ตอนที่ 81 ของที่มีพิษ
1/
ตอนที่ 81 ของที่มีพิษ
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 81 ของที่มีพิษ
ตนที่ 81 ของที่มีพิษ ชูเซี่ยกินยาถอนพิษไปหลายวัน หลี่เฉินเย่นเห็นว่าสีหน้าของนางยังค่อนข้างซีดอยู่ แถมหน้าผากยังดูดำขึ้น ก็รีบสั่งให้จูเก๋อหมิงตรวจชีพจรชูเซี่ยอีกครั้ง จูเก๋อหมิงมาที่จวนอ๋องเพื่อตรวจชีพจรให้ชูเซี่ย เขาจับชีพจร พลางขมวดคิ้ว ท้ายที่สุดก็ปล่อยมือชูเซี่ยแล้วเอ่ยถาม “สองวันนี้เจ้ากินอะไรบ้าง” หลี่เฉินเย่นเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขา จึงถามอย่างเป็นกังวล “พิษยังออกไม่หมดหรือ” จูเก๋อหมิงตอบ “ไม่เพียงแต่ออกไม่หมด แต่กลับหนักขึ้นด้วยซ้ำ เชื่อได้เลยว่าปริมาณยาค่อย ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิด ดังนั้นจึงส่งผลให้สีหน้าของนางดูค่อนข้างแย่” ชูเซี่ยตะลึงงัน “ช่วงนี้ข้ากินอะไรก็ระวังมาก ทุกอย่างล้วนใช้เข็มเงินตรวจล้วนแต่ไม่มีพิษ” “เจ้าแน่ใจหรือว่าทดสอบทุกอย่างแล้ว” จูเก๋อหมิงถามนาง “ลองคิดให้ดูถี่ถ้วน มีอะไรบ้างที่เจ้าเคยกินไปแล้ว แต่ไม่ได้ทดสอบบ้าง” ชูเซี่ยขมวดคิ้วคิดสักพัก จากนั้นก็กล่าวว่า “เว้นแต่ของว่างที่กินที่ห้องของฉ่ายเวิน” หลี่เฉินเย่นตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าวขึ้นมา “ไม่มีทางเป็นไปได้ฉ่ายเวินหรอก” ชูเซี่ยเองก็กล่าวเช่นเดียวกัน “ข้าก็คิดว่าไม่ใช่ฉ่ายเวินเช่นกัน” จูเก๋อหมิงกล่าว “ข้าก็ไม่เชื่อว่าเป็นฉ่ายเวินเช่นกัน ชูเซี่ยช่วยชีวิตนางไว้ นางเห็นว่าชูเซี่ยเป็นผู้มีพระคุณ ไม่มีทางวางยาชูเซี่ยแน่ นางไม่มีแรงจูงใจ แต่เพื่อความรอบคอบ ลองตรวจสอบดูก็น่าจะดี ช่วงนี้เจ้าไปหาฉ่ายเวินทุกวัน แล้วเจ้ากินขนมที่นางทำทุกวันหรือ” “ใช่!” ชูเซี่ยตอบ หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นคงต้องตรวจดูสักหน่อย!” วันนี้ชูเซี่ยกับจูเก๋อหมิงไปตรวจชีพจรให้ฉ่ายเวิน เขาเห็นขนมที่อยู่บนโต๊ะจึงเอ่ยถาม “เตรียมขนมไว้เยอะขนาดนี้ เจ้ายังกินของเหล่านี้ไม่ได้” ฉ่ายเวินยิ้มแล้วตอบ “ข้าเตรียมไว้ให้พี่สาวน่ะ” จูเก๋อหมิงกล่าว “อ้อ เจ้านี่มีใจกตัญญูดี! ให้ข้ากินหน่อยได้หรือไม่” ฉ่ายเวินยิ้มกล่าว “พูดเหมือนข้าขี้งกไปได้ กินสิ กินสิ แต่รอข้าหายดีแล้ว พวกเจ้าก็ต้องจัดอาหารโต๊ะใหญ่ ๆ ให้ข้าด้วยนะ” “เจ้าคนตะกละ!” ชูเซี่ยหัวเราะพลางบ่นว่า นางมองดูฉ่ายเวินแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าแม่นางที่มีรอยยิ้มราวกับดอกไม้เช่นนี้จะวางยานาง จูเก๋อหมิงคีบขนมเผิงฉีดอกขาวเข้าปากไปหนึ่งชิ้น เคี้ยวไปได้สองคำก็คายออกมา ฉ่ายเวินมองเขาอย่างตะลึง “ทำไม? ไม่อร่อยหรือ?” จูเก๋อหมิงเงยหน้าขึ้นแล้วมองนางด้วยแววตาพินิจพิจารณา “ขนมนี้มีพิษ!” สีหน้าของชูเซี่ยพลันขาวซีดขึ้นมา “เจ้าพูดว่าอะไรนะ” สีหน้าของฉ่ายเวินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน “ท่านว่าขนมพวกนี้มีพิษหรือ” นางหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบขนมแล้วค่อย ๆ กัดไปหนึ่งคำ จากนั้นนางก็คายออกมา สีหน้าเริ่มซีดขาว “ไม่ผิด มีพิษจริง ๆ!” หลี่เฉินเย่นค่อย ๆ ย่างก้าวเข้ามาจากตรงประตู เขาใช้สายตาซับซ้อนจ้องมองฉ่ายเวิน “หากข้าจำไม่ผิด ศิษย์น้องของข้าคนนี้เป็นเซียนด้านการใช้พิษ” ฉ่ายเวินเงยหน้ามองเขาอย่างตกตะลึง สีหน้าค่อย ๆ เคร่งขรึมขึ้นมา แววตามีความน้อยใจและน้ำตาคลอ “ท่านสงสัยว่าข้าวางยาหรือ” หลี่เฉินเย่นพูดอย่างเยือกเย็น “ชูเซี่ยถูกพิษมาตั้งกี่วันแล้ว ทุกอย่างที่นางกินล้วนแต่ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีพิษ แต่นางมาที่นี่ทุกวันก็กินแต่ขนมของเจ้า ตอนนี้ก็ตรวจสอบออกมาแล้วว่าขนมของเจ้ามีพิษ เจ้าจะไม่ให้ข้าสงสัยเจ้าหรือ” ฉ่ายเวินแทบจะร้องให้ออกมา นางพลันลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธแล้วกล่าวอย่างโมโห “หากข้าจะวางยา ข้าจะวางยาใส่ขนมของตัวเอาทำไม อีกอย่าง หากข้าจะวางยาใครสักคน ก็ต้องไม่มีทางตรวจสอบออกมาได้ ท่านเองก็พูดนี่ ว่าข้าเป็นเซียนด้านการใช้พิษ หนู่เรินซิน(ชื่อยาพิษ)ที่มากจากทางตะวันตกนี้ ต่ำต้อยที่สุด ข้ายังรังเกียจใช้มันด้วย” หลี่เฉินเย่นตะคอกขึ้นมา “หากไม่ใช่เจ้่า แล้วทำไมขนมถึงได้ตรวจเจอพิษได้” ฉ่ายเวินรู้สึกเสียใจจริง ๆ น้ำตาแห่งความน้อยใจไหลออกมาไม่ขาดสาย นางพูดอย่างชิงชัง “ได้ หากถือว่าข้าเป็นคนวางยา เป็นคนทำร้ายผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือชีวิตข้า ท่านก็ฆ่าข้าล้างแค้นให้พี่สาวเถอะ” พอพูดจบก็หันหัว มองเห็นกริชอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งก็พุ่งตัวเข้าไป จากนั้นก็หยิบกริชด้ามนั้นขึ้นมาหมายจะแทงอกของตน หลี่เฉินเย่นกับจูเก๋อหมิงเห็นนางพุ่งเข้าไป ยังคิดอยู่ว่านางจะทำอะไร จะคิดออกได้ไงว่านางอยากจะฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ของตนเอง ดังนั้น จึงไม่ได้ห้ามอะไร เพียงแค่มองนางอย่างตกตะลึงเท่านั้น ทว่าขณะที่เห็นนางเงื้อกริชขึ้น หันด้ามปลายแหลมเข้าหาอกของตน มันก็สายไปเสียแล้ว แต่ชูเซี่ยเห็นนางพุ่งเข้าไป ใจก็พลันดิ่งวูบ รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปทันที ร่างของนางพุ่งไปถึงตรงหน้าฉ่ายเวินด้วยเวลาเกือบศูนย์จุดหนึ่งวินาที นางไม่มีเวลามาตกตะลึงว่าทำไมตนเองถึงได้เร็วขนาดนี้ รีบถือโอกาสในช่วงที่ฉ่ายเวินตะลึงงันชิงกริชออกมาจากมือนาง ชูเซี่ยกำกริชแน่น ในใจตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก หากช้าไปอีกก้าวเดียว ฉ่ายเวินคงจบสิ้นแล้วจริง ๆ นางรู้สึกว่าฝ่ามือค่อนข้างชุ่ม พอก้มลงมองกลับพบว่ามือของตนกำอยู่ระหว่างด้ามจับกับใบมีด เนื่องด้วยการออกแรง ใบมีดจึงบาดลึกเข้าไปในมือ นางไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลยแม้แต่นิด เพียงแค่มองเลือดที่หยกลงพื้นทีละหยด ๆ ย้อมพื้นหินอ่อนที่ขาวสะอาดจนเป็นสีแดง ฉ่ายเวินจับมือนางไว้ น้ำตาพลันไหลพราก “พระเจ้า เลือดไหลแล้ว เจ็บไหม เจ็บหรือไม่” นางถามติด ๆ กันว่าเจ็บไหมอย่างนั้นหรือ ทั้งใบหน้ายังมีความร้อนรนเป็นห่วงรวดร้าวใจ ทั้งยังดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกพันให้ชูเซี่ย พลางพันผ้าไปด้วย กล่าวแล้วย่ำเท้าไปด้วย “เจ้าจะสนใจข้าไปทำไม เจ้าให้ข้าตายไปเสียก็ดี เพราะอย่างไรข้าก็เป็นคนวางยาเจ้า ให้ข้าตายเถอะ เจ้าทำให้ตัวเองเจ็บแบบนี้ ทำให้ข้า...ทำให้คนอื่นเขาปวดใจนะ” ชูเซี่ยเห็นว่างนางเป็นห่วงตนเช่นนี้แล้ว ความสงสัยจากก้นบึ้งในใจก็มลายหายไปทันที นางยิ้มแล้วกล่าว “ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางวางยาข้า” ฉ่ายเวินพูดอย่างโมโห “เจ้าเชื่อข้าแล้วจะได้อะไร “เจ้าอยู่กับข้าแค่ไม่กี่วัน จะรู้ได้อย่างไรว่าข้าเลวร้ายขนาดไหน เขากับข้าอยู่ด้วยกันเกือบจะสิบปี พอมาถึงก็ตัดสินว่าข้าเป็นคนวางยา เขาต่างหากที่รู้จักข้างเป็นอย่างดี” เขาที่นางพูดถึง บ่งชี้ว่าเป็นหลี่เฉินเย่น หลี่เฉินเย่นเดินเข้ามา กุมมือของชูเซี่ยไว้ ขมวดคิ้วพูด “เลือดไหลตั้งขนาดนี้ ไม่เจ็บสักนิดเลยหรือ” ชูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่เจ็บ” ใจของหลี่เฉินเย่นดิ่งวูบลงไป ดิ่งจนไม่เจอที่สิ้นสุด แม้แต่เสียงตูมก็ยังไม่ได้ยิน เขายื่นมือไปเช็ดเลือดสีแดงสด จากนั้นก็ส่ายหน้า “แผลใหญ่ขนาดนี้ จะไม่เจ็บได้อย่างไร” ชูเซี่ยรู้ดีว่าเขากังวลอะไร ถึงได้เงียบไม่ส่งเสียง แต่ฉ่ายเวินเห็นสีหน้าท่าทางของทั้งสองแล้วก็เอ่ยถาม “ไม่เจ็บไม่ดีหรือ ทำไมต้องเจ็บ เจ็บมากมันก็ปวดมากสิ” หลี่เฉินเย่นเงยหน้ามองนาง “เจ้ายังกลัวเจ็บอยู่หรือ หากเจ้ากลัวเจ็บก็อย่าได้แตะมีดนั่น โชคยังดีที่ไม่เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้น หาไม่ข้าจะรับผิดชอบต่อคำสั่งเสียของอาจารย์ได้อย่างไร” ฉ่ายเวินแค่นเสียงแล้วเบือนหน้าหนี หลี่เฉินเย่นรู้ว่านางโกรธ จึงได้พูดเสียงอ่อนกับนาง “เอาล่ะ ศิษย์พี่ทำไม่ถูก ไม่ควรที่จะสงสัยเจ้าแบบนี้” ฉ่ายเวินได้ยินก็กล่าวอย่างเย็นชา “ในใจ“เจ้าข้าก็แค่คนที่ไม่รู้จักดีชั่วไม่ใช่หรือ ยังไงพี่สาวก็ช่วยชีวิตข้าไว้ ต่อให้ไม่ช่วยข้า ข้ากับนางก็ไม่มีเรื่องคับแค้นใจอะไรกัน แล้วทำไมข้าต้องวางยาด้วย ใคร ๆ ต่างก็พูดว่าท่านอ๋องหนิงอันเป็นคนฉลาดมองการณ์ไกลอย่างถึงที่สุด ข้าดูแล้วก็แค่หมูโง่ตัวหนึ่งเท่านั้น” จูเก๋อหมิงเองก็เข้าผสมโรงด้วย“หมูโง่ที่ไหนกันเล่า“หมูโง่สักที่ไหนกัน ตอนนี้เขาเป็นหมาตัวหนึ่งต่างหาก หมาที่พี่สาวเจ้าเลี้ยงเอาไว้ ตั้งชื่อว่าเจ้าถ่าน” ฉ่ายเวินหัวเราะพรืดออกมา มองชูเซี่ยแล้วพูด “พี่สาว ท่านนี่ร้ายกาจจริง ๆ” ชูเซี่ยมองฉ่ายเวินด้วยความประหลาดใจ “ร้ายกาจอย่างไร เจ้าถ่านทำไมหรือ” จูเก๋อหมิงตบหน้าผาก หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ข้าว่า นางอาจจะไม่รู้นะ ว่าชื่อเล่นท่านอ๋องของพวกเรามีเชื่อว่าเจ้าถ่านน่ะ!” หน้าของหลี่เฉินเย่นไร้อารมณ์ มองค้อนจูก๋อหมิงเบา ๆ “เจ้าพูดมากไปแล้วนะ!” ชูเซี่ยเองก็หัวเราะเช่นกัน “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าชื่อเล่นของเขาคือเจ้าถ่าน มิน่าล่ะวันนั้นพอได้ยินคำพูดของจูฟางเอวี๋ยน เจ้าถึงได้โมโหขนาดนั้น ที่แท้ เจ้าก็เหมือนกับเจ้าถ่านนี่เอง ” “เจ้ารู้ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ ต่อไปก็อย่าเรียกเจ้าหมาตัวนั้นว่าเจ้าถ่านก็แล้วกัน” หลี่เฉินเย่นพูดเสียงเรียบ ชูเซี่ยยิ้มกล่าว “จะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้อย่างไรกัน ข้าว่าเจ้ากับเจ้าถ่านมีวาสนาต่อกันมาเลยนะ ต่อไปนี้ท่าก็คือเจ้าถ่านใหญ่ มันก็คือเจ้าถ่านเล็ก เราก็ตกลงกันแบบนี้แล้วนะ” “ตกลงอะไรกัน” หลี่เฉินเย่นเคาะหัวชูเซี่ยไปทีหนึ่ง จากนั้นก็หันไปพูดกับจูเก๋อหมิง “เจ้าช่วยพันแผลให้นางอีกรอบหน่อย ผ้าเช็ดหน้าของฉ่ายเวินเอาไว้เช็ดน้ำมูก ไม่รู้ว่าบนนั้นสกปรกมากแค่ไหน” ฉ่ายเวินหน้าแดงขึ้นมา กล่าวอย่างโมโห “เช็ดน้ำมูกเจ้าน่ะสิ คนน่ารังเกียจ!” พูดจบก็ย่ำเท้ามองชูเซี่ย “พี่สาวดูสิ เขารังแกข้า” ชูเซี่ยพูดหยอก “เอาล่ะ อีกสักพักพวกเราให้เขาคุกเข่าบนกระดานซักผ้า ใครให่เขาพูดไม่ดี” ฉ่ายเวินถลึงตาใส่หลี่เฉินเย่น “เขาคุกเข่าบนกระดานซักผ้านั่นมันง่ายไป ข้าว่าคุกเข่าบนตั่งเสือนั่งดีกว่า” ตั่งเสือนั่งคือเครื่องลงโทษชนิดหนึ่ง บนตั่งมีเข็มเล็ก ๆ อยู่เต็มไปหมด “เจ้านี่อำมหิตจริง ๆ!” หลี่เฉินเย่นบ่นพึมพำ “ข้าก็อำมหิตเช่นนี้แหละ ไม่ว่าอย่างไรในใจเจ้าข้าก็เป็นคนอำมหิตมากแล้ว” ฉ่ายเวินพูล พลางขอบตาแดงขึ้นมาอีกครั้ง จูเก๋อหมิงพันแผลให้ชูเซี่ยใหม่อีกครั้ง พอได้ยินคำพูดของฉ่ายเวินแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ขนมของเจ้าเป็นคนที่เรือนเจ้าทำหรือสั่งให้ทางห้องครัวทำ” ฉ่ายเวินส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าไม่รู้!” หลี่เฉินเย่นเรียกสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติฉ่ายเวินเข้ามาแล้วถาม “ใครเป็นคนรับผิดชอบนำขนมขึ้นมาวาง” “ทูลท่านอ๋อง ขนมทั้งหมดล้วนเป็นของที่บ่าวทำขึ้นเองเพคะ” “เจ้าทำหรือ มีใครช่วยอีกหรือไม่” หลี่เฉินเย่นถามอีก ฉ่ายหลิงพูดตอบ “ไม่มีเพคะ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นฝีมือของบ่าวเอง บ้านของบ่าวเคยเปิดร้านขนมมาก่อน บ่าวชำนาญในการทำขนมทุกประเภท ของเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นช่วยเพคะ” ทันใดนั้นหลี่เฉินเย่นก็ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “เหตุใดเจ้าต้องวางยาด้วย” ฉ่ายหลิงตกใจจนหน้าซีด คุกเข่าลงกับพื้นดังปัก “่บ่าวถูกใส่ร้าย ท่านอ๋อง บ่าวไม่ได้วางยานะเพคะ บ่าวไม่ได้ทำ!” ฉ่ายเวินกล่าวอย่างขึ้นเสียง “ถ้าเจ้าไม่ได้วางยา แล้วขนมพวกนี้ทำไมถึงมีพิษได้ เจ้าบอกว่านับตั้งแต่ทำจนยกขึ้นโต๊ะ ล้วนแต่เป็นเจ้าที่จัดการอยู่คนเดียว ไม่ผ่านมือคนอื่น หากไม่ใช่เจ้าวางยาแล้วจะเป็นใคร” ฉ่ายหลิงตกใจจนน้ำตาไหล นางคลานไปกับพื้น ร่างสั่นเหมือนตะแกรงร่อน “ข้าถูกใส่ร้าย คุณหนู บ่าวไม่ได้วางยาจริง ๆ นะเจ้าคะ!” นางเงยหน้าขึ้นมาทันใดแล้วกล่าวว่า “อีกอย่าง ขนมพวกนี้บ่าวเองก็กินด้วย มันไม่มีพิษนะเจ้าคะ ตอนที่ทำเสร็จ บ่าวลองชิมรสชาติดู ขนมพวกนี้ทำขึ้นแทบทุกวัน บ่าวเองก็ชิมไปหนึ่งชิ้น หากมีพิษจริง บ่าวจะกล้ากินหรือเจ้าคะ” จูเก๋อหมิงก้าวไปข้างหน้าแล้วดึงตัวฉ่ายหลิงขึ้น กุมแขนนางเพื่อจับชีพจร จากนั้นก็ตรวจตาและลิ้น แล้วหันไปมองหลี่เฉินเย่น พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “นางก็โดนพิษ!” ฉ่ายหลิงตกตะลึง “บ่าวก็โดนพิษด้วยหรือเจ้าคะ แล้วบ่าวจะตายไหมเจ้าคะ” พูดจบ นางก็ตกใจจนร้องไห้ออกมายกใหญ่ จูเก๋อหมิงพูดว่า “เจ้าวางใจเถอะ พิษชนิดนี้ไม่รุนแรงมาก เจ้าเพิ่งโดนพิษเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เดี๋ยวข้าเขียนยาระบายพิษให้ เจ้าก็กินตามใบสั่งยาที่ข้าเขียนให้ก็แล้วกัน” ได้ยินดังนั้นฉ่ายหลิงถึงได้หยุดร้องไห้ แหงนหน้าขึ้นมองฉ่ายเวิน “คุณหนู คุณหนูต้องเชื่อบ่าวนะเจ้าคะ บ่าวไม่ได้วางยาจริง ๆ!” ชูเซี่ยก็กล่าวเช่นกัน “น่าจะไม่ใช่นางหรอกที่วางยา เพราะก่อนหน้าที่จะกินขนมพวกนี้ ข้าก็โดนพิษมาก่อนแล้ว”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 81 ของที่มีพิษ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A