ตอนที่ 83 แย่งเหล้า
1/
ตอนที่ 83 แย่งเหล้า
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 83 แย่งเหล้า
ตนที่ 83 แย่งเหล้า หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม จูเก๋อหมิงก็พูดออกมาเสียก่อน “โหรวเฟย ข้าขอถามคำถามท่านสักข้อได้หรือไม่” หลิวมี่เหอมองจูเก๋อหมิง ยิ้มเหยียดหยัน “ท่านพี่จูเก๋อ คำที่เรียกว่าโหรวเฟยของท่านทำให้ข้าเจ็บปวดเหลือเกิน” ทั้งสองสนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเล็ก นับถือกับเป็นพี่น้องมาตลอด การที่เขาเอ่ยเรียกว่าโหรวเฟยในวันนี้ ถือว่าเป็นการล้มล้างมิตรภาพที่มีมาแต่วัยเยาว์ไปจนสิ้น แล้วจะไม่ให้นางเสียใจได้อย่างไร จูเก๋อหมิงตะลึงงัน จากนั้นก็ถอนใจยาว “น้องมี่เหอ รู้ไหมว่าทำไมวันนี้ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ ข้าเคยชี้แนะเจ้าไปแล้ว” หลิวมี่เหอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน “พี่จูเก๋อมีอะไรจะถามก็ถามมาเถอะ เรื่องถึงขนาดนี้แล้ว ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะปิดบังแล้ว” จูเก๋อหมิงเอ่ยถาม “ก่อนหน้าที่จะวางยา ชูเซี่ยก็โดนพิษอยู่ก่อนแล้ว ก่อนหน้านั้นเจ้าวางยาที่ไหนหรือ” หลิวมี่เหอยิ้ม “คนมีใจทำร้ายคนไร้ใจ นั่นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ข้าเคยไปที่เรือนจื่ออี๋มาก่อน เสี่ยวฉิงบอกว่านางก็ชอบดื่มชากุหลาบเช่นกัน ข้าจึงส่งไปให้เสี่ยวฉิง แต่ว่าให้ใส่ไปสองวันครั้ง พอดื่มหมด ข้าก็ส่งไปให้อีก วันนั้นที่นางเข้าวัง พอตกดึกก็ยังไม่กลับมา ใจข้ารู้สึกว่าอาจจะถูกตรวจพบเข้าแล้ว จึงต้องระมัดระวังให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ใครสงสัยในตัวข้า ดังนั้น วันถัดไปข้าจึงส่งชาที่ไม่มีพิษให้ แต่ข้าวางยาไปตั้งหลายวันแล้ว จะยอมปล่อยนางไปได้เชียวหรือ ต่อมาข้ารู้ว่านางไปหาฉ่ายเวินทุกวัน และกินของว่างที่ทางฉ่ายเวินให้คนเตรียมไว้ให้ ดังนั้น ข้าจึงอาศัยอำนาจควบคุมการเบิกวัตถุดิบในคลัง วางยาในน้ำตาลก้อน แบบนี้ แม้จะตรวจพบพิษในตอนท้าย ทุกคนก็ต้องคิดว่าคนวางยาคือฉ่ายเวิน ไม่สงสัยมาถึงข้าแน่นอน แต่นึกไม่ถึงว่าพวกท่านจะตรวจวัตถุดิบที่ใช้ทำขนม ทั้งยังสืบจากน้ำตาลก้อนมาจนถึงข้าได้ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็ไม่คิดจะพูดอะไรแก้ต่างให้ตนเอง ท่านอ๋องจะฆ่าก็ฆ่าเถอะ ถึงอย่างไรข้าก็เบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้ว” ฉ่ายเวินพูดด้วยความโมโห "จิตใจชั่วช้าเสียจริง แล้วยังคิดจะโยนความผิดมาใส่ข้าอีก ตอนที่ศิษย์พี่ไม่เชื่อข้า ข้าเกือบจะจบชีวิตตัวเองไปแล้ว ข้าไปทำอะไรให้เจ้าเคืองใจหรือ เจ้าถึงได้วางยาข้าแบบนี้" เสียงของฉ่ายเวินเปลี่ยนเป็นสูงแหลมขึ้นมา ราวกับว่าเอาความโกรธแค้นที่อัดอั้นในใจระเบิดออกมา การที่ถามนางเช่นนี้ มันเหมือนกับว่าหลิวมี่เหอลอบวางยานางมาหลายครั้งแล้ว หลิวมี่เหอจ้องนางสักพักใหญ่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร การที่ทั้งสองปะทะสายตากันเช่นนี้ ดูไปแล้วก็เป็นความโกรธเคืองที่คนนอกมองแล้วไม่เข้าใจ สุดท้ายหลิวมี่เหอก็หลุบตาลงเบา ๆ แล้วกล่าว "ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า" "ไม่ได้ตั้งใจ แค่นี้หรือ เจ้าเกือบจะฆ่าข้าด้วยซ้ำ!" ฉ่ายเวินกำหมัดแน่น ไฟโทสะในดวงตาลุกโชน หลิวมี่เหอหัวเราเบา ๆ พลางมอวนางอย่างเย้ยหยัน "แต่ตอนนี้เจ้ายังยืนอยู่ดีในที่นี้นี่" "เป็นเพราะข้าดวงแข็ง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าไม่มีความผิด!" ฉ่ายเวินว่าอย่างเย็นชา จูเก๋อหมิงมองทั้งสองแล้ว ในใจก็รู้สึกมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไป แต่ก็บอกไม่ถูกว่าผิดที่ตรงไหน แน่นอนว่าฉ่ายเวินเกือบจะฆ่าตัวตาย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ของตน แต่เพราะเหตุนี้ นางต้องโกรธแค้นขนาดนั้นเลยหรือ แต่ท้ายสุดแล้วหลิวมี่เหอก็ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่นางตั้งแต่แรก ชูเซี่ยเองก็มองเห็นจุดนี้เช่นกัน แม้นางจะไม่เข้าใจจิตใจคน แต่จากการสังเกตุดวยสายตาเฉียบแหลม ทำให้สัญชาตญาณบอกกับนางว่า ความชิงชังระหว่างฉ่ายเวินกับหลิวมี่เหอไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนหลี่เฉินเย่น ใจของเขาสนแต่ชูเซี่ยเท่านั้น ทั้งยังเชื่อมั่นในตัวฉ่ายเวินมาก ดังนั้น ในเวลานี้จึงไม่สงสัยอะไร แค่เห็นว่าทั้งสองอยากจะเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ก็รู้สึกรำคาญ จากก็พูดอย่างหงุดหงิด "เอาล่ะ เรื่องนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง ในเมื่อโหรวเฟยชอบเรือนโม่หลานขนาดนี้ ต่อไปก็อยู่แต่ในเรือนโม่หลานเถอะ หากไม่มีคำสั่งข้าก็ออกไปไม่ได้ชั่วชีวิต!" กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือค่ำสั่งห้าม ทั้งยังเป็นการห้ามไปชั่วชีวิต หลิวมี่เหอยิ้ม "ท่านอ๋องไม่ฆ่าข้าหรือ ข้าคิดว่าทำร้ายยอดดวงใจของท่านแล้ว ท่านจะฆ่าข้าโดยไม่เวทนาเสียอีก วันนี้แค่สั่งห้าม มันทำให้ข้าดูถูกท่านจริง ๆ" จูเก๋อหมิงเห็นนางยังมีใจยั่วโทสะหลี่เฉินเย่น ก็รู้เลยว่านางตระหนักถึงความตายแล้ว "น้องมี่เหอ การฆ่าเจ้าจะง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ เฉินเย่นแค่นึกถึงหน้าพ่อแม่เจ้า พวกเขาสูญเสียบุตรีไปแล้วหนึ่งคน วันนี้ก็เหลือเพียงเจ้าแล้ว ในญานะคนเป็นลูก เจ้ายังไม่ได้ทำหน้าที่ลูกตัญญูเลย" เขาพูดเช่นนี้เพื่อเตือนสติมี่เหอ แม้จะเพื่อบิดามารดาก็ไม่ควรทำร้ายตัวเอง มี่เหอได้ยินแล้ว หน้าที่ขาวซีดก็เริ่มจะแดงขึ้นมา มองจูเก๋อหมิงด้วยความตะลึงงัน น้ำตาแห่งการอดกลั้นไหลออกมาจากดวงตา ท้ายสุดแล้วก็ไหลลงอย่างเงียบ ๆ ชูเซี่ยไม่กล้ามองนางโดยตรง จึงได้แต่ก้มหน้ามองมือตัวเอง ผ้าพันแผลที่พันเอาไว้มีรอยเลือดสีแดงสดซึมออกมา นางรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่เอ่อล้นออกมาจากอก นางรู้ดีว่าทุกครั้งที่ตนเองเสียใจจะมีความรู้สึกเจ็บขึ้นมา นางเสียใจกับหลิวมี่เหอ เป็นความเสียใจอย่างแท้จริง นางคิดว่าบางทีอาจเป็นเพราะในหัวของนางมีความทรงจำของหลิวหยิงหลง ดังนั้นจึงจดจำมิตรภาพในวัยเยาว์ที่มีร่วมกับหลิวมี่เหอได้เป็นอย่างดี อีกอย่าง ในตอนนี้ภาพบิดามารดาของหลิวหยิงหลงที่นางไม่เคยพบมาก่อนปรากฏเด่นชัดในหัวนาง นางเอ่ยเสียงเบา "เฉินเย่น..." หลี่เฉินเย่นหันไปมองนาง "หากเจ้าขอร้องเพื่อนาง ข้าก็จะฆ่านางเสีย!" หลิวมี่เหอตัวสั่นนิด ๆ พลางจ้องหลี่เฉินเย่น ออกแรงยืนตั้งตัวตรง ราวกับพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีของนาง แม้กระทั่งการหายใจก็ยังค่อนข้างเร็ว นางไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หมุนตัวกลับไปช้า ๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ปิดประตูเบา ๆ ราวกับว่าร่างกายมีความรู้สึกเดียวกัน วินาทีนั้นน้ำตาของชูเซี่ยพลันไหลออกมาทันที ใจของพี่น้องสื่อถึงกัน นางรู้ว่าหลิวหยิงหลงต้องโกรธเคืองที่นางไม่ได้ปกป้องน้องสาวให้ดี นางเองก็ค่อย ๆ หมุนตัว คิดหมายจะเดินจากไป ทว่า หลี่เฉินเย่นกลับดึงรั้งนางไว้เสียก่อนพร้อมกับกล่าวอย่างนิ่งและจริงจัง "เจ้าอาจจะคิดว่าข้าใจร้าย ข้าแค่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง นางทำร้ายเจ้า ก็เหมือนกับเอามีดมากรีดใจข้า เจ้าไม่ควรสงสารนาง นางสมควรได้รับโทษแล้ว" ชูเซี่ยมองเขาเงียบ ๆ น้ำเสียงไม่สั่นเครือ "แต่ท่านก็ควรจะเข้าใจให้ชัดเจนด้วย ว่าความผิดของนางนั้นมีต้นเหตุมาจากที่ใด!" หลี่เฉินเย่นยิ้มหยัน "เจ้ารู้สึกผิดหรือ รู้สึกเสียใจหรือ ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะนางบอกกับข้าต่อหน้าเรื่องที่ทำร้ายเจ้าล่ะก็ ข้าจะทำเรื่องไร้จิตใจไร้มนุษยธรรมแบบนี้กับเจ้าหรือ เจ้านึกถึงความรู้สึกแบบพี่น้องกับนาง แล้วเจ้าเอาข้าไปไว้ที่ไหนหรือ หรือว่า..." "เฉินเย่น!" จูเก๋อหมิงรีบโพล่งปากยั้งไว้ทันที "เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร ตอนนั้นพระชายาก็คือพระชายา วันนี้ชูเซี่ยก็คือชูเซี่ย ๆม่ใช่คน ๆ เดียวกัน เจ้าจะเอาความรู้สึกในตอนนั้นของพระชายาในตอนนั้นมาใส่ชูเซี่ยทำไม" ในจวนแห่งนี้ยังมีคนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะฉ่ายเวินที่ยังอยู่ จากการสังเกตุของเขาเมื่อครู่นี้ เขาพบว่าการแสดงออกของฉ่ายเวินดูเหมือนจะไม่ง่ายเลยทีเดียว เขาไม่อาจปล่อยให้ชูเซี่ยเอาตัวไปอยู่ท่ามกลางอันตรายได้ เมื่อครู่นี้หลี่เฉินเย่นเองก็อารมณ์ร้อน พอตอนนี้ถูกจูเก๋อหมิงเตือนสติ เขาถึงได้พูดอย่างใจเย็น "ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ให้อภัยนางไม่ได้!" หน้าของชูเซี่ยเย็นเยือก นางกล่าวว่า "ข้าอยากจะสงบสติอารมณ์เสียหน่อย ไม่ต้องตามมาล่ะ!" พูดจบ นางก็เดินออกไปจากเรือนโม่หลาน ออกจากจวนไป โลกอันแสนกว้างใหญ่ที่ดูเหมือนจะไร้ที่ไป นางเดินเตร่อยู่บนถนนตามลำพัง ในใจนางมีความเจ็บปวดที่ยากจะอธิบายได้ นางอยากจะสลัดความเจ็บปวดนี้ไปให้พ้น แต่ความเจ็บปวดนั้นราวกับว่าอยู่ในเส้นเลือด ไม่ว่านางจะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้ นางเข้าไปในเหลาสุรา หาที่นั่งติดหน้าต่างแล้วนั่งลง มองผู้คนเดินไปมาบนถนน เกี้ยวอันหรูหราผ่านไปตามถนน นางเคยเห็นเกี้ยวหลังนี้ มันเป็นเกี้ยวของอ๋องเจิ้งหย่วน นางนึกถึงตอนที่พระชายาเจิ้งหย่วนให้กำเนิดบุตรยากและสภาพจิตใจอันทุกข์ทรมานของอ๋องเจิ้งหย่วน นางอิจฉาความรักแบบนั้นมาตลอด คิดว่าชาตินี้อยากจะได้มีคนที่รักและทะนุถนอมตนเองแบบนั้นบ้างและใช้ชีวิตอยู่บนโลกอย่างไม่สับสน "นั่งด้วยคนได้ไหมคนงาม" น้ำเสียงอันไพเราะดึงความคิดอันล่องลอยของนางกลับคืนมา พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้ชายสวมชุดสีเขียวยิ้มมองนางด้วยอารมณ์ที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ผิวคล้ำเล็กน้อย หน้าตาหล่อเหลา ดิ้วเฉียงขึ้นด้านบน แววตานั้นมีรอยยิ้มบาง ๆ นางมองไปรอบด้าน "อันที่จริงก็ยังมีโต๊ะว่างเหลืออยู่นี่" ทว่าชายคนนั้นกลับนั่งลงเองโดยยังไม่ทันได้อนุญาต "อย่างแรก โต๊ะอื่นไม่มีสาวงาม อย่างที่สองไม่มีที่นั่งติดหน้าต่างเหลือแล้ว มีแค่ตรงที่เจ้านั่งเท่านั้น แล้วก็ข้าคิดว่าตอนนี้หญิงงามกำลังเจอความทุกข์รุมเร้าอย่างเต็มเปี่ยมและต้องการคนปลอบใจ" ชูเซี่ยมองเขา จ้องอยู่สักพักใหญ่ จากนั้นก็พูด "ได้!" ชายคนนั้นยิ้มราวกับแสงอาทิตย์อันสดใส ทันใดนั้นมันก็พุ่งเข้าไปในใจของชูเซี่ย ชูเซี่ยอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก "เอาเซาเตาจื่อมาหนึ่งไห!" ชายคนนั้นตะโกนสั่งเสี่ยวเอ้อร์ ชูเซี่ยขมวดคิ้ว "เซาเตาจื่อ?" ชายนนั้นมองนาง "เหล้าเซาเตาจื่อน่ะยอดเยี่ยมเลยนะ แรง แล้วก็ถูกด้วย" ชูเซี่ยยิ้มแล้วพูดว่า "ดูจากการแต่งตัวของท่านแล้ว ไม่เหมือนกับคนคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงินเลยนะ" "คนเราดูจากภายนอกได้ที่ไหนกันเล่า แม้ข้าจะไม่ขาดแคลนเงิน แต่ก็ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย คนงาม เจ้าอยากดื่มอะไรหรือ เดี๋ยวข้าเลี้ยงเจ้าเอง!" เขาพูดว่าไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่ตอนนี้ดันมาพูดว่าจะเลี้ยงเหล้าชูเซี่ย เห็นได้ว่าเป็นคนที่ขัดแย้งในตัวคนหนึ่ง ชูเซี่ยกล่าวว่า "งั้นก็ดื่มเซาเตาจื่อนั่นแหละ" "เจ้า?" ชายคนนั้นเหล่มอง "ปกติแล้วเหล้าเซาเตาจื่อจะเป็นเหล้าที่คนทางเหนือดื่ม แม่นางตัวคนเดียวดื่มเหล้าดอกกุ้ยฮวาเถอะ" ชูเซี่ยพูดกับเขาว่า "ก็ได้ ช่างเถอะ ถึงอย่างไรท่านก็เลี้ยงข้านี่!" ชายคนนั้นขมวดคิ้ว "เจ้านี่ทำไมถึงได้ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองกันนะ น่าเบื่อเสียจริง ในเมื่อเจ้าอยากดื่มเหล้าเซาเตาจื่อ งั้นก็ดื่มเซาเตาจื่อเถอะ จะมาเปลี่ยนเป็นเหล้าดอกกุ้ยฮวาเพราะคำพูดข้าไปทำไมกัน เจ้านี่เป็นคนที่ไม่มีความยืนหยัดเอาเสียเลย" "ยืนหยัดแบบตาบอดกับการเลือกที่จะรั้นมีความแตกต่างที่มีจุดสำคัญอยู่ หากต้องดันทุรังไปเสียทุกเรื่องก็ทำให้เหนื่อยไม่ใช่หรือ มันขึ้นอยู่กับว่ามันเหมาะสมหรือสามารถประนีประนอมได้" ชูเซี่ยกล่าว "ข้าไม่เห็นด้วย ในเมื่อเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องยืนหยัดจนถึงที่สุด ไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ตาม แบบนี้ถึงจะได้ใช้ชีวิตอย่างไม่สับสน" ชายคนนั้นยิ้ม ทว่าพูดอย่างจริงจัง เวิ้นอี้ยิ้มและไม่กล่าวอะไรอีก ชีวิตของนาง เหตุใดต้องให้คนอื่นเห็นด้วยด้วยเล่า แค่ตยเองห็นด้วยก็เพียงพอแล้ว เหล้าเซาเตาจื่อกับเหล้าดอกกุ้ยฮวานำมาวางไว้ แต่ชูเซี่ยกลับเอาเซาเตาจื่อมาวางไว้ข้างหน้าตัวเองแล้วเอาเหล้าดอกกุ้ยฮวาเลื่อนไปตรงหน้าชายคนนั้น ชายหนุ่มมุ่นคิ้ว "เจ้าไม่รู้จักหนังสือหรือ นี่มันเขียนว่าเหล้าดอกกุ้ยฮวานะ!" เขาหยิบไหเหล้าขึ้นมาแล้วตะโกนบอกชูเซี่ย ชูเซี่ยยกเซาเตาจื่อขึ้นแล้วรินใส่แก้วตนเอง จากนั้นก็เงยหน้ามองเขาแล้วกล่าวว่า "ข้าคิดว่าท่านเหมาะจะดื่มเหล้าดอกกุ้ยฮวา" ทันใดนนั้นชายหนุ่มก็โมโหขึ้นมานิด ๆ "ผายลมเถอะ ข้ารู้ตัวดีว่าตัวเองเหมาะกับเหล้าอะไร" "หากท่านรู้ ท่านคงไม่ยืนกรานจะดื่มเหล้าเซาเตาจื่อหรอก" ชูเซี่ยกุมเหล้าเซาเตาจื่อไว้ ทำราวกับเขาจะแย่งชิงไปก็ไม่ปาน ชายคนนั้นยื่นมือออกไปแย่งจริง ๆ ชูเซี่ยเอาไหเหล้าวางไว้บนหลังมือเขาแล้วเอ่ยเตือน “ท่านเก้า อย่าเอะอะไปเลยน่า!” ชายหนุ่มผู้มีนามว่าท่านเก้าพลันหมดอาลัยตายอยากทันที "แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวไม่ได้เชียวรึ" "ท่านอยากตายหรือ" นางจ้องไอทมึนที่อยู่บนหน้าเขา "ท่านต้องฉวยโอกาสในช่วงที่ข้าไม่อยู่แอบดื่มเหล้าแรง ๆ แน่นอน ข้าเคยพูดไปแล้ว เหล้าจะส่งผลให้พิษในตัวท่านกระจายไปเร็วยิ่งขึ้น อีกอย่าง ท่านไม่อยู่ที่เยว่โจว แต่กลับมาเมืองหลวงเพื่ออันใดกัน หากใครรู้เข้า ท่านจะถูกลอบสังหารเอาได้" "เยว่โจวที่ไม่มีเจ้าน่าเบื่อจะตาย ข้าก็เลยมาหาเจ้าเป็นกรณีพิเศษน่ะ" คนตรงหน้าคือท่านอ๋องเก้า เป็นพระอนุชาองค์เล็กสุดของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เขาได้ชื่อว่าตนเองเป็นคนที่รอดตาย เพราะพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีทุกพระองค์ล้วนแต่ตายกันหมด ยกเว้นท่านผู้นั้นที่บนจุดยอดสูงในราชสำนัก ส่วนเขาถูกวางยาพิษชนิดแรงและอยู่ที่ชายแดนที่เยว่โจว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 83 แย่งเหล้า
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A