ตอนที่ 21 คนตายกลับมาไม่ได้
1/
ตอนที่ 21 คนตายกลับมาไม่ได้
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 21 คนตายกลับมาไม่ได้
ตนที่21 คนตายกลับมาไม่ได้ เมื่อทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างก็หน้าถอดสี หันมามองชูเซี่ยด้วยแววตาตื่นตระหนก เมื่อครู่ไม่ใช่นางกล่าวว่าปลอดภัยแล้วหรือ ไฉนเพียงแค่พริบตาเดียวกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ชูเซี่ยแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน“เป็นไปได้อย่างไร บัวหิมะเทียนซานมิใช่สามารถแก้พิษได้ถึงร้อยชนิดหรือ เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้” นางรีบร้อนวิ่งเข้าไปในห้อง ภาพที่ปรากฎตรงหน้าคืออ๋องเจิ้นหยวนโอบกอดพระชายาของตนในอ้อมแขน ร่ำไห้อย่างเจ็บปวดทว่าไม่แม้แต่จะมีเสียงเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน ชูเซี่ยรีบร้อนตรวจชีพจรของพระชายาเจิ้นหยวน ใบหน้านางซีดเผือดลงทันที พระเจ้า ! นางจับไม่เจอชีพจร พระชายาไม่หายใจแล้วจริงๆ เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าไม่มีปัญหาอันใดนี่นา แต่เพราะเหตุใดเมื่อกินบัวหิมะไปแล้วผลกลับออกมาเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุใดกัน เมื่อครู่อาการยังดีอยู่แท้ๆ แต่เมื่อสังเกตดูดีให้ถี่ถ้วน นางกลับพบว่าใบหน้าและริมฝีปากของพระชายาเจิ้นหยวนดำคล้ำกว่าเมื่อครู่ ทั้งดวงตายังเบิกค้าง บริเวณมุมปากมีเลือดสีดำไหลอกมา ลิ้นแข็งจุกปาก นี่เป็นอาการของคนถูกพิษ ! หรือว่าจะมีคนแอบวางยาในบัวหิมะก่อนนำมารักษาอาการให้พระชายากันแน่ หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีเวลามาคิดให้มากความแล้ว นางต้องเร่งช่วยชีวิตคนก่อนเป็นสำคัญ จำต้องให้หมอหลวงมาถวายการฝังเข็มรักษาชีพจรให้ไวที่สุด แค่หวังว่ายังทันอยู่ “รีบไปเตรียมน้ำเกลือมา เร็วเข้า!”ชูเซี่ยรีบสั่งการลงไปอย่างรีบร้อน“เอามาให้มากหน่อย นำอ่างใบใหญ่มา ยิ่งใหญ่ยิ่งดี”เมื่อครู่นางสั่งให้หมอหลวงฝังเข็มเพื่อระงับและหยุดการแพร่ กระจายของพิษในร่างกาย แต่ดูเหมือนอาการตอนนี้ของพระชายาจะมิสู้ดีนัก เนื่องด้วยพระชายาเจิ้นหยวนเพิ่งจะให้กำเนิดองค์ชายน้อย เกรงว่าด้วยสภาพร่างกายของนางในยามนี้จะไม่อาจทนได้อีกนานมากนัก แต่สถานการณ์คับขันเช่นนี้นางก็ได้แต่เห็นม้าตายรักษาประดุจม้าเป็น1แล้ว “ท่านค่อยๆพยุงนางขึ้นมานะเจ้าคะ ระวังบาดแผลตรงท้องน้อยด้วยเจ้าค่ะ!”นางเอ่ยออกมาพร้อมดันร่างของอ๋องเจิ้นหยวนขึ้นมา อ๋องเจิ้นหยวนได้ยินเช่นนั้นก็รีบร้อนเข้ามาพยุงร่างของชายาให้ค่อยๆนอนราบลงกับเตียงอย่างช้าๆ ผ่านไปไม่นานนัก น้ำเกลือก็ถูกยกเข้ามาภายในห้อง ชูเซี่ยจุ่มมือของตนเองลงในน้ำเพื่อทดสอบอุณหภูมิของน้ำ จากนั้นก็สั่งการให้คนจัดเตรียมน้ำต้มถั่วเขียวไว้ชามหนึ่ง ภายในใจทราบดีว่า สตรีที่เพิ่งจะผ่านการคลอดบุตรไม่สมควรกินของที่มีฤทธิ์เย็นเช่นนี้ เพียงแต่ยามนี้มีชีวิตของพระชายาเป็นเดิมพัน นางไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมายอีกแล้ว นางในตอนนี้แทบจะไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่าจะสามารถรักษาชีวิตพระชายาได้ เครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยของยุคนาก็ไม่มี นางจะสามารถรักษาชีวิตของพระชายาไว้ได้จริงๆหรือไม่ก็สุดจะรู้ ชูเซี่ยลงมือป้อนน้ำเกลือแก่พระชายาก่อนเป็นขั้นแรก แต่ในเวลานี้พระชายาไม่รู้สึกตัว ทำให้น้ำเกลือที่ป้อนไหลคืนออกมาทั้งหมด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้แน่นอนแล้ว ชูเซี่ยกลัวจนลนลานไปหมด นางถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ท่านต้องอดทนไว้นะ ห้ามถอดใจยอมแพ้เด็ดขาด ลูกของท่านเพิ่งจะคลอดออกมาแท้ๆ เขาอายุเพียงเจ็ดเดือนเท่านั้น ร่างกายก็อ่อนแอ เขายังต้องมีแม่คอยดูแลเขาอยู่นะ ได้โปรดอย่าเพิ่งยอมแพ้ ท่านคิดนึกถึงท่านอ๋อง พระสวามีของท่านเถิด เขาจะรู้สึกเสียใจเพียงใด คิดถึงลูกของท่าน หากไม่มีท่านเขาจะทำเช่นไร ลองคิดถึงบิดามารดาท่าน พวกเขาจะเจ็บปวดเพียงใด พวกเขาจะทนได้หรือ พวกเขาคงรับไม่ไหวหรอกที่คนหัวขาวจะต้องมาส่งคนหัวดำเช่นท่าน” ชูเซี่ยหวนคิดถึงพ่อแม่ของตนเอง ยามที่พวกท่านร้องไห้แทบจะขาดใจอยู่หน้าศพของตนเอง ตอนนั้นนางไม่มีเวลาที่จะบอกลาหรือเอ่ยคำปลอบโยนพวกเขาด้วยซ้ำ หลังจากการป้อนน้ำเกลือเสร็จสิ้น นางก็ทำการปั๊มหัวใจและผายปอดทันที ความสามารถทางการแพทย์ที่เธอสั่งสมมาตลอด ทำให้นางรู้ว่านี้ร่างกายของพระชายาเพียงแค่หยุดทำงานชั่วคราวเท่านั้น ยังไม่ได้สิ้นชีพอย่างแน่นอน เพียงแต่ยามนี้พิษแพร่กระกายไปทั่วร่างแล้ว อุปกรณ์ช่วยหายใจก็ไม่มีในยุคโบราณเช่นนี้ จริงอยู่ร่างกายในตอนนี้หยุดทำงานชั่วคราว แต่ขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายก็สามารถหยุดทำงานได้ตลอดไป ตอนนี้มีเพียงทางเดียวที่จะช่วยพระชายาได้ คือทำให้รู้สึกนางรู้สึกตัวขึ้นมา ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดก็ตาม ขอเพียงแค่นางฟื้นขึ้นมาก็เหมือนหลุดออกมาจากประตูผีมาได้แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นนางก็มั่นใจได้แล้วว่าพระชายาต้องมีโอกาสรอดอย่างแน่นอน ภายนอกห้องนั้น ฮ่องเต้ทรงกริ้วอย่างยิ่ง ทรงมีบัญชาให้สืบหาต้นตอนการวางยาในบัวหิมะอย่างละเอียด จะไม่ให้พระองค์ทรงกริ้วได้อย่างไร ต่อหน้าพระพักตร์โอรสสวรรค์เช่นพระองค์ยังมีผู้อาจหาญกล้ามาทำเรื่องต่ำช้าอย่างการวางยาพิษเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว สำหรับพระองค์นั้นการตายของพระชายาเจิ้นหยวนหาใช่เรื่องใหญ่ไม่ แต่การที่มีคนมาอาจหาญท้าทายอำนาจของพระองค์เช่นนี้ เป็นเรื่องที่พระองค์มิอาจยอมได้ หลี่เฉินเย่นสั่งการคนให้ตรวจสอบการวางยาพิษตามพระบัญชาของเสด็จพ่อของตน เขาลงมือตรวจสอบสำนักหมอหลวงอย่างละเอียดด้วยตนเอง เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการต้มยา การจัดส่งยา หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด แต่กระนั้นก็ยังหาผู้ต้องสงสัยไม่พบแม้แต่ผู้เดียว เริ่มจากตัวยาถูกนำออกมาจากช่องกักเก็บความเย็น โดยมีเว่ยกงกงซึ่งเป็นข้ารับใช้คนสนิทของฝ่าบาทได้ออกคำสั่งให้นางกำนัลสองนางเป็นผู้นำออกมา โดยระหว่างนั้นเว่ยกงกงเองก็คอยควบคุมดูแลตัวยาอย่างใกล้ชิดไม่ได้คลาดสายตา เมื่อตัวยาถูกส่งมายังสำนักหมอหลวง แต่เนื่องด้วยบัวหิมะเทียนซานเป็นตัวยาล้ำค่ายิ่งนัก หมอหลวงเฉินจึงเป็นผู้ลงมือปรุงยาด้วยตนเอง ในระหว่างต้มตัวยานั้นก็มีเว่ยกงกงคอยควบคุมดูแลตลอดเวลาไม่ได้ไปไหนอีกเช่นกัน เมื่อตัวยาถูกต้มจนเสร็จ นางกำนัลรับใช้คนสนิทข้างกายหยงเฟยก็เป็นผู้นำยามาถวาย โดยในระหว่างนั้นก็เป็นเว่ยกงกงเช่นเคยที่คอยตามดูแล ซึ่งนั้นก็เท่ากับว่านางกำนัลผู้นั้นเองก็มีพยานหลักฐานแน่ชัดว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ในตลอดระยะเวลาที่มีการนำบัวหิมะออกมาจากช่องเก็บความเย็น จนถึงขั้นตอนการปรุงยานั้น เว่ยกงกงล้วนแล้วแต่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งสิ้น แม้หลี่เฉินเย่นจะรู้สึกสงสัยในตัวเว่ยกงกงไม่น้อย แต่แม้ว่าเว่ยกงกงจะเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ลงมือแตะต้องตัวยาเลยแม้แต่ปลายนิ้ว ทำหน้าที่เพียงคอยควบคุมดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่องเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นผู้ลงมือไปได้ ทว่าตัวยาก็ถูกใส่ยาพิษไปแล้ว นั่นเป็นความจริงที่ทุกคนล้วนแต่ประจักษ์เห็นกันทั้งสิ้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าในระหว่างการส่งมอบยามาถึงที่ห้องมีผู้ลงมือวางยาพิษอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่มีผู้ใดสังเกตหรือพบเห็นเท่านั้น หากแต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งหมดอาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกัน! ภายในห้องชูเซี่ยยังคงป้อนน้ำเกลือแก่พระชายาเป็นระยะๆ ก่อนหน้านั้นนางป้อนน้ำถั่วเขียวให้พระชายาไปหลายถ้วยแล้ว แต่คงไม่สามารถป้อนมากกว่านี้ได้อีก พระชายาเพิ่งคลอดบุตรได้ไม่นาน ร่างกายอ่อนแอมากกว่าปกติ น้ำต้มถั่วเขียวสำหรับหมอทุกคนนั้นต่างลงความเห็นว่าไม่เหมาะกับสตรีเพิ่งคลอดเนื่องจากออกฤทธิ์เย็นกับร่างกาย จึงเป็นของห้ามและควรหลีกเลี่ยง ในยุคนี้เมื่อไม่มีอุปกรณ์ล้างท้อง ชูเซี่ยจึงเลือกที่จะใช้มือของนางเองล้วงคอของพระชายาเพื่อให้อาเจียนพิษที่รับเข้าปออกมาแทน วิธีนี้อาจจะทำให้ช่องคอของพระชายาได้รับบาดเจ็บจนเกิดแผลได้ แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ เมื่อเวลาผ่านไปเจิ้งหยวนอ๋องเริ่มเกิดความสิ้นหวังในที่สุด เขาทรุดลงอย่างอ่อนแรงบนเก้าอี้ ยกมือทั้งสองปิดบังหน้าอย่างคนหมดสิ้นหนทาง ไหล่ทั้งสองข้างห่อลง น้ำตาของท่านอ๋องไหลรินลงมาตามรอยแยกของฝ่ามือที่ถูกปิดไว้ ค่อยๆหยดลงสู่พื้นหยดแล้วหยดเล่า ราวกับกำลังระบายความเศร้าเสียใจที่กลั่นออกมาจากหัวใจของเขาเอง ชูเซี่ยไม่คิดถอดใจยอมแพ้ วิชาการแพทย์ทั้งหมดที่นางเคยร่ำเรียนมาในยุคของนางถูกงัดขึ้นมาใช้ทั้งหมดเพื่อยื้อพยายามยื้อชีวิตของพระชายาเอาไว้ให้ได้ นออกคำสั่งให้คนนำเห็ดหลินจือกับปักคี้มาต้มน้ำแกง ปักคี้มีสรรพคุณช่วยในการไหลเวียนโลหิตและสูบฉีดเลือดเข้าสู่หัวใจ เพราะเวลานี้หัวใจของพระชายาล้มเหลวเนื่องจากได้รับพิษเข้าไป การกินปักคี้จะช่วยบำรุงหัวใจ เพิ่มเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจมากขึ้นทั้งยังลดความดันโลหิตและบำรุงเลือดลมอีกด้วย ส่วนหลินจือก็มีสรรพคุณรักษาพิษในร่างกายได้อย่างน่าทึ่ง เวลานี้ร่างกายของพระชายาย่ำแย่นัก จึงทำได้เพียงยื้อชีวิตและค่อยๆรักษาไปตามอาการเท่านั้น เมื่อพระชายาอาเจียนพิษออกมาบ้างแล้ว นางจึงค่อยๆป้อนน้ำแกงตุ่นเห็ดหลินจือผสมปักคี้ให้อย่างช้าๆจนหมดถ้วย แต่พระชายาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นคืนสติ จริงอยู่ว่าในยุคนี้ไม่มียาบำรุงหัวใจ แต่ว่าร่างกายของคนสมัยก่อนไม่เคยได้รับยาฮอร์โมนมาก่อน ได้แต่ภาวนาว่าการบำรุงหัวใจด้วยวิธีนี้จะสามารถช่วยรักษาลมหายใจของนางไว้ได้ด้วยเถิด ผู้คนที่รออยู่ภายนอกห้องต่างก็ร้อนใจยิ่งนัก ด้านองค์ไทเฮาและหยงเฟยเร่งเดินทางไปอารามหลวงเพื่อคุกเข่าสวดมนต์ภาวนาขอให้สิ่งศักสิทธิ์คุ้มครองพระชายาเจิ้นหยวนให้รอดพ้นปลอดภัย ด้านฝ่าบาทเองก็ไม่ยอมเสด็จไปที่ใดทั้งสิ้น ดึงดันจะรอฟังความคืบหน้าอาการของพระชายาเจิ้นหยวนอ ทอดพระเนตรมองนางกำนัลที่เข้าๆออกๆห้องบรรทมของพระชายาอยู่เรื่อยๆ ก็ทรงกลัดกลุ้มพระทัยยิ่งนัก พระองค์ทราบถึงจิตใจบุตรชายของพระองค์ดี ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก พระองค์เองก็เกือบสูญเสีย.... จึงไม่น่าแปลกที่พระองค์จะเห็นองค์เห็นใจ แต่ทว่าก็จนปัญญาไม่สามารถช่วยอะไรอีกฝ่ายได้ หลิวมี่เหอและเหล่านางสนมต่างก็รอคอยอยู่ภายนอกตำหนัก ต่างคนต่างก็รู้สึกร้อนออกร้อนใจกับเรื่องที่เกิดยิ่ง ละไว้เพียงหลิวมี่เหอผู้เดียว นางเป็นเพียงผู้เดียวในยามนี้ที่อยากจะเห็นชูเซี่ยร้องไห้วิ่งออกมาจากห้อง พร้อมกล่าวกับทุกคนว่าพระชายาได้สิ้นชีพไปแล้ว นางไม่สามารถรักษาชีวิตพระชายาไว้ได้ แม้นางจะไม่เคยมีความแค้นอันใดกับพระชายาเจิ้นหยวนมาก่อน แต่นางก็มิอาจทนเห็นชูเซี่ยรักษาพระชายาเจิ้นหยวนได้สำเร็จเพียงเท่านั้น เดิมทีนั้นชูเซี่ยก็ได้พระทัยของฮองเฮาอยู่แล้ว หากวันนี้นางยังสามารถรักษาพระราชนัดดาได้อีก ถ้าเป็นเช่นนั้นพระทัยของไทเฮาและหยงเฟย รวมถึงสายพระเนตรชื่นชมจากฝ่าบาทนั่นอีก หากวันนี้ให้นางรักษาพระชายาได้สำเร็จนางก็จะมีบุญคุณต่ออ๋องเจิ้นหยวน ถ้าเป็นเช่นนั้นการที่ตัวนางเองจะขัดขวางเส้นทางของชูเซี่ยไม่ให้นั่งตำแหน่งพระชายาในการหน้าก็ลำบากยิ่งขึ้นไปอีก เหล่านางสนมทั้งหลายกำลังพร่ำสวดมนต์ภาวนาเพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษาอาการของพระชายา แม้ว่าพวกนางอาจมีความสัมพันธ์รต่อกันไม่ค่อยจะดีนัก แต่ยามนี้ผู้ที่นอนป่วยอยู่ภายในตำหนัก แม้คนที่อยู่ในนั้นนางจะไม่ได้เป็นพระสนมในวังหลวงแห่งนี้ หรือเคยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน พวกนางก็ควรที่ทำเช่นนี้ต่อไปเพราะนางเป็นถึงพระชาเจิ้นหยวน สตรียามคลอดบุตร ก็เหมือนกับก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าประตูผี นั่นเป็นสิ่งที่นางสนมทุกนางต่างรู้ไม่ว่าพวกนางจะเคยผ่านการคลอดบุตรมาแล้วหรือไม่ เพราะเช่นนั้น เกิดเป็นสตรี กระต่ายตายหมาจิ้งจอกร้องไห้ แม้จะเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ต้องมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง ยามนี้พวกนางจึงไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งสิ้น ได้แต่หวังว่าพระชายาจะสามารถฟื้นได้ในไม่ช้า อ๋องเจิ้นหยวนนั่งหมดแรงอยู่บนเก้าอี้ ฝ่ามือกำกระบี่ที่เหน็บติดเอวไว้ เขาเพียงรอเวลาเท่านั้น เมื่อใดที่หมอหลวงประกาศว่าพระชายาสิ้นแล้ว เมื่อนั้นเขาก็จะปาดคอตัวเองทันที นางทิ้งเขาไว้ให้มีชีวิตอยู่เพียงคนเดียว ช่างโหดร้ายยิ่งนัก โหดร้ายเหลือเกิน นางจะให้เขาต้องเผชิญหน้ากับวันเวลาเป็นพันเป็นหมื่นปีโดยปราศจากนางงั้นหรือ ใครๆต่างก็กล่าวว่าเขาเองเป็นวีรบุรุษ แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า แม้ยามสู้ในสนามรบก็ไม่เคยขลาดกลัว แต่ไหนแต่ไรไร้ซึ่งความเมตตา รักษาชายแดนอย่างเคร่งครัด ข่มขวัญศัตรูจนพวกมันไม่กล้ามารุกรานดินแดนของเรา แต่ตัวของเขาเอง ทั้งชีวิตนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องการ คือการมีครอบครัวที่อบอุ่น มีหญิงที่รักคอยเคียงข้าง มีบุตรที่สืบเชื้อสายมาจากเขาและนาง ทั้งชีวิตนี้ก็เพียงพอแล้วจริงๆ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หากไม่มีนาง เขาไหนเลยจะมีความกล้าหาญในการใช้ชีวิตต่อไปอีกเล่า ใครจะกล่าวหาว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดก็ได้ ประนามว่าผิดต่อองค์ฮ่องเต้ก็ได้ เขาเพียงแค่ต้องการซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเพียงเท่านั้น เขาทำผิดอันใด วันที่เขาไปสู่ขอนาง เขาเคยเอ่ยว่าจากนี้เราสองคนจะร่วมเป็นร่วมตายกัน นางตาย เขาไม่ขออยู่ และเขาก็เชื่อหมดใจว่าหากเขาตาย นางก็คงไม่ขออยู่เช่นเดียวกัน ท้ายที่สุดหมอหลวงก็เริ่มถอดใจแล้ว ชูเซี่ยเองก็มีสภาพแย่ไม่ต่างจากศพ แม้จะเป็นเช่นนั้นนางก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายามต่อไป “น้องสะใภ้ พอเถอะ พอได้แล้วล่ะ อย่าเหนี่ยวรั้งนางไว้เลย ให้นางได้จากไปอย่างสงบเถอะ”อ๋องเจิ้นหยวนบอกกับนางด้วยเสียงแผ่วเบา ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมามองญาติผู้พี่ของตน สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล“ไม่ นางยังไม่ตาย ยังมีทางช่วยอยู่ ขอแค่นางรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาเท่านั้น” อ๋องเจิ้นหยวนยิ้มอย่างขมขื่น“ลมหายใจก็ไม่มีแล้ว เปิ่นหวางไม่ต้องการให้นางต้องทรมานอีกแล้ว!”เขาผลักร่างของชูเซี่ยออก ก้าวไปยังเตียงเพื่ออุ้มพระชายาของตนขึ้นมาในอ้อมกอด “เย่เอ๋อ สามีจะพาเจ้ากลับบ้าน!” ชูเซี่ยรีบก้าวเข้าไปขวางทางทันที นางคุกเข่าต่อหน้าท่านอ๋อง หน้าผากของเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อมากมาย น้ำตาคลอเต็มหน่วยมองสบกับบุรุษตรงหน้า “ท่านอ๋อง ได้โปรดอย่าเพิ่งถอดใจ ขอเพียงแค่นางรู้สึกตัวขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ข้าก็จะสามารถช่วยรักษานางได้อย่างแน่นอน ข้าขอร้องท่าน โปรดให้ข้าลองดูด้วยเถอะ” อ๋องเจิ้นหยวนทำเพียงส่ายหน้าไม่คิดฟังคำทัดทานใด แล้วอุ้มร่างของพระชายาเดินจากไป ชูเซี่ยยืนขึ้นมา ยกมือตบหน้าของอ๋องเจิ้นหยวน กล่าวออกมาด้วยความโกรธ“ปล่อยนางลงมานะ นางคือผู้ป่วยของข้า ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องนาง!” อ๋องเจิ้นหยวนมองตอบสตรีตรงหน้า นัยน์ตาฉาบด้วยความโมโหวูบหนึ่ง“นางจากไปแล้ว เหตุใดเจ้ายังไม่เลิกดื้อรั้น”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 21 คนตายกลับมาไม่ได้
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A