ตอนที่ 28 ที่สงบ
1/
ตอนที่ 28 ที่สงบ
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 28 ที่สงบ
ตนที่ 28 ที่สงบ หลี่เฉินเย่นเห็นนางหงุดหงิดก็ยิ้มขำ แสร้งทำเป็นร้อนใจ“เล่าๆๆ อย่างไรเสียมันก็คงมิใช่เรื่องสนุกอะไร แต่อย่างไรซะเปิ่นหวางก็ว่าง จะช่วยฟังให้แล้วกัน” ชูเซี่ยเขี่ยท่อนฟืนออกจากกองไฟบางส่วน เพื่อให้บรรยากาศภายในถ้ำเปลี่ยนเป็นมือสลัว การเล่าเรื่องผีจำเป็นต้องรู้จักสร้างบรรยากาศก่อน ภายใต้แสงจากกองไฟสลัว เสียงใบไม้ภายนอกที่หวีดหวิว บรรยากาศช่างเป็นยิ่งนัก “เรื่องที่ข้าจะเล่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงหมอแห่งหนึ่ง โรงหมอคือสถานที่ที่ใหญ่กว่าสำนักหมอหลวงหลายต่อหลายเท่านัก ในโรงหมอแห่งนี้จะมีห้องห้องหนึ่งเรียกว่า‘ห้องท่ายผิง’เวิ่นอี้เล่าถึงตรงนี้ก็ดัดเสียงตนเองให้เย็นเยียบ “แม้จะมีชื่อว่าท้ายผิง ที่แปลว่าสงบ แต่ก็มิใช่สถานที่ที่เงียบสงบนักหรอก เพราะว่ามันมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า‘ห้องเก็บศพ’ห้องแห่งนั้นเป็นห้องที่เก็บรักษาศพของผู้เสียชีวิตไปแล้ว...” “จะเป็นไปได้อย่างไร กล่าวเช่นนี้มิถูกต้อง ว่ากันตามจริงแล้ว หากมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตจริงๆ หมอมิอาจเก็บศพไว้ได้ จำต้องส่งกลับให้ทางบ้านเพื่อ ตามความเชื่อของชาวเรา หากจะต้องตายก็ต้องตายที่บ้านจึงจะจากไปได้อย่างสงบ”ซ่งอวิ่นอธิบายให้นางฟัง เนื่องด้วยสิ่งที่นางเอ่ยมาเป็นเรื่องราวที่เป็นไปไม่ได้ ชูเซี่ยพยายามอดกลั้น“เมื่อครู่ท่านมิใช่ยืนกรานจะฟังหรือ ฟังนิทานก็มิจำเป็นต้องคิดอะไรมากนักหรอก ดีหรือไม่”นางไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง บรรยากาศน่ากลัวที่นางพยายามสร้างขึ้นถูกความช่างสงสัยของเขาทำลายลงเสียสิ้น “หากมิสมเหตุสมผลก็ควรเอ่ยออกมา”หลี่เฉินเย่นมองนางตรงๆ “ดี เช่นนั้นข้ามิเล่าแล้ว!” “ดี ข้าไม่ขัดเจ้าแล้ว เชิญเจ้าเล่าต่อได้!”หลี่เฉินเย่นเห็นว่านางโกรธ เขาก็ประนีประนอมลง ชูเซี่ยจึงเล่าต่อ“กลับมาเล่าที่ตัวเอกของเราชูเซี่ย ชูเซี่ยเพิ่งจะได้ตำแหน่งหมอในโรงหมอแห่งนี้ ในคืนหนึ่ง ตอนที่นางกำลังประจำหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยในโรงหมอ ก็มีผู้บาดเจ็บมากมายถูกส่งตัวเข้ามาในโรงหมอแห่งนี้ นางทราบมาว่าเหตุเกิดจากรถม้าสองคนพุ่งชนกันอย่างแรง ผู้คนปลิวล้มกระจัดกระจายไปคนละที่คนละทาง มีผู้บาดเจ็บกว่าสิบคน แน่นอนอุบัติเหตุเช่นนี้มีผู้บาดเจ็บก็ย่อมมีผู้ตาย ชูเซี่ยอยู่ห้องโถงพยายามรักษาผู้บาดเจ็บสุดความสามร แต่ก็มีบางคนที่มิอาจทนพิษบาดแผลของตนได้เสียชีวิตลงไปในที่สุด จากนั้นศพก็ถูกไปยังห้องท่ายผิง กว่าจะผ่านช่วงเวลานี้แสนวุ่นวายก็ใช้เวลาหลายชั่วยามไปแล้ว ชูเซี่ยรู้สึกเหนื่อยล้า แต่เพราะว่านางยังต้องคอยจัดการรายชื่อของผู้ตายอีก นางจำเป็นต้องยืนยันตัวตนก็ของผู้ตายเหล่านั้นว่าเป็นผู้ใด มีชื่อแซ่ว่าอะไร เดิมทีนี่ก็หาใช่หน้าที่ของนางไม่ แต่เพราะค่ำคืนนั้นโรงหมอมีแต่ความวุ่นวาย หน้าที่ของทุกคนล้วนล้นมือ ห้องท่ายผิงมืดสลัว ทางเดินเข้าห้องก็ทั้งยาวทั้งมืดจนดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด ยามนี้นางกำลังพามารดาของผู้ตายไปยืนยันศพลูกสาวของตนเอง ผู้คุมห้องเปิดประตูนำหน้าพวกนางสองคนเข้าไปในห้อง ผู้คุมก็นำศพของหญิงสาวนางหนึ่งออกมาให้มารดาผู้นั้นยืนยันศพ สภาพศพของหญิงสาวนางนั้นใส่เสื้อสีแดง สาเหตุการตายเกิดจากนางกระเด็นออกจากรถม้า ศีรษะกระแทกกับหิน กลายเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ ตอนหญิงสาวนางนี้ตายนางมิได้หลับตา ดวงตาทั้งสองยังคงเบิกกว้า เสื้อผ้าของนางเปรอะเลือดมากมาย ใบหน้าของนางถูกทำความสะอาดคราบเลือดจนหมดจด ผิวของนางซีดเผือด บนหัวเป็นรูโบ๋เห็นถึงข้างใน สภาพรอบๆเป็นเมือกสีดำแดง เมื่อมารดาผู้นั้นเห็นสภาพศพของลูกตนเองก็ใจสลายร้องไห้จนสลบไป ชูเซี่ยรีบถลากายเข้าไปรับมารดาผู้นั้นได้อย่างทันท่วงทีก่อนจะตะโกนขอความช่วยเหลือจากผู้คุมบริเวณนั้น เมื่อในห้องเหลือเพียงนางและมารดาของผู้ตาย จู่ๆในความเงียบนั้นนางก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของหญิงสาว ตามด้วยเสียงเรียกลากยาว ท่านแม่... ตอนนั้นชูเซี่ยตกใจจนแทบสิ้นสติ นางค่อยๆหันกลับไปมองต้นเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง ภาพที่นางเห็นคือหญิงสาวชุดแดงเมื่อครู่นั่งอยู่ตรงเตียง ดวงตาของนางแดงก่ำน้ำตาไหลเป็นทาง หัวของนางมีรูโบ๋ขนาดใหญ่ ก่อนสายตาของชูเซี่ยจะสบเข้ากลับดวงตาแดงก่ำนั้น นางกรีดร้องออกมาก่อนจะรีบพยุงร่างของมารดาหญิงสาวคนนั้นออกจากห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้คุมกลับมาพร้อมเหล่าหมออีกหลายคน ชูเซี่ยนางก็บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ประสบพบเจอมา ภายคืนนั้นเองที่ร่างของหญิงสาวชุดแดงนั้นถูกส่งศพกลับบ้าน แต่หลังจากนั้นเมื่อมีผู้ใดย่างกลายเข้าใกล้บริเวณห้องเก็บศพบริเวณนี้ ก็จะได้ยินเสียงร้องไห้ทรมาน พร้อมร้องเรียก ท่านแม่...” เมื่อหลี่เฉินเย่นฟังจบก็รู้สึกขนลุก ชูเซี่ยเห็นเข้าจึงเอ่ยถามยิ้มๆ“ท่านอ๋องหนาวหรือ” “เจ้าเอาฟืนออกจากกองไฟ้เสียเยอะ จะมิให้เปิ่นหวางหนาวได้อย่างไร!”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง สวรรค์เรื่องที่นางเล่ามาน่ากลัวยิ่งนัก แค่ได้ฟังก็รู้สึกขนลุกขนพอง “งั้นข้าเล่าต่ออีกเรื่องเสียเลยแล้วกัน”ชูเซี่ยว่าพลางโยนฟืนกลับเข้ากองไฟ เสียงของไม้ฟืนที่ถูกไฟเผาเกิดเสียงเล็กๆ เพียงมินานภายในถ้ำก็ถูกความอบอุ่นครอบคลุม “ท่านอ๋องยังต้องฟังอีกหรือไม่”ชูเซี่ยเอ่ยขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น นางยังอยากเรื่องพูดคุยกับเขาอีกหลายคำ หลี่เฉินเย่นเอ่ยปฎิเสธอย่างมิต้องเสียเวลาคิด“ไม่ฟังแล้ว ไม่เห็นจะน่ากลัวเลยสักนิด ไม่น่าสนใจ!” “งั้นข้าเล่าอีกเรื่องก็ได้ รับรองว่าเรื่องนี้น่ากลัวอย่างแน่นอน แม้แต่ข้ายังเกือบหัวใจวาย”นางรีบร้อนเอ่ยขึ้น นางยังอยากเล่าอีกนี่นา “ไม่ฟังแล้ว เปิ่นหวางเหนื่อยแล้ว ต้องการพักผ่อน!”หลี่เฉินเย่นกล่าวปัดอยากรีบร้อน ก่อนจะจามออกมา เขาเอนกลายลงนอนบนพื้น แล้วปิดเปลือกตาลงทันที ชูเซี่ยรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก เขาเหนื่อยจนหลับไปแล้วแต่นางกลับยังมีกำลังวังชาเหลือเฟือ สติแจ่มใสยิ่ง ไม่รู้สึกง่วงนอนเลยแม้แต่น้อย นางตัดสินใจเดินออกไปปากถ้ำเพื่อสูดบรรยากาศภายนอก ใบหน้างามเหม่อมองดวงจันทร์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆมองสำรวจรอบด้านที่ถูกความมืดปกคลุมมีหมอกล่องลอยเหมือนเมฆหมอกเป็นก้อนๆ นางมองอยู่นานจนเริ่มรู้สึกเวียนหัว บนภูเขาเทียนหลางที่เคยเงียบสงบ ยามนี้กลับมีเสียงเหล่าแมลงแข่งกันส่งเสียงร้อง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นางไม่ได้ยินอะไรเลยแท้ๆ ชูเซี่ยนึกถึงมารดาในเรื่องผีที่นางเล่าเมื่อครู่ ใบหน้าของนางก็หมองลง น้ำตาค่อยๆไหลอาบแก้ม ไม่รู้ว่าแม่ของนางจะเป็นอย่างไรบ้าง ยามท่านเห็นนางในห้องเก็บศพจะหัวใจสลายบ้างหรือไม่ จะเป็นลมหมดสติไปหรือไม่ จิตใจของผู้เป็นแม่ นางเป็นความภาคภูมิใจของผู้เป็นแม่มาโดยตลอด เป็นปีศาจตัวน้อยๆของแม่ แต่เมื่อถึงคราวลาจากก็ต้องจากลากันอย่างไม่มีแม้แต่คำบอกลา เป็นเรื่องที่โหดร้ายจริงๆ ทุกอย่างล้วนตอกย้ำว่านางตายไปจากโลกใบนั้นแล้ว ชั่วชีวิตนี้นางคงไม่มีโอกาสจะพบเจอแม่และครอบครัวของนางได้อีกต่อไปแล้ว จากครอบครัวที่เคยชิดใกล้อบอุ่น ในวันนี้กลับต้องแยกจากกันอย่างมิอาจหวนคืน ไม่ได้เจอกันอีกต่อไป ช่างน่าเสียดาย ด้านหลี่เฉินเย่น เขามิได้นอนหลับไปจริงๆ เขามองตามนางที่ลุกขึ้นไปนั่งบนก้อนหินบริเวณปากถ้ำมาสักพักแล้ว ก่อนที่แสงจากกองไฟจะสาดส่องให้เห็นว่าในยามนี้สีหน้านางเศร้าหมองเพียงใด จนในที่สุดนางก็ร้องไห้ออกมาเงียบๆ เขาทราบดีว่านางไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ สีหน้าเช่นนี้หลอกกันมิได้ หากมิใช่ว่าเคยพบเจอเหตุสะเทือนใจเป็นอย่างมากย่อมมิอาจแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาได้ นางเคยพบเจอเรื่องราวสะเทือนใจมาจากที่ใดกัน เพราะเหตุนี้หรือนางจึงได้กลับกลายเป็นคนละคนเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มิอาจถามนางออกไป ยามนี้มีอีกสิ่งหนึ่งที่รบกวนจิตใจของเขาอยู่ และเรื่องนี้ทำให้เขาถึงกับนั่งมิติด พลิกกายไปมา มิอาจข่มตาหลับได้ เขาปวดเบา! จริงอยู่เขาเป็นบุรุษ การจัดการธุระของตนเป็นเรื่องง่าย เพียงเดินออกไปยังปากถ้ำเพียงไม่กี่ก้าวก็สามารถจัดการถ่ายเบาได้แล้ว แต่เมื่อครู่หลังจากที่ฟังเรื่องผีจากนาง ยามนี้เมื่อเขามองฝ่าความมืดออกไปภายนอกถ้ำก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ไฉนเลยจะกล้าออกไปไหนมาไหนคนเดียว เขาเริ่มรู้สึกว่าตนคิดผิดที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นอยากแกล้งนางให้หวาดกลัวก่อน เมื่อปล่อยให้นางได้มีโอกาสได้เล่าเรื่องราวของตนเองบ้าง แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นฝ่ายกลัวเองเสียนี่ เหมือนยกขาเตะก้นหินแต่ขาตัวเองเจ็บเอง น่าสมเพชนัก ไปเถอะ ข้างนอกมืดมิดก็จริงอยู่ แต่แสงจันทร์ก็ส่องสว่างอยู่ ผู้ใดว่าโลกมีผีกัน แต่หากมีอยู่จริงๆ เมื่อครู่ที่เขาและนางเล่าเรื่องผี ย่อมทำให้พวกเขารู้สึกว่าถูกหลบหลู่จากนั้นก็แสดงตนให้พวกเขาทั้งคู่เห็นไปนานแล้ว หากไม่ไปเล่า เกิดเป็นชายชาติทหารถ้าอดทนได้ก็ต้องอดทน ปวดเบากลั้นได้หนึ่งชั่วยาม แต่มิอาจกลั้นได้ทั้งคืน ชายหนุ่มตัดสินใจลุกขึ้น ชูเซี่ยได้ยินเสียงเขาลุกขึ้นมา ก็รีบปาดน้ำตา ก่อนจะเอ่ยถามทั้งที่ยังมิหันกลับไปมอง“ท่านมิใช่กล่าวว่าง่วงแล้วหรือ” “เปิ่นหวางเป็นหัวพี่สะไภ้ มิอาจนอนข่มตาหลับได้!” ยามนี้อารมณ์ของเขามิใคร่จะดีนัก ดวงตาสีเทาเข้มจ้องไปยังแผ่นหลังของนาง เห็ดได้ชัดว่าเขามิพอใจนางเรื่องเมื่อครู่ ทั้งยังจงใจลืมว่าเขาเป็นผู้เริ่มแกล้งนางก่อนด้วยซ้ำ ชูเซี่ยถอนหายใจ“สายสัมพันธ์ของพวกท่านสองพี่น้องช่างแน่นแฟ้น ท่านเป็นห่วงก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว อย่ามาแต่ท่านเลย ข้าเองก็อดเป็นห่วงพระชายามิได้ ได้แต่หวังว่านางจะดีขึ้นในเร็ววัน”ชูเซี่ยลุกขึ้นมาดึงใบกกสองสามใบบริเวณหน้าถ้ำ ก่อนทำท่าจะเดินออกไป “เจ้าคิดจะทำอะไร”หลี่เฉินเย่นลุกขึ้นเดินตามนาง “ข้าอยากไปถ่ายเบา!”ชูเซี่ยเขินอายตอบเสียงอ้อมแอ้ม หลี่เฉินเย่นได้ยินเข้าก็ยินดี เขาฉวยโอกาสนี้“เปิ่นหวางจะไปเป็นเพื่อนเจ้า แม้ภูเขาบริเวณนี้จะปลอดภัย แต่ก็ยังมิอาจวางใจได้ว่ายังมีงูพิษอยู่หรือไม่” ชูเซี่ยปรายตามองมาทางเขา อดรู้สึกซาบซึ้งมิได้“ขอบพระทัยเพคะ!”นางรู้สึกกลัวมากจริงๆ เกรงว่าคืนนี้หากนางหลับตาลงก็คงจะฝันเห็นงูเป็นแน่ แม้ใบหน้าของเขาจะเรียบเฉย แต่ภายในใจของหลี่เฉินเย่นช่างเริงร่า“หามิได้ เปิ่นหวางแค่กลัวว่าหากเจ้าเป็นอะไรไป เปิ่นหวางจะมิมีหน้าไปพบเสด็จพ่อก็เท่านั้น!” ชูเซี่ยยิ้มน้อยๆ มิคิดจะถือสาอะไรกับเขา นางรู้ว่านิสัยของเขาไม่ใช่คนเย็นช้าเช่นที่เขาแสดงออก หากว่านางเกิดตายที่นี้จริงๆ เขาก็แค่กลับไปทูลต่อเสด็จพ่อของตนว่า การเดินทางในครั้งนี้อันตรายนัก เขารักษาชีวิตตนเองก็ว่ายากแล้ว ยิ่งมิต้องกล่าวถึงรักษาชีวิตคนข้างกาย ดังนั้น ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าทั้งสองคนแยะย้ายกันไปหลบตามพุ่มไม้ของตน แต่มิได้ห่างกันมากนัก ทำให้เสียงยามทำธุระของทั้งคู่ดังท่ามกลางความมืด เมื่อเดินมาเจอกันคนทั้งคู่ก็มิกล้าแม้แต่จะมองหน้ากันเพราะต่างฝ่ายต่างรู้สึกกระดากอาย ครานี้หลี่เฉินเย่นเริ่มง่วงงุนขึ้นมาแล้วจริงๆ หลับมาถึงภายในถ้ำหัวถึงพื้นก็หลับทันที ตรงข้ามกับชูเซี่ย ภายในหัวนางคิดถึงเรื่องราวมากมาย ทำให้นอนอย่างไรก็นอนมิหลับ สุดท้ายก็ได้แต่ลุกขึ้นมานั่งข้างกองไฟเติมฟืนไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้มันมอดดับลง เมื่อรุ่งสางนางจึงค่อยๆสะดุ้งตื่น แท้จริงแล้วนางนอนยังมิถึงหนึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ โชคดีที่นางมิมีความรู้สึกอ่อนเพลียแม่แต่น้อยแม้แต่อาการตรงข้อเท้าของนางก็ดีขึ้นมากจนแทบมิรู้สึกอะไรแล้ว ระยะนี้เกิดเรื่องแปลกๆกับนางมากมายจริงๆ เส้นทางข้างหน้าที่ทั้งคู่ต้องเดินยากลำบากค่อนข้างมาก แสงอาทิตย์ในวันนี้ก็เจิดจ้ายิ่งนัก กว่าจะผ่านมาได้ก็ใช้กำลังกายมิใช่น้อย ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็เข้ามาในส่วนที่ลึกที่สุดของป่า ที่นี่มีธารน้ำขนาดใหญ่ไหลเชี่ยว ทั่งคู่รู้สึกดีใจมาก เพราะบันทึกในตำราได้กล่าวไว้ว่า อย่าหลินเฉ่าชอบอาศัยอยู่ใกล้แอ่งน้ำ ชื่นชอบที่ชื้นๆเป็นอย่างมาก หากเป็นที่นี่พวกเขาอาจจะหาหญ้าหลินเฉ่าพบก็เป็นได้ ชูเซี่ยเดินไปหยุดริมลำธาร ใช้มือกวัดน้ำขึ้นมาล้างหน้า“ในที่สุดข้าก็ได้ล้างหน้าล้างตาแล้ว สบายมากเลย!” หลี่เฉินเย่นนำรูปวาดของต้นหลินเฉ่าขึ้นมาดู ก่อนจะเริ่มมองหาพืชที่มีความเป็นไปได้ เขาเริ่มมองหาตามพุ่มไม้ หวาดตามองหาเรื่อยๆจนมาสบเข้ากับสายตาของชูเซี่ย ที่มองมาทางเขายิ้มๆ“หญ้าหลินเฉ่าเติบโตตามก้อนหินเปียกชื้น ตามข้างทางเช่นนี้มิมีหรอก” “ทำไมมิรีบบอก”หลี่เฉินเย่นเอ่ยเสียงเย็น ชูเซี่ยลุกขึ้นยืน นางเล่นตีน้ำจนน้ำกระเซ็น สถานที่แห่งนี้โอบล้มไปด้วยเขารอบด้าน ทิวทัศน์สวยงามราวกับสรวงสวรรค์ บนพื้นดินเต็มไปด้วยดอกไว้หลากสีหลายสายพันธุ์ ทั้งสีชมพูม่วง จนถึงเหลืองขาว ดอกไม้ที่นี่ผลิบานออกดอกตลอดทั้งปี แต่เสียดายที่ความงดงามเช่นนี้กลับมิมีผู้ใดคอยชื่นชม ออกดอกและเหี่ยวเฉาตายลงไปเอง เป็นวงจรชีวิตที่งดงามแต่เงียบเหงาเสียจริง ตามซอกหินมีดอกไป๋เหอชูช่องดงาม กลับดอกของมันบอบบางอ้วนท้วนน่ารัก ดูน่าทนุถนอม ดดยเฉพาะยามเมื่อมีกระแสน้ำพัดผ่านทำให้ดอกไป๋เหอพริ้วไสวงดงามราวกับนางฟ้ากำลังเริงระบำ ทันใดนั้นดวงตาของเวิ้นอี้ก็เปร่งประกายออกมาอย่างยินดี รีบหันหลังวิ่งถลาไปดึงแขนของหลี่เฉินเย่นไว้“ดูนั่น!” หลี่เฉินเย่นรีบร้อนมองตามทางที่นางชี้ไป“ไหน ที่ใดกัน ใช่หญ้าหลินเฉ่าหรือไม่” ชูเซี่ยส่ายหัว“ผีเสื้อน่ะ ผีเสื้อหางนกนางแอ่น!” หลี่เฉินเย่นปัดมือนางออกอย่างหงุดหงิด“ช่วยจริงจังหน่อยมิได้หรือ ให้เจ้าตามหาหญ้าหลินเฉ่า มิใช่ให้มาเที่ยวเล่นชมวว!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 28 ที่สงบ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A