ตอนที่ 85 ป่วยนานไม่หาย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 85 ป่วยนานไม่หาย
ต๭นที่ 85 ป่วยนานไม่หาย ค่ำคืนนั้นหลี่เฉินเย่นไม่ได้กลับ ไทเฮาประชวรหนัก เขาจึงเข้าวังไปเฝ้าไข้ ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้ชูเซี่ยเข้าวังเพื่อรักษาไทเฮา แต่กลับถูกไทเฮาปฏิเสธ ปีที่แล้วไทเฮาทรงลื่นล้มจนศีรษะกระแทก การมองเห็นก็เริ่มเลือนลาง ต่อมาก็ค่อย ๆ มองไม่เห็นสิ่งของ พระนางมีนิสัยดื้อรั้น แม้จะมองไม่เห็น ก็มักจะแสร้งทำเป็นมองเห็นต่อหน้าคนในวัง หลังจากที่เดินสะดุดไปหลายครั้ง อารมณ์ของพระนางก็เริ่มรุนแรงขึ้น ทั้งยังไม่ยอมให้หมอหน้าไหนมารักษา ทรงตรัสว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องตายอยู่ดี ทำไมต้องลากพระนางไปพบกับความเหนื่อยยากทุกข์ทรมาน ดังนั้น ในเมื่อพระนางไม่รักษาก็ไม่ต้องกินยา หากจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือกำลังรอความตาย ตอนแรกเริ่ม ฮ่องเต้ทรงฉวยโอกาสตอนที่พระนางหลับแอบให้หมอไปรักษาพระนาง แต่หลังจากสูญเสียการมองเห็นไปก็มีความรู้สึกไว บวกกับประสาทสัมผัสหูไวมากจึงถูกพระนางพบเข้าจนทรงกริ้วอย่างหนัก โยนหมอนข้างทิ้งบนพื้นแล้วต่อว่าฮ่องเต้ยกใหญ่ “เจ้าอยากให้ข้าทรมานอีกนานแค่ไหน ข้าอยากตายก็ไม่ได้หรือ ปล่อยให้ข้าจากไปอย่างสงบ ไม่ทอดทิ้งข้าอีกก็พอแล้ว เว้นแต่พวกเจ้าจะรักษาตาข้าให้หายดีได้” นี่เป็นครั้งแรกที่พระนางยอมรับการสูญเสียการมองเห็นของพระนางเอง หลังจากตรัสจบก็ร่ำไห้ออกมายกใหญ่ “ฮ่องเต้พระองค์ก่อน ได้โปรดรีบมารับตัวข้าไปเถิด ข้าไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ต้องทุกข์ทรมานแบบนี้สู้ตายไปเสียยังจะดีกว่า!” ประสบพบเจอเพียงครั้งเดียว มีหรือที่ไหนที่ฮ่องเต้จะกล้าส่งหมอไปรักษาพระนางอีก เพียงแค่ซุปบำรุงสายตาให้พระนางทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ผล พระนางค่อย ๆ พ่ายผอมลง หลังจากวันฟ้าฝนกระหน่ำ ร่างกายของพระนางก็เริ่มเจ็บปวดเมื่อย บวกกับความรู้สึกที่ทนรับไม่ได้ อารมณ์หงุดหงิดของพระนางจึงสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีครั้งหนึ่งที่บั้นพระองค์ปวดขึ้นมา พอคลำลงจากพระแท่นบรรทมก็หงายหลัง ถูกมามาดึงลงไปกับพื้น มามาคุกเข่าบนพื้นร้องไห้อยู่นานถึงได้ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตาย ภาพที่ทั้งสองโอบกอดร้องไห้ด้วยกันก็ทำให้ฮ่องเต้ที่ทราบข่าวทอดพระเนตรเห็นแล้วก็ปวดพระทัยจนต้องหันหนีจากไป นับแต่นั้นมาก็ไม่กล้าไม่เชื่อฟังความคิดของไทเฮาอีก หลังจากการเอะอะในครั้งนั้น อาการประชวรของไทเฮาก็หนักขึ้น สองวันนี้ได้แต่นอนอยู่บนเตียงไม่อาจลุกขึ้นได้ ฮ่องเต้ทรงกังวลเกี่ยวกับพระวรกายของไทเฮา ดังนั้นจึงถามความเห็นของชูเซี่ยอย่างไม่มีทางเลือก ฝนหนักหยุดตกไปแล้วสองวัน วันนี้ช่วงบ่ายอากาศก็เริ่มอึมครึม ฮ่องเต้.. เงยพระพักตร์มองท้องฟ้าที่มืดครึ้มอึมครึม ในอากาศมีกลิ่นไอน้ำฝน … ใจของพระองค์ร้อนรน … "ไปเชิญท่านราชครูมา" ราชครูเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้ชำเลืองทอดพระเนตรเงียบ ๆ จากนั้นก็หันกายแล้วเดินเข้าไปในห้องทรงอักษร.. ราชครูเดินตามเข้าไป ... ฮ่องเต้ตรัสอย่าง… "... หากเป็นแบบนี้ต่อไป … อาการประชวรของไทเฮา… หากเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่เกินสามวันนี้…!" พระองค์… พูดอย่าง.. "ข้าสั่งให้ท่านคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาพวกนี้ ไม่ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ ใช้คนมากน้อยแค่ไหน ข้าก็..." ราชครูกล่าวว่า "ฝ่าบาท กระหม่อมเคยทูลไปแล้วว่าฝนที่ตกอยู่ในเวลานี้ไม่ปกติ เป็นเพราะดาวจื่อเวยอับแสง เภทภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับฝ่าบาท หากไร้หนทางแก้ไขได้ทันเวลา ก็คงต้องได้แต่รอดูว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ ฝ่าบาท ตอนนี้พระองค์ต้องเมตตาต่อท่านอ๋องเก้าให้มาก เพราะอ๋องเก้ารู้สึกตำหนิฝ่าบาทมากมายหรือกำลังชิงชังฝ่าบาทอยู่ เลยทำให้ความรู้สึกแบบพี่น้องลดลงอย่างมาก พอถึงเวลานั้น อ๋องเก้าก็ไม่อาจปิดกั้นเภทภัยให้ฝ่าบาทได้ อีกอย่าง ฝ่าบาทต้องรีบแต่งแม่นางผู้สูงส่งผู้นั้นเข้าวังให้เร็ว ระงับความอัปมงคลในวังหลัง พระอาการของไทเฮาก็จะหายดีเป็นปติพ่ะย่ะค่ะ" "เรื่องแต่งตั้งสนมจะรีบร้อนได้ที่ไหนกัน" พระเนตรของฮ่องเต้ฉายประกายวาบ "ยังมีวิธีอื่นที่สามารถรักษาโรคของไทเฮาได้หรือไม่" ชะงักไปชั่วครู่ เขาถามขึ้นมาอีกว่า "สิ่งอัปมงคลวังหลังก่อความวุ่นวาย เป็นเพราะวิญญาณชูเซี่ยที่เป็นชายาอ๋องหนิงอันแต่กาลก่อนก่อกวนใช่หรือไม่ ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าบอกให้ข้ามอบตำแหน่งรัชทายาทให้เฉินเย่น ดังนั้น นางจึงเป็นชายาของรัชทายาท หากเป็นแบบนี้แล้วจะยังช่วยแก้ไขปัญหาได้อีกหรือ" ราชครูส่ายหน้าแล้วกล่าว "ฝ่าบาท กระหม่อมไม่เคยบอกว่าชายาอ๋องหนิงอันเป็นตัวอัปมงคล แต่ในทางตรงกันข้าม กลับหญิงผู้สูงส่งในเวลานี้ต่างหาก และมันจะเป็นการส่งชายาอ๋องหนิงอันข้างกายฝ่าบาทในช่วงเวลาที่มืดมน นอกจากหญิงสูงส่งผู้นี้แล้วก็ไม่มีใครสามารถยับยั้งความอัปมงคลนี้ได้อีก" "ข้าเป็นลูกมังกรสวรรค์ ข้าก็ยับยังสิ่งอัปทงคลนั้นไม่ได้หรือ" ดูเหมือนฮ่องเต้จะไม่ค่อยพอพระทัย ทันใดนั้นราชครูก็คุกเข่าทันที "กระหม่อมหมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ เพียงแค่เวลานี้ไอมังกรของฝ่าบาทลดลง ดาวจื่อเวยอับแสง จึงไม่ควรที่จะไปต้านทานกับสิ่งอัปมงคลพ่ะย่ะค่ะ มีทางเดียวคือต้องแต่งหญิงสูงส่งผู้นั้นเข้าวังถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" เขาหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ "ความจริงฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งหญิงสูงส่งผู้นั้นเป็นสนมทันทีก็ได้ เพียงแค่ฝ่าบาทให้หญิงสูงส่งผู้นั้นเฝ้าไข้ที่ตำหนักโส่วหนิง อีกอย่าง เชื่อว่าเพียงแค่หญิงสูงส่งผู้นั้นเข้าวัง ไม่เกินสามวันฝนต้องหยุดตกแน่พ่ะย่ะค่ะ" "จริงรึ?" ฮ่องเต้ดีพระทัยยกใหญ่ ทั้งยังตรัถามสอีกว่า "ถ้าอย่างนั้นเภทภัยของข้า จะสามารถขจัดไปได้เลยหรือไม่" ราชครูตอบว่า "หากเภทภัยของฝ่าบาทมาถึงเมื่อใด จะมาในทางไหนก็ไม่อาจเล็ดรอดเข้ามาได้พ่ะย่ะค่ะ เพียงจัดการให้อ๋องเก้าเข้าวังอยู่ใกล้ฝ่าบาทก็จะป้องกันเภทภัยได้ตลอด แต่เรื่องนี้มิอาจแพร่งพรายได้ นอกจากกระหม่อมและฝ่าบาทแล้ว ห้ามใครอื่นรู้อีกเด็ดขาด มิเช่นนั้น เกรงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงพ่ะย่ะค่ะ" ฮ่องเต้เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็ตะโกนขึ้นมา “เสี่ยวเต๋อจื่อ!” เสี่ยวเต๋อจื่อผลักประตูเข้ามาแล้วโค้งกายพูด “กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ!” ฮ่องเต้ตรัสว่า “ออกคำสั่งให้ท่านหมอเวินกับอ๋องเก้าเข้าวังมาเฝ้าไข้ ไม่มีคำสั่งจากข้าก็ออกจากวังไม่ได้” เสี่ยวเต๋อจื่อตอบรับอย่างแข็งขัน “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!” หลี่เฉินเย่นเข้าวังมาเฝ้าไข้อยู่ก่อนแล้ว ช่วงเวลาเที่ยงคืนฝนเริ่มตกเปาะแปะ เขาเป็นห่วงชูเซี่ยจึงเรียกคนเข้ามาให้ออกจากวังไปดูนาง เด็กที่รับคำสั่งเพิ่งออกจากประตูใหญ่ตำหนักโส่วหนิงไปก็เห็นชูเซี่ยกับอ๋องเก้าเดินเข้ามาด้วยกัน เสื้อของชูเซี่ยเปียกไปครึ่งหนึ่ง ผมแนบติดกับหน้าผาก หยดน้ำไหลหยดลง อาจเป็นเพราะรีบร้อนออกมาและไม่ได้สวมเสื้อคลุม นางจึงหนาวจนปากสั่นนิด ๆ หลี่เฉินเย่นมองด้วยความเจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด แต่เสด็จพ่อเสด็จแม่ รวมถึงบรรดาสนมยังอยู่ในตำหนักโส่วหนิง เขาจึงทำอะไรได้ไม่มากนัก ฮ่องเต้มองชูเซี่ยท่าทายลำบากลำบนของชูเซี่ยแล้ว ทันใดนั้นก็ทรงพิโรธขึ้นมาแล้วตรัสสั่งกับเสี่ยวเต๋อจื่อ “ข้างนอกฝนตกแล้ว ทำไมถึงไม่พกร่ม ยังไม่รีบไปจุดเตาพกอุ่นมือกับเสื้อคลุมมาอีก ดูสิท่านหมอเวินกับท่านอ๋องเปียกหมดแล้ว นับวันยิ่งไม่ได้เรื่องขึ้นไปทุกที!” ฮองเฮาชำเลืองมองเล็กน้อย ความตกตะลึงฉายขึ้นมาบนหน้าอยู่แววหนึ่ง แต่ไม่ช้าก็กลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว พระนางยิ้มแล้วตรัสว่า “อ่า ท่านอ๋องเก้ามาแล้ว!” อ๋องเก้ากับชูเซี่ยเดินเข้าสู่ห้องโถงพร้อมกัน อ๋องเก้ายกมือขึ้นคาระวะ “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮา ถวายพระพรพระสนมพ่ะย่ะค่ะ” สนมหรงยิ้มแล้วตรัสว่า “นึกขึ้นได้ว่าท่านอ๋องเก้ากลับเมืองหลวงมาครั้งล่าสุดเป็นเรื่องเมื่อห้าปีก่อน เวลาผ่านไปห้าปีแล้ว ใบหน้าของท่านอ๋องเก้ายังไม่มีริ้วรอยใด สมควรแล้วที่ได้ฉายาหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งของโลก” บนใบหน้าของอ๋องเก้ายังมีสีหน้าท่าทางสง่างาม เขาตอบกลับว่า “พระสนมหรง การที่ท่านกล่าวเช่นนี้ เกรงว่าจะมีคนหึงหวงนะพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต่ทรงพระสรวลขึ้นมาทันที “น้องชายเจ้าดูถูกข้าหรือ ข้าเป็นดูเหมือนเป็นคนขี้หวงหรือ” สนมหรงพลันหน้าแดงขึ้นมา “ฝ่าบาททรงตรัสอะไรกันเพคะ จะว่าไปท่านอ๋องก็อายุไม่น้อยแล้ว เมื่อใดจะแต่งงานเล่า อ๋องเก้าสายเลือดของเจ้าก็ต้องมีทายาทสืบต่อนะ” “กระหม่อมไม่ได้เขลาขนาดนั้นเหมือนเสด็จพี่นะพ่ะย่ะค่ะ บนโลกนี้มีคนงามตั้งมากมาย หากไม่พบคนที่งามที่สุด กระหม่อมไม่มีทางยินยอมจะมอบเวลาที่เหลือตลอดชีวิตให้แบบนี้แน่พ่ะย่ะค่ะ” เสี่ยวเต๋อจื่อสั่งให้นางกำนัลไปเอาเสื้อคลุมกับเตาพกอุ่มมือมาให้อ๋องเก้ากับชูเซี่ยคนละอัน ชูเซี่ยเอาแต่อุ่นตัวอยู่ตรงนั้นและไม่กล้าสบสายตากับหลี่เฉินเย่น เพียงแค่ยืนถือเตาพกอย่างกระอักกระอ่วนเท่านั้น ประตูเปิดออก สายลมพัดสายสายฝน ม่านสีเหลืองภายในห้องโถงถูกลมพัดขึ้น ผ้าม่านสะบัดพริ้วไปมาในห้องโถงอันกว้างใหญ่จนเกิดเสียงหวีดหวิว ชูเซี่ยเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา ไทเฮาประชวรหนักก็ควรไปปรนนิบัติในโถงห้องบรรทมมิใช่หรือ ทำไมถึงได้มาพูดคุยหัวร่ออยู่ที่นี่กัน หรือเรื่องที่ไทเฮาประชวรหนักจะเป็นเพียงฉากบังหน้ากัน นางนึกถึงหญิงชราผู้เมตตาขึ้นมา หวังว่ามันจะเป็นเพียงแค่การหลอกลวง หลอกให้นางกับอ๋องเก้าเข้าวัง การที่ต้องหลอกให้อ๋องเก้าเข้าวัง นางเข้าใจดีว่าเป็นเพราะฮ่องเต้ปรามเขา ต้องการเห็นเขาอยู่ข้างกายถึงได้วางใจ ในใจของนางมีความรู้สึกดิ่งวูบอย่างหนักหน่วง คิดว่าจะช้าหรือเร็วอ๋องเก้าก็ต้องถูกฮ่องเต้ฆ่าตายอยู่ดี แต่ตอนนี้นางไม่มีความคิดที่จะเวทนาอ๋องเก้ามากมายนัก เพราะตอนนี้นางก็ปกป้องตัวเองได้ยากเช่นกัน หลี่เฉินเย่นยืนอยู่ข้างกายฮ่องเต้อ เขาเอาแต่มองชูเซี่ยตลอดเวลา ในดวงตาของเขาปรากฏถึงความเป็นห่วงและความกระวนกระวายใจ ชูเซี่ยชำเลืองมองเขาเป็นครั้งคราว พอเห็นว่าเขากำลังมองตนเองอยู่ก็รีบละสายตาไปอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่าจะถูกคนพบจนสืบเสาะไปถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา หลี่อวิ๋นกังกับพระชายาก็มาด้วย หลี่อวิ๋นกังอุ้มอันหรานไว้ ชูเซี่ยขยับไปด้านข้างหนึ่งก้าว นางก้มหน้าไม่มองพวกเขาสามีภรรยา ซ่งอว๋นกังวางอันหรานลง อันหรานก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง ชูเซี่ยที่ก้มหน้าอยู่มองเห็นร่างเล็ก ๆ ของเขาได้พอดิบพอดี วันนี้เขาสวมชุดผ้าฝ้ายปักลายสีเขียว สวมรองเท้าหนังแกะขนาดเล็ก ร่างกายขนาดเล็กที่ัยังไม่เติบใหญ่ก็คุกเข่าลง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานของเด็ก “อันหรานถวายพระพรเสด็จปู่ ถวายพระพรเสด็จย่า ถวายพระพรเสด็จย่าหรง ถวายพระพรเสด็จย่าทุกพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้แสดงสีพระพักตร์ดีใจแล้วตรัสว่า “อันหรานมานี่สิ มาให้ข้ากอดหน่อย” อันหรานเอี้ยวตัวแล้วปีนขึ้นไปบนพระเพลาของฮ่องเต้ ฮ่องเต้หอมแก้มเขา จากนั้นก็แย้มพระโอษฐ์ “นับวันอันหรานของเรายิ่งดูสง่างามขึ้นไปทุกวัน” สนมหรงก็มีความสุขมากเช่นกัน พระนางเอ่ยปากว่า “ฝ่าบาททรงตรัสอะไรอย่างนั้นเพคะ จะบอกว่าสง่างามได้อย่างไร เทียบกับคำว่าน่ารักยังจะใกล้เคียงกว่า ใช่ไหมอันหราน” อันหรานเอี้ยวคอมองสนมหรงเฟยพลางพูดอย่างจริงจัง “เสด็จแม่บอกว่าอันหรานหล่อเหมือนกับเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมา อันหรานอดไม่ได้ที่จะยิ้มเช่นกัน นางใช้สายตาที่มีความรักและเมตตามองอันหราน หลานตัวน้อยของฮ่องเต้ หลานตัวน้อย หลานผู้น่ารักคนนี้เป็นบุตรบุญธรรมของนาง เป็นชีวิตน้อย ๆ ที่นางดึงกลับมา! ดีจริง ความรู้สึกที่ทำให้คนอบอุ่นใจเช่นนี้ ฮ่องเต่เงยพระพักตร์ขึ้น พอได้สัมผัสสายตาแห่งความรักและเมตตาของชูเซี่ยก็นึกถึงคำพูดของราชครู ว่านางให้กำเนิดรัชทายาทแก่เขาได้ ความอบอุ่นก็พลันแล่นขึ้นมาในใจและพลันเกิดความหวังขึ้นมาทันที หลี่เฉินเย่นที่กำลังยืนอยู่ข้างเขามองเห็นสายตาที่เขามองชูเซี่ยแล้ว ในเวลาถัดมาไฟก็ลุกโชนขึ้นในดวงตา เขาแทบอยากจะก้าวไปลากชูเซี่ยเดินออกไปทันที ในเวลานี้เสียงไอก็ดังขึ้นมาภายในห้องโถง สีพระพักตร์ของฮ่องเต้พลันขรึมลง ทว่าเสียงหัวเราะกลับสดใสมากกว่าเดิม “เอาล่ะ อันหราน เราไปดูเสด็จย่าทวดกันเถอะ” อันหรานพูดอย่างดีใจ “พ่ะย่ะค่ะ ไปกัน ไปกัน!” ฮ่องเต้อุ้มอันหรานเสด็จเข้าไปในห้องโถง สีหน้าของทุกคนก็ย่ำแย่ลงทันที ในเวลานี้รอยยิ้มที่มีอยู่เต็มใบหน้าก่อนหน้านี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที ชูเซี่ยรู้สึกแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฮ่องเต่เดินหลับมาแล้วตะโกนเรียก “เวินหน่วน เจ้าก็มาด้วย” ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้น สัผัสได้ถึงสายตาแปลกใจของบรรดาสนม นางพลันก้มหน้าลงแล้วเอ่ยตอบ “เพคะ!” จากนั้นก็เดินมาเข้าไป หลี่เฉินเย่นก็เดินตามเข้าไปด้วย ทว่ากลับถูกฮองเฮารั้งไว้เสียก่อน ฮองเฮาส่ายหน้าให้กับเขาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าไม่ต้องเข้าไป
已经是最新一章了
加载中