ตอนที่ 65 ของเก่าปรากฏ
1/
ตอนที่ 65 ของเก่าปรากฏ
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 65 ของเก่าปรากฏ
ตนที่ 65 ของเก่าปรากฏ ถึงแม้พวกเขาทั้งคู่จะรีบมาอย่างที่สุดแล้วแต่ทว่าเมื่อมาถึงจวนก็ช้าไปก้าวหนึ่งอยู่ดี ยามที่จูฟางหยวนเดินนำชูเซี่ยเข้ามาภายในจวนก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าดังขึ้นระงม แข้งขาของจูฟางหยวนอ่อนลงแทบจะทันที ชายหนุ่มคุกเข่าท่ามกลางสายฝนที่ลานกว้างในจวนด้วยความเจ็บปวด ชูเซี่ยรีบวิ่งเข้าไปในห้องจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าแม่ทัพจูที่ยามนี้ล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่ร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ชูเซี่ยเดินไปตรวจอาการของคนบนเตียงทันที ท่านแม่ทัพจูไม่มีลมหายใจอีกแล้ว แม้แต่หน้าอกก็ไม่มีการกระเพื่อมอีกต่อไป ใบหน้าของชายชราดูสงบนิ่งราวกับว่าเขาจากไปอย่างสงบไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว ท่านแม่ทัพจูเก๋อหมิงเป็นวีรบุรษผู้กล้าหาญที่ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาปลดเกษียณไปแล้วก็ยังทรงมีรับสั่งให้เขาเข้าเฝ้าอยู่บ่อยครั้ง แม้กระทั่งยามที่เขาไม่อาจเดินได้ ไม่สามารถเดินทางไปเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ในวัง ฝ่าบาทก็ทรงเสด็จมาเยี่ยมเยียนเขาด้วยพระองค์เอง ทรงพระทัยกว้างกับชายชราผู้ที่เคยรับใช้ประเทศชาติผู้นี้มากยิ่งกว่าผู้ใด ดังนั้นในวาระสุดท้ายของท่านแม่ทัพจูผู้นี้ฝ่าบาทจึงจัดงานศพให้อย่างสมเกียรติที่สุด ครั้งหนึ่งหลี่เฉินเย่นก็เคยได้รับการอบรมสั่งสอนจากแม่ทัพจูเช่นกัน ดังนั้นท่านอ๋องจึงต้องการที่จะเดินทางมาเข้าร่วมในวันที่มีการจัดพิธีศพ แต่ทว่าด้วยอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดีนักจึงจำเป็นต้องให้คนคอยพยุงเดินเข้ามาร่วมงาน ตลอดชีวิตของท่านแม่ทัพจูไม่เคยแต่งงาน จึงไม่มีทายาทสืบสกุล แต่เมื่อหลายปีก่อนเขากลับรับบุตรชายบุญธรรมไว้คนหนึ่ง มีนามว่าจูฟางหยวน ก่อนวันที่แม่ทัพจูจะเสียชีวิตเขาได้เดินทางเข้าวังเพื่อร่างพินัยกรรมไว้ฉบับหนึ่งต่อหน้าองค์จักรพรรดิ์ ทรัพย์สินทั้งหมดยกให้จูฟางหยวนครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งงมอบให้แก่พื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้งหมด ฝ่าบาทก็ทรงเห็นพระทัยและรับรู้ว่าแม่ทัพจูผู้นี้ไม่อาจปล่อยวางบุตรชายบุญธรรมของตนเองได้ อีกทั้งยามมีชีวิตอยู่ท่านแม่ทัพผู้นี้อุทิศตนเพื่อชาติบ้านเมืองมาโดยตลอดทั้งยังไม่มีบุตรหลานสืบสกุล เพื่อรักษาคำมั่นที่ให้ไว้แก่ท่านแม่ทัพผู้นี้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต และรักษาเชื้อสายของสกุลจูให้อยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลานจึงทรงมีรับสั่งแต่งตั้งให้จูฟางหยวนเป็นทายาทที่สืบทอดโดยชอบธรรมของแม่ทัพจวนและมีตำแหน่งรักษาการดินแดนอีกด้วย ตำแหน่งผู้รักษาการดินแดนเป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้นไม่ได้มีหน้าที่อันใดให้ชายหนุ่มต้องรับผิดชอบดูแลแม้แต่น้อย แต่ก็ยังได้รับเงินเดือนหลวงและสิทธิประโยชน์ต่างๆครบถ้วน ฝ่าบาททราบดีว่าแม่ทัพจูไม่ปรารถนาให้จูฟางหยวนรับราชการ ดังนั้นพระองค์จึงไม่ได้ร่างราชโองการอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ชูเซี่ยอยู่ข้างกายของจูฟางหยวนตลอดเวลา เดิมทีชายหนุ่มเป็นคนที่สดใสร่าเริงเพราะได้รับความรักและความดูแลเอาใจใส่จากแม่ทัพจูดุจลูกแท้ๆทำให้เขาที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างยุคต่างสมัยสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปวันๆได้ มาตอนนี้เขากลับสูญเสียญาติสนิทเพียงคนเดียวทีมีทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสิ้นหวังและโศกเศร้าอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ชูเซี่ยไม่ไว้วางใจที่จะให้เขาอยู่เพียงลำพัง ดังนั้นตลอดสองวันมานี้ที่มีการจัดงานศพนางก็คอยอยู่เคียงข้างจัดการธุระหลายๆเรื่องให้แก่เขา การเป็นหมอทำให้นางเห็นการเกิดแก่เจ็บตายจนกลายเป็นเรื่องปกติ จะบอกว่านางไม่รู้สึกเสียใจเลยก็ไม่อาจพูดได้ แต่ทว่าความเคยชินพวกนี้ทำให้นางสามารถควบคุมสติของตนเองได้ดีในระดับหนึ่ง แม่ทัพจูรักใคร่และเอ็นดูจูฟางหยวนมากจริงๆ แม้กระทั่งช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตเขาก็ยังปูทางไว้ให้บุตรชายบุญธรรมผู้นี้ได้เดินต่อไปข้างหน้า แต่เพราะเช่นนี้กลับยิ่งทำให้จูฟางหยวนเสียใจยิ่งกว่าเดิม ยิ่งไม่สามารถทำใจกับการสูญเสียในครั้งนี้มากกว่าเดิม แม่ทัพจูเป็นผู้ที่มีคนรู้จักและนับหน้าถือตามากมาย หลายปีมานี้ก็มีผู้คนแวะมาเยี่ยมเยียนเขาอยู่เสมอ แต่ทว่านับตั้งแต่แม่ทัพจูนั่งอยู่บนรถเข็นก็ไม่ค่อยออกมาพบหน้าแขกเหรื่อที่มาเยี่ยมเยียนตนเองอีก หน้าที่ที่ต้องออกมาต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือนจึงตกเป็นหน้าที่ของจูฟางหยวนไปโดยปริยาย แต่เดิมจูฟางหยวนก็ชอบคบค้าสมาคมกับผู้อื่นอยู่แล้วดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่มาเคารพศพล้วนแต่เป็นคนที่ชายหนุ่มคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ตลอดระยะเวลาสามปีหลี่เฉินเย่นก็ไม่เคยพบหน้าจูฟางหยวนเลยสักครั้ง เพราะส่วนมากท่านอ๋องจะใช้ชีวิตในสนามรบเป็นส่วนใหญ่ หรือหากกลับมาเมืองหลวงเขาก็มักเก็บตัวใช้ชีวิตสันโดษอยู่เสมอ นอกจากเข้าวังก็ไม่ออกไปไหนอีก อีกอย่างจูฟางหยวนเองก็ไม่ยินยอมที่จะพบหน้าเขาเช่นกัน แรกเริ่มเดิมทีจูฟางหย่วนโทษว่าหลี่เฉินเย่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ชูเซี่ยต้องตาย แต่ว่าต่อมาเขาจะรู้ว่าชูเซี่ยยังมีชีวิตอยู่ยังไม่ตายจึงยอมให้อภัยให้กับหลี่เฉินเย่นในที่สุด ดังนั้นในครั้งนี้เมื่อหลี่เฉินเย่นเดินทางมาเคารพศพจึงเป็นครั้งแรกที่หลี่เฉินเย่นได้พบจูฟางหยวนเป็นครั้งแรก ยามที่อยู่ในห้องโถง ร่างสูงของจูฟางหยวนคุกเข่าขอบคุณแขกเหรื่อที่เดินทางมาเคารพศพ ใบหน้าของชายหนุ่มโศกเศ้ราเสียใจ หลี่เฉินเย่นที่มีบ่าวรับใช้คอยพยุงก็เข้าไปปลอบใจชายหนุ่มอยู่หลายคำ ในตอนนั้นเองที่ชูเซี่ยเดินออกมาข้างนอก หญิงสาวสวมชุดสีขาวตลอดทั้งร่างและมีผ้าสีดำสำหรับไว้ทุกคาดไว้ที่แขน นางวางตนเองเป็นดั่งน้องสาวของจูฟางหยวนมาตลอด ดังนั้นจึงสวมหมวกสีดำที่แสดงการไว้ทุกข์สำหรับผู้ที่เป็นเครือญาติเท่านั้น ยามที่หลี่เฉินเย่นพบหน้านางครั้งแรกก็ดูแปลกใจเล็กน้อย ชูเซี่ยเองก็เช่นกัน ทั้งคู่ต่างมองกันและกันด้วยความตกตะลึง ชูเซี่ยนึกไม่ถึงว่าจะพบหน้าชายหนุ่มที่นี่ หลี่เฉินเย่นเองก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน เขาคิดมาตลอดว่านางคือหญิงสาวในดวงใจของจูเก๋อหมิง นึกไม่ถึงว่านางจะมีความสัมพันธ์กับแม่ทัพจูด้วย หญิงสาวย่อกายคำนับ “ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ!” หลี่เฉินเย่นไม่ทราบชื่อของนาง ชายหนุ่มขบกรามไม่คิดจะถามอะไรนางให้มากความ ความจริงเขาไม่คิดจะสนใจเรื่องราวของผู้อื่นแม้แต่น้อย ด้านจูเก๋อหมิงที่ตามหลี่เฉินเย่นมาด้วยกันก็ปรายตามองจูฟางหยวนเล็กน้อย ท่านหมอหนุ่มจำได้ว่าเขาเคยพบชายผู้นี้ที่บ้านของชูเซี่ยครั้งหนึ่ง ชายผู้นี้มีความสนิทสนมกับชูเซี่ยอย่างมาก เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองแล้วก็ทำให้ชายหนุ่มนิ่งงันไป หลี่เฉินเย่นหันกลับไปมองสีหน้าของจูเก๋อหมิงที่เปลี่ยนแปลงไป ในใจก็คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างชูเซี่ยและจูฟางหยวนคงไม่ธรรมดา แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เอ่ยปากถามออกไปเพียงแต่เอ่ยกระซิบกับอีกฝ่าย “อีกสักครู่ก็จะทำพิธีฝังศพแล้วเจ้าจะไปด้วยหรือไม่” จูเก๋อหมิงพยักหน้า “เดิมทีก็อยากตามไปด้วยเช่นกัน แต่ร่างกายของเจ้ายังไม่ค่อยแข็งแรงนัก เช่นนั้นก็ไม่ต้องตามไปก็แล้วกัน” หลี่เฉินเย่นส่ายศีรษะเบาๆ “ไม่ ยามที่ท่านแม่ทัพยังมีชีวิตก็เป็นผู้อบรมสั่งสอนเปิ่นหวางมาตลอด เปิ่นหวางยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณของเขาเลยสักครั้ง ในยามนี้เขาได้จากไปแล้วเปิ่นหวางก็สมควรตามไปส่งเขาเป็นครั้งสุดท้าย” ชูเซี่ยที่พยุงร่างของจูฟางหยวนให้ลุกขึ้นจากพื้นก้มลงกระซิบข้างหูชายหนุ่ม “ท่านนักบวชให้ข้ามีบอกเจ้าว่ายามที่เคลื่อนย้ายศพไปสถานที่ฝังให้เจ้ามีหน้าที่อุ้มป้ายวิญญาณของท่านแม่ทัพจู เจ้าก็ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยเถิด” จูฟางหยวนรับคำ ดวงตาบวมช้ำของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมอารมณ์เศร้าเสียใจของตน ชายหนุ่มเดินไปเอ่ยขอตัวกับหลี่เฉินเย่นและจูเก๋อหมิงจากนั้นก็ปล่อยให้หญิงสาวพยุงร่างของเขากลับเข้าไปข้างใน เมื่อหลี่เฉินเย่นเห็นว่าทั้งสองเดินออกไปแล้วก้หันมาถามจูเก๋อหมิง “ความรู้สึกของเจ้าที่มีต่อนางเปิ่นหวางดูออก แต่ความรู้สึกของนางที่มีต่อเจ้ากลับไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้ารู้สึกกับนางแม้แต่น้อย ใช่หรือไม่” จูเก๋อหมิงยิ้มขืน “พูดอะไรของเจ้า ข้าไม่ได้รู้สึกกับนางเช่นที่เจ้ากล่าวหาเสียหน่อย” “มีหรือเปิ่นหวางจะมองไม่ออก สายตาที่เจ้ามองนางมันเหมือนสายตาที่มองคนอื่นเสียที่ไหนกัน” หลี่เฉินเย่นถอนหายใจ “อายุเจ้าก็ไม่ใช่น้อยแล้ว สมควรที่จะหาคู่ครองได้แล้วนะ” “จะจะรีบร้อนไปทำไมกัน เรื่องแบบนี้ต้องรอเวลาที่เหมาะสมถึงจะถูกต้อง” จากนั้นจูเก๋อหมิงก็เปลี่ยนเรื่องสนทนาอย่างรวดเร็ว “พวกเราออกไปรอข้างนอกกันเถิด อีกสักครู่ก็คงออกเดินทางขึ้นเขากันแล้ว” กล่าวจบเขาก็เดินไปพยุงร่างของสหายค่อยๆเดินออกไป ด้านนอกลานกว้างภายในจวน เหล่าข้ารับใช้ต่างทำความสะอาดร่างให้แก่ท่านแม่ทัพจู ตามธรรมเนียมแล้ว เหล่าญาติและผู้สืบเชื้อสายจะต้องเผาสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผู้ล่วงลับชื่นชอบมากยามที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อให้เขาเดินทางไปสู่สุขติ หลี่เฉินเย่นกวาดตามองไปรอบๆห้องโถงที่มีผู้คนยืนอยู่มากมาย หน้าประตูจวนก็มีผู้คนมายืนเคารพศพรายล้อมอยู่เพื่อรอเวลาที่จะขึ้นเขาเพื่อฝังศพ จูเก๋อหมิงเห็นว่าแววตาของหลี่เฉินเย่นเปลี่ยนไปก็มองตามสายตาของสหายที่หยุดนิ่งมองบางสิ่งบางอย่างอยู่ ใบหน้าก็ซีดเผือดลงทันที เขาเห็นว่ามีข้ารับใช้เข็นเก้าอี้รถเข็นออกมาจากภายในบ้าน มันเป็นเก้าอี้แบบเดียวกันกับที่ชูเซี่ยเคยมอบให้แก่เขา หลี่เฉินเย่นหันไปออกคำสั่งกับเสี่ยวซานจื่อ “ไปเอารถเข็นคันนั้นมาให้เปิ่นหวาง” เสี่ยวซานจื่อน้อมรับคำสั่งก่อนจะเดินไปหาพ่อบ้านจวนจูพูดกับอีกฝ่ายสองสามคำจากนั้นเสี่ยวซานจื่อก็เข็นรถเข็นคันหน้าเข้ามา หลี่เฉินเย่นยืนนิ่งพิจารณารถเข็นด้วยสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยนแปลง แต่ดวงตากลับฉายแววเจ็บปวด ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือไปลูบไล้พนักพิงเรื่อยๆลงมาถึงที่วางมือ ชายหนุ่มถามขึ้นเสียงแหบพร่า “ทำไมที่นี่จึงมีรถเข็นนั่งยืนได้” เสี่ยวซานจื่อรายงาน “เรียนท่านอ๋อง เมื่อครู่ข้าน้อยเดินไปถามเรื่องราวจากพ่อบ้านมาแล้วขอรับ เก้าอี้ตัวนี้เป็นเก้าอี้ที่คุณชายจูสั่งทำให้ในสมัยที่แม่ทัพจูยังมีชีวิตอยู่เพราะขาของท่านแม่ทัพไม่สามารถเดินเหินได้ ดังนั้นคุณชายจูจึงสั่งทำเก้าอี้รถเข็นคันนี้ขึ้นมาพิเศษขอรับ” “เร็ว พาเปิ่นหวางไปหาคุณชายจู” หลี่เฉินเย่นรีบร้อนสั่งการลงไป เสี่ยวซานจื่อรีบร้อนไปพยุงร่างของหลี่เฉินเย่น อีกด้านก็ได้แม่ทัพเฉินเข้ามาช่วยพยุงอีกแรง จูเก๋อหมิงคิดจะห้ามอีกฝ่ายไว้ แต่ทว่าฝ่ามือของเขาก็หยุดอยู่แค่นั้น เขารู้ดีว่าในเวลาเช่นนี้ห้ามอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ จูฟางเหยวนเดินกลับมายังห้องของตนเองจากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม่พูดไม่จา น้ำตาค่อยๆไหลลงมาอาบแก้ม ชายหนุ่มกัดริมฝีปากของตนเองแน่นเพื่อกักเสียงไม่ให้ร้องออกมาให้ผู้อื่นได้ยิน ชูเซี่ยรู้สึกสงสารเห็นใจ หญิงสาวเดินไปหยุดตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปลอบโยน “อย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องก้าวผ่านมันและใช้ชีวิตต่อไปให้ได้” จูฟางหยวนหายใจลึกๆหลายครั้ง พยายามอย่างยิ่งที่จะห้ามน้ำตาของตนไม่ให้ไหลออกมาแต่ทว่ายิ่งห้ามเท่าใดก็ยิ่งไหลออกมาเรื่อยๆ ชายหนุ่มเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเจือแววสะอึกสะอื้น “ชูเซี่ย เมื่อครั้งที่ข้ายังอยู่ในโลกเดิม ข้าเคยเกลียดคนคนหนึ่งมากถึงมากที่สุด เขาเป็นเพื่อนร่วมงานของข้า ผู้ชายคนนั้นแย่งคนรักของข้าไปทั้งยังมีหน้าที่การงานดีกว่ามาก ยามนั้นข้าเกลียดเขามากเสียจนอยากจะฆ่าให้ตาย!” ชูเซี่ยตบบ่าของชายหนุ่มเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ เมื่อฟังเขาเอ่ยถึงเรื่องราวในยุคปัจจุบัน ชีวิตที่พวกเราทั้งสองได้ตายจากไปแล้วชูเซี่ยก็รู้สึกโศกเศร้าเสียใจขึ้นมา “แต่ทว่ายามนี้ข้ากลับคิดถึงเขามากที่สุด ข้าอยากเจอหน้าเขาอีกสักครั้ง ชูเซี่ย ข้าคิดถึงคนในโลกปัจจุบันเหลือเกิน ข้าคิดถึงพ่อคิดถึงแม่ คิดถึงเพื่อน คิดถึงพี่น้อง เมื่อก่อนยามที่พ่อบุญธรรมยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตของข้ายังมีที่พักพิงให้อดทนผ่านช่วงเวลาในแต่ละวันไปได้ แต่ทว่าตอนนี้ข้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ข้าอยากกลับบ้านเหลือเกิน!” จูฟางหยวนกอดร่างของชูเซี่ยไว้แน่น ชายหนุ่มร้องไห้โฮราวกับตัวเองเป็นเด็กๆ ไม่อาจฝืนทนความเจ็บปวดที่ประดังเข้ามาได้อีกต่อไป น้ำตาชูเซี่ยก็ไหลออกมานองหน้าเช่นกัน หญิงสาวส่งเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น “เจ้าอย่าเป็นแบบนี้เลยนะ เจ้ากล่าวมาเช่นนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วหรือไงกัน” ทันใดนั้นจูฟางหยวนก็เงยหน้าขึ้นมองนางก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน “ชูเซี่ย พวกเราลองหาหนทางกลับไปโลกเดิมกันดีหรือไม่ พวกเราสองคนลองไปกระโดดหน้าผาหรือกระโดดน้ำดีหรือไม่ พวกเรื่องเล่าหรือนิทานก็มักจะมีเนื้อเรื่องเช่นนี้ไม่ใช่หรือ บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องแต่งก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าบางทีหากเราสองคนลองไปกระโดดดูก็อาจจะกลับโลกเดิมของพวกเราก็ได้” ชูเซี่ยพูดอย่างสิ้นหวัง “จูฟางหยวน พวกเราต้องมีเหตุผล เจ้าต้องรู้ว่าพวกเราไม่อาจกลับไปได้อีกแล้วนะ” ดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยความหวังของจูฟางหยวนค่อยๆริบหรี่ลงไป ชายหนุ่มส่ายหัว สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ข้าคิดว่าอีกไม่นานข้าจะต้องกลายเป็นคนเสียสติแน่ๆ” ชูเซี่ยทนไม่ไหวโผ่เข้าไปกอดร่างของชายหนุ่มไว้ก่อนจะร้องไห้โฮเสียงดัง หากเขาเสียสติ นางก็คงใกล้เสียสติไปด้วยเช่นกัน ในทุกๆวันที่ไม่อาจมองเห็นหนทางในอนาคตของตนเองผ่านไปแต่ละวันอย่างไร้จุดหมายและเจ็บปวด แม้แต่คนที่ร่าเริงและมีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างจูฟางหยวนยังไม่อาจทนได้ แล้วนางเล่า นางยังมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ ประตูห้องนอนถูกเปิดออกพร้อมกับสายลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสารทฤดูใกล้จะสิ้นสุดแล้วและกำลังย่างเข้าสู่เหมันต์ฤดูในไม่ช้า ลมหนาวที่เสียดแทงเข้ามาราวกับตอกย้ำถึงความสูญเสียและความสิ้นหวังในใจของคนมากขึ้นกว่าเดิม นอกประตูนั้นมีร่างของจูเก๋อหมิงที่ยืนใบหน้าซีดเผือดมือไม้เย็นเฉียบ หลี่เฉินเย่นยืนนิ่งอยู่ด้านนอกมองร่างของคนสองคนกอดกันร้องห่มร้องไห้อย่างแนบชิดอยู่ภายในห้องนอน ความเจ็บปวดจากการสูญเสียเขาเองก็เคยพบพานมาก่อน ครั้งหนึ่งเขาเองก็ต้องทนรับความเจ็บปวดแบบนี้เช่นเดียวกัน เมื่อร่างกายและหัวใจไม่อาจทนไว้ก็จำเป็นต้องระบายออกมาด้วยโทสะและน้ำตา เพราะอย่างนั้นทำให้ครั้งหนึ่งเขาเองก็เกือบจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจูเก๋อหมิงไป หัวใจของเขากลับมาเจ็บปวดขึ้นอีกครั้งยามที่เห็นเก้าอี้รถเข็นคันนั้น หัวใจที่คิดว่าเข้มแข็งขึ้นแล้วกลับอ่อนแอลงราวกับว่าชีวิตของตัวเขาเองพร้อมจะล่มสลายได้ตลอดเวลา ชูเซี่ยเป็นผู้มองเห็นเขาเป็นคนแรก นางมองเห็นประกายแววตาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของเขาได้อย่างชัดเจน นางรู้ว่าเขาไม่รู้จักนางในตอนนี้ ไม่รู้ว่านางคือชูเซี่ย ดวงตาของทั้งคู่ที่สบประสานมีแววตาเจ็บปวดเช่นเดียวกันไม่มีผิด หญิงสาวค่อยๆคลายอ้อมกอดจากจูฟางหยวนช้าๆจากนั้นก็ผลักร่างของจูเก๋อหมิงให้ออกห่าง จูเก๋อหมิงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยเจ็บปวดปนงุนงงก่อนจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าสงบนิ่งยามเมื่อเห็นว่ามีผู้มาใหม่ ร่างสูงโค้งคำนับผู้มาใหม่ “เหตุใดท่านอ๋องจึงเข้ามาได้พะย่ะค่ะ” ใบหน้าหล่อเหลาคมคายยังหยุดมองที่ใบหน้าของหญิงสาวผู้เดียวในห้องราวกับว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์จากนั้นก็ชะงักและค่อยๆคืนสติขึ้นมา
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 65 ของเก่าปรากฏ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A