ตอนที่ 60 เจอเพื่อนเก่า
1/
ตอนที่ 60 เจอเพื่อนเก่า
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 60 เจอเพื่อนเก่า
ตนที่ 60 เจอเพื่อนเก่า เมื่อล้างหน้าเสร็จแล้วหญิงสาวกระพริบตาปริบๆ นางรู้สึกเคืองตาเล็กน้อยจึงปรือตามองมาทางจางจื่อเซี่ยว “ช่วยข้าดูหน่อย ได้หรือไม่ว่ามีขนตาหลุดเข้าไปในตาหรือเปล่า” จางจื่อเซี่ยวเดินมาใกล้ๆนางก่อนจะใช้นิ้วถ่างตาของนาง “อย่าขยับ มีขนตาติดอยู่จริงๆ เดี๋ยวข้าเป่าออกให้” “ขอบคุณมาก!” ชูเซี่ยนั่งสมาธิอยู่ตรงหน้าเขา ปล่อยให้จางจื่อเซี่ยวเชยคางนางขึ้นพร้อมเป่าลมเบาๆออกมาหลายครั้ง นอกประตูมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากนั้นก็รีบร้อนวิ่งออกไป ชูเซี่ยลุกขึ้นมาก่อนจะตะโกนขึ้นมา “ท่านหมอจูเก๋อ!” จูเก๋อหมิงหยุดวิ่งยืนทื่ออยู่กับที่ก่อนที่จะค่อยๆหันกลับมามองชูเซี่ยอย่างอับอาย “ขออภัย ข้าไม่ทราบว่าเจ้าอยู่กับสหาย ข้าเห็นว่าประตูไม่ได้ปิดไว้ นึกว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้นจึงถือวิสาสะเข้ามาดู” ชูเซี่ยพยักหน้า “ท่านมารับข้าใช่หรือไม่ รอสักเดี๋ยวเถิด อีกเดี๋ยวข้าก็เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” นางรู้ดีว่าเมื่อครู่จูเก๋อหมิงคงเห็น ภาพแนบชิดระหว่างนางกับจางจื่อเซี่ยวเข้าแล้ว ทว่านางก็ไม่ได้ไขข้อข้องใจหรืออธิบายอะไร ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดเช่นนี้ต่อไป จูเก๋อหมิงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ท่านหมอหนุ่มปรายตามองไปที่จางจื่อเซี่ยว ลอบสำรวจใบหน้าอีกฝ่ายก่อนพยักหน้าเบาๆให้อีกฝ่าย จางจื่อเซี่ยวก็พยักหน้าทักทายอีกฝ่ายเช่นกัน ท่านหมอหนุ่มหันกลับหาชูเซี่ยก่อนเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไร ข้าจะไปรอเจ้าที่รถม้าก็แล้วกัน ไม่ต้องรีบก็ได้” “เจ้าค่ะ ข้าเปลี่ยนรองเท้าก็ออกได้แล้วเจ้าค่ะ” ชูเซี่ยเอ่ย จูเก๋อหมิงพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปแต่ก็ไม่วายเหลือบมองจางจื่อเซี่ยวอีกครั้ง จางจื่อเซี่ยวมองตามหลังของท่านหมอไปก่อนหันมากล่าวกับชูเซี่ย “เขาคงเข้าใจผิดคิดว่าพวกเราคงมีความสัมพันธ์กัน ทำไมเมื่อครู่เจ้าจึงไม่อธิบายไปเล่า” “อธิบายไปทำไมกัน ข้าก็ไม่ได้คิดอะไร หรือว่าเจ้าคิด” ชูเซี่ยนั่งเปลี่ยนรองเท้าอยู่บนเก้าอี้เตี้ย ขาของนางมีรอยแผลเป็นมากมายเพราะชอบไม่ระวังวิ่งชนนั่นชนนี่ แต่นางก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไรนางจึงไม่สนใจแผลของตนเองสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปพวกมันก็จะหายไปเองแล้วหลงเหลือไว้เพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น “ข้าคิดว่าเจ้าจงใจเสียมากกว่า เจ้ารู้ว่าเขาเข้ามาเลยตั้งใจจะให้เขาเห็นใช่หรือไม่ แต่ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร” จางจื่อเซี่ยวหน้าตูม ชูเซี่ยเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “คิดมากเกินไปแล้ว ชื่อชูเซี่ย ข้าเคยพูดให้หลี่เฉินเย่นฟังแค่คนเดียว อีกอย่างหลี่เฉินเย่นก็คงไม่จำใส่ใจด้วยซ้ำ คนที่เขาจำไม่ลืมคือหลิวหยิงหลงต่างหากเล่าไม่ใช่ชูเซี่ย ตั้งแต่เริ่มแรกคนที่เป็นพระชายาหนิงอานก็คือหลิวหยิงหลงผู้เดียวเท่านั้น” “เจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่หรือ เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟังว่าหลี่เฉินเย่นเรียกเจ้าว่าชูเซี่ยไม่ใช่หรือ เขาย่อมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าไม่ใช่หลิวหยิงหลง อีกอย่างความสัมพันธ์ของท่านอ๋องกับจูเก๋อหมิงก็ไม่เลว เขาจะต้องเล่าเรื่องพวกนี้ให้จูเก๋อหมิงฟังแน่นอน เจ้ากลัวว่าจูเก๋อหมิงจะสงสัยในตัวเจ้าจึงใช้ข้าเป็นเครื่องมือที่ทำให้เขาเลิกสงสัยในตัวเจ้าเสียมากกว่า” จางจื่อเวี่ยววิเคราะห์ออกมาได้อย่างแม่นยำ ชูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่ใช่จริงๆ หากข้ากลัวว่าเขาจะสงสัยก็คงไม่บอกเขาว่าตัวเองชื่อชูเซี่ยในวันที่สัมภาษณ์งานหรอก” ตอนที่ชูเซี่ยกลับมาที่เมืองหลวงนั้น นางเข้าใจว่าเขาและหลี่เฉินเย่นคงไม่เคยสงสัยเรื่องตัวตนของนาง ทว่าครึ่งเดือนมานี้จูเก๋อหมิงเอาแต่คอยสังเกตและสืบเรื่องของนางมาโดยตลอด นางรู้ดีว่าจูเก๋อหมิงทราบเรื่องของนางไม่น้อย การที่จูเก๋อหมิงทราบนั่นก็แสดงว่าหลี่เฉินเย่นก็ทราบเรื่องนี้เช่นเดียวกัน นางในตอนนั้นยังแสดงงิ้วไม่เก่งจึงอาจจะเผยพิรุธไปพอสมควรพวกเขาจึงระแคะระคายขึ้นมา ดังนั้นเมื่อครู่ที่จูเก๋อหมิงเข้ามาทางหน้าบ้านนางก็ได้ยินฝีเท้าของเขาตั้งแต่ต้นแล้ว นางจึงแกล้งบอกว่ามีอะไรติดอยู่ที่ตาเพื่อสร้างฉากความแนบชิดนั่นขึ้นมาให้จูเก๋อหมิงเห็น เขาจะได้เลิกสงสัยในตัวนางเสียที นางรู้สึกละอายใจเล็กน้อยที่หลอกใช้จางจื่อเวี่ยวมาช่วยแสดงละครฉากนี้กับนาง หญิงสาวรีบร้อนออกไปข้างนอกทันทีเพื่อตัดโอกาสที่ชายหนุ่มจะแอบถามคำถามอะไรนางอีก บนรถม้า ชูเซี่ยนั่งคิดทบทวนคำพูดของจางจื่อเซี่ยวเมื่อครู่ จิตใจของนางสับสนยุ่งเหยิงไปหมด นางต้องระวังตัวทุกฝีเก้าเพื่อไม่ให้ความลับเรื่องตัวตนของนางเปิดเผย นางไม่รู้ว่าพวกเขารู้เรื่องของนางมากน้อยเพียงใด ยิ่งไม่รู้ว่าพวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของนางเมื่อใด ว่ากันตามจริงแล้วหากหลี่เฉินเย่นรู้ตั้งแต่แรกว่านางไม่ใช่หลิวหยิงหลงทั้งยังจงใจช่วยนางปกปิดความลับต่อไป จนกระทั่งเมื่อนางตายไป คนที่เขาเจ็บปวดและเสียใจคือนางที่เป็นชูเซี่ย ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงนางคงเจ็บปวด ลำบากใจ เสียใจและสุขใจมากเป็นแน่ จูเก๋อหมิงเห็นว่านางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็เอ่ยถาม “ผู้ชายเมื่อครู่ เป็นสามีเจ้าหรือ” เมื่อถามออกไปเขาก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตนเองถามอะไรโง่ๆออกไป ทั้งๆที่การแต่งกายของนางก็มีเพียงหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนเท่านั้นที่แต่งกายเช่นนี้ ชูเซี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “ข้ายังไม่ได้ออกเรือนเจ้าค่ะ” จูเก๋อหมิงเห็นว่าเมื่อสังครู่นางมีท่าทีลังเลก็คิดไปว่านางคงลอบอยู่กินกับบุรุษจึงไม่คิดจะถามออกไปให้มากความ ท่านหมอหนุ่มพยักหน้าเบาๆราวกับว่าตนเองได้รับคำตอบที่ชัดเจนแล้ว ชูเซี่ยรู้สึกกระวนกระวายร้อนรนจนแทบนั่งไม่ติด นางเลิกผ้าม่านขึ้นมองรถม้าที่วิ่งไปถามเส้นทางที่ตนเองคุ้นเคย หูก็เงี่ยฟังเสียงฝีเท้าม้าที่ควบไปตามทาง หัวใจของนางก็รู้สึกเหงาหงอยขึ้นมา นางปิดม่านลงเหมือนเดิมก่อนจะหันหน้าไปถามจูเก๋อหมิง “จริงสิเจ้าคะ พระชายาหนิงอานที่เสียไปเป็นคนเช่นไรหรือ” จูเก๋อหมิงมองนางนิ่งๆ “เหตุใดจึงถามเช่นนี้ เจ้าสนใจหรือ” ชูเซี่ยยิ้มแหย “เล็กน้อยเจ้าค่ะ ข้าแค่อยากรู้ว่านางเป็นสตรีแบบใดกันแน่ ถึงขั้นทำให้ท่านอ๋องฝังใจเพียงนี้ ขนาดนางเสียไปหลายปีก็ยังคงจำนางได้ไม่ลืมเลือน” จูเก๋อหมิงมองใบหน้านางอย่างสงสัยก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าปกติ เขาเอ่ยตอบอย่างรวบรัด “นางเป็นสตรีที่เพียบพร้อมมากคนหนึ่ง” ชูเซี่ยเห็นว่าเขาไม่เต็มใจจะตอบก็ไม่คิดจะถามอีก นางเพียงแค่ ‘อ่อ’ ออกไปจากนั้นก็เงียบ เป็นเวลานานจูเก๋อหมิงก็หันมามองนางอีกครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้น “เจ้ากับนางเหมือนกันมาก!” ร่างทั้งร่างของชูเซี่ยแข็งค้าง นางเงยหน้ามองเขาอย่างตื่นตะลึง ดวงตากลมเบิกกว้าง ทำให้จูเก๋อหมิงรู้สึกตัวว่าตนเองเผลอพูดอะไรออกไปก่อนจะค่อยๆเอ่ยขยายความ “ข้าแค่จะบอกว่า นางก็มีความรู้ด้านการฝังเข็มเช่นกัน” จิตใจชูเซี่ยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ใต้หล้ากว้างใหญ่ ผู้ที่รู้วิชาฝังเข็มก็มีไม่น้อย” หากเมื่อครู่นางดูไม่ผิด ยามที่จูเก๋อหมิงเอ่ยถึงนาง ดวงตาคมของท่านหมอหนุ่มมีประกายแห่งความรักใคร่อยู่ในนั้น จูเก๋อหมิงกล่าวกับนาง ทว่าก็ดูเหมือนกล่าวกับตัวเองว่า “ใช่แล้ว ใต้หล้านี้ผู้รู้วิชาฝังเข็มมีไม่น้อยเลยจริงๆ!” จูเก๋อหมิงรู้สึกว่าความเจ็บปวดในใจของเขาค่อยๆเอ่อล้นขึ้นมา ทั่วหล้านี้มีคนชื่อแซ่เดียวกันตั้งมากมาย ทว่าชูเซี่ยในความทรงจำของเขามีเพยงแค่คนเดียวที่ไม่มีวันลืมได้ แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะคล้ายเพียงใด นางก็ไม่ใช่อยู่ดี ทว่าแม้ไม่ตั้งใจพูดก็พูดไปแล้ว เขาจึงทำได้แค่มองข้ามมันไป ดวงตาคมจับจ้องไปที่หญิงสาวตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้น “เจ้าเชื่อเรื่องกลับชาติมาเกิดหรือไม่” ชูเซี่ยรู้สึกตกใจในคำถามของเขามาก นางมองเขาอย่างตื่นตระหนก ความกังวลใจฉายชัดอยู่บนดวงตากลมโตของหญิงสาวก่อนที่เจ้าตัวจะรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว “ไม่เชื่อเจ้าค่ะ” จูเก๋อหมิงจ้องมองนางยิ้มๆ “อืม!” คำว่า ‘อืม’ คำเดียวดูเหมือนจะไม่มีความหมายอะไร แต่ทว่ามันสามารถเข้าใจได้ในหลายๆความหมาย แม้ว่าชูเซี่ยจะไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่ท่าทางมีความสุขของเขาทำให้นางรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เมื่อชูเซี่ยตั้งสติได้นางก็จ้องมองจูเก๋อหมิงก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงจัง “ท่านเชื่อเรื่องกลับชาติมาเกิดหรือ มันเป็นเรื่องไร้สาระมาเลยนะเจ้าคะ” จูเก๋อหมิงพยักหน้ายอมรับ “ข้าก็คิดว่ามันไร้สาระ ทว่าท่านอ๋องหนิงอานเชื่อในเรื่องนี้มาก พระชายามีอีกชื่อหนึ่งว่าชูเซี่ย ดังนั้นข้าขอเตือนเจ้าก่อนว่าหากไปถึงจวนอ๋องแล้วเจ้าอย่าได้บอกเขาเด็ดขาดว่าเจ้าชื่อชูเซี่ย” ชูเซี่ยจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลาของเขามรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับบรรยากาศเมื่อครู่กลายเป็นหมอกควันที่ถูกสายลมพัดผ่านไปแล้ว ดวงตาของเขาแสดงความรู้สึดออกมาชัดเจนไม่คิดปิดบัง หัวใจของนางหวาดกลัวไปหมด “พระชายาหนิงอานมีนามว่าหลิวหยิงหลงไม่ใช่หรือ” “ใช่ แต่ว่าท่านอ๋องตั้งชื่อให้นางอีกชื่อว่าชูเซี่ย ท่านอ๋องเชื่อเรื่องวิญญาณและการกลับชาติมาเกิดมาก ดังนั้นหากเจ้าบอกเขาว่าเจ้าชื่อชูเซี่ยทั้งยังรู้วิชาฝังเข็ม เขาจะต้องคิดว่าเจ้าเป็นพระชายากลับชาติมาเกิดเพื่อกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน” จูเก๋อหมิงพูดจาเปิดออกไม่คิดจะปิดบังอะไร ชูเซี่ยเงียบไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกไป ดวงตาของนางเลิ่กลั่ก มือไม้วุ่นวายไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน จึงได้แต่นั่งเกร็งอยู่อย่างนั้นตลอดทาง เขาลองใจนางมานาน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็เอาแต่หลอกถามนางด้วยวิธีตื้นเขิน นางเองก็คงมีวิธีรับมือของนางอยู่แล้วเพราะคิดว่าเขาคงไม่มีทางรู้จุดอ่อนของนางแน่ จุดอ่อนที่ว่าที่ก็คือเรื่องการกลับชาติมาเกิด เมื่อครู่ที่เขาเห็นนางอยู่กับผู้ชายอื่นก็บังเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ดังนั้นจึงควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ค่อยดีเท่าที่ควรเผลอถามคำถามโดยไม่ทันยั้งคิดออกมา แต่นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าจะเผลอทำลายหน้ากากการแสดงของหญิงสาวที่อุตส่าห์สวมมาหลายวัน ก็ดี ยามนี้ในใจของเขามีคำตอบแล้ว ทว่าเขากลับรู้สึกไม่สบายใจนัก เดิมทีข่าวใหญ่เช่นนี้เขาสมควรรีบบอกหลี่เฉินเย่นตั้งแต่แรกจึงจะถูก แต่เขาเลือกที่จะปิดบังไว้ก่อนจะดีกว่าและยังไม่ลืมที่จะเตือนสตินางไม่ให้บอกชื่อของตนเองให้สหายรักของเขาได้ยินอีกด้วย เขาพยายามปลอบใจตนเองว่าบางทีเขาอาจจะกำลังเข้าใจผิดไปเองก็ได้ หากว่าถึงตอนนั้นหลี่เฉินเย่นเกิดผิดหวังขึ้นมาอีกครั้งเขาคงต้องรู้สึกผิดไปจนตายแน่ อีกอย่าง หากว่านางเป็นชูเซี่ยตัวจริง นางจะต้องรักษาฉ่ายเวินได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นหากฉ่ายเวินฟื้นขึ้นมาได้ หลี่เฉินเย่นจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ จิตใจของชูเซี่ยวุ่นวายไปหมด นางไม่รู้จะมองหน้าจูเก๋อหมิงอย่างไรดี นางรู้สึกว่าจูเก๋อหมิงจับได้แล้วว่านางคือชูเซี่ยคนนั้น ทว่าอีกใจก็เหมือนกับว่าเขาอาจจะยังไม่รู้ เพราะว่าเรื่องการกลับชาติมาเกิดอะไรนั่นแค่เอ่ยขึ้นมาก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องงมงายไร้สาระไม่น่าเชื่อถือแล้ว ทว่าสิ่งที่นางไม่รู้ก็คือเมื่อครั้งที่หลิวหยิงหลงตายนั้น นางได้กลับไปกราบขอขมาบิดามารดาของตนเองและบอกเล่าเรื่องราวให้พวกท่านฟัง ดังนั้นความลับของนางในส่วนนี้เหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่างทราบกันหมดแล้ว แน่นอนว่ารวมไปถึงหลี่เฉินเย่นและจูเก๋อหมิงด้วย ตลอดทางไม่มีคำพูดอื่นใดเล็ดลอดออกมา จูเก๋อหมิงคิดอย่างเหม่อลอย เหตุใดชูเซี่ยจึงกลับมากันนะ บางทีหากไม่ใช่เพราะขาของหลี่เฉินเย่นยังไม่หายดีเกรงว่านางคงรังเกียจสหายรักของเขาจนไม่ยอมกลับมาพบหน้าอีกฝ่ายแล้ว รถม้าวิ่งมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดตรงหน้าจวน มีนายทหารหน้าตื่นสองนายวิ่งออกมายังหน้าประตู เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือจูเก๋อหมิงก็รีบร้อนโค้งคำนับก่อนเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน “ท่านหมอจูเก๋อมาได้พอดีเลยขอรับ ท่านอ๋องถูกลอบสังหาร!” ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางใจของชูเซี่ย ร่างทั้งร่างของนางแข็งค้าง เลือดในกายเย็นเฉียบ จูเก๋อหมิงรีบดึงร่างของนายทหารผู้นั้นก่อนถามอย่างตกใจ “อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง” นายทหารรายงาน “โดนไปสามดาบ แต่ละดาบก็อยู่ในจุดที่อันตรายถึงชีวิตขอรับ ยามนี้หมอหลวงพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ ทว่าเพื่อความมั่นใจพี่เสี่ยวซานจึงให้พวกข้าไปตามท่านหมอมาที่นี่โดยเร็วขอรับ” จูเก๋อหมิงปล่อยตัวนายทหารผู้นั้นก่อนจะวิ่งเข้าไปในจวนอย่างรีบร้อนจนลืมชูเซี่ยไว้ด้านหลัง ชูเซี่ยมือไม้เย็นเฉียบ หญิงสาวรีบวิ่งตามเขาเข้าไปทันที หลังจากผ่านไปสามปี เมื่อนางกลับมาในจวนแห่งนี้ ชูเซี่ยไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจเลยแม้แต่น้อย ยามนี้ในใจห่วงหาและคิดถึงแต่อาการบาดเจ็บของหลี่เฉินเย่นเท่านั้น นางตามจูเก๋อหมิงมาจนถึงเรือนหรูอี้ นางยืนอยู่หน้าเรือนอย่างสับสน ยามนี้เขาย้ายมาอยู่ที่เรือนหรูอี้งั้นหรือ แล้วเสี่ยวจี๋กับมามาเล่าจะเป็นอย่างไรบ้างนะ น้ำตาของนางเอ่อคลอขึ้นมา นางไม่ได้เตรียมใจว่าจะมาเจอข้ารับใช้คนสนิทของนางทั้งสองคนเลย ป่านนี้พวกนางจะเป็นอย่างไรบ้างนะ เมื่อผ่านประตูเข้ามาจนถึงลานบันไดหินหน้าเรือน นางก็เห็นว่ามีกลุ่มคนยืนอยู่ที่นั่นด้วยความขวัญเสีย เมื่อนางมองไปก็สบตาเข้ากับมามาที่มองมา มามาชะงักเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินเข้ามาหานาง “ท่านผู้นี้เป็นหมอเช่นกันหรือ รีบเข้าไปดูอาการท่านอ๋องหน่อยเถิดเจ้าค่ะ!” ชูเซี่ยพยายามเก็บน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา ก่อนจะพยายามควบคุมเสียงของตนเองไม่ให้สั่น “เชิญมามานำทาง” มามารีบเดินนำชูเซี่ยตรงไปยังห้องนอนส่วนใน ประตูหน้าห้องนอนมีร่างของเสี่ยวจี๋และเสี่ยวฉิงที่ดูกระวนกระวายอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นว่ามามาเดินเข้ามาทั้งสองก็รีบร้อนพุ่งเข้ามาหา เอ่ยอย่างร้อนใจ “มามา หมอหลวงเข้าไปนานแล้วยังไม่ออกมาเลยเจ้าค่ะ”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 60 เจอเพื่อนเก่า
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A