก็ควรจะเป็นพวกภูตผีเหล่านั้น เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ในใจของฉันก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา ฉันจะสามารถบอกเขาออกไปได้อย่างไรว่า ในท้องของฉันกำลังตั้งครรภ์ผีตัวน้อยอยู่พอดี ดังนั้นฉันจึงทำได้เพียงจงใจแสดงท่าทีใส่อารมณ์ออกไป “ถ้าแบบนั้นก่อนที่จะทำอะไรคุณก็น่าจะบอกฉันเสียหน่อยสิคะ ช่วงนี้ฉันเองก็ถูกจ้าวซิ้วทำเอาตกใจจนแทบบ้าไม่ใช่หรือไง!” แต่ซูหลินกลับเพียงหัวเราะเย้ยฉันออกมาเท่านั้น “คิดไม่ถึงเลยว่า เด็กสาวที่เดิมทีฉันคิดว่าจะสามารถช่วยสืบคดีได้จะไม่ได้กล้าหาญเสียเท่าไหร่ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ นะ หึหึ.......” ฉันกรอกตาใส่เขาไปเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก จากนั้นก็ได้เพียงภาวนาไม่ให้เขามองอะไรออกด้วยความสามารถที่เขามี ฉันตามซูหลินกลับมายังสถานีตำรวจ และเรื่องแรกที่ซูหลินทำหลังจากที่กลับมาก็คือการเปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ตามหาภาพบันทึกนั้นอีกครั้ง ภาพถูกเปิดใหม่ไปตรงที่จ้าวซิ้วถือกระดาษที่เขียนคำว่า “ช่วยด้วย” เอาไว้ ฉันไม่รู้ว่าซูหลินกำลังดูอะไรอยู่ ดังนั้นก็เลยจ้องมองไปที่จ้าวซิ้วขึ้นมา จ้าวซิ้วที่อยู่ตรงหน้ายังคงเป็นเหมือนอย่างในหัวสมองของฉัน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายของเธอจ้องมองตรงไปยังด้านหน้าโดยไม่เคลื่อนไหว พวงแก้มทั้งสองถูกเรือนผมที่พันเป็นปมพราะความเปียกชื้นปกปิด และปรากฏให้เห็นเพียงริมฝีปากสีแดงสดเท่านั้น แต่มันก็สามารถทำให้ผู้คนเกิดความกลัวขึ้นมาในใจได้มากแล้ว ฉันมองออกไปอย่างเหม่อลอย และมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอยู่เสมอ แต่ว่าในตอนนั้นซูหลินที่อยู่ข้างกายของฉันกลับตบลงที่โต๊ะอย่างแรงโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่เขาจะตะโกนออกมาเสียงดัง “ฉันเข้าใจแล้ว!”
已经是最新一章了
加载中