ตอนที่ 34 ชายารองบ้าคลั่งเพื่อนความรัก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 34 ชายารองบ้าคลั่งเพื่อนความรัก
ต๭นที่ 34 ชายารองบ้าคลั่งเพื่อนความรัก ยามที่ชูเซี่ยและหมอหลวงออกจากห้องเพื่อไปปรึกษาหารือเกี่ยวกับอาการขององค์ชายที่ห้องโถงนั้น นางยังได้ยินเสียงของฮองเฮาเอ่ยขึ้นกับไทเฮาภายในห้อง “เด็กคนนี้ ร่างกายตนเองก็มีบาดแผลอยู่เต็มตัวแท้ๆ แต่ก็ไม่รู้จักดูแลตนเองให้ดี เห็นกันหรือไม่ ดวงตาก็แดงก่ำไปหมด แม้แต่เสียงก็ยั่งเปลี่ยน นางจะต้องเจ็บแผลมากเป็นแน่!” หยงเฟยร้องครวญออกมา “นึกไม่ถึงว่ายามนั้นที่นางแต่งเข้ามาในจวนอ๋องเปิ่นกงทำไม่ดีต่อนางสารพัด แต่ในวันนี้นางยังยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยเหลือลูกสะไภ้และหลานชายของข้าอีก นึกถึงยามนั้นที่เปิ่นกงปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้ายเช่นนั้น เปิ่นกงช่างละอายใจเหลือเกิน!” ในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากหยงเฟยเห็นว่าหลิวหยิงหลงเป็นผู้ได้รับความโปรดปรานจากฮองเฮามาโดยตลอด นางจึงมีท่าทีที่ไม่ดีต่อลูกสะไภ้คนนี้นัก อีกทั้งหลิวหยิงหลงยังเคยมีปัญหาขัดแย้งกับตันหยงเฟยเองมาก่อน จึงทำให้หยงเฟยซึ่งแต่เดิมไม่ชอบพอนางอยู่แล้วกลายเป็นเกลียดชังในที่สุด ชูเซี่ยเมื่อได้ยินประโยคที่หยงเฟยกล่าวออกมา นางก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอันใด ในโลกของนางมีคำพูดยอดฮิตบนโลกออนไลน์อยู่ประโยคหนึ่ง ‘ตัวข้ามิใช่เงินหยวนที่จะให้คนทั้งโลกมาชอบได้’ หลิวหยิงหลงเองก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หยงเฟยไม่ชื่นชอบนางก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ชูเซี่ยตั้งใจแน่วแน่ว่าตราบใดที่นางใช้ชีวิตอย่างไม่ผิดต่อมโนธรรม นอกนั้นจะเป็นอย่างไรใครจะรักหรือจะเกลียดชังนางก็ไม่เก็บมาใส่ใจ แต่สิ่งที่คอยกวนใจนางมาตลอดเวลาคือนางเป็นห่วงหลี่เฉินเย่นเหลือเกิน เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกกังวลใจอยู่ตลอดเวลา นางไม่อยากคิดถึงสิ่งที่เขาจะต้องเผชิญอยู่ตามลำพัง หากเขาตกอยู่ในกำมือของโจรเหล่านั้นเล่าจะทำอย่างไรดี เพียงแค่นางคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หัวใจก็เจ็บปวดเกินจะรับ ความรู้สึกราวกับหัวใจถูกกระชากออกจากอกก็มิปาน อย่างไรก็ตามในตอนนี้นางกำลังปรึกษากับเหล่าหมอหลวงเกี่ยวกับอาการขององค์ชายน้อย นางจึงต้องแบ่งแยกความรู้สึกให้ชัดเจน ทำหน้าที่หมอของตนเองให้ดีที่สุดในเวลาเช่นนี้ “ข้าคิดว่าอานเหยี่ยนเป็นโรคถุงน้ำดีตีบตัน” นางเอ่ยขึ้น เยี่ยนพ่านมองมาทางนางอย่างไม่เข้าใจนัก ก่อนจะหันมามองหมอหลวงอีกสองท่านข้างกาย ทั้งสามคนต่างมึนงงไม่มีผู้ใดเข้าใจความหมายที่นางเอ่ย “เรียนถามพระชายา ถุงน้ำดีตีบตันคืออะไรหรือพะย่ะค่ะ” “โรคตัวเหลืองในเด็กแรกเกิดที่มีอาการเช่นนี้เกิดจากความพิการในถุงน้ำดีแต่กำเนิด ทว่าในอาการขององค์ชายกลับคล้ายมี อาการถุงน้ำดีตีบตันหรือโรคตัวเหลืองภายในร่วมอยู่ด้วย วิธีการรักษาได้คือการผ่าตัดอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเราไม่มีอุปกรณ์สำหรับใช้ในการผ่าตัดได้ ดังนั้นข้าจึงเห็นว่าให้สำนักหมอหลวงจำเป็นต้องจัดยารักษาลดอาการตัวเหลืองเพื่อช่วยรักษาในขั้นตอนแรกไปก่อน เพียงแต่ว่าข้าก็มิอยากปิดบังพวกท่าน หากว่าองค์ชายเป็นโรคถุงน้ำดีตีบตันอย่างที่ข้าคิดจริงๆ พวกเราก็คงได้แต่เฝ้ามององค์ชายค่อยๆ...” ชูเซี่ยไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยออกไปอีก นางรู้ว่าทุกคนในที่นี้ต่างรับรู้กันอยู่แล้ว ไม่ใครผู้ใดเอ่ยอะไรออกมาอีกเลย หากองค์ชายน้อยไม่อาจรักษาหาย เกรงว่าผู้ที่ต้องตายอาจไม่ใช่เพียงองค์ชายแค่พระองค์เดียว ชีวิตของพวกเขาก็คงมิอาจรักษาไว้ได้อีก “แต่ว่า พวกกระหม่อมเคยจัดยารักษาอาการตัวเหลืองให้องค์ชายไปแล้วพะย่ะค่ะ แต่มันกลับไม่ได้ผลแม้แต่น้อย” หมอหลวงหลงเฟยเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่ว่าไม่ได้ผล แต่มันไม่มีผลต่างหากเล่า อาการตัวเหลืองมีอยู่สองชนิดคือตัวเหลืองจากภายในและตัวเหลืองภายนอก อาการตัวเหลืองภายนอกแม้พวกท่านจะไม่ได้จัดยยารักษาให้ก็จะหายไปได้เองในที่สุด แม้ข้าจะไม่เคยเห็นวิธีการจัดยารักษาของพวกท่าน แต่ข้าก็มั่นใจว่าการรักษาของพวกท่านคงเป็นการรักษาแค่ภายนอกเท่านั้น การรักษาโดยจัดยาลดตัวเหลืองมีผลแค่ในผู้เป็นโรคตัวเหลืองภายนอกเท่านั้น ไม่มีผลต่อโรคตัวเหลืองที่เกิดจากภายในหรอก ยามนี้พวกเราต้องทำให้อาการตัวเหลืองภายนอกลดลงอีกสักเล็กน้อยก่อน โชคยังดีที่องค์ชายน้อยไข้ทุเลาลงแล้ว ส่วนการหาวิธีรักษาจากภายในแทนพวกเราก็ค่อยๆคิดกันเถิด” ชูเซี่ยรู้สึกลำบากใจอย่างมาก นางเป็นคนทำคลอดให้องค์ชายน้อยกับมือของนางเอง ยามนั้นก็ถือว่าหนักหนาสาหัสแล้ว ทว่าครั้งนี้กลับยิ่งกว่า เด็กน้อยตัวเล็กเพียงเท่านี้กลับต้องมาเจอกับความเจ็บปวดทรมานเพียงนี้จะทนได้หรือ น่าสงสารจริงๆ แล้วหากว่าพระชายาเจิ้นหยวนทราบเรื่องเข้าเล่า นางอาจจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเลยก็เป็นได้ เยี่ยนพ่านเอ่ยถามขึ้นมาอย่างข้องใจ “หากเป็นดังที่พระชายากล่าวมาทั้งสิ้น หากว่าองค์ชายน้อยเป็นโรคถุงน้ำดีอุดตันจริงๆ ต่อให้พวกเราจะทำการรักษาอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ใช่หรือไม่” ชูเซี่ยพยักหน้า “หากเป็นเช่นนั้นจริง เราสามารถรักษาได้ด้วยพิธีผ่าตัดเท่านั้น แต่ยามนั้นที่ข้าลงมือผ่าท้องเพื่อช่วยเหลือพระชายาเจิ้นหยวนทำคลอดอาเหยียนออกมาก็นับมาเสี่ยงมากพออยู่แล้ว ไม่สมควรเสี่ยงอีก” “กระหม่อมเข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะจัดยารักษาตับและถุงน้ำดีในทันที รวมถึงยาที่รักษาอาการท้องเสียขององค์ชายอีกด้วย หวังว่าอาการขององค์ชายจะดีขึ้นในเร็ววัน” เยี่ยนพ่านเอ่ย ยามนี้ชูเซี่ยได้แต่หวังว่าองค์ชายน้อยจะไม่ได้เป็นโรคถุงน้ำดีอุดตันเข้าจริงๆ ไม่เช่นนั้นต่อให้ทำการรักษาอย่างไรก็ล้วนเปล่าประโยชน์ ตราบใดที่ที่นี่ยังไม่มีความก้าวหน้าทางการแพทย์อย่างโลกของนาง ชูเซี่ยยังแนะนำเพิ่มไปอีกเล็กน้อย “หากยาที่ท่านจัดไว้ไม่เห็นผล ก็ลองใช้ อินเฉิน จือจื่อ หวงจิน และจินอิ๋นฮวาต้มรวมกันเป็นหม้อเดียว จากนั้นลองนำไปให้อานเหยียนดื่มดู” แม้ว่านางจะไม่ได้สันทัดในด้านสมุนไพรจีนนัก แต่ว่าในยุคของนางนั้นก็ยังมีกลุ่มคนที่ยังอนุรักษ์การใช้แพทย์แผนจีนไว้อยู่ และแพทย์แผนจีนมักจะออกใบสั่งยาโดยการใช้สมุนไพรเหล่านี้ในการรักษาโรคตัวเหลือง เยี่ยนพ่านมองชูเซี่ยอย่างประหลาดใจ “วิธีนี้กระหม่อมก็เคยคิดมาก่อน แต่ด้วยตัวยามีสรรพคุณค่อนข้างแรง กระหม่อมเกรงว่าร่างกายขององค์ชายน้อยจะมิอาจรับไหวได้จึงไม่กล้าใช้ ทำเพียงต้มน้ำดอกจินอิ๋นฮวาถวายแก่องค์ชายเท่านั้น ยามนี้เมื่อพระชายาเอ่ยมาเช่นนี้แล้วกระหม่อมคงต้องขอลองดูแล้ว!” หลังจากปรึกษาหารือวิธีการรักษาเสร็จสิ้น ฮองเฮาก็มีรับสั่งให้ชูเซี่ยกลับไปนอนพักรักษาตัวทันที ยามนี้แผลบนหน้าผากของนางถูกพันผ้าพันแผลไว้เรียบร้อยแล้ว ฮองเฮาทรงมีรับสั่งให้นางพักรักษาตัวอยู่ที่อารามชูหยางแห่งนี้โดยมีจี่เซียงนางกำนัลคนสนิทของพระองค์คอยดูแลรับใช้นางอยู่ข้างกาย และยังมีหยานลั่วฝานที่เสนอตัวมาด้วยอีกคน นางเอยกายนอนอยู่บนเตียง หัวใจยังไม่สงบจึงไม่อาจหลับลงได้ แต่นางไม่อาจทำให้ฮองเฮาทรงเป็นห่วงไปมากกว่านี้จึงปิดเปลือกตาลงเฉยๆ นางหรือจะหลับลงได้ แม้ว่าจะได้รับยานอนหลับจากหมอหลวงไปแล้วแต่นางกลับยังไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย ภายในห้องที่เงียบสงัดนี้ จู่ๆก็มีมือมากระตุกผ้าห่มของนางเบาๆ เดิมนางคิดว่าเป็นจี่เซียงหรือนางกำนัลคนอื่นจึงไม่ได้เปิดเปลือกตาขึ้น “ท่านพี่ หากท่านยังไม่ได้หลับก็ลุกขึ้นมาคุยกับข้าเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!” มันคือเสียงของหลิวมี่เหอ เสียงของนางเต็มไปด้วยความอับจนระคนวิตกกังวล ชูเซี่ยค่อยๆลืมตาขึ้น ใบหน้าของหลิวมี่เหอสะท้อนในดวงตาของนาง หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆก็ไม่พบใครอื่นอีกนอกจากหลิวมี่เหอ “ข้าให้คนที่เหลือออกไปหมดแล้ว” หลิวมี่เหอเอ่ยกับนาง ชูเซี่ยค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง หัวของนางพิงพนักไว้ก่อนจะปรายตามองมายังหลิวมี่เหอ “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงท่านอ๋อง ข้าก็เป็นห่วงเขาเช่นกัน แต่ในยามนี้นอกจากรอแล้ว พวกเรามิอาจทำอย่างอื่นได้อีกแล้ว” หลิวมี่เหอรู้สึกกระวนกระวายใจนัก “ข้าเป็นห่วงเขายิ่งนัก เจ้าไม่ใช่กำลังปิดบังอะไรข้ากระมัง เกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋องใช่หรือไม่” ชูเซี่ยไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว นางไม่กล้าพูดออกไปตามตรงเกรงว่าอีกฝ่ายจะรับไม่ไหว นางมองออกว่าหลิวมี่เหอรักใคร่ท่านอ๋องจากใจจริง หากว่านางทราบเรื่องที่ท่านอ๋องสูญเสียพลังปราณและยังต้องต่อสู้กับกลุ่มโจรป่าอีกเล่า นางคงอดคิดไปทางเลวร้ายมิได้แน่ๆ แต่เมื่อชูเซี่ยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา หลิวมี่เหอก็ยิ่งร้อนใจหนักขึ้นไปอีก นางนั่งลงข้างเตียงก่อนจะโอบไหล่ของชูเซี่ยไว้เบาๆ เอ่ยขอร้อง “ท่านพี่ ข้าขอร้องท่าน ได้โปรดเถิด แท้จริงแล้วเกิดเรื่องร้ายกับท่านอ๋องใช่หรือไม่” ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองนาง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลิวหยิงหลงมักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับนางมาโดยตลอด ไม่เคยเห็นนางซึ่งเป็นพี่สาวอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แต่ในยามนี้นางกลับยอมลดทิฏฐิส่วนตัวเพื่อมาออดอ้อนขอร้องนาง ชูเซี่ยไม่ได้แยแสแม้แต่น้อยเพราะนางมองออกว่านี่เป็นการเสแสร้ง นางถอนหายใจออกมา “ลั่วฝาน พวกเราต้องมั่นใจในตัวท่านอ๋องว่าเขาจะต้องกลับมา” นางพูดเช่นนี้ออกไปทั้งที่ในใจนางเองก็ไม่ได้เชื่อมั่นเลยแม้แต่น้อย นางเป็นคนที่รับรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดียิ่งกว่าใคร หลี่เฉินเย่นหายออกไปจากจุดเดิมที่นางแยกจากเขามีเพียงแค่เหตุผลเดียว บางทีอาจจะมียอดฝีมือผ่านมาเห็นเข้าก็เป็นได้ แต่ว่าในป่าเขารกทึบเช่นนั้น จะมียอดฝีมือโผล่มาได้อย่างไรกัน หลิวมี่เหอได้ยินวาจาที่นางเอ่ยออกมาอย่างคลุมเคลือก็รู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างยิ่ง “เป็นเพราะท่าน ท่านอ๋องเป็นผู้มีวรยุทธสูงส่งต่อให้เจอกลุ่มโจรมากเพียงไหนก็หาได้คณามือเขาไม่ เขาสามารถเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน ต้องเป็นเพราะเพื่อช่วยท่านแล้วท่านอ๋องจึงเดือดร้อน เหตุใดท่านจึงไม่ให้ท่านอ๋องเป็นผู้นำหญ้าหลินเฉ่ากลับมาส่วนท่านก็รับมือพวกโจรไปเล่า ท่านจะตายมันก็เป็นเรื่องของท่าน แต่หากท่านอ๋องเป็นอะไรไปข้าจะไม่มีวันปล่อยท่านไว้แน่” หลิวมี่เหอในยามนี้กำลังตกอยู่ในความคิดวุ่นวายสับสนของตนเอง นางเฝ้านึกถึงความเป็นไปได้พันหมื่นเหตุผล มีเพียงข้อเดียวที่เป็นไปได้มากที่สุด แต่นางก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนั้น นั่นก็คือเขาทำเพื่อปกป้องหลิวหยิงหลง ทั้งคู่อาจเกิดความรู้สึกลึกล้ำต่อกันยามต้องเผชิญหน้ากับพวกโจร เขาจึงยอมมอบหญ้าหลินเฉ่าให้นางเป็นผู้นำกลับมา ส่วนตกเองเป็นฝ่ายอยู่รับมือกับโจรป่าเสียเอง จากนั้นเกิดอะไรขึ้นก็สุดจะรู้ได้ แต่การที่เขายังไม่กลับมาคงไม่ใช่เรื่องนี้นัก มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น จี๋เซียงคงได้ยินเสียงคนคุยกันภายในห้องจึงเปิดบานประตูเข้ามาในห้องเพื่อดู เมื่อหลิวมี่เหอได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา สีหน้าท่าทางของนางก็เปลี่ยนไปแทบจะทันที นางแสร้งเอ่ยเสียงอ่อนหวาน “ท่านพี่ ในเมื่อท่านนอนไม่กลับ เช่นนั้นน้องจะคุยเป็นเพื่อนท่านเองเจ้าค่ะ!” ชูเซี่ยเห็นท่าทางของนางที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือก็อดตะลึงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้คิดจะถอดหน้ากากของนางออกต่อหน้าจี๋เซียงแต่อย่างใด ทำเพียงแค่ยิ้มออกมาน้อยๆเท่านั้น “ข้านอนหลับเต็มอิ่มแล้วล่ะ น้องสาวยอมมานั่งคุยเป็นเพื่อนพี่สาวเช่นนี้ช่างดียิ่งนัก” จี๋เซียงยิ้มน้อยๆก่อนเดินเข้ามาใกล้ “พระชายาตื่นแล้วหรือเพคะ หิวหรือยังเพคะ หม่อมฉันสั่งให้คนเตรียมโจ๊กไว้ให้ท่านแล้ว หากท่านหิวแล้วหม่อมฉันจะสั่งให้คนนำว่าถวายทันที!” ชูเซี่ยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ขอบคุณกูกู ลำบากกูกูแล้วเจ้าค่ะ!” “พระชายากล่าวอะไรเช่นนั้นเพคะ นี่เป็นเรื่องที่หม่อมฉันสมควรทำอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องขอบคุณหม่อมฉันหรอกเพคะ” จี๋เซียงหันหลังสั่งคนไปจัดเตรียมโจ๊กมาถวายแก่พระชายาและเตรียมน้ำไว้ถังหนึ่งสำหรับให้พระชายาได้ล้างหน้าล้างตา เมื่อออกคำสั่งเสร็จเรียบร้อยนางก็ค่อยๆหันหน้ามาทางหลิวมี่เหอ “โหร่วเฟยเพคะ หม่อมฉันคงต้องคอยดูแลพระชายาอยู่ที่นี่ แต่ว่าเมื่อครู่นั้นข้าหลวงผู้รับใช้ข้างกายของฝ่าบาทมาที่นี่ ทรงมีรับสั่งให้พระชายาเข้าเฝ้าเนื่องด้วยฝ่าบาทต้องการมาดูอาการพระชายาด้วยตนเอง เช่นนั้นแล้วหม่อมฉันคงต้องรบกวนให้โหร่วเฟยช่วยจัดเตรียมชุดสำหรับเข้าเฝ้าฝ่าบาทด้วยได้หรือไม่เพคะ หม่อมฉันเชื่อมั่นในสายตาของโหร่วเฟยเพคะ!” จี๋เซียงเอ่ยชื่อโหร่วเฟยออกมาชัดถ้อยชัดคำ หลิวมี่เหอได้ยินก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมา แต่ว่านางก็ต้องเก็บความไม่พอใจไว้อย่างรวดเร็วเพราะว่าจี๋เซียงนางเป็นข้ารับใช้คนสนิทของฮองเฮา นางไม่อาจล่วงเกินอีกฝ่ายได้ จึงทำได้เพียงยิ้มออกมาเท่านั้น “ได้!” คล้อยหลังหลิวมี่เหอ จี๋เซียงก็หันกายมาหานางก็จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “พระชายาไม่จำเป็นต้องเก็บคำพูดของนางมาใส่ใจหรอกเพคะ!” จี๋เซียงได้ยินคำพูดที่หลิวมี่เหอเอ่ยออกมาชัดเจนทุกถ้อยคำ ความจริงแล้วนางอยู่ในห้องด้านหลังห้องบรรทมมาโดยตลอด และบานหน้าต่างของห้องบรรทมก็เปิดไว้เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเท นางเป็นคนที่มีวรยุทธอีกทั้งก่อนหน้านี้หลิวมี่เหอนางมีอารมณ์โมโหร้ายอยู่จึงไม่ทันระวังลดเสียงของตนเองให้เบา ทำให้สุกสิ่งทุกอย่างที่นางเอ่ยออกมานั้นล้วนเข้าหูจี๋เซียงทั้งหมด 
已经是最新一章了
加载中