ตอนที่ 78 อนาคตเพรียวบาง
1/
ตอนที่ 78 อนาคตเพรียวบาง
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 78 อนาคตเพรียวบาง
ตนที่ 78 อนาคตเพรียวบาง ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นเต็มไปด้วยความอบอุ่น “พะย่ะค่ะ!” “พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกเถิด เรากลัวว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของนาง” ทรงทอดพระเนตรไปที่ชูเซี่ยด้วยสายตาอ่อนโยน สายตาเช่นนั้นทำให้หลี่เฉินเย่นอดหวั่นเกรงไม่ได้ ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อครู่จางหายไป เขาแทบจะโยนความนับถือเสด็จพ่อทิ้งไปเสียด้วยซ้ำ หลี่เฉินเย่นปรายตามองชูเซี่ยด้วยสายตาขมขื่น ชายหนุ่มกำหมัดแน่นหัวใจเต็มไปด้วยความอึดอัด ฮ่องเต้สั่งให้คนไปจัดสำรับมาเล็กน้อยและสุราอีกจอก พอดีกับที่ขันทีนำถาดป้ายชื่อพระสนมเข้ามา “ฝ่าบาท คืนนี้พระองค์ทรงยังไม่ได้เลือกป้ายพระสนมที่จะถวายงานเลยขอรับ” ฮ่องเต้ทรงขมวดพระขนม “ยังจะมาเลือกป้ายอะไรกันอีก เจ้าไม่เห็นหรือว่าเรากำลังพูดคุยอยู่กับท่านอ๋อง?” ขันทีจึงรีบถอยฉากออกไป หลี่เฉินเย่นรู้สึกกระอักกระอ่วน แม้ว่าจะเป็นพ่อลูกแท้ๆ แต่เรื่องราวของเสด็จพ่อ เขาไม่ได้อยากฟังแม้แต่น้อย เสี่ยวเต๋อจื่อที่ยืนถวายการรับใช้อยู่ด้านข้างก็รีบรินสุราให้กับนายทั้งสอง “ฝ่าบาทดื่มพะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องดื่มพะย่ะค่ะ!” ฝ่าบาททรงยกจอกสุราขึ้น ทรงเขย่าจอกสุราเล็กน้อยจนมันหกรดลงมาที่พระหัตถ์ของพระองค์ ฝ่าบาททรงวางจอกสุราลง เสี่ยวเต๋อจื่อก็รีบร้อนถวายผ้าเช็ดหน้าให้ พระองค์เช็ดพระหัตถ์ไปพลางตรัสกับหลี่เฉินเย่นพลาง “สุราดี แต่เมื่อหกออกมาก็เสียของไม่ใช่หรือ แต่ทว่ามือของเราก็ยังมีกลิ่นของสุราติดอยู่ดี” แม้ว่าหลี่เฉินเย่นจะไม่เข้าใจในความหมายที่เสด็จพ่อตั้งใจจะสื่อ แต่ก็ทำทีเป็นพยักหน้าเข้าใจ “พะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงสอนสั่งลูกด้วยพะย่ะค่ะ!” ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมาที่เขา “ความหมายของเราง่ายนิดเดียว ชูเซี่ยนางเป็นหญิงสาวที่ดีเลิศ แต่ทว่านางก็จากไปนานแล้ว ความทรงจำระหว่างนางกับเจ้าก็จงเหลือไว้แต่ความทรงจำที่ดีงามเสียเถิด อย่างน้อยมันก็ย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งเจ้าเคยรักใคร่หญิงสาวผู้หนึ่งได้อย่างลึกล้ำเพียงใด เจ้าควรลืมนางแล้วเริ่มต้นใหม่ได้เสียที” หลี่เฉินเย่นนั่งนิ่งๆอยู่เช่นนั้นสีหน้าราบเรียบไม่เปลี่ยน “ลูกเข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ!” “เจ้าเข้าใจ แต่กลับไม่เคยทำ เรารู้ว่าเจ้ารักเดียวใจเดียว แต่จวนอ๋องหนิงอานของเจ้าจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล เพียงแค่สตรีผู้เดียวเจ้าไม่อาจใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปได้ เราจะบอกให้ฮองเฮาเฟ้นหาสตรีที่มีคุณสมบัติงามพร้อมให้เจ้า เจ้าเป็นถึงหนิงอานอ๋องจะไม่มีพระชายาเคียงข้างได้อย่างไรกัน” ฮ่องเต้ทรงไม่เห็นด้วย หลี่เฉินเย่นเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก “เสด็จพ่อ ลูกไม่ต้องการแต่งพระชายา!” ฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยอย่างยิ่ง “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะอยากหรือไม่อยาก เราตัดสินใจแล้ว จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก เจ้าเสียใจกับการจากไปของชูเซี่ยมาถึงสามปีก็เพียงพอแล้ว สมควรแก่การมีความสุขในชีวิตเสียที เจ้าไม่รู้หรือว่าเรื่องของเจ้าทำให้เสด็จแม่ของเจ้าเสียน้ำตามาเท่าไหร่ เจ้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของนาง ความหวังและความฝันของนางขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าทั้งหมด เจ้าจะทำให้นางผิดหวังได้หรือ ยิ่งไปกว่านั้น เสด็จย่าของเจ้าก็อายุมากขึ้นทุกวัน ทรงคาดหวังจะอุ้มหลานที่มาจากเจ้ามาตลอด เจ้าจะให้พระองค์ทรงรอเจ้าจนตายตาไม่หลับงั้นหรือ” สีหน้าของหลี่เฉินเย่นกลายเป็นมืดคล้ำ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเสด็จพ่อของตน “ลูกยอมแต่งก็ได้ แต่ทว่าลูกอยากเป็นผู้เลือกพระชายาของลูกเองพะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรเขา “เจ้ามีหญิงที่พึงใจแล้วหรือ เป็นคุณหนูตระกูลใด?” หลี่เฉินเย่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ลูกมีหญิงที่ลูกพึงใจแล้ว หญิงผู้นั้นจนถึงตอนนี้ก็อยู่ที่จวน...” จู่ๆก็มีเสียงของแตกแล้วตามด้วยเสียงกรีดร้องของชูเซี่ยดังขึ้นมาทำให้ฝ่าบาทและหลี่เฉินเย่นต่างก็ตื่นตระหนกจนใบหน้าถอดสี หลี่เฉินเย่นคิดจะพุ่งเข้าไปในห้องแต่ทว่าเสี่ยวเต๋อจื่อกับรั้งเขาไว้เพื่อให้ฝ่าบาททรงเสด็จเข้าไปเสียก่อน จุดที่เสี่ยวเต๋อจื่อยืนอยู่นั้นสามารถเห็นร่างของชูเซี่ยที่นอนอยู่บนเตียงบรรทมได้อย่างชัดเจนยิ่ง เขาเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าชูเซี่ยจงใจที่จะขว้างของลงพื้น จุดประสงค์ของนางก็คงจะเป็นเพราะไม่ต้องการให้หลี่เฉินเย่นพูดต่อไป ดังนั้นยามที่หลี่เฉินเย่นพุ่งร่างเข้าไปเขาถึงได้ห้ามไว้ มิฉะนั้นดูจากท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของท่านอ๋องในยามนี้ ฝ่าบาทจะต้องสงสัยแน่ แต่หลี่เฉินเย่นกลับทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาอยากจะบอกเสด็จพ่อออกไปเหลือเกินว่าคนที่เขารักและพึงใจก็คือชูเซี่ยหรือท่านหมอเวินผู้นี้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงผลักเสี่ยวเต๋อจื่อออกและวิ่งเข้าไปทันที ฮ่องเต้ทรงมาถึงก่อนเขาเพียงก้าวหนึ่ง ทรงทอดพระเนตรเห็นชูเซี่ยยืนเท้าเปล่าเปลือย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเล็กๆซีดขาวไร้สีเลือด บนพื้นมีเศษกระเบื้องของถ้วยยากระจายอยู่เต็มพื้น จุดที่นางยืนอยู่ข้างๆก็มีเศษกระเบื้องอยู่ตรงนั้น ฮ่องเต้ทรงปรามเสียงดุ “อย่าขยับ!” ฝ่าบาททรงก้าวไปข้างหน้าและข้อนชูเซี่ยเข้ามาในอ้อมพระกร ฝ่าบาททรงอุ้มนางมาวางที่เตียงบรรทมดั่งเดิม ก่อนจะถามอย่างร้อนพระทัย “โดนบาดตรงไหนหรือไม่” ชูเซี่ยส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาเป็นกระกายของนางมองข้ามฝ่าบาทไปหยุดอยู่ที่หลี่เฉินเย่นที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในห้องบรรทม ดวงตาของนางสื่อคำพูดนับพันนับหมื่นแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้แม้แต่คำเดียว หน้าผากของหลี่เฉินเย่นเต้มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน ฝ่ามือหนาถูกกำไว้แน่น ดวงตาเต็มไปด้วยแววตาเย็นเยียบระคนแค้นเคือง “เหตุใดจึงไม่รู้จักระวังเลย?” ฮ่องเต้ทรงถอนพระปัสสาสะอย่างโล่งอก “โชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้บาดโดนตัวเองเข้า มิฉะนั้นเราคงปวดใจน่าดู” ชูเซี่ยเอ่ย “หม่อมฉันเพียงอยากจะดื่มน้ำสักหน่อย แต่มือไม้ไร้เรี่ยวแรงเผลอไปปัดถ้วยยาตกพื้นเพคะ” “เจ้าอยากดื่มน้ำแค่เรียกคนก็พอแล้ว!” ฝ่าบาททรงหันวรกายกลับไปตรัสกับเสี่ยวเต๋อจื่อด้วยเสียงโหดเหี้ยม “เจ้าทำงานอะไรของเจ้า เหตุใดจึงไม่จัดนางกำนัลไว้คอยดูแลนาง?” เสี่ยวเต๋อจื่อตื่นกลัวจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น “กระหม่อมเห็นว่าท่านหมอเวินนอนพักผ่อนอยู่ จึงไม่อยากให้นางกำนัลมาเดินไปเดินมารบกวนการพักผ่อนของนางพะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ทรงคลายโทสะลง จากนั้นก็ตรัสถามเสี่ยวเต๋อจื่อ “เวลานี้ยามอะไรแล้ว” เสี่ยวเต๋อจื่อกราบทูล “ทูลฝ่าบาท ขณะนี้เป็นใกล้จะยามจื่อแล้วพะย่ะค่ะ อีกเพียงครึ่งก้านธูปเท่านั้น” ฮ่องเต้รับคำจากนั้นก็หันมาตรัสกับชูเซี่ย “ใกล้จะค่ำแล้ว เอาอย่างนี้ดีหรือไม่คืนนี้เจ้าก็นอนเสียที่นี่ อีกอย่างเราดูจากท้องฟ้าแล้วอีกไม่นานฝนก็คงตก เราเกรงว่าร่างกายเจ้าจะอ่อนแอลงไปอีก” ชูเซี่ยที่อยากออกไปจากวังหลวงใจแทบขาด นางไม่อยากรั้งรอแม้แต่เพียงเสี้ยวเวลาเดียวด้วยซ้ำ มีหรือจะยอมอยู่ค้างคืนที่นี่ “ไม่ดีกว่าเพคะ หม่อมฉันไม่อยากอยู่รั้งรอที่นี่นาน ในใจหม่อมฉันเอาแต่พะวงถึงผู้ร้ายที่ลอบวางยาหม่อมฉัน หม่อมฉันอยากกลับไปหาวิธีตามจบคนร้ายมากกว่าเพคะ ฝ่าบาทเพคะ มีท่านอ๋องคอยอยู่เคียงข้างหม่อมฉันไม่มีทางเป็นอะไรได้หรอกเพคะ” ฮ่องเต้ทรงใคร่ครวญ “ก็ได้ จะได้ไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น พวกเจ้าก็กลับไปเถิด” จากนั้นก็ทรงหันมาตรัสกับหลี่เฉินเย่น “ตลอดทางที่กลับเจ้าต้องดูแลนางอย่างดีเข้าใจหรือไม่ อย่าให้เกิดเรื่องเป็นอันขาด” หลี่เฉินเย่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธของตนไม่ให้ปะทุออกมา “พะย่ะค่ะ ลูกทราบแล้ว!” นางกำนัลพยุงร่างของชูเซี่ยออกจากประตู ที่หน้าประตูมีเกี้ยวที่ถูกเตรียมไว้ เมื่อชูเซี่ยขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวฝ่าบาทก็ตรัสกับนาง “ไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะ อีกไม่นานต้องหาคนที่วางยาพิษเจ้าได้แน่ เมื่อหาคนลงมือได้แล้วเจ้าก็จะปลอดภัย” ชูเซี่ยขอบพระทัยฝ่าบาท จากนั้นเกี้ยวก็ถูกยกขึ้น หลี่เฉินเย่นก็ออกเดินตามหลังนางไปจนห่างไปจากห้องทรงพระอักษรเรื่อยๆ เมื่อทั้งสองคนขึ้นมาบนรถม้า หลี่เฉินเย่นก็รวบร่างนางมากอดไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงดุ “เจ้ารู้หรือไม่ใครเป็นคนวางยาพิษเจ้า บอกเปิ่นหวางมา เปิ่นหวางจะไม่ปล่อยมันไว้แน่!” มือไม้ของชูเซี่ยเย็นเฉียบ ศีรษะเล็กๆของนางเอนซบหน้าอกของหลี่เฉินเย่นจากนั้นก็เอ่ยอย่างอ่อนแรง “เฉินเย่น เรื่องนี้อย่าเพิ่งวู่วาม ข้าจะค่อยๆหาวิธีจัดการเอง!” หลี่เฉินเย่นกุมมือที่เย็นเฉียบของนางไว้ เขาจำได้ว่ามือเล็กๆของนางมักจะอบอุ่นอยู่เสมอ ความเย็นบนผิวกายนางเช่นนี้เขาเคยสัมผัสมาก่อนเพียงครั้งเดียว นั่นก็คือเมื่อสามปีก่อนที่นางตายในอ้อมกอดของเขา เขาโอบกอดนางไว้สามวันสามคืน ตอนนั้นร่างกายที่อบอุ่นของนางค่อยๆเย็นลงช้าๆ มันเป็นความรู้สึกที่สิ้นหวัง มาตอนนี้เมื่อเขาสัมผัสมือที่เย็นเฉียบของนางความทรงจำเก่าๆเมื่อสามปีก่อน ความเจ็บปวดที่เขาเคยต้องเผชิญกลับมาเริ่มถาโถมมาที่เขาอีกครั้งจนหัวใจเขาปวดร้าวไปหมด นางเล่าบทสนทนาที่คุยกันระหว่างนางและฝ่าบาทเล่าให้เขาฟังจนหมด “เพราะอย่างนั้นวันนี้ที่ท่านกำลังจะเอ่ยคำพูดนั้นขึ้นมาข้าจึงได้ร้อนใจนัก เฉินเย่น ข้าเป็นคนที่สามารถตายจากโลกนี้ไปได้ทุกเมื่อ ข้าไม่อาจจะลากท่านให้ไปพบเจอกับความโชคร้ายได้ ด้านของฝ่าบาทข้าจะค่อยๆหาวิธีเอง ท่านอย่าได้ทำอะไรวู่วามเป็นอันขาด” หลี่เฉินเย่นร้อนใจส่ายหน้าปฏิเสธ “เจ้าเลิกพูดเช่นนี้ได้หรือไม่ การที่เจ้าเอ่ยคำว่าตายทำให้เปิ่นหวางกลัวจนแทบเสียสติ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเปิ่นหวางจะไม่ยอมให้เจ้าเข้าวังเพียงลำพังอีกแล้ว พรุ่งนี้เปิ่นหวางจะเข้าวังไปเฝ้าเสด็จแม่ ในเมื่อเสด็จพ่อต้องการให้เปิ่นหวางแต่งตั้งพระชายา เปิ่นหวางก็จะทำตามคำขอแต่หากหญิงสาวผู้นั้นไม่ใช่ชูเซี่ยเปิ่นหวางก็ไม่ขอแต่ง” ชูเซี่ยนึกถึงใบหน้าของฮองเฮาที่มีรูปโฉมคล้ายกับแม่ของนางก็ส่ายหน้าให้เขา “อย่าเลย หากให้เรื่องของเราสองคนทำให้ฮองเฮาต้องทรงหนักพระทัยและทำให้ฝ่าบาทกริ้วจนอาจพาลไปกริ้วเสด็จแม่ของท่านได้ ท่านจะยอมได้หรือ? วันนี้ข้าได้เอ่ยเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้วว่าตลอดชีวิตนี้ข้าไม่ขอออกเรือน ข้าก็คิดว่าพระองค์คงไม่กล้าฝืนบังคับข้าหรอก” “เจ้าสาบานว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิตงั้นหรือ เช่นนั้นเปิ่นหวางก็จะอยู่เช่นนี้กับเจ้าไปชั่วชีวิต อยู่ไปเช่นนี้ตลอดชีวิตตราบนานเท่านาน ไม่ว่าอะไรก็ไม่อาจมาพรากจากเราสองคนได้” หลี่เฉินเย่นโอบกอดนางไว้พร้อมเอ่ยคำสัญญาอย่างหนักแน่น “เรื่องที่เกิดขึ้นในภายภาคหน้าค่อยคิดเถิด ตอนนี้เราควรหาวิธีแก้ไขปัญหาตรงหน้ามากกว่า” “เจ้ายังไม่รู้จักนิสัยของเสด็จพ่อมากพอ ของที่พระองค์ต้องการไม่มีสิ่งใดที่พระองค์ไม่เคยได้ เรื่องที่เจ้าทูลต่อเสด็จพ่อว่าจะไม่ยอมออกเรือนตลอดชีวิตอาจจะทำให้เสด็จพ่อเลิกล้มแผนการเพียงชั่วคราวเท่านั้น แม้ว่าพระองค์จะตรัสว่าให้เวลาเจ้าในการตัดสินใจแต่ในที่สุดพระองค์ย่อมต้องหาหนทางบีบบังคับให้เจ้าเข้าวังจนได้” ชูเซี่ยแย้มรอยยิ้มอ่อนแรงในขณะที่เอนซบอยู่ในอ้อมกอดของเขา หากนางสามารถยื้อเวลาไปได้ถึงครึ่งปี ซึ่งดูจากร่างกายของนางในยามนี้แล้วนางก็คงเหลือพลังชีวิตอีกแค่เพียงเท่านั้น ยามที่กลับมาที่จวนอ๋องชูเซี่ยยืนกรานจะเดินด้วยตนเองไม่ยอมให้หลี่เฉินเย่นพยุงนางเพราะเกรงว่าจะทำให้คนที่วางยาสังเกตเห็นได้ คืนนี้หลี่เฉินเย่นเลือกที่จะนอนอยู่ที่เรือนหรูอี้ ชายหนุ่มโอบกอดร่างของชูเซี่ยเพื่อกล่อมให้ร่างบางนอน เมื่อชูเซี่ยหลับไปแล้วชายหนุ่มก็ยังขบคิดถึงแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ หัวใจของเขาบังเกิดความสิ้นหวังขึ้นมา หากคนคนนั้นไม่ใช่เสด็จพ่อของเขาแต่เป็นเพียงแค่ผู้ชายธรมดาเขาก็คงไม่หวาดกลัวและเลือกที่จะต่อสู้อย่างสุดความสามารถเพื่อแย่งชิงนางกลับมา แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเป็นองค์จักรพรรดิ์ เป็นฮ่องเต้ และยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นเสด็จพ่อของเขา ในปีที่ผ่านมาแม้ว่าฝ่าบาทจะทรงสนิทสนมกับเขามากขึ้น แต่ทว่าก็ยังทรงคงความเข้มงวดและเผด็จการไว้เช่นเดิม แต่เล็กจนโตเขาและเสด็จพี่ต่างก็หวาดกลัวในตัวพระองค์อย่างยิ่ง แม้ว่าในหลายปีนี้พระองค์จะทรงไว้วางพระทัยในตัวเขามากขึ้นแต่ก็ไม่อาจลบล้างความหวาดกลัวที่เขาเคยมีต่อพระองค์ตั้งแต่วัยเด็กจนโตได้เลย หากเขาจะเป็นคู่แข็งกับเสด็จพ่อเพียงแค่คิดจะเริ่มเขาก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียแล้ว เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าการต่อสู้ในครั้งนี้หากเทียบกับการต่อสู้ในสนามรบนั้นยากกว่ามาก แต่ทว่าเขาไม่อาจสูญเสียชูเซี่ยไปได้อีกแล้ว เพียงแค่เขาคิดถึงภาพยามที่เสด็จพ่อโอบอุ้มผู้หญิงที่เขารักที่สุดไว้ในอ้อมแขน ท้องไส้เขาก็ปั่นป่วน จิตใจว้าวุ่นไปหมด ทั้งยังมีความเจ็บปวดและความโกรธแค้นอยู่ในนั้น เขานึกไปถึงข้อจำกัดที่ชูเซี่ยเคยเล่าให้เขาฟัง เพราะมีนางเขาจึงได้รู้ว่าใต้หล้านี้มีเรื่องมากมายที่แม้ว่าเขาจะไม่เคยเชื่อแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอยู่จริง เขาได้แต่คาดหวังอยู่ลึกๆว่าในเมื่อชูเซี่ยเคยสามารถอาศัยร่างของหลิวหยิงหลงได้ จากนั้นก็มาอาศัยร่างของหญิงสาวผู้นี้ นั่นก็เท่ากับว่าเขายังเหลือโอกาสที่จะคาดหวังให้นางสามารถไปเข้าสิงร่างอื่นอีกได้ใช่หรือไม่ นอกหน้าต่าง เริ่มมีเสียงของหยดน้ำที่ตกลงมากระทบก่อนจะเริ่มมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก ฝนตกที่มาพร้อมกับลมหนาวที่โปรยปรายผ่านบานหน้าต่างเข้ามาทำให้แสงเทียนในห้องค่อยๆดับลงไปจนเหลือไว้เพียงความมืดมิด อาการในห้องหนาวเย็นลงช้าๆทำให้ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงไปปิดหน้าต่าง จากนั้นก็เดินกลับมาเอนกายข้างร่างบอบบางของชูเซี่ยอีกครั้ง ชายหนุ่มลูบมือของนางอย่างแผ่วเบาและนำมือของนางวางไว้บนอกของเขาราวกับว่ากำลังฝากหัวใจไว้ในมือของนาง หากยังมีนางอยู่ข้างกายของเขาไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะอันตรายแค่ไหนเขาก็พร้อมจะเผชิญหน้ากับมัน อย่างน้อยเขาก็ยังรู้สึกว่ามันช่างคุ้มค่า กว่าชายหนุ่มจะข่มตาหลับได้ก็เกือบรุ่งสาง ชูเซี่ยนอนหลับสนิทตลอดคืนหลังจากที่นางดื่มยาไปแล้วนางก็มักจะรู้สึกง่วงนอนตลอดมา นอกจากยามที่อยู่บนรถม้าที่นางยังพอที่จะครองสติคุยกับเขาได้แต่หลังจากตอนนั้นนางก็หลับยาวมาตลอด ดังนั้นเมื่อยามที่ทั้งคู่เข้าสู่ห้วงนิทราจึงหลับยาวไปจนถึงช่วงสายก็ยังไม่ตื่น แต่ทว่าเสียงของโหร่วเฟยที่ดังขึ้นจากด้านนอกห้องกลับทำให้หลี่เฉินเย่นตื่นขึ้นมา!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 78 อนาคตเพรียวบาง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A