ตอนที่ 50 หนังสือการแพทย์
1/
ตอนที่ 50 หนังสือการแพทย์
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 50 หนังสือการแพทย์
ตนที่ 50 หนังสือการแพทย์ง นางนั่งอยู่ที่อุทธยาน ในหัวก็คิดถึงคำกล่าวที่ว่า ‘หากเจ้าอยากเป็นมือที่สาม ก็จงยอมรับความอัปยศที่มือที่สามสมควรได้รับ’ นางไม่กล้าแม้แต่จะบอกว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะว่านางตกหลุมรักหลี่เฉินเย่นเข้าแล้วจริงๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ในห้องของเขาก็เป็นเรื่องที่นางยอมรับและคาดหวังเช่นกัน ชูเซี่ยกัดริมฝีปากของตนเองไว้แน่น ให้ตายนางก็ไม่ยอมร้องไห้ออกมาเด็ดขาด แต่น้ำตาที่คลอหน่วยอยู่ก็จวนเจียนจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ ”ท่านร้องไห้อยู่หรือ” มีเสียงดังขึ้นเหนือหัวนาง คนผู้นี้คือจูเก๋อหมิง นางรีบร้อนเช็ดหน้าเช็ดตาแต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้น เสียงอู้อี้ขึ้นจมูกเอ่ยขึ้น “ท่านใช้ตาข้างไหนมองว่าข้าร้องไห้ ฝุ่นเข้าตาข้าต่างหากเล่า” นางพยายามใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาให้หมด ทว่ายิ่งเช็ดเท่าไหร่น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น จูเก๋อหมิงทรุดนั่งลงข้างกายนาง ดวงตาคมจับจ้องนางสักพัก “ความจริงแล้วท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่ถึงเพียงนี้” “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!” ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตากลมโตสว่างวาบราวกับมีดวงไฟอยู่ในนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่มีน้ำตาเอ่อคลอในดวงตาทั้งสองข้ายิ่งทำให้มันเปล่งประกายมากขึ้นกว่าเดิม “ข้ารู้สึกแย่เมื่อใดกัน เหตุใดข้าต้องรู้สึกแย่กันเล่า” จูเก๋อหมิงยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางผืนหนึ่ง ก่อนถอนหายใจออกมา “ทำไมต้องเฉไฉ ข้าไม่ใช่ไม่รู้เรื่องราวเสียหน่อย” ชูเซี่ยผุดลุกขึ้นทันที นางตั้งใจจะผละกายออกไป จูเก๋อหมิงดึงแขนเสื้อของนางไว้ ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ดูท่านเถิด ปากบอกไม่ร้อง แต่น้ำตาไหลลงมาแล้ว!” เขาเอื้อมมือไปช่วยนางเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างอ่อนโยน ชูเซี่ยตกใจเล็กน้อย ก่อนจะผงะถอยหลังมองหน้าเขาอย่างตระหนก “ท่าน...ท่านอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ว่าที่นี่หนุ่มสาวเขาไม่แตะเนื้อต้องตัวกันพร่ำเพรื่อ” จูเก๋อหมิงหลุดยิ้มออกมา “ท่านจะไปไหนเล่า ข้าเพียงช่วยท่านเช็ดน้ำตาก็เท่านั้น นับได้เสียที่ไหน” จู่ๆในหัวใจเขาก็รู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นนางร้องไห้ หัวใจของเขาสั่งให้ร่างกายเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าเพื่อจะเช็ดน้ำตาให้นาง เมื่อชูเซี่ยลองตรองดูถี่ถ้วนแล้วก็หาได้มีอะไรผิดปกติไม่ เพียงแต่ว่าการกระทำเมื่อครู่ค่อนข้างจะสนิทเกินไปหน่อยกระมั้ง แม้เขาจะไม่ได้คิดอะไรแต่นางก็อดคิดไม่ได้ “ข้าต้องกลับแล้ว ท่านหมอจูเก๋อก็ควรรีบกลับไปพักผ่อนได้แล้ว” ทว่าเพียงแค่นางเริ่มก้าวขาก็รู้สึกเจ็บบริเวณบาดแผลที่เท้าอย่างยิ่ง นางจึงยืนนิ่งก่อนจะก้มลงถกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูบาดแผล บัดนี้แผลที่ขาของนางมีเลือดไหลทะลักออกมาแดงฉานไปหมด นางนิ่งอึ้ง นางไม่ได้กระทบกระเทือนบาดแผลเลยแม้แต่น้อย นางจำได้ว่านางไม่ได้เดินชนอะไรเลยทั้งสิ้น เมื่อจูเก๋อหมิงเห็นแผลของนางก็หน้ามุ่ย “เกิดอะไรขึ้น ยาของท่านเล่า ก่อนหน้านี้ข้าก็เพิ่งใส่ยาให้ท่านไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่รู้จักระวังตัว บาดแผลของท่านเพิ่งจะแห้งดีไฉนยามนี้เลือดไหลอีกแล้ว ท่านไปชนอะไรเข้าหรืออย่างไร” ชูเซี่ยพยายามนึกย้อนกลับไป นางรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง นางไม่ได้ไปชนอะไรเข้าอย่างแน่นอน แล้วไฉนเลือดจึงได้ไหลออกมามากมายเพียงนี้ นางส่ายศีรษะตอบตามจริง “ข้าไม่ได้ชนอะไรทั้งนั้น และก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดเลือดจึงไหลออกมา เมื่อครู่ยังไม่มีอะไรแท้ๆ ทว่าท่านก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงไปหรอก ยามนี้มันอาจจะเจ็บแต่เดี๋ยวอีกสักครู่ก็ไม่เจ็บเอง ปกติก็เป็นเช่นนี้” จูเก๋อหมิงงุนงง “แผลลึกถึงเพียงนี้จะไม่รู้สึกได้อย่างไรกัน ก่อนหน้านี้ที่ข้าทำแผลให้ท่าน ท่านไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิดเดียวหรือ” ชูเซี่ยไม่คิดจะโกหกเขาอีก จึงตอบไปตามตรง “ไม่รู้สึกอะไรเลย” จูเก๋อหมิงนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “ไปเถิด ข้าจะห้ามเลือดให้ท่าน” ชูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร ข้าจัดการเองได้!” กล่าวจบนางก็หันกายกลับเรือนหรูอี้ จูเก๋อหมิงรั้งนางไว้ก่อนเอ่ยเสียงไม่พอใจ “ร่างกายตนเองท่านยังไม่รู้จักรักและถนอมตนเองหรือว่าเจ้าถูกอารมณ์หึงหวงครอบงำจนกลายเป็นบ้าไปเสียแล้ว” ชูเซี่ยนิ่งงัน นางเข้าใจในสิ่งที่เขาเอ่ยมา ใบหน้าของนางหม่นเศร้าลงอีกครั้งก่อนกล่าวออกมาเสียงเยือกเย็น “ท่านไม่คิดว่าตนเองแส่ไม่เข้าเรื่องหรือ ข้าจะอยู่หรือตายก็หาได้เกี่ยวกับท่านไม่” เมื่อกล่าวจบนางก็รู้สึกว่าตนเองพูดจาร้ายกาจออกไปเสียแล้ว เขาดีกับนาง ทว่าเพียงแค่นางได้ยินคำว่าหึงหวงก็โกรธจนหน้ามืด นางสู้อุตส่าห์ระงับอารมณ์ของตนเองได้แต่กลับถูกพูดจี้ปมขึ้นมาอีก แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่สมควรที่จะใส่อารมณ์กับผู้อื่น แต่เล็กจนโตนางไม่เคยได้รับการปลูกฝังว่าควรทำนิสัยเช่นนี้ต่อผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่หวังดีต่อนางจากใจจริง ดังนั้นเมื่อนางเห็นว่าสีหน้าของจูเก๋อหมิงเปลี่ยนไปจึงเอ่ยอุบอิบ “ขออภัย ข้าไม่ควรอารมณ์เสียใส่ท่านเลย” จูเก๋อหมิงนึกว่าเป็นนิสัยเดิมของหลิวหยิงหลงที่มักจะใส่อารมณ์ต่อผู้คนอยู่เสมอแต่เมื่อนางเอ่ยคำขอโทษออกมาก็ทำให้เขาไม่ทราบว่าจะจัดการความรู้สึกของตนเองเช่นไรดี เขาจ้องมองนางนิ่งๆก่อนเอ่ยเบาๆ “เช่นนั้น ข้าสามารถทำแผลให้ท่านได้แล้วใช่หรือไม่” ชูเซี่ยยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “ตามสบาย!” จูเก๋อหมิงพยุงนางกลับมายังที่พักอาศัยของตนเอง เขามักจะพำนักอาศียอยู่ในจวนอ๋องเสมอหลี่เฉินเย่นจึงสร้างลานตากสมุนไพรที่สะอาดและกว้างขวางให้แก่เขา เขาชื่นชอบมันมากจนแทบไม่ยอมกลับบ้านของตนเองเลยด้วยซ้ำ ยามที่ทำความสะอาดบาดแผลชูเซี่ยรู้สึกปวดมากเสียจนเหงื่อกาฬไหลอาบไปทั้งร่าง นางกัดฟันเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวด ร่างกายของนางสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้ นับตั้งแต่มายังยุคโบราณแห่งนี้ นางก็ไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดมากขนาดนี้มาก่อน ความเจ็บในครั้งนี้ทำให้ชูเซี่ยเข้าใจดีถึงสิ่งที่ผู้อื่นกล่าวกันว่าเป็นความเจ็บที่ลึกถึงกระดูกเป็นอย่างไร เมื่อการทำแผลสิ้นสุดชูเซี่ยก็เอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วเบา จูเก๋อหมิงต้มน้ำชาไว้กาหนึ่ง “หากยังไม่อยากกลับไปก็สามารถมานั่งเล่นที่นี่ได้ ท่านอยากพูดอะไรก็ย่อมได้ ข้าเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ หากไม่มีคำใดจะเอ่ยจะมานั่งอ่านตำราก็ย่อมได้” “ตำราหรือ” ชูเซี่ยรักการอ่านตำรามากที่สุด แต่เมื่อมองไปรอบๆห้องนางก็ไม่แม้แต่จะเห็นตำราสักเล่ม จูเก๋อหมิงลุกขึ้นจากนั้นก็เดินไปหลังฉากกั้นลม มือของเขาเอื้อมไปดึงฉากกั้นขึ้นก่อนชั้นวางตำราขนาดใหญ่จะปรากฎสู่สายตาของนาง ในชั้นมีตำรามากอาจจะถึงหนึ่งพันเล่มก็เป็นได้ ใบหน้าของชูเซี่ยฉายแววยินดี นางรีบร้อนลุกขึ้นก่อนจะเดินกะเผลกๆเข้าไป “สวรรค์ ส่วนใหญ่เป็นตำราแพทย์ทั้งนั้นเลย!” ชูเซี่ยดีใจจนระงับไม่อยู่ นางเอื้อมมือไปหยิบตำราออกมาจากชั้นหนึ่งเล่มก่อนจะรีบเดินกระเผลกกลับไปเก้าอี้เพื่อดื่มด่ำกับตำราที่นางเพิ่งเคยอ่านเป็นหนแรก จูเก๋อหมิงส่ายศีรษะอย่างระอา ที่แท้คำปลอบโยนที่ดีที่สุดสำหรับนางไม่ใช่คำพูดแต่เป็นตำรา เดิมทีเขานึกว่าจะได้ยินคำพูดที่นางจะเผลอหลุดเอ่ยออกมาเกี่ยวกับร่างจริงของนาง ความจริงแล้วเขาและหลี่เฉินเย่นต่างก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าหญิงสาวนางนี้ไม่ใช่หลิวหยิงหลง ทว่านางไม่ใช่หลิวหยิงหลงแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้ นางมาจากที่ใดแล้วไฉนจึงมาสวมร่างของหลิวหยิงหลงที่อาศัยอยู่ในจวนอ๋องตลอดเวลาได้ เรื่องนี้เป็นปริศนาที่เขาจำเป็นต้องแก้ และต้องใช้เวลาในการขบคิดเพื่อค้นหาคำตอบ แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้าควรค่าแก่การให้พวกเขาใช้ใจในการค่อยๆค้นหาคำตอบของมันไม่ใช่หรือ เขาเห็นว่าชูเซี่ยเปลี่ยนหน้ากระดาษอย่างรวดเร็วยิ่งนัก นางอ่านจบไปอีกเล่มแล้วก็อีกเล่มจนเขาต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ผ่านไปเพียงไม่นานก็อ่านได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ ท่านมั่นใจว่าอ่านหมดนี้แน่แล้วหรือ หรือว่าตำราพวกนี้ไม่น่าสนใจสำหรับท่านกันเล่า” ใบหน้ามองเศร้าที่ฉายบนใบหน้าของชูเซี่ยบัดนี้หายไปจนสิ้น นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ไม่เลยเจ้าค่ะ น่าสนใจมาก ยามนี้ข้าเชื่อแล้วว่าแพทย์แผนจีนเป็นศาสตร์ที่ลึกล้ำยิ่งนัก เสียดายที่รุ่นต่อมาการเข้ามาของการแพทย์ตะวันตกเสียก่อนทำให้คุณค่าของแพทย์แผนจีนลดน้อยลง ทำให้เราต้องสูญเสียศาสตร์ที่ทรงคุณค่าเหล่านี้ไปมากมากยิ่งนัก น่าเสียดาย น่าเสียดายยิ่งนัก!” ”รุ่นต่อมา? การแพทย์ตะวันตกงั้นหรือ” จูเก๋อหมิงจ้องใบหน้านางด้วยสีหน้าครุ่นคิด ชูเซี่ยเงียบไป ครานี้นางหลุดพูดสิ่งที่ไม่สมควรเสียแล้วทั้งยังไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดีเสียด้วย จึงทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่องหนี “ข้ายุ่งอยู่ หากท่านมีเรื่องที่ต้องทำก้ไปทำเถิด หากไม่มีก็นั่งอ่านหนังสือของท่านไป” เมื่อนางเอ่ยมาเช่นนี้เขาก็ไม่กล้าเซ้าซี้นางอีก จูเก๋อหมิงดูเหมือนสับสนเล็กน้อย เขาค่อยๆถอยกายไปยังชั้นตำราก่อนจะเลือกหยิบออกมาเล่มหนึ่ง ทว่าดูเหมือนความน่านใจของตำราจะน้อยกว่าหญิงสาวร่วมห้องของเขานัก ดวงตาคมของชายหนุ่มจึงเลื่อนมาหยุดอยู่ที่นางแทนที่จะเป็นตำราของตน เขาลอบมองนางอย่างเพลิดเพลิน บางคราใบหน้างามก็ฉายแววประหลาดใจ บางคราก็ทำสีหน้าครุ่นคิด บางคราก็ทำหน้าไม่เขื่อ แต่ทุกๆอย่างของนางเขากลับตั้งใจมองและจดจำรายละเอียดไว้โดยที่เขาไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ ทางด้านเรือนเฟิงหลิง สติของหลี่เฉินเย่นยังคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยามที่ชูเซี่ยบุกเข้ามายังเรือนเฟิงหลิงเขาทั้งรู้สึกโมโหและอับอาย เนื่องด้วยการที่เขามาที่นี่เป็นเพียงเรื่องเหนือความคาดหมายเท่านั้น วันนี้หลังจากที่เขาได้สัมผัสชูเซี่ยในชั่วระยะเวลาอันสั้น ก็มีคนจากเรือนหลิงเฟิงมาแจ้งข่าวต่อเขาว่าร่างกายของหลิวมี่เหอไม่ค่อยจะสบายนัก หมอหลวงกล่าวว่านางเป็นเช่นนี้เพราะห่วงและวิตกกังวลมากเกินไป เขารู้ดีว่าหลิวมี่เหอเป็นห่วงเขา ทำให้เขานึกไปถึงก่อนหน้านี้ที่ค่อนข้างเฉยเมยต่อนางอีกทั้งชูเซี่ยยังนำรถเข็นมาให้เขา เขารู้สึกว่ามันสะดวกสบายดีจึงลองใช้มันเดินทางมาที่นี่ เขามาเยี่ยมดูอาการของหลิวมี่เหอ สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่หลิวมี่เหอที่มีใบหน้าเศร้าหมองแต่กลับเป็นหลิวมี่เหอที่สวมชุดกระโปรงเนื้อบางแลดูเย้ายวนใจอย่างยิ่ง หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นอย่างที่มันควรเป็นกอปรกับความรู้สึกที่คั่งค้างต่อชูเซี่ยทำให้ท้ายที่ทุกทั้งสองก็ตกลงปลงใจกันที่เตียงบรรทม ดังนั้นเมื่อชูเซี่ยมาพบเข้า ชายหนุ่มถึงทั้งโกรธและอับอายอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรต่อไปดี ยิ่งเห็นท่าทีผิดหวังโศกเศร้าของชูเซี่ยมือไม้เขาก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง จิตใต้สำนึกตะโกนบอกเขาว่าเขาได้ทำผิดพลาดไปเสียแล้ว ทว่าเขารับรู้อยู่แก่ใจดีว่าสิ่งที่เขาทำไม่ใช่เรื่องผิดเลยสักนิด หลิวมี่เหอเป็นสนมของเขา เขาและนางอยู่ด้วยกันมีเรื่องใดแปลกกันเล่า แม้จะคิดเช่นนี้ทว่าความรู้สึกในใจก็ไม่ยอมสงบอยู่ดี หลิวมี่เหอเอนกายนอนซบลงตรงอกเขา ก่อนจะเอ่ย “พี่สาวของกินไหน้ำส้มเข้าเสียแล้วล่ะเจ้าค่ะ!” นางย่อมรู้ดีว่าชูเซี่ยต้องบุกมาหานางที่นี่แน่ วันนี้นางตบตีเสี่ยวจี๋ไป ชูเซี่ยย่อมไม่อาจอยู่เฉยมาหาเรื่องนางถึงเรือนเฟิงหลิงเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงสร้างละครฉากนี้ขึ้นมาเพื่อให้นางดูให้ตำตา หลี่เฉินเย่นจ้องมองใบหน้าของหลิวมี่เหอ หญิงสาวมีสีหน้าโสกเศร้าชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกเอ็นดูสงสาร เขาได้แต่ถอนหายใจออกมา เขาทำให้ชูเซี่ยเสียใจแล้ว ไม่อาจทำให้ด้านนี้เสียใจอีก ชายหนุ่มจึงเอ่ยคำปลอบโยนนางหลายคำ แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นที่นางคิด เขาไม่ได้ดุด่าชูเซี่ยให้หลิวมี่เหอฟังแม้แต่น้อย หลิวมี่เหอไม่ได้รู้สึกดีกับประโยคปลอบประโลมของหลี่เฉินเย่นแม้แต่น้อย นางรับรู้เพียงว่าหัวใจของนางกำลังอึดอัด คำปลอบโยนที่ดีที่สุดของนางในยามนี้ก็คือการที่เขาดุด่าสตรีผู้นั้นให้นางฟังต่างหากเล่า ดูท่าว่าตำแหน่งของสตรีผู้นั้นในใจของหลี่เฉินเย่นคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ยามจื่อชูเซี่ยจึงกลับมายังเรือนหรูอี้พร้อมตำรากองใหญ่ เสี่ยวจี๋และมามาเป็นห่วงจนแทบสิ้นสติอยู่แล้ว อยากจะสั่งการให้คนไปสืบข่าวทว่าทางเรือนเฟิงหลิงก็ไม่มีข่าวคราวอันใดแว่วออกมาเลย ทราบเพียงแค่พระชายาเคยไปที่นั่นแหละพบว่าท่านอ๋องนอนค้างอ้างแรมที่นั่นก็วิ่งเตลิดออกไปที่ใดก็ไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด มามาและเสี่ยวจี๋ทราบว่าท่านอ๋องนอนค้างที่เรือนเฟิงหลิงก็เป็นห่วงจนไม่รู้จะทำเช่นไรดี กลัวเหลือเกินว่าพระชายาและท่านอ๋องจะมีปากเสียงกัน บัดนี้เห็นว่านางปลอดภัยกลับมาก็รีบร้อนเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “พระชายา ท่านอ๋องไม่ได้สั่งลงโทษท่านใช่หรือไม่” ชูเซี่ยคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เรือนเฟิงหลิงอีกครั้งก่อนใบหน้าจะพลันเศร้าสร้อยขึ้นมาอีกครั้ง นางเอ่ยเสียงเบาอย่างอ่อนแรง “ไม่ได้ถูกลงโทษหรอก มามา ท่านไปเตรียมยามาให้เสี่ยวจี๋สักหน่อยเถิด เห็นใบหน้านางเป็นเช่นนี้ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเวทนาเหลือเกิน” มามารับรู้ได้ว่านางมีอาการผิดปกติจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “ท่านอ๋องไม่ลงโทษพระชายา เช่นนั้นโหร่วเฟยว่ากล่าวอันใดท่านหรือไม่” ชูเซี่ยนำตำราเจ็ดแปดเล่มวางไว้บนโต๊ะก่อนจะย้ายเก้าอี้มาตัวหนึ่ง พร้อมหาเบาะรองนั่งมาวาง ก่อนเอ่ยอย่างเลื่อนลอย “ไม่ได้กล่าวอันใด พวกเจ้าออกไปเถิด อย่านอนดึกนักเล่า ข้าอ่านตำราสักครู่ก็จะเข้านอนเช่นกัน” มามาและเสี่ยวจี๋สบตากันครั้นเห็นว่านายหญิงของพวกตนไม่ยอมเอ่ยออกมาก็พอจะคาดเดาได้ว่าคงมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่ แต่ไหนแต่ไรนายหญิงของพวกนางไม่ชอบการอ่านตำราเลยสักนิด ยามนี้กลับหอบหิ้วตำรากองโตกลับมาเพื่อนอ่าน นึกดูแล้วเรื่องนี้ผิดปกติมากจริง ทั้งสองคนเพียงเอ่ยคำพูดสองสามคำจากนั้นก็ถอยกายออกไป ในใจของชูเซี่ยคอยย้ำเตือนไม่ให้ตนเองคิดถึงฉากฉากนั้น สำหรับนางแล้วเรื่องพวกนั้นไม่ได้มีความน่าสนใจเท่าตำราแพทย์ที่นางนำกลับมาอ่านเลยสักนิด
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 50 หนังสือการแพทย์
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A