ตอนที่22 โดนขังโดยความรัก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่22 โดนขังโดยความรัก
ต๭นที่22 โดนขังโดยความรัก เหล่าหมอหลวงเมื่อเห็นชูเซี่ยมีความเป็นห่วงเป็นใยต่อพระชายาเจิ้นหยวนมากเกินกว่าฐานะน้องสะไภ้ เมื่อเห็นนางฝืนถึงปานนั้นก็กลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นมา อดเอ่ยเสนอออกความเห็นไม่ได้ “พอเถอะ พอได้แล้ว ยามนี้พิษก็แพร่กระจายไปทั่วร่างพระชายาแล้ว กอปรกับอาการตกเลือดหลังคลอดด้วยแล้ว ต่อให้เป็นเทวดามาช่วยชีวิตก็ยากจะรอด พระชายาหนิงอานก็พอเถอะ ” ชูเซี่ยยืนอยู่ตรงหน้าอ๋องเจิ้นหยวน“ข้าไม่สน ตราบใดที่ผู้ป่วยยังไม่สิ้นลมหายใจ ข้าก็จะไม่ยอมหยุดช่วยเด็ดขาด ท่านวางนางลงเดี๋ยวนี้ อย่าเคลื่อนย้ายตัวนางส่งเดช จริงอยู่ที่นางเป็นภรรยาของท่าน แต่นางเองก็เป็นผู้ป่วยของข้าเช่นกัน นางยังไม่ถอดใจ ข้าก็จะไม่มีวันถอดใจ พวกท่านล้วนไม่มีใครสามารถบังคับข้าให้ยอมแพ้ได้” ชูเซี่ยไม่ใช่คนที่มีพละกำลังเยอะ แต่ก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีพยายามยื้อแย่งร่างของพระชายากลับมา ยื้อแย่งอย่างไรก็ไม่สำเร็จ แต่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า ยามสตรีตรงหน้าโมโหจะทำให้มีพละกำลังมากกว่าปกติ เพียงชั่วพริบตาที่ท่านอ๋องคลายมือเล็กน้อยเท่านั้น ในที่สุดพระชายาก็ตกมาอยู่ในกำมือของนาง ชูเซี่ยใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดอุ้มร่างของพระชายาวางลงบนเตียง นางจับจุดชีพจรตรวจหาชีพจร ก็พบว่า ยังมีชีพจรอยู่แม้จะแผ่วเบามากก็ตาม แต่นางก็จะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน ไม่ใช่ตอนนี้ อ๋องเจิ้นหยวนถูกชูเซี่ยทำให้ตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาเฝ้ามองดูการกระทำของชูเซี่ย ในใจก็อดรู้สึกมีความหวังไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆก็ตาม ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นความซาบซึ้ง เขารู้สึกซาบซึ้งในตัวชูเซี่ยเป็นยิ่งนัก ที่รักและต้องการช่วยเหลือเย่เอ๋อของเชาจากใจจริง ในที่สุดน้ำแกงโสมก็มาถึง ภายในมีส่วนผสมของเห็ดหลินจือและปักคี้ แรกเริ่มเมื่อลงมือป้อนยาแล้ว พระชายากลับไม่สามารถกลืนยาลงไปได้แต่เพียงไม่นานก็ค่อยๆกลืนยาไปได้ในที่สุด แต่แล้วก็กลับสำลักและอาเจียนยาพิษออกมา ชูเซี่ยตกใจที่พระชายาอาเจียนจนร่างทรุดลงกับพื้น มือน้อยทั้งสองยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าพร้อมด้วยร่างกายที่สั่นเทา ในที่สุดนางก็สามารถยื้อชีวิตของพระชายากลับมาได้ อ๋องเจิ้นหยวนและเหล่าหมอหลวงถึงกับตกตะลึง ความปิติยินดีฉายขึ้นมาบนใบหน้าของอ๋องเจิ้นหยวน กลัวว่าภาพที่เห็นตรงหน้าจะเป็นภาพลวงตา เขาค่อยๆเอื้มมือไปลูบใบหน้าที่ซีดเซียวของพระชายา ก่อนร้องออกมาด้วยความดีใจ พระชายาค่อยๆลืมตาขึ้น ร่างกายระโหยโรยแรงเกินกว่าที่จะเอ่ยคำพูดใดออกมาได้ ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบท่านอ๋องทำได้เพียงแค่กระพริบตา ริมฝีปากแย้มยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะค่อยๆปิดตาลงช้าๆ อ๋องเจิ้นหยวนค่อยๆเอื้มมือไปอังจมูกเพื่อตรวจสอบลมหายใจ ก่อนที่จะค่อยๆถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้จะแผ่วเบา แต่นิ้วของเขาก็รับรู้ได้ถึงลมหายใจของนาง สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่สู้ดีนัก พระชายาสูญเสียเลือดมากเกินไปและภายในร่างกายยังมีพิษถึงสองชนิด รวมถึงร่างกายยังอ่อนแอหลังคลอด บาดแผลยังไม่หายดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในหลายวันนี้ต้องคอยเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ไม่สามารถสกัดจุดชีพจรเพื่อห้ามเลือดได้ เพราะเดิมทีร่างกายของนางก็ฟื้นตัวช้าเพราะการเสียเลือดมากอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ไม่อาจสร้างเลือดใหม่ขึ้นมาได้ในระยะนี้ อ๋องเจิ้นหยวนรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก“น้องสะใภ้ ขอบใจเจ้า!” ชูเซี่ยมองเห็นสีหน้าเช่นนั้น ริมฝีปากก็สั่นน้อยๆ นางมองสายตาที่เต็มไปด้วยความดีใจ ความซึ้งใจเช่นนั้นก็ไม่อาจจะพูดความจริงเกี่ยวกับอาการของพระชายาออกไปได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องพูด ไม่อาจปฎิเสธความจริงที่ว่าต่อให้นางจะทำให้พระชายาฟื้นขึ้นมาได้แล้วก็ตาม แต่อาการของพระชายาก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย หากนางให้ความหวังไปแล้ว เกรงว่ายามผิดหวังอาการของอ๋องเจิ้นหยวนจะยิ่งย่ำแย่ไปกว่านี้ “พระชายายังไม่พ้นขีดอันตรายเจ้าค่ะ”ชูเซี่ยเลือกที่จะบอกความจริงออกไป ทำให้บุรุษตรงหน้าแข็งค้าง และทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ อ๋องเจิ้นหยวนและเหล่าหมอหลวงทราบดี และเชื่อว่าแม้แต่ตัวของพระชายาเองก็รู้ดีกว่าใคร นางกำนัลช่วยกันพยุงชูเซี่ยออกมายังหน้าประตูหลักอารามชูหยาง เสวี่ยกุ้ยเฟยที่เห็นนางก็เอ่ยปากถามขึ้นทันที“เป็นอย่างไรบ้าง” “กราบทูลพระสนม พระชายาเจิ้นหยวนฟื้นคืนสติแล้วเพคะ”นางกำนัลข้างกายกราบทูล เหล่าสนมทั้งหลายต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่สีหน้าของหลิวมี่เหอกลับย่ำแย่ลง นางลอบมองใบหน้าของชูเซี่ยในยามนี้ สตรีตรงหน้านางมีเส้นผมชื้นเหงื่อกระเซอะกระเซิง ใบหน้าซีดเซียว จำเป็นต้องมีนางกำนัลอยู่เคียงข้างคอยพยุงเนื่องจากว่าขาของนางไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจยืนได้เองในตอนนี้ ขณะเดียวกันหลี่เฉินเย่นและเหล่าราชองครักษ์ก็เดินเข้ามาสมทบที่หน้าอารามเพื่อดูความคืบหน้า ครั้นเห็นชูเซี่ยออกมาจากภายในห้องแล้ว ก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปใกล้นาง ก่อนจะรีบถามไถ่อาการของพี่สะไภ้“นางเป็นอย่างไหร่บ้าง” ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองเขา ตอนนี้อากาศย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่หน้าผากของเขาก็มีเหงื่อผุดพรายอยู่เต็มไปหมด มองก็รู้ได้ว่าเขารีบร้อนที่จะมาที่นี่มาก นางทราบมาว่าเขาเป็นผู้ลงมือตามหาผู้วางยาพิษด้วยตนเอง จริงอยู่แม้ว่าเมื่อก่อนหลี่เฉินเย่นจะปฏิบัติต่อเธอไม่สู้ดีนัก แต่นางก็ต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์พี่น้องของเขาทำให้นางซาบซึ้งเป็นอย่างมาก “ฟื้นคืนสติแล้วเพคะ เพียงแต่ยังไม่พ้นขีดอันตราย”ชูเซี่ยทูลออกไปตามตรง ยามนี้สายตาที่หลี่เฉินเย่นมองมายังนางทอประกายอบอุ่นและแฝงไปด้วยความชื่นชมอยู่ในนั้น “เจ้าเองก็เหนื่อยมามากแล้ว ไปพักสักเดี๋ยวเถอะ เปิ่นหวางยังต้องไปสืบอะไรเพิ่มอีกสักหน่อย ค่ำหน่อยพวกเราค่อยออกจากวังกัน” ชูเซี่ยตกปากรับคำ ตอนนี้เธอรู้สึกร่างกายไม่อยู่กับร่องกับรอย ก้าวขาเพียงสองก้าวก็รู้สึกหน้ามืดทรุดลงกับพื้นทันที ทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างตกใจถลาเข้ามารับ แต่หลี่เฉินเย่นกลับไวกว่าก้าวหนึ่ง เขารับนางไว้ในอ้อมกอดก่อนที่ร่างบอบบางจะกระแทกลงพื้น“หลิวหยิงหลง หลิวหยิงหลง เจ้าเป็นอะไรไป” เดิมทีนางคิดว่าเป็นเพราะความเครียดจากเรื่องราวก่อนหน้านี้ ที่ทำให้ร่างกายของนางรับไม่ไหว “ข้าไม่เป็นไรเพคะ เพียงแต่ยังไม่ได้ทานอะไรเลยทั้งวัน จึงรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย” ยามนี้ร่างกายของทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก ใกล้เสียจนนางได้กลิ่นไอของบุรุษที่โอบกอดเธออยู่ เป็นกลิ่นที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด ภาพความทรงจำอันโหดร้ายบนเตียงในคืนนั้นหวนกลับมาในหัวของนางอีกครั้งหนึ่ง “เสี่ยวจี๋...”เดิมทีหลี่เฉินเย่นตั้งใจจะเรียกเสี่ยวอี๋ให้เข้ามา แต่หลิวมี่เหอที่อยู่บริเวณนี้มาตลอดกลับไวกว่าก้าวหนึ่ง รีบเดินมาพยุงร่างของชูเซี่ยขึ้นจากอ้อมกอดของหลี่เฉินเย่นก่อนจะเอ่ย “ท่านอ๋องเพคะ ให้เป็นหน้าที่หม่อมฉันพาท่านพี่ไปพักผ่อนเถอะเพคะ ท่านอ๋องทรงจัดการธุระเถอะเพคะ ไม่ต้องเป็นเป็นห่วงหม่อนฉันจะดูแลท่านพี่ของหม่อมฉันอย่างดีแน่นอนเพคะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เฉินเย่นก็คลายกังวลได้ ก่อนจะพยักหน้ารับ“เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าแล้วลั่วฝาน เจ้าพานางไปพักผ่อนแล้วกัน และอย่าลืมสั่งคนเตรียมสำรับไว้ให้แก่พระชายาด้วย!” “เพคะ ท่านอ๋อง” มือของนางข้างหนึ่งวางทาบอยู่ตรงเอวบางของชูเซี่ย อีกข้างคอยจับแขนพยุงร่างของชูเซี่ยไว้ “ท่านพี่ น้องจะพยุงท่านเข้าไปพักในห้อง”ชูเซี่ยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่อืออา ตอนนี้นางเหนื่อยมากเสียจนไม่มีแรงจะลุกขึ้นมาต่อกรณ์กับหลิวมี่เหอในเวลานี้จึงได้แต่ตอบกลับไป “งั้นก็ต้องรบกวนน้องสาวแล้วล่ะ!” หลิวมี่เหอค่อยๆพยุงร่างของชูเซี่ยเข้ามาภายในห้อง“ท่านพี่เหนื่อยแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรหรอกเจ้าค่ะ”เดิมทีในตำหนักแห่งนี้จะมีนางกำนัลอยู่หลายนางคอยดูแลรับใช้อยู่ หลิวมี่เหอออกคำสั่งให้นางกำนัลไปเตรียมสำรับ และจัดการปิดบานประตู ก่อนจะหันกายกลับมาและตรงไปที่เตียงที่ชูเซี่ยนอนอยู่“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าท่านรู้วิชการแพทย์” ชูเซี่ยที่นอนหลับตาอยู่บนเตียง ในหัวก็คิดหาวิธีร้อยแปดในการรักษาพระชายาอยู่นั้น เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวมี่เหอนางก็นิ่งไปก่อนจะเอ่ยตอบ“เรื่องของข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ไปหมดทุกเรื่องกระมัง เหมือนกับที่ข้าไม่เคยรู้มาตลอดว่าเจ้าเองก็ไม่ชอบข้า” หลิวมี่เหอไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ในตอนนี้ นอกจากความรักที่ท่านอ๋องมีให้แก่นางแล้ว นางก็หามีสิ่งอื่นไม่ หากเป็นครอบครัวปถุชนแล้วล่ะก็ การได้รับความโปรดปรานจากสามีล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่สำหรับที่นี่ สถานที่แห่งนี้ มีคนมากมายเกินไป แก่งแย่งชิงดีกันมากเกินไป ขนาดสามีของตนยังต้องคอยยืมจมูกผู้อื่นหายใจ นางจำต้องก้มหัวให้ แต่เอาเถอะ อย่างไรซะนางก็ก้มหัวให้ท่านพี่มานานถึงเพียงนี้แล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นไรไปเล่า นางทราบดีว่าอีกไม่นานนักนางจะต้องได้ลืมตาอ้าปากได้ในที่สุดตราบใดที่นางมีความรักจากท่านอ๋องอยู่ ต่อให้เป็นฮองเฮาก็ไม่อาจอยู่ปกป้องนางได้ตลอดไปหรอก! เมื่อชูเซี่ยเห็นว่านางไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ก็คร้านจะต่อความ หัวสมองของเธอก็กลับมาเริ่มทบทวนวิธีรักษาอาการของพระชายาอีกครั้ง เธอเคยเรียนวิชาการแพทย์แผนจีนมาก่อน ด้านสมุนไพรที่ใช้รักษาพิษก่อนเรียนรู้มาไม่น้อย แต่ว่าเพราะไม่ทาบว่าพิษที่พระชายาถูกวางยาเป็นพิษชนิดไหน ก็ยากที่จะจัดหาสมุนไพรมารักษาได้ นอกจากว่าจะมียาสมุนไพรที่สามารถรักษาพิษได้ทุกชนิด แต่หากส่งคนไปหาและพบเข้าจริงๆ ก็ใช่ว่าพระชายาจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้น “จริงๆแล้ว.....”อยางลั่วฝานเอ่ยขึ้นมาก่อนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆเอ่ยออกมาอีกครั้ง “ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะตั้งตนเป็นศัตรูกับท่านหรอกนะท่านพี่ แต่สวรรค์กลับลิขิตให้เราต้องหลงรักผู้ชายคนเดียวกันเสียนี่ พวกเราจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงโชคชะตาที่ทำให้เราต้องกลายเป็นคู่แข่งกันได้” “ข้ามิได้มีความรู้สึกอันใดกับหลี่เฉินเย่นแม่แต่น้อย เจ้าจะรักกับเขานั่นก้เรื่องของเจ้า แต่อย่าได้มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของข้า หากเจ้ามิได้ทำให้ข้าลำบากใจ ข้าก็จะมิทำให้เจ้าลำบากใจ”ชูเซี่ยพูดออกมาอย่างเฉื่อยชา นางถูกกาลเวลาพรากจากครอบครัวกับเพื่อนๆก็เจ็บปวดพอแล้ว นางไม่คิดจะยุ่งวุ่นวายหาเหาใส่หัวโดยการไปแทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ของผู้ใดหรอกนะ ความรู้สึกรักชอบอะไรทำนองนี้มีแต่จะทำให้ปวดเสียเปล่าๆ สตรียามมีความรักจะสามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่สนความถูกผิด นางกลัวสตรีประเภทนี้ที่สุด เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง หลิวมี่เหอได้ยินเข้าก็ยิ้มเย็นชาออกมา“ท่านพี่กลายเป็นเย็นชาขนาดนี้ตั้งเมื่อใดกัน แม้แต่ความรู้สึกของตนเองก็มิกล้ายอมรับเสียแล้วหรือ ตั้งแต่เล็กจนโตท่านก็ปักใจรักเพียงท่านอ๋อง เรื่องนี้มิว่าผู้ใดก็ล้วนทราบดี มิฉะนั้นท่านคงมิใช่สารพัดร้อยเล่ห์มารยาเพื่อทำให้ตนเองได้แต่งเข้าจวนอ๋องหรอก คอยกลั่นแกล้งข้าสารพัด ทำให้ข้ารู้สึกอับอาย” เดิมทีนางเป็นผู้มีความอดทน แต่ทว่าเมื่อได้ยินชูเซี่ยพูดขึ้นมาเช่นนี้ นางก็อดจะพูดต่อว่าอีกฝ่ายหลายคำมิได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะขยันหาเรื่องกลั่นแกล้งนางสารพัด แต่ก็ใช่ว่าจะมิมีข้อดีเสียทีเดียว เนื่องด้วยนิสัยของหลิวหยิงหลง นางเป็นคนนิสัยดุร้ายมุทะลุ ยามไม่พอใจก็ระเบิดอารมณ์ออกมาสียสิ้นไม่รู้จักสะกดกลั้นอารมณ์ของตน คนที่ใช้ชีวิตเช่นนี้มีแต่จะทำให้ผิดใจกับผู้อื่น ยากนักจะได้ใจใครต่อใคร ชูเซี่ยไม่อยากโต้เถียงอันใดกับสตรีข้างกายอีก แค่พูดอย่างเนิบๆ“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่เจ้า”ได้ยินเช่นนั้นหลิวมี่เหอก็ยอมจบบทสนาทนาลงแต่เพียงเท่านี้ นางนอนราบลงบนเตียง พักสายตาและคิดถึงเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในวันนี้ สิ่งเหล่านั้นทำให้นางตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเป็นสตรีนั้นอันตรายมากมายเพียงใด เพียงเพราะต้องการให้กำเนิดบุตรแก่สามีสักคน ต้องนำชีวิตของตนไปเสี่ยง ยิ่งไปกว่านั้นภายในใจของนางก็ตระหนักได้ว่า ภายในจวนเจิ้นหยวนอ่องที่กว้างใหญ่และปลอดภัยแห่งนี้ ก็สามารถเกิดเหตุการณ์วางยาเช่นนี้ขึ้นมาได้เช่นกัน พระชายาเจิ้นหยวนเป็นคนดี ไม่เคยบาดหมางกับผู้ใดก็ยังเกือบต้องทิ้งชีวิตไม่ ณ ที่แห่งนี้ ดังนั้นความจริงที่ว่าต่อให้เจ้าไม่รักแกผู้อื่น ก็ใช่ว่าผู้อื่นจะปล่อยเจ้าไปเสียที่ไหน ต่อแต่นี้ไปหลิวมี่เหอ ตั้งปณิธานไว้ว่าไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนๆ นางจะไม่ยอมถูกผู้ใดหน้าไหนรังแก หรือวางยาพิษนางอีกต่อไป นางจะต้องกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในจวนอ๋องแห่งนี้ และเพื่อที่จะมีชีวิตผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นางจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้ใครมารักแกอีก เมื่อชูเซี่ยพักผ่อนไปได้สักพัก ก็ตื่นขึ้นมาทานอะไรเล็กน้อย จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังตำหนักหมอหลวง เมื่อไปถึง นางพบว่าเหล่าหมอหลวงในตำหนัก ต่างยังไม่มีผู้ใดที่มีอาหารตกถึงท้อง เพราะทุกคนต่างใจจดใจจ่ออยู่กับการหาวิธีรักษาพิษพระชายา เนื่องจากเป็นบัญชาขององค์ฮ่องเต้ “ถวายบังคม พระชายาหนิงอาน!”เมื่อใต้เท่าเยี่ยนพ่านเห็นชูเซี่ยมาเยือนตำหนักหมอหลวง จึงรีบลุกขึ้นมาให้การต้อนรับ เนื่องจากนางเองก็มีส่วนช่วยรักษาพระอาการของพระชายาในครั้งนี้ไม่น้อย เดิมทีเยี่ยนพ่านก็ชื่นชมและยกย่องผู้มีความสามารถมาแต่ไหนแต่ไร ยามนี้เขาจึงรู้สึกให้เกียรติแล้วชื่นชมชูเซี่ยเพิ่มอีกหลายส่วน 
已经是最新一章了
加载中