ตอนที่ 55 ทุ่มวางเดิมพันทั้งหมด
1/
ตอนที่ 55 ทุ่มวางเดิมพันทั้งหมด
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 55 ทุ่มวางเดิมพันทั้งหมด
ตนที่ 55 ทุ่มวางเดิมพันทั้งหมด ทั้งๆที่เมื่อสักครู่นางเพิ่งจะรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังจนไม่จากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วไม่ใช่หรือไงกัน นางค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา “ขอบคุณพวกท่านมากเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ ไม่มีความอยุติธรรมใดๆด้วยเจ้าค่ะ” พิษไข้ยังคงเล่นงานชูเซี่ยอยู่ตลอดทั้งวัน หมอหลวงกล่าวว่าอาการบาดเจ็บของนางยังย่ำแย่นักทำให้เจิ้นหยวนอ๋องและพระชายาไม่กล้ารบกวนการพักผ่อนของนางไปมากกว่านี้ พวกเขาเพียงแค่กล่าวเตือนสตินางอีกสองสามครั้งจากนั้นก็กลับจวนไป หลังจากดื่มยาไปแล้วชูเซี่ยก็ค่อยๆผล่อยหลับลงอย่างช้าๆ แต่ร่างกายของนางเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว บาดแผลที่ขาก็ปวดเป็นระยะๆ ยามนี้ใบหน้างามของนางซีดเผือดราวกับกระดาษเนื่องด้วยก่อนหน้านี้นางเสียเลือดไปมากนัก ยามที่เสี่ยวจี๋เข้ามาเห็นนางในสภาพเช่นนี้ก็ยังต้องหลั่งน้ำตาด้วยความสงสาร แม้จะผ่านไปหลายวันแล้วพิษไข้ของนางก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดเลยแม้แต่น้อยจนเหล่าหมอหลวงต่างอับจนหาทาง แม้แต่หมอเทวดาอย่างจูเก๋อหมิงก็ไม่รู้จะออกเทียบยารักษานางได้อย่างไร บาดแผลของนางนับวันยิ่งอักเสบและเริ่มเน่ามากขึ้นเรื่อยๆ ท่านหมอหนุ่มสอบถามว่าหลายวันมานี้นางได้ทำอะไรกับแผลของตนหรือไม่ ชูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ” จูเก๋อหมิงเป็นผู้ศึกษาวิชาการแพทย์มาหลายปี เขาเจออาการแปลกๆของผู้ป่วยมาไม่น้อย ยามปกติเทียบยาของเขามักจะมีคุณสมบัติห้ามเลือดและลดการอักเสบของแผล เขาใส่ผงยาซำฉิกลงไปที่แผลของนางแล้ว เลือดควรจะหยุดไหลถึงจะถูกแต่ทว่าบาดแผลของนางยังมีเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยามที่บาดแผลมีเลือดไหลซึมออกมารอบๆแผลก็ยังมีตุ่มหนองขึ้นอีกด้วย ในใจของชูเซี่ยรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างกายนี้กำลังขับไล่ดวงวิญญาณของนางออกไป ยามที่นางตกอยู่ในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นคนคนนั้นบอกกับนางว่า แรกเริ่มเดิมทีวิญญาณของนางกับร่างกายนี้ก็ไม่อาจเข้ากันได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในยามนี้แผลจึงไม่ยอมหายเสียที หญิงสาวไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกแม้แต่น้อย นางรู้ดีว่าเวลาของนางเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว ดังนั้นยามที่นางยังสามารถ รักษาสติของตนเองไว้ได้นางควรจะรีบฝังเข็มช่วยรักษาอาการขาของหลี่เฉินเย่นให้โดยเร็วที่สุด แต่ทว่ายามนี้หลี่เฉินเย่นรังเกียจจนไม่อยากพบหน้านางเพราะเขาคิดว่านางทำเช่นนี้เพียงเพราะต้องการแก่งแย่งเขามาจากหลิวมี่เหอทำให้อย่างไรเสียเขาก็ไม่ยินยอมมาพบนางโดยเด็ดขาด ร่างกายนี้นับวันก็ยิ่งขับไล่วิญญาณนางแรงขึ้น วันนี้ยามที่นางดื่มยาอยู่ก็อาเจียนออกมาจนหมด อาเจียนจนเสื้อผ้าเลอะไปหมดทั้งตัว เสี่ยวจี๋ก็เช็ดหน้าให้นางทั้งน้ำตา “ไม่อาจดื่มยาลงไปได้แล้วเช่นนี้ร่างกายของท่านจะดีขึ้นได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ พระชายาลองโจ๊กเสียหน่อยแล้วค่อยดื่มยาดูอีกสักครั้งเถิด” ชูเซี่ยหายใจเข้าลึกๆเพียงแค่ครั้งหนึ่งก็ทำให้หน้าอกของนางปวดร้าวไปหมดจนแทบหายใจไม่ไหว นางเอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรง “พวกเจ้าช่วยไปซื้อของอย่างหนึ่งให้ข้าได้หรือไม่” เสี่ยวจี๋รีบร้อนยืนขึ้น “อะไรหรือเจ้าคะ ท่านต้องการอะไรขอแค่กล่าวมา เสี่ยวจี๋จะรีบนำมาให้ท่าน” ชูเซี่ยยกมือขึ้นอย่างยากลำบากเพื่อเช็ดนับตาให้แก่เสี่ยวจี๋ก่อนจะแย้มยิ้ม “เด็กโง่ ข้าไม่เป็นอะไรเสียหน่อย เจ้าไปร้านขายยาช่วยข้าซื้อ...” นางกดเสียงของตนเองให้เบาลงแต่ทว่าเสี่ยวจี๋ก็ยังได้ยินชัดเจนว่านางต้องการอะไร สาวน้อยเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ “นายหญิง ท่านจะซื้อยาสลบมาทำไมกันเจ้าคะ” ชูเซี่ยหายใจเข้าลึกๆก่อนรวบรวมกำลังเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “รีบไป ไม่ต้องถามมาก!” เสี่ยวจี๋พยักหน้าก่อนจะจัดผ้าห่มให้นางจนเรียบร้อย “ข้าจะรีบไปแล้วรีบกลับนะเจ้าคะ” เอ่ยจบนางก็เรียกสาวใช้นาง หหนึ่งมาคอยดูแลชูเซี่ยอย่างใกล้ชิด จากนั้นนางก็ตรงไปห้องครัวเพื่อบอกกล่าวกับมามาที่กำลังต้มโจ๊กว้สักคำว่าจะออกไปทำธุระให้พระชายา หัวค่ำ เสี่ยวจี๋ก็ไปเชิญหลี่เฉินเย่นมาที่เรือนหรูอี้ตามที่ได้รับมอบหมายจากชูเซี่ย นางเขียนจดหมายไว้ฉบับหนึ่งให้เสี่ยวจี๋มอบให้แก่เขา นางเชื่อว่าหากหลี่เฉินเย่นได้อ่านจดหมายฉบับนั้นจะต้องยอมมาพบนางแน่ๆ เป็นเช่นที่นางคิด เมื่อหลี่เฉินเย่นได้อ่านเนื้อความในจดหมายเขาก็ยอมตามเสี่ยวจี๋กลับมาทันที เมื่อมาถึงเรือนหรูอี้ ชูเซี่ยกำลังนอนเอนกายอยู่ที่ตั่งยาวริมหน้าต่าง ใบหน้างามทาแป้งไว้หนาแก้มถูกผัดไว้จนแดงเพื่อ ปกปิดร่องรอยความเหนื่อยล้าของนาง คิ้วโก่งงามถูกเขียนไว้อย่างปรานีต ริมฝีปากอิ่มถูกทาชาดสีแดงงดงาม ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกว่านางอาการดีขึ้นมากแล้ว นางยิ้มแย้มให้แก่ผู้มาใหม่ “ท่านอ๋องมาแล้ว!” ผู้ชายคนนี้ที่นางรักหมดใจและเป็นผู้ชายที่นางไม่มีวันที่จะได้มา ครอบครอง ชายหนุ่มเดินมานั่งเก้าอี้ที่ห่างจากนางถึงสามจั้ง เมื่อไม่มีรถเข็นแล้วยามนี้เวลาไปไหนมาไหนเขาก็นั่งเก้าอี้ที่หลิวมี่เหอสั่งทำมาพิเศษก่อนหน้านี้แทน ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเย็นชา ดวงตาคมที่จับจ้องมาที่นางเย็นเยียบ “ดูจากสภาพเจ้าแล้ว ก็ดูดีขึ้นไม่เลวนี่!” “ได้ทั้งหมอหลวงและหมอเทวดาคอยรักษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ข้าย่อมไม่เป็นอะไรอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ชูเซี่ยยังคงเอนกายนอนอยู่บนตั่งยาวพลางมองเขาด้วยใบหน้าเกียจคร้าน “จูเก๋อหมิงบอกว่าเจ้าอาการไม่สู้ดี แต่ยามนี้เปิ่นหวางมาเห็นด้วยตาตัวเองก็เห็นว่าเจ้าดีเสียยิ่งกว่าดี” คูกพูดที่เขาเอ่ย ออกมาแฝงไปด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ทว่าชูเซี่ยกลับฟังไม่เข้าหูแม้แต่น้อย ยามนี้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง หัวใจของนางเจ็บปวดเสียใจ ในใจของเขาก็คงไม่อยากให้นางหายดีเลยสินะ จริงสิ ถ้านางตายไปเขาคงดีใจสินะ ถ้านางตายเขาก็จะได้แก้แค้นให้กับฉ่ายเวินอีกด้วย เขาคงพอใจเสียยิ่งกว่าพอใจสินะ นางในยามนี้ใกล้ความตายเข้าไปมากขึ้นทุกขณะ นางเริ่มรู้สึกว่ายามนี้วิญญาณของนางเริ่มค่อยๆหลุดลอยออกจาก ร่างกายอย่างช้าๆ ถ้าครั้งนี้วิญญาณนางออกจากร่างกายนี้ไปแล้วนางจะไปที่ไหนกันนะ เป็นไปได้ไหมว่านางจะได้กลับไปยุคปัจจุบันของนาง นางอยากเจอหน้าพ่อแม่เหลือเกิน “หมอเทวดาจูเก๋อกล่าวเกินจริงไปแล้ว ความจริงข้าดีขึ้นมาแล้วต่างหากเล่า อีกไม่กี่วันก็คงลงจากเตียงได้แล้วเจ้าค่ะ” ชูเซี่ยกล่าวออกมา หลี่เฉินเย่นแค่นยิ้มเย็น “อาการเจ้าจะเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดีก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเปิ่นหวางแม้แต่น้อย” ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีวันเคยชินกับคำพูดเย็นชาของเขาเอาเสียเลย นางมองเขานิ่งๆ ใบหน้างามอ่อนโยนเอ่ยถามเขา ด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ในใจของท่านเกลียดเกลียดข้ามากขนาดนั้นเชียวหรือ” หลี่เฉินเย่นหัวเราะออกมา “เกลียดเจ้า เพราะเหตุใดข้าจึงต้องเกลียดเจ้าด้วยเล่า” ชูเซี่ยรับคำก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ไร้รักไร้เกลียด ถ้าเช่นนั้นต่อให้ข้าตายไปท่านก็ไม่เสียใจใช่หรือไม่” หลี่เฉินเย่นตอบกลับอย่างไร้เยื่อใย “ถ้าเจ้าตายไป เปิ่นหวางคงรู้สึกสบายใจไม่น้อย” คำพูดที่ร้ายกาจเช่นนี้เขาก็ไม่ได้ อยากจะเอ่ยออกมาทำร้ายจิตใจนางแม้แต่น้อยเพราะในใจของเขาหาได้คิดเช่นนั้นไม่ แต่เมื่อมายืนอยู่ต่อหน้านางเช่นนี้เขากลับแกล้งทำเป็นไม่สนใจความผิดของนางไม่ได้ เพราะนางถึงกล้าใช้เข็มมาทำร้ายร่างกายตนเองเพื่อมาทดสอบขีดจำกัดความอดทนของเขา ภายในใจของชูเซี่ยยุ่งเหยิงไปหมด ดวงตาของเขาที่มองมายังนางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง นางไม่อาจสัมผัสความรู้สึกอื่นใดนอกจากความเฉยชาได้เลย “ท่านให้พวกเขาออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องที่จะคุยกับท่านเพียงแค่สองคน” นางเอ่ยเสียงเบา หลี่เฉินเย่นโบกมือไล่ข้ารับใช้ข้างกายออกไป ชูเซี่ยเงยหน้ามองไปที่เสี่ยวจี๋ก่อนเอ่ย “ไปยกน้ำชามาให้ท่านอ๋อง” เสี่ยวจี๋รับคำก่อนจะออกไปเตรียมน้ำชามารับรองท่านอ๋องตามที่พระชายารับสั่ง จิตใจนางกระวนกระวายยามที่วางถ้วยชาลงตรงหน้าท่านอ๋อง “น้ำชาเจ้าค่ะท่านอ๋อง” จากนั้นนางก็ถอยออกไปพร้อมปิดประตูห้องเรียบร้อย หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้ว “แท้จริงแล้วเป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่ทำร้ายฉ่ายเวิน” จดหมายที่นางส่งมาให้เขามีการเอ่ยถึงว่านางรับรู้ว่าใครเป็นผู้ทำร้ายฉ่ายเวิน นางรู้ดีว่าหากยกเรื่องนี้มาอ้างเขาจะต้องยอมมาพบนางแน่ “ท่านอ๋องดื่มชาสักหน่อยเถิด แล้วข้าจะค่อยๆเล่าให้ท่านฟัง” ชูเซี่ยเอ่ย หลี่เฉินเย่นยกชาขึ้นมาดื่มคำหนึ่งก่อนเอ่ยช้าๆชัดๆ “หากยังไม่เอ่ยอะไรอีก เปิ่นหวางก็จะกลับ” ชูเซี่ยอยากจะลุกขึ้นมาห้ามเขาแต่ก็ไม่กล้าขยับกายส่งเดช นางเกรงว่าหากใช้พลังงานมากเกินไปจะไม่เหลือไว้ใช้ในการฝังเข็มให้เขา แม้แต่น้ำเสียงยามที่เอื้อนเอ่ยออกมาก็ดูอ่อนแรงจนน่าสงสาร “คนที่ทำร้ายฉ่ายเวินไม่ใช่หลิวหยิงหลง ข้ามั่นใจ!” ในหัวของนางยังคงหลงเหลือความทรงจำของหลิวหยิงหลง ดังนั้นนางจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าผู้ที่ทำร้ายฉ่ายเวินไม่ใช่หลิวหยิงหลงอย่างแน่นอน แต่นางก็ไม่ทราบจริงๆว่าผู้ใดเป็นคนทำร้ายฉ่ายเวิน นางเพียงแค่หาข้ออ้างเพื่อหลอกเขามาเท่านั้น หลี่เฉินเย่นยิ้มเย็น “คำพูดนี้เปิ่นหวางได้ยินมาเป็นร้อยรอบแล้ว เจ้าบอกว่าเจ้ารู้ว่าผู้ลงมือผลักฉ่ายเวินตกน้ำคือใคร ตกลงมันคือฝีมือของผู้ใด” ใบหน้าของเขาเย็นยะเยือกอยู่ภายใต้แสงเทียนที่นุ่มนวล ดวงตาคมเป็นประกายล้ำลึก นางพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะอ่านอารมณ์ของเขาให้ได้แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล นางเห็นเพียงแค่ท่าทางรังเกียจและร่องรอยของความอดทนรวมไปถึงความผิดหวังที่เขาแสดงออกมาเพียงเท่านั้น เขาผิดหวังในตัวนาง หรือเขาไม่คิดว่านางรู้สึกผิดหวังในตัวเขาหรืออย่างไร ชูเซี่ยมองเขานิ่งๆ “ท่านอ๋อง ข้าขออภัยจริงๆเจ้าค่ะ เป็นข้าที่โกหกท่าน ข้าไม่ทราบจริงๆว่าผู้ใดเป็นคนลงมือผลักฉ่ายเวินตกน้ำ” หลี่เฉินเย่นสูดหายใจลึกๆอย่างต้องการระงับอารมณ์ ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น “เจ้าตั้งใจโกหกให้เปิ่นหวางมาหางั้นหรือ” ชูเซี่ยยิ้มขมขื่น “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าหากไม่บอกไปเช่นนี้ท่านจะไม่ยอมมาหาข้า” หลี่เฉินเย่นเริ่มบันดาลโทสะ แต่ทว่าจู่ๆเขาก็รู้สึกเวียนหัว เมื่อดวงตาคมเห็นถ้วยน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ก่อนกัดฟันเอ่ย “เจ้าวางยาในน้ำชางั้นหรือ” ชายหนุ่มส่ายศีรษะพยายามต่อสู้กับสติที่เริ่มเลือนลาง แต่ตัวยานี้เป็นชูเซี่ยผสมมันขึ้นมา เพราะนางเรียนรู้ตัวยาสลบนี้มาจากคัมภีร์ร้อยพิษที่ยืมมาจากจูเก๋อหมิง ต่อให้กำลังภายในเขาจะล้ำเลิศเพียงใดแต่ไม่อาจทนฤทธิ์ยาสลบที่นางปรุงขึ้นมาเองได้อย่างแน่นอน หลี่เฉินเย่นค่อยๆหลับตาลงช้าๆจากนั้นก็สลบไป ชูเซี่ยค่อยๆขยับกายที่เอนอยู่บนตั่งเป็นเวลานาน กำลังของนางใกล้จะหมดแล้ว นางลงจากตั่งยาวด้วยความอ่อนแรงจนแม้แต่แรงเดินก็แทบไม่มี หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเขานางหยิบมีดขึ้นมาเล่มหนึ่งเพื่อตัดชายกางเกงของเขาออก นางไม่เหลือกำลังที่จะเปลื้องผ้าเขาและพาเขาไปนอนที่เตียงอีกแล้ว นางรู้ดีด้วยกำลังภายในที่แข็งแกร่งของเขา อีกไม่นานเขาก็คงฟื้นขึ้นมา นางเหลือเวลาไม่มาก หญิงสาวเอ่ยกระซิบเสียงเบา “ข้าอยากให้ท่านเชื่อมั่นในตัวข้าแต่มันก็ยากเหลือเกิน ดังนั้นข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ท่านได้โปรดอย่าเกลียดข้าเลยนะ” นางหยิบเข็มทองออกมาพร้อมหายใจเข้าลึกๆ อาการวิงเวียนเริ่มเข้ามาจู่โจมนางช้าๆ ชูเซี่ยพยายามฝืนสติตนเองอย่างสุดความสามารถ ยามฝังเข็มนางจะผิดพลาดไม่ได้ หญิงสาวตัดสินใจฝังเข็มทองสี่เล่มลงบนจุดไป่ฮุ่ยบนร่างกายของตนเองเพื่อคืนสติก่อนจะกลั้นใจฝังเข็มให้เขา เพียงแต่การบังคับร่างกายของนางเป็นไปได้อย่างยากลำบาก การฝังเข็มจุดไป่ฮุ่ยบนตัวนางจะส่งผลร้ายกับร่างกายนางค่อนข้างมาก นางรู้อยู่แก่ใจดีแต่ไม่อาจคิดเล็กคิดน้อยได้อีก แม้แต่เทวดาผู้นั้นยังกล่าวว่านางไม่อาจพ้นเคราะห์นี้ไปได้แล้ว เพียงแต่ก่อนนางตาย นางก็ยังอยากจะช่วยเขาให้หายดีดังเดิม นางฝังเข็มได้เร็วและแม่นยำเพราะการฝึกฝนมาโดยตลอดในระยะเวลาที่ผ่านมา นางใช้ร่างกายของตนเองทดลองฝังเข็มไปตามจุดต่างๆของร่างกายตนเองจนนางมั่นใจดีแล้ว เข็มทุกเล่มที่นางฝังลงไปจำเป็นต้องฝังค้างอยู่เช่นนั้นอย่างน้อยหนึ่งก้านธูป ทว่านางคงไม่อาจอยู่รอได้จนถึงตอนนั้นอีกแล้ว แต่ก็ไม่สำคัญอีกแล้วตราบใดที่เขามีเลือดไหลผ่านเส้นเลือดลงมา กำลังภายในของเขาจะช่วยเปิดจุดให้เลือดไหลทะลักลงมาเลี้ยงขาได้อยู่ดี นางล้มลงบนหน้าอกของเขา ยามนี้นางไม่เหลือเรี่ยวแรงจะขยับอีกแล้ว ชูเซี่ยได้แต่ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นอยู่อย่างนั้น น้ำตาของนางไหลลงมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้อีกต่อไป เวลาของนางมาถึงแล้วสินะ นางไม่ขออะไรอีกแล้วในชีวิตนี้ นางเพียงแค่ขออยู่อย่างสงบและอบอุ่นเช่นนี้ไปจนวินาทีสุดท้ายเพียงเท่านั้น จากนี้ไปนางก็จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว เขาจะไปร่วมเตียงกับผู้ใดนางก็ไม่ต้องทนเห็นภาพเช่นนั้นอีกแล้ว ความจริงมีหลิวมี่เหออยู่เคียงข้างเขาก็เป็นเรื่องดี หญิงผู้นั้นรักเขาจากใจจริง ส่วนนางก็เป็นเพียงแค่วิญญาณดวงหนึ่งที่บังเอิญผ่านมาเข้าร่างก็เท่านั้น ส่วนเขาก็เป็นเพียงแค่ฝันที่สวยงามและเจ็บปวดแค่ตื่นหนึ่งเท่านั้น นางรู้สึกขอบคุณเทวดาท่านนั้นเหลือเกินที่ทำให้นางมีชีวิตอยู่ต่อมาตลอดหลายเดือนมานี้ ทำให้นางมีโอกาสได้รู้จักผู้ชายอารมณ์ร้ายคนหนึ่ง คนที่ไม่เคยทำดีกับนางเลยสักนิด “ท่านใจร้าย...กับข้าเหลือเกิน แต่ว่าข้าก็ยังรักท่านเข้าจนได้...” ชูเซี่ยหอบหายใจก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างยากลำบาก “ข้าชอบเวลาท่านเรียกข้าว่าชูเซี่ย แต่ทว่าสำหรับท่านแล้วข้าอาจไม่ใช่โรคระบาด ไม่ใช่ภัยพิบัติของท่าน แต่สำหรับข้า ท่านเป็นทั้งภัยพิบัติและโรคระบาดของข้า ภัยพิบัติที่ท่านมอบให้ข้า...มันคือความรัก!” นางอยากจะพยุงกายขึ้นมามอบจุมพิตที่หวานล้ำและลึกซึ้งให้แก่เขาเป็นครั้งสุดท้าย ตลอดเวลาที่ผ่านมาระหว่างพวกเขามีแต่ทะเลาะกันจนแทบไม่มีช่วงเวลาหวานซึ้งกันแม้แต่น้อย นางพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดพยุงตัวลุกขึ้นมาประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากเขา ยาสลบในร่างกายของหลี่เฉินเย่นเริ่มเสื่อมลงช้าๆ ชายหนุ่มค่อยๆคืนสติเปิดเปลือกตาขึ้นมาก็พบว่าริมฝีปากของตนถูกผนึกด้วยริมฝีปากอันเย็นชืดของนาง ทันใดนั้นความทรงจำก่อนหน้าก็สว่างวาบในหัวอย่างแจ่มชัด ครั้งแรกที่เขาพลาดร่วมเตียงกับนางก็เป็นเพราะนางวางยาเขา ความเดือดดาลฉายชัดขึ้นบนใบหน้าคม เล่ห์กลร้ายกาจต่ำช้าอย่างการวางยานางยังกล้าใช้มันกับเขาอีกเป็นครั้งที่สองงั้นหรือ ยิ่งเมื่อเขารู้สึกได้ว่าเสื้อผ้าช่วงล่างของตนไร้ซึ่งกางเกงก็ถึงกับโมโหจนขาดสติไปในทันที เขายกขาขึ้นเตะร่างของหญิงสาวที่อยู่บนร่างจนนางลอยละลิ่วไปกระแทกผลังจากนั้นก็ล่วงลงสู่พื้น หญิงสาวกระอักเลือดออกมาคำโต นางนอนนิ่งอยู่บนพื้นเหลือบมองเขาที่ผุดลุกขึ้นมายืนก็ค่อยๆผุดยิ้มขึ้นมา มันเป็นรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจราวกับว่าตนเองเป็นนรีแพทย์ที่ได้ส่งเด็กทารกในมือมอบให้สู่มือผู้เป็นมารดาได้สำเร็จ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 55 ทุ่มวางเดิมพันทั้งหมด
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A