ตอนที่ 51 ลองยาเอง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 51 ลองยาเอง
ต๭นที่ 51 ลองยาเอง ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาชูเซี่ยไม่ได้หลับแม้แต่น้อยเนื่องด้วยนางพบตำราเล่มหนึ่งที่ชื่อว่าคัมภีร์ร้อยพิษ ตำราเล่มนี้มีจำนวนหน้าไม่น้อย อาจเป็นเพราะเนื้อหาในตำราดูไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับการรักษาทางการแพทย์เท่าใดนักทำให้จูเก๋อหมิงไม่ได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนัก เพราะตอนที่นางเลือกตำรามาอ่านเขายังแนะนำให้นางเอาตำราเล่มนี้ออกเสียด้วยซ้ำ แต่ชูเซี่ยก็ไม่ได้นำมันออก ทั้งนางยังนั่งศึกษามันทั้งคืนเสียด้วย แม้ว่าตำราเล่มนี้จะมีจำนวนหน้าไม่ใช่น้อยทว่านางกลับไม่ได้สนใจจำนวนหน้า หญิงสาวทำเพียงอ่านเนื้อหาไม่ได้สนใจจำนวนหน้ากระดาษ แต่เนื่องด้วยตำราเล่มนี้ไม่ใช่ตำราที่ใช้วิธีการพิมพ์แบบในยุคของนางแต่เป็นการเขียนมือทำให้ในทุกครั้งที่นางเปลี่ยนหน้ากระดาษจึงมีเนื้อหาบางส่วนที่ขาดตอนไม่เชื่อมโยงกัน มีบางส่วนที่นางสงสัยและไม่ว่าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจเข้าใจได้ ทว่านางก็ทำเช่นที่จูเก๋อหมิงเคยทำ นั่นคือการอ่านข้ามไปเสียก่อน เมื่ออ่านไปสักพักเสียงไก่ขันก็ดังบอกเวลารุ่งสาง ชูเซี่ยก็ค้นพบความลับบางอย่างที่อยู่ในตำราเล่มนี้จนไม่อาจอยู่เฉยได้จนต้องกระโดดลุกขึ้นมาจากเตียง หญิงสาวหอบตำราไว้ในอ้อมแขนก่อนจะวิ่งออกจากเรือนไปโดยมีเป้าหมายคือที่อยู่อาศัยของจูเก๋อหมิง เมื่อมาถึงที่หมายเหล่าบ่าวรับใช้ก็ไม่อาจห้ามนางอยู่เพราะนางดื้อเพ่งที่จะฝ่าเข้าไป ในขณะนั้นเองจูเก๋อหมิงที่กำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเขาเห็นนางบุกเข้ามาก็รีบร้อนวิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังฉากกั้นทันที “อ๊ะ ท่านอย่าเพิ่งเดินเข้ามานะ” ชูเซี่ยนางไม่สนใจเดินเข้าไปหลังฉากกั้นก่อนจะลากตัวชายหนุ่มออกมาจากนั้นก็กางตำราไว้บนโต๊ะ นางกดร่างสูงของเขาให้นั่งลงก่อนจะเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “ท่านลองนำหน้าที่หนึ่งร้อยสี่สิบเจ็ด สองร้อยห้าสิบแปด และสามร้อยห้าสิบเก้ามาอ่านรวมกันดูเถิด จากนั้นก็นำหน้าสิบสี่มารวมกับหน้าเจ็ด จากนั้นก็กลับไปอ่านหน้าสองและกลับไปอ่านหน้าห้าอีกครั้งดู” จูเก๋อหมิงจัดแจงเสื้อผ้าที่ถูกนางดึงกระชกให้เรียบร้อย แต่ไหนแต่ไรมาสุภาพชนเช่นเขาก็อ่อนโยนเรียบร้อยราวกับหยก เนื้อเนื้อดี ไฉนเลยจะเคยพบเจอเรื่องที่เสียมารยาทเช่นนี้ แต่ทว่าเมื่อฟังคำพูดของนางเขาก็เลือกที่จะมองข้ามเรื่องมารยาทไปเสียก่อน ชายหนุ่มก้มหน้าอ่านตำราตามที่นางเอ่ยมาก่อนจะตื่นตระหนก “สวรรค์ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองหรือนี่” ทั้งสองรีบร้อนเดินไปนั่งที่ตั่งยาวมุมห้องก่อนจะศึกษาตำราอย่างละเอียด จูเก๋อหมิงตื่นเต้นอย่างยิ่ง “สวรรค์ ในโลกนี้มีพิษเช่นนี้อยู่ด้วยจริงๆน่ะหรือ ทั้งวิธีการแก้พิษก็ช่างน่าอายยิ่ง” วิธีการรักษาโดยใช้อุจจาระของคนมาทำเป็นตัวยาทำให้เขาทั้งตระหนกและประหลาดใจในคราวเดียว ชูเซี่ยเอ่ยขึ้น “ตำราแพทย์โอสถของหลี่สือเจินก็มีการกล่าวถึงการใช้อุจจาระคนทำตัวยา มีอะไรน่าแปลกกัน” “ตำราแพทย์โอสถคืออะไรหรือ คือตำราประเภทเช่นใดกัน” จูเก๋อหมิงเป็นผู้ร่ำเรียนวิชาการแพทย์จึงให้ความสนใจอย่างยิ่ง ชูเซี่ยตะลึงงัน “ท่านไม่รู้จักตำราแพทย์โอสถหรือ” ในช่วงเวลาเช่นนี้ยังไม่มีการกล่าวถึงอีกงั้นหรือ ตกลงยุคนี้คือยุคสมัยใดกันแน่นะ นางนึกมาตลอดว่าราชวงศ์นี้อาจจะอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่แต่เมื่อลองนึกดูให้ดีแล้วยามนี้เมืองหลวงที่นางอาศัยอยู่ก็เป็นภาคกลางไม่ได้ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่เช่นที่นางคิดไว้ ถ้าเช่นนั้นตกลงว่านี่เป็นยุคสมัยใดกันแน่นะ จะมีตำราเล่มใดกล่าวถึงยุคสมัยที่นางอยู่นี้บ้างหรือไม่นะ “ข้าไม่ทราบ ไม่เคยได้ยินมาก่อน” จูเก๋อหมิงรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย ฟังจากที่นางกล่าวมาแสดงว่าผู้ที่ร่ำเรียนวิชาการแพทย์ต่างก็รู้จักตำราเล่มนั้นแต่เขากลับไม่เคยศึกษามันมาก่อน นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียชื่อหมอเทวดาของตนเหลือเกิน ชูเซี่ยกลบเกลื่อน “หากไม่เคยผ่านตามาก่อนก็ช่างเถิด ไว้วันหลังข้าจะหาให้ท่านก็แล้วกัน” แน่นอนว่ายุคสมัยนี้ไม่มีทางจะมีตำราเล่มนี้อยู่ได้อยู่แล้ว แม้ว่านางจะเป็นคนความจำเป็นเลิศเพียงไหนแต่นางก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะเขียนมันออกมาได้ “ดี เจ้าก็รีบหาให้ข้าโดยเร็วด้วยเถิด” จูเก๋อหมิงร้อนใจอย่างมาก ทั้งสองก้มหน้าก้มตาศึกษาตำราอีกครั้ง ในทุกครั้งที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพบเห็นจุดที่น่าสงสัยหรือประหลาดใจตรงไหนก็จะส่งเสียงประหลาดใจออกมา ชูเซี่ยคิดในใจ ‘ตำราเล่มนี้หากตกอยู่ในมือของคนชั่วคงสามารถคร่าชีวิตคนได้อย่างง่ายดายนัก’ ทั้งคู่ต่างตกอยู่ในภวังค์ของตนทำให้ไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงการมาถึงของหลี่เฉินเย่น ล้อรถเข็นของเขายามนี้ถูกหุ้มด้วยหนังอย่างดีจึงไม่ได้ส่งเสียงกุกกักทั้งยังส่งเสียงเบามาก ยามที่ล้อเคลื่อนที่ก็เพียงส่ง เสียงออกมาแผ่วเบาเท่านั้น น้ำเสียงเย็นชาของเขาที่ดังอยู่ด้านหลังของทั้งสองคนช่างเย็นยะเยือก “พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่” ในยามนี้จูเก๋อหมิงอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยทั้งมือของชูเซี่ยยังวางอยู่บนไหล่ของหมอหนุ่ม ศีรษะของทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินเสียงทั้งคู่ต่างก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกันพร้อมทำหน้าตาแตกตื่น จูเก๋อหมิงเพิ่งจะได้รับรู้ว่าตัวเองแต่งกายไม่เรียบร้อยก็รีบร้อนจัดแจงเสื้อผ้าของตนให้เข้าที่เข้าทางพลางเอ่ยแก้ตัวไปด้วย “เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไป พวกเราเพียงแค่อ่านตำราก็เท่านั้น” “อ่านตำรางั้นหรือ” หลี่เฉินเย่นปรายตามองมาที่ชูเซี่ยด้วยสายตาเย็นเยียบ “ช่วงเวลาเช้าตรู่เช่นนี้ พวกเจ้ากลับแต่งกายไม่เรียบร้อยทั้งยังนั่งอยู่บนตั่งด้วยกันเพียงแค่อ่านตำรางั้นหรือ พวกเจ้าคิดว่าเปิ่นหวางจะเชื่อหรือไม่เล่า” ชูเซี่ยผุดลุกขึ้นมาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใย “ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เขาฟังมากมายหรอก เขาไม่ได้เป็นอะไรกับ พวกเราเสียหน่อย ต่อให้พวกเราจะทำเรื่องเช่นเดียวกันกับที่เขาทำกับโหร่วเฟยเมื่อคืนก็เป็นเรื่องของเราสอง หาใช่เรื่องที่เราต้องอธิบายให้เขาเข้าใจไม่” นางเจาะจงพูดคำว่าพวกเราออกมาหลายคำทั้งยังเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จูเก๋อหมิงอดกลั้นหายใจไม่ได้เพราะยามนี้เขาถูกนางใช้เป็นเครื่องมือเพื่อแก้แค้นท่านอ๋องเสียแล้ว การทะเลาะของสองสามีภรรยาคู่นี้เหตุใดจึงต้องลากเขามาเกี่ยวข้องด้วยเล่า ทั้งนางยังเจาจงพูดราวกับว่าเมื่อคืนเขาและนางทำอะไรกันอีกด้วย เห็นได้ชัดว่านางต้องการให้เขามีปัญหากับหลี่เฉินเย่น เดิมทีหลี่เฉินเย่นมีโทสะอยู่มากทว่าเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากของนางทั้งยังเห็นใบหน้าตกอกตกใจของจูเก๋อหมิงในใจของเขาก็รับรู้และเข้าใจเรื่องราวอยู่บ้างแล้ว ชายหนุ่มสบตากับจูเก๋อหมิงเพื่อสื่อสารกันทางสายตา เขาเห็นจูเก๋อหมิงมองตอบทั้งยังส่ายหน้าปฎิเสธไม่ยินยอมที่จะร่วมมือแสดงงิ้วกับเขาเด็ดขาด แต่ทว่าท่านอ๋องเช่นเขามีหรือจะสนใจ หลี่เฉินเย่นงัดฝีมือการแสดงออกมาอย่างเต็มที่ ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น “ไม่เกี่ยวอันใดกับเปิ่นหวางงั้นหรือ เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าตนเองเป็นพระชายาของเปิ่นหวางแต่กลับกล้าทำเรื่องบัดสีเช่นนี้ต่อหน้าต่อตาของเปิ่นหวาง เปิ่นหวางคงต้องนำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูลเสด็จพ่อให้พระองค์ลงโทษพวกเจ้าเสียแล้ว” จูเก๋อหมิงเบิกตากว้าง “ข้ากับพระชายาบริสุทธิ์ใจต่อกัน ถ้าหากเจ้านำเรื่องนี้ไปกราบทูลต่อฝ่าบาทแล้วชีวิตน้อยๆของข้าเล่า!” เขาพูดเช่นนี้เพื่อให้ชูเซี่ยรู้สึกสงสารตนเพื่อที่นางจะได้เป็นผู้เปิดปากสารภาพความจริงออกมาเสียเอง ชูเซี่ยมองพวกเขาทั้งคู่ที่ทำราวกับว่านางเป็นหญิงสาวโง่งมก็ไม่ปาน เมื่อเป็นเช่นนี้นางก็ควรร่วมแสดงงิ้วกับพวกเขาด้วยใช่หรือไม่ ต่อให้พวกเขาแสดงงิ้วก็สมควรแสดงให้มันสมจริงกว่านี้ไม่ได้หรือไงกันนะ หากเขานำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูลต่อฝ่าบาทจริงๆก็ไม่เท่ากับว่าเขาประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเขาถูกสวมเขาไม่ใช่หรือไงกันเล่า อีกทั้งเขาและจูเก๋อหมิงต่างก็เป็นสหายสนิทมานานหลายปีจะไม่มีความเชื่อใจในตัวอีกฝ่ายเลยหรืออย่างไร นางเป็นฝ่ายรั้งหลี่เฉินเย่นไว้ “ไม่จำเป็นหรอก พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปทูลขออภัยโทษจากเสด็จพ่อและเสด็จแม่เอง ว่าเป็นเพราะข้าเองที่เป็นฝ่ายให้ท่าจูเก๋อหมิงก่อน!” เมื่อเอ่ยจบนางก็นำกงหนังสือจากชั้นวางเดินออกไป ในเมื่อเขาชอบเล่นสนุกเช่นนี้นางก็จะเล่นเป็นเพื่อนเขาหน่อยก็แล้วกัน หลี่เฉินเย่นและจูเก๋อหมิงลอบสบตากัน จูเก๋อหมิงเกรงว่านางจะเข้าวังจริงๆก็รีบร้อนเข้ามาห้ามนาง “พระชายาพะย่ะค่ะ พวกหม่อมฉันแค่ล้อท่านเล่นเท่านั้น” ชูเซี่ยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง “ข้าไม่เล่นกับพวกท่านด้วยหรอกนะ” หลี่เฉินเย่นรีบร้อนขยับรถเข็น ก่อนจะกล่าวอย่างมีโทสะ “ยังจะยืนดูอะไรอีกเล่า รีบตามไปสิ นางในยามนี้เป็นสตรีที่พูดจริงทำจริงอยู่แล้ว” จูเก๋อหมิงรีบมาเข็นรถเข็นก่อนจะเร่งฝีเท้าตามไป ชูเซี่ยวิ่งมาตลอดทางจนถึงเรือนหรูอี้ของตน หลังจากวิ่งมาสักพักจิตใจของนางก็เริ่มสงบลงบ้างแล้ว คำพูดที่นางเอ่ย ออกไปด้วยอารมณ์เมื่อครู่ก็เริ่มเย็นลงมาก ความจริงแล้วนางไม่จำเป็นต้องหึงหวงเขาด้วยซ้ำ เขาจะขึ้นเตียงกับใครก็ไม่ได้เกี่ยวกับนางแม้แต่น้อย เมื่อครู่นางไม่สมควรบอกกับหลี่เฉินเย่นเลยจริงๆว่านางให้ความสำคัญกับเรื่องที่เขาทำเมื่อคืน นางไม่สมควรเปิดเผย ความรู้สึกของตนเองมากไปกว่านี้ ดังนั้นเมื่อยามที่หลี่เฉินเย่นและจูเก๋อหมิงตามมาถึงนางก็เพียงแค่ปั้นสีหน้ายิ้มแย้มออกมา “พวกท่านจริงจังเกินไปหน่อยหรือไม่ ข้าก็แค่แกล้งเล่นเท่านั้น” จูเก๋อหมิงถึงกับกุมขมับ เขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกสองสามีภรรยาคู่นี้ปั่นหัวเล่นอยู่อย่างไรอย่างนั้น “พวกเจ้าคู่รักจะทะเลาะกันก็ตามใจแต่อย่าได้ดึงผู้คนรอบข้างมาเกี่ยวข้องได้หรือไม่” ชูเซี่ยขยับยิ้ม “ท่านพูดจาไร้สาระอะไรอยู่ ใครเป็นคู่รักกันไม่ทราบ แต่ในเมื่อมากันถึงที่นี่แล้ว เช่นนี้ดีหรือไม่ พวกเราก็มาทานมื้อเช้าด้วยกันที่นี่เสียเลยแล้วกัน” นางเอ่ยอย่างสบายอารมณ์ราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่ที่นางประกาศกร้าวว่าจะเข้าวังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนรวมถึงเรื่องที่นางหึงหวงอะไรนั่นด้วย แม้แต่หลี่เฉินเย่นและจูเก๋อหมิงก็รู้สึกว่าเหตุการณืเมื่อครู่ราวกับเปนเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น “ไม่ล่ะ ข้ารีบจะกลับโรงหมด วันนี้ที่ข้าตื่นแต่เช้าก็เพราะต้องการกลับไปที่นั่นเร็วเสียหน่อยจะได้มีเวลาตรวจตราผู้ป่วย” จูเก๋อหมิงเอ่ย ดวงตาของชูเซี่ยเป็นประกาย “โรงหมอ ท่านเปิดโรงหมองั้นหรือ ท่านพาข้าไปดูได้หรือไม่” เรื่องหึงหวงไร้สาระนางไม่ควรเก็บมาใส่ใจเลยสักนิดเสียดายทั้งเวลาและความรู้สึก ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเป็นวิธีที่ดีสุดแล้วในเวลาเช่นนี้ จูเก๋อหมิงเหลือบมองหลี่เฉินเย่นเล็กน้อย แต่ท่านอ๋องกลับส่ายหัวเล็กน้อย เขาจึงเอ่ย “ไม่สะดวกนัก วันนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องทำอยู่มากไม่สามารถให้พระชายาไปด้วยได้ ครั้งหน้าก็แล้วกัน!” กล่าวจบเขาก็ไม่เปิดโอกาสให้ชูเซี่ยเอ่ยขอร้องเขาอีก ชายหนุ่มหมุนกายเดินจากไปทันที ภายในห้องเหลือเพียงแค่หลี่เฉินเย่นและชูเซี่ยเพียงสองคนเท่านั้น ชูเซี่ยปรายตามองเขาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็ง กระด้าง “ท่านอ๋องอยากดื่มอะไรหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะได้สั่งคนไปเตรียมให้” หลี่เฉินเย่นจ้องมองนางก่อนจะค่อยๆขยับรถเข็นมาหยุดอยู่ตรงหน้า “เจ้าโกรธหรือ” ชูเซี่ยยิ้มออกมา “จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า มีอะไรที่ข้าสมควรโกรธงั้นหรือ ชีวิตก็สวยงามออกปานนี้ ไม่ใช่หรือเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นรู้ดีว่าในยามนี้ชูเซี่ยกำลังตั้งแง่กับเขาอยู่ ในยามนี้ต่อให้เขากล่าวอะไรออกไปก็ไม่มีทางแก้ตัวในสิ่งที่เขาทำไปเมื่อคืนได้เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่ความจริงแล้วนางไม่มีสิทธิมาโกรธเขาเสียด้วยซ้ำเพราะอย่างไรเสียมี่เหอก็เป็นสนมของเขา เขาจะไปที่เรือนของนางก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องสมควรดีอยู่แล้ว ทว่าแม้ว่าเขาจะคิดว่าตนเองไม่ได้กระทำผิดแต่เมื่อยามต้องมายืนอยู่ต่อหน้านางในใจก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง เนื่องด้วยจูเก๋อหมิงไม่ยอมพานางออกนอกจวนไปกับเขา ชูเซี่ยจึงนั่งศึกษาตำราเข็มทองคำอยู่ภายในจวน หญิงสาว หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตนเองที่มีต่อหลี่เฉินเย่นและวางชายหนุ่มไว้ในฐานะคนไข้เพียงเท่านั้น การฝังเข็มรักษาอาการหลี่เฉินเย่นนางเองก็ลองใช้ตัวเองเป็นตัวทดลองการฝังเข็มมาหลายครั้งแล้ว เมื่อนางพบว่าการกระตุ้นจุดที่ฝังเข็มลงไปได้ผล หญิงสาวก็เริ่มกล้าที่จะลงมือกระตุ้นให้หนักขึ้นและลึกขึ้นกว่าเดิม ความสัมพันธ์ของหลี่เฉินเย่นและหลิวมี่เหอก็ยังคงหวานชื่นเช่นเคย ภายในอุทยานนางยังสามารถมองเห็นร่างบอบบางของหลิวมี่เหอที่คอยเข็นรถให้กับหลี่เฉินเย่นเดินชมสวน หลี่เฉินเย่นมาหาชูเซี่ยน้อยครั้งนักและในทุกครั้งที่เขามาก็เพียงเพื่อถามไถ่อาการบาดเจ็บที่ขาของนางเพียงเท่านั้นไม่ได้เอ่ยคำพูดอื่นใดนอกเหนือจากนั้น ชูเซี่ยเองก็ไม่ได้คุ้นเคยกับเขามากนักนางจึงเพียงแค่เอ่ยตอบเขาสองสามครั้งจากนั้นก็เดินเลี่ยงออกไป เมื่อผ่านไปหลายครั้งเข้าหลี่เฉินเย่นก็เริ่มมีโทสะขึ้นมาบ้างแล้ว เขารู้สึกว่าชูเซี่ยช่างไร้เหตุผลและช่างน่าเอือมระอายิ่งนัก จูเก๋อหมิงบอกกับเขาว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของนางไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย สองวันก่อนที่แผลยังมีเลือดไหลออกมาอยู่ หลี่เฉินเย่นรู้สึกประหลาดใจนักแม้แต่จูเก๋อหมิงก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด เขารู้สึกเป็นห่วงนางยิ่งนักแต่ก็ไม่อาจทำอะไรมากไปกว่านี้ได้ ในวันนี้ยามที่หลิวมี่เหอและท่านอ๋องกำลังรับประทานมื้อเย็นกันอยู่นั้น นางก็เอ่ยขึ้นมาแสร้งทำสีหน้ากล้าๆกลัวๆ “มีเรื่องบางเรื่องหม่อมฉันไม่รู้ว่าสมควรเอ่ยหรือไม่” หลี่เฉินเย่นเงยหน้าขึ้นมองนาง “ในเมื่อเจ้าคิดว่าไม่สมควรเอ่ยก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมา” หลิวมี่เหอรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย แม้ว่าทุกวันนี้นางจะคอยอยู่ข้างกายเขาแต่ทว่าจิตใจของเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นางเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อก่อนเขาไม่เคยเมินเฉยต่อนางถึงเพียงนี้เลยสักครั้ง ท้ายที่สุดนางก็ได้แต่กัดฟันเอ่ยออกมา “ข้าทราบดีว่าท่านเป็นห่วงอาการของพี่สาว แต่ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงนางเลยสักนิด ข้าเห็นพี่สาวเองก็เดินเหินได้ตามปกติ อีกทั้งนางยังรู้วิชาการแพทย์ เมื่อวันก่อนบ่าวรับใช้ในตำนักของนางยังมาบอกหม่อมฉันอยู่เลยว่านางใช้มีดเฉือนเนื้อของตนเองและฝั่งเข็มลงไปที่แผลเพื่อให้เลือดไหลออกมา” หลี่เฉินเย่นตื่นตะลึงรีบเงยหน้าขึ้นมองนางก่อนถามเสียงเข้ม “ที่เจ้ากล่าวมาเป็นความจริงหรือ” เมื่อหลิวมี่เหอเห็นว่าเขาโมโหก็ดูลนลานขึ้นมา “เรื่องนี้ข้าได้ยินมาจากชุนหนิงที่เป็นบ่าวรับใช้ในเรือนหรูอี้เจ้าค่ะ บ่าวรับใช้นางนั้นเห็นกับตาตนเอง แต่นั่นก็น่าประหลาดยิ่งนัก ในเมื่อพี่สาวเองก็มีฝีมือการแพทย์ล้ำเลิศออกปานนั้น ไฉนนางจึงไม่ยอมใช้มันรักษาตนเองกันนะเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “เกรงว่านางใช้วิธีเช่นนี้ก็เพียงเพื่อหาขออ้างแสดงอารมณ์หึงหวงต่อเปิ่นหวางก็ เท่านั้น” หลิวมี่เหอทำสีหน้าตกอกตกใจ “จะเป็นไปได้อย่างไรกันเพคะ พี่สาวไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่” “ทางที่ดีก็อย่าให้เป็นชั้นนั้นเลย ไม่เช่นนั้นต่อให้นางเป็นใครอยู่ในฐานะอะไรจวนอ๋องก็ไม่มีทางยอมเก็บนางไว้แน่” ในหัวของหลี่เฉินเย่นคิดถึงภาพยามที่นางใช้เข็มฝังลงไปที่แผลของตนเองเพื่อให้แผลมีเลือดไหลออกมา ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งบันดาลโทสะออกมามากขึ้น หากนางเรียกร้องความสนใจของเขาด้วยวิธีนี้จริง ๆ เขาคงจะผิดหวังกับหญิงสาวผู้นี้ยิ่งนัก
已经是最新一章了
加载中