ตอนที่ 88 แสงสายัณห์ของตะวันรอน
1/
ตอนที่ 88 แสงสายัณห์ของตะวันรอน
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 88 แสงสายัณห์ของตะวันรอน
ตนที่ 88 แสงสายัณห์ของตะวันรอน นางขนลุกขนพองไปทั้งตัว แม้จะบอกว่านางอยู่กับอาจารย์เป็นระยะเวลานาน แต่อาจารย์ของนางก็เป็นเทพเซียน แต่หลิวหยิงหลงเป็นวิญญาณ นางหน้าซีดพลางมองไปรอบด้าน รอบด้านเงียบสงบ ข้างนอกก็เงียบงัน ฟ้าสว่างแล้ว แต่ทำไมนางกำนัลถึงยังไม่ตื่นกันนะ ไม่ใช่สิ มามาล่ะ เมื่อคืนนี้มามาก็อยู่ในห้องโถงด้วย หลิวหยิงหลงพูดเสียงเบา “ไม่ต้องกลัวหรอก” นางค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้ ชูเซี่ยเห็นนางเดินเหมือนกันคน ทันใดนั้นความกลัวในใจก็หายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังค่อนข้างหวาดผวาอยู่ นางถามขึ้นว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร” หลิวหยิงหลงยิ้มนิด ๆ “เจ้าก็เป็นดวงวิญญาณเหมือนกัน ทำไมต้องกลัวข้าด้วยเล่า” ชูเซี่ยส่ายหน้า แม้จะรู้ว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณเหมือนกัน แต่ยังก็ไม่อาจยอมรับดวงวิญญาณ “ตัวเป็น ๆ” ปรากฏอยู่ตรงหน้าเหมือนคนได้ นางก้าวถอยไปหนึ่งก้าว “เจ้ายังไม่...เกิดใหม่หรือ เจ้ามาหาข้าทำไม” นางตั้งใจกดเสียงลง เพราะเกรงว่าไทเฮาจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา หากถึงเวลานั้นแล้วตกใจขึ้นมาคงไม่ดีกับนางแน่ หลิวหยิงหลงก้าวไปข้างหน้า “ข้ามาเพื่อขอร้องเจ้าหนึ่งเรื่อง” ชูเซี่ยทรุดนั่งลงบนตั่งยาว และพลันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “อย่าพูดว่าขอเลย มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ” แสงอาทิตย์สว่างไสวสาดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง แต่ทำไมภายในห้องถึงได้ยังเย็นอยู่แบบนี้กันนะ อีกอย่าง ผีไม่กลัวแดดหรือ? แสงแดดสาดกระทบร่างนางตั้งขนาดนั้น เมื่อก่อนตอนดูหนัง พอผีเจอเข้ากับแสงแดด ร่างก็จะถูกแสงอาทิตย์กัดกร่อนจนพรุนไม่ใช่หรือ หลิวหยิงหลงกล่าวว่า “ดูแลท่านพ่อ ท่านแม่ และน้องสาวข้าด้วย จงจำไว้ให้ดี ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าทอดทิ้งพวกเขา อีกอย่าง ข้าไม่ได้ทำร้ายฉ่ายเวิน ข้าไม่ได้ทำร้ายนาง...” หลิวหยิงหลงกล่าว ร่างกายพลางลอยขึ้น หน้าของนางค่อย ๆ อัปลักษณ์ขึ้น ชูเซี่ยตกใจจนร้องตะโกนลั่น “กรี๊ด...” จากนั้นภาพตรงหน้าก็มืดลง ร่างทั้งร่างกระแทกลงกับพื้น นางลืมตาขึ้น แสงอาทิตย์หายไปแล้ว หลิวหยิงหลงก็หายไปแล้วเช่นกัน แสงไฟบนเชิงเทียนยังคงเผาไหม้ขนาดคล้ายเท่าเม็ดถั่ว ส่องแสงสลัวไปรอบด้าน หน้าต่างยังคงปิดอยู่ ด้านนอกก็ฝนยังโปรยปรายเปาะแปะไม่หยุด นางค่อย ๆ ลุกขึ้น ขนลุกชันไปทั่งร่าง ร่างกายอ่อนยวบเหมือนกับปุยฝ้ายก็ไม่ปาน ราวกับว่าสายลมบางเบาก็สามารถพัดนางปลิวได้ นางรู้สึกหนาวมาก พอมองไปรอบด้านก็ไม่กับร่างของหลิวหยิงหลง นางรู้สึกขนหัวลุก แม้จะอาศัยอยู่ในร่างของหลิวหยิงหลง แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นวิญญาณนางน่าเขย่าขวัญเช่นนี้ เสียงหายใจของไทเฮาดังขึ้น ความคงที่นั้นทำให้นางวางใจ นางนั่งตรงหน้าโต๊ะแล้วเทน้ำลงแก้ว น้ำเย็นหมดแล้ว แต่นางก็ยังดื่มมันลงไปอึกใหญ่ นางดื่มลงไปหลายอึก แม้จะดื่มน้ำแล้ว แต่สองมือก็ยังสั่นอยู่ อีกทั้งยังสั่นหนักกว่าเมื่อครู่ นางสูดหายใจลึกอยู่หลายที ควบคุมความหวดกลัวในใจ พอนึกถึงสิ่งที่หลิวหยิงหลงเพิ่งพูดกับนางเมื่อครู่นี้ ที่บอกว่าให้ดูแลบิดามารดาและน้องสาวนาง และนางไม่ได้ทำร้ายฉ่ายเวิน มนุษย์พูดว่าคนตายก็เหมือนตะเกียงดับ แม้ก่อนตายจะกระทำบาปไว้มากมาย แต่หลังจากตายไปก็ควรจะได้ชำระล้าง นางตายไปแล้ว หากทำร้ายฉ่ายเวินจริง ๆ ก็ไม่ต้องหาหนทางทุกสิ่งอย่างมาหานาง บอกความไม่เป็นธรรมที่นางได้รับ เว้นแต่ว่า นางจะถูกใส่ร้าย แต่ฉ่ายเวินพูดเองว่านางเห็นหลิวหยิงหลงผลักนางลงน้ำเองกับตา หรือฉ่ายเวินจะมองผิดไป น่าจะไม่ใช่สิ เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายจะมามองผิดได้อย่างไร เว้นแต่ว่ามีคนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับนาง ความจริงเรื่องนี้ก็ตัดออกไปได้ เพราะในความทรงจำของหลิวหยิงหลงไม่มีคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเธออยู่ในนั้นเลย หรือฉ่ายเวินจะพูดโกหก แต่ทำไมฉ่ายเวินต้องโกหกด้วย คนที่ผลักนางลงน้ำทำให้นางหมดสติไปตั้งสี่ปีกว่าแล้ว นางควรจะเกลียดคน ๆ นั้นเข้ากระดูกถึงจะถูก แต่ความจริงนี้ ทุกครั้งที่นางพูดถึงหลิวหยิงหลงก็ล้วนแต่ขบเคี้ยวเคี่ยวฟันอย่างชิงชัง แม้หลิวหยิงหลงจะตายไปแล้ว ความเกลียดชังของนางเหมือนจะยังไม่ลดลงเสียด้วยซ้ำ ฉะนั้น สมมติฐานนี้น่าจะไม่เป็นความจริง ถ้าอย่างนั้นความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ ตอนนั้นใครผลักฉ่ายเวินลงน้ำกันแน่ ถึงจะบอกว่าตอนนั้นมีสาวใช้เห็นเข้า แต่พอไต่สวนสาวใช้คนนั้นแล้ว ฮองเฮากลับไม่ยอมรับ เป็นไปได้หรือไม่ที่ฮองเฮาจะทรงทราบเหตุการณ์สภายใน มิเช่นนั้นทำไมฮองเฮาถึงได้มั่นใจว่าหลิวหยิงหลงไม่ใช่คนลงมือกัน พระนางจะกล้าให้บุตรของตัวเองแต่งงานกับหญิงชั่วช้าหรือ ใจของชูเซี่ยสับสนไปหมด มันซับซ้อนวุ่นงายไปหมดจนไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี แต่อย่างน้อยตอนนี้นางก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่ง คือหลิวหยิงหลงไม่ใช่คนลงมือ และเพราะความมั่นใจในเรื่องนี้ทำให้นางดีขึ้นมาบ้าง นางหวังว่าหลิวหยิงหลงจะไม่ใช่คนลงมือจริง ๆ เสียงฝนเปาะแปะข้างนอกที่ดังไม่ขาดสายทำให้จิตใจของนางยิ่งว้าวุ่นขุ้นไปอีก ฝนเอาแต่ตกทั้งวันทั้งคืนจนใคร ๆ ต่างก็ไม่อยากได้ยินเสียงเปาะแปะ นางถอนหายใจยาว ต่อมาก็เดินไปหยุดที่หน่าแท่นบรรทมของไทเฮาสักพัก เมื่อเห็นว่าสีหน้าท่าทางของไทเฮายังดีอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พระนางไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น นางนั่งบนที่นั่งข้างเตียง ในหัวคิดทบทวนเรื่องเมื่อสามปีก่อนไม่หยุด ด้วยเหตุนี้ นางจึงนอนไม่หลับทั้งคืน อยู่รับรุ่งอรุณที่ชุ่มฉ่ำ ไทเฮารู้สึกตัวตื่นบรรทม ดูเหมือนสภาพจิตใจดีเป็นอย่างมาก พระนางนั่งบนพระแท่นบรรทม พระกรรณฟังเสียงฝนข้างนอก จากนั้นก็มุ่นคิ้ว "ยังไม่หยุดหรือ นี่ก็เกือบจะครึ่งเดือนแล้วนะ" ชูเซี่ยก้าวเข้าไปปรนนิบัตรพระนางสวมฉลองพระองค์ "ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเพคะ ฝนต้องหยุดแน่" ไทเฮาถอนหายใจ จากนั้ก็ตรัสขึ้น "คืนนี้เหมือนจะยาวนานเป็นพิเศษนะ" ชูเซี่ยเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง "เมื่อคืนไทเฮาทรงตื่นบรรทมหรือเพคะ" ไทเฮาส่ายพระพัตร์แล้วตรัสตอบ "หลับสนิททั้งคืนเลย" ชูเซี่ยยิ้มออกมาอย่างสบายใจ "ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วเพคะ" ไทเฮาทรงล้มหมอนนอนเสื่ออยู่นาน จากคำพูดของพระนางที่พูดว่า แม้จะได้แต่รอความตาย แต่วันนี้พระนางกลับอยากออกไปเดินเล่น พระนางสูดหายใจลึกแล้วตรัสว่า "ประคองข้าลุกเดินหน่อย" ชูเซี่ยกล่าวกับพระนางว่า "ไทเฮาไม่ได้ลงจากพระแท่นบรรทมนานแล้ว เดินวนในห้องสักรอบก็ดีนะเพคะ ข้างนอกยังฟ้าฝนกระหน่ำอยู่ ไม่ออกไปจะดีกว่านะเพคะ" ส่วนไทเฮาส่ายพระพักตร์ "ในห้องมีอะไรน่าสนใจกัน ออกไปเดินเล่นข้างนอกเถอะ เจ้าวางใจเถอะ ข้ายังไม่ตายหรอก" มามาพุ่งก้าวเข้ามา บนหน้ามีรอยยิ้มแห่งความดีใจ "ตรัสอะไรแบบนั้นเพคะ ตายไม่ตายอะไรกัน นั่นมันเคราะห์ร้ายนะเพคะ พระนางอยู่ได้อีกเป็นพันปี หม่อมฉันตายไปร้อยครั้ง ไทเฮาก็ยังทรงอยู่ดีน่ะสิเพคะ" ไทเฮาทรงยิ้ม "ข้าได้เป็นปีศาจเฒ่าหรอกหรือ" มามายิ้มพลางกล่าว "ปีศาจเฒ่าที่ไหนกันเพคะ เห็นชัดอยู่ว่าเป็นเหล่าฝอเย่ (พระโพธิสัตว์เฒ่า)" ไทเฮาทรงอึ้งไปเล็กน้อย ค่อนข้างงุนงง "เหล่าโฝเยี่ย เมื่อนนี้ข้าก็เหมือนจะฝันว่าได้ยินคนเรียนเหล่าโฝเยี่ยอยู่นะ" มามากล่าวอย่างระทมทุกข์ "เว้นแต่ท่านผู้นั้น ยังจะมีใครเรียกพระนางว่าเหล่าโฝเยี่ยอีกหรือเพคะ อย่าทรงคิดมากไปเลยเพคะ คนก็จากไปตั้งนานแล้ว" สีพระพักตร์ของไทเฮาดูสุขุม "นางอาจจะมาบอกข้าให้รับรู้ก็ได้ ว่าเวลาของข้าใกล้มาถึงแล้ว วันนี้ข้าอารมณ์ดีเป็นพิเศษ อาจเป็นแค่อาการสดชื่นแจ่มใสก่อนตายก็ได้ เจ้าไปทูลฮ่องเต้ให้เขาเตรียมการไว้ทุกข์ให้ข้าเถอะ" มามาตกใจจนหน้าขาวซีด ทันใดนั้นก็คุกเข่า ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร น้ำตาก็ไหลออกมาเสียก่อน "พระนางตรัสอะไรอย่างนั้นเล่าเพคะ รีบถุยน้ำลายก่อนค่อยตรัสอีก ทำไมถึงพูดเรื่องเคราะห์ร้ายแบบนี้ล่ะเพคะ" บนพระพักตร์ของไทเฮามารอยยิ้มจาง ๆ “หากข้ายังไม่สิ้นอายุไข แม้ข้าจะพูดว่าตายร้อยครั้ง แต่ข้าก็ไม่ได้ตายจริงเสียหน่อย ในทางตรงกันข้าม หากข้าถึงเวลาสิ้นอายุขัยแล้ว ต่อให้ข้าไม่พูด ความตายก็มาเยือนอยู่ดี ลุกขึ้นเถอะ รอให้ข้าตายก่อนแล้วค่อยคุกเข่า” น้ำตาของมามาพลันไหลออกมาเป็นสาย กล่าวอย่างออกรสออกชาด “ไร้สาระเพคะ ไร้สาระ จะตรัสแบบอะไรแบบนี้ได้อย่างไรกัน อยากให้หม่อมฉันช้ำใจตายหรือเพคะ” ชูเซี่ยประคองมามาลุกขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “มามา ที่ไทเฮาตรัสมาก็ถูกนะเจ้าคะ คนดีมีอายุยืนยาว หากไทเฮายังไม่ถึงเวลาไป ต่อให้พระนางพูดไปกี่ครั้ง อะไรก็ไม่แน่ไม่นอนหรอกเจ้าค่ะ” ไทเฮาส่งเสียงอืม จากนั้นก็ตรัสอย่างชื่นชม “เจ้าเป็นหญิงที่ไม่เหมือนใครดีนะ มีแค่ข้าเท่านั้นที่รู้ชะตากรรมตัวเองดี อาหนาน ไปเถอะ บอกให้ฮ่องเต้เตรียมการไว้ทุกข์ให้ข้า ถือโอกาสในช่วงที่ข้ายังรู้ตัวมีสติอยู่ ฟังสิ่งที่เขาจะจัดการให้ดี ๆ” อาหนานเป็นชื่อของมามา แต่มามายอมไปที่ไหนเล่า ไทเฮาจึงทรงกริ้วขึ้นมา “ข้ายังไม่ตาย แม้แต่คำพูดของข้าก็ไม่ฟังกันแล้วหรือ” มามากลัวว่าพระนางจะทรงกริ้วขึ้นมาอย่างเฉียบพลันจนพระวรกายได้รับบาดเจ็บ นางจึงจำต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้น “เพคะ หม่อมฉันจะไปเพคะ” ในเวลานี้พระวรกายของไทเฮาเหมือนจะแข็งแรงมาก พระนางจำไม่ค่อยได้ว่านานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้ลงจากพระแท่นบรรทม ชูเซี่ยประคองพระนางเดินไปนอกห้องโถง พอยืนอยู่ตรงประตูพระนางก็หรี่ตานิด ๆ สัมผัสได้ถึงความเย็นจากฝนที่ถูกสายลมมากระทบพระพักตร์ พระวรกายเอนเอียงไปพิงชูเซี่ย “เด็กน้อย ดอกเหมยที่อยู่ตรงมุมกำแพงทิศตะวันออกที่เจ้าบอกข้า มันบานหรือแล้วยัง” อยู่พระนางก็ตรัสถาม ทว่าชูเซี่ยกลับไม่บอกให้พระนางรู้ นางยิ้มแล้วพูดกับไทเฮา “ไทเฮาลองทายดูสิเพคะ หากทายถูกหม่อมฉันมีรางวัลให้ด้วยนะเพคะ” ไทเฮารู้สึกมีความสุข แย้มพระสรวลฉีกกว้าง “รางวัลหรือ เจ้าจะเอารางวัลอะไรให้ข้ากัน” ชูเซี่ยตอบพระนาง “ไทเฮาทรงอยากได้สิ่งใด หม่อมฉันก็ให้สิ่งนั้นเพคะ” ไทเฮาเจ็บป่วยเรื้อรังมานาน สีพระพักตร์ที่ดำคล้ำอยู่แล่ว พอตอนนี้ได้ยินคำพูดของชูเซี่ยแล้วก็สว่างสดใสขึ้นมาเล็กน้อย ขจัดความคล้ำนั้นออกไป พระนางตรัสว่า “หากยอมให้ข้าขอในสิ่งที่ปรารถนา ถ้าอย่างนั้น ข้าปรารถนาให้ฝนนี้หยุดโดยเร็ววัน” ชูเซี่ยกางร่มแล้วพูด “ขึ้นอยู่กับว่าไทเฮาจะทรงทายเรื่องดอกไหมบานหรือไม่บานได้ถูกหรือไม่เพคะ หากทายถูก หม่อมฉันจะให้รางวัลที่พระนางปรารนา หากทายไม่ถูกก็ไม่เป็นไรเพคะ พรุ่งนี้ค่อยทายต่อ” ไทเฮาแย้มพระสรวล “ยังไม่บาน ข้ายังไม่ได้กลิ่นหอมของดอกเหมยโชยมา แต่คิดว่าน่าจะดอกตูมเต็มต้นแล้ว อีกครึ่งเดือนก็บานเจอลมแล้วล่ะ” ชูเซี่ยยิ้มทันที “ไทเฮาทรงทายถูกเพคะ” ชูเซี่ยเพ่งมองดอกเหมยที่อยู่ตรงมุมกำแพง ความจริงมีดอตูมอยู่ไม่กี่ดอก อันจริงควรที่จะพูดได้ว่า เมื่อก่อนนี้ดอกตูมเต็มต้น แต่เพราะฝนตกติดต่อกันครึ่งเดือน ลมพัดกระหน่ำ ดอกตูมจึงล่วงไปกว่าเจ็ดแปดส่วนแล้ว ตอนนี้ยังเหลือดอกตูมบนกิ่งที่โยกไหวเพียงไม่กี่ดอก แต่เกรงว่าคงทนอยู่ไม่พ้นวันนี้แน่ ไทเฮากุมมือชูเซี่ยไว้ พลางยิ้มและส่ายหน้า “เจ้าหยอกข้าแล้ว ฝนตกติดต่อกันหลายวันจะมีดอกตูมเสียที่ไหนกัน เกรงว่าจะร่วงหมดจนกลายเป็นโคลนไปแล้วนะสิ” ชูเซี่ยยิ้มพลางถอนหายใจ “หม่อมฉันอยากจะลองแกล้งไทเฮาที่ทอดพระเนตรไม่เห็นดูเพคะ แต่นึกไม่ถึงว่าจิตใจของพระนางจะชัดแจ้งขนาดนี้ หม่อมฉันควรได้รับโทษแล้วเพคะ” ไทเฮาแย้มพระสรวลพลางตรัสกับนาง สีหน้าค่อย ๆ จริงจังขึ้นมา “เจ้าควรได้รับโทษจริง ๆ แต่จะลงโทษเจ้าอย่างไรดี ถ้าอย่างนั้นยกเจ้าให้หลานชายข้าจะดีหรือไม่” ใจของชูเซี่ยเต้นระรัวขึ้นมา ทว่าจิตใจยังคงมั่นคงแข็งแรงดีอยู่ “ไทเฮาตรัสอะไรอย่างนั้นเล่าเพคะ” ไทเฮาแย้มพระสรวลพลางตบหลังมือนาง “แม้ตาข้าจะมองไม่เห็น แต่ใจกลับชัดเจนยิ่ง เจ้าก็เพิ่งพูดไปไม่ใช่หรือ ข้าไม่ได้เลอะเลือน ที่เลอะเลือนน่ะฮ่องเต้ต่างหาก เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะเป็นตัวแทนฮ่องเต้พระองค์ก่อนจัดการเรื่องเจ้ากับเฉินเย่นให้เรียบร้อยเอง” ในใจชูเซี่ยผวาขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าไทเฮาที่กำลังประชวรอยู่ พระเนตรมองไม่เห็น กลับสามารถรับรู้เรื่องราวได้มากมายขนาดนี้ ในใจพลันเกิดความยำเกรงขึ้นมาทันที ระหว่างที่พูดคุยกันก็ยิ่งนอบน้อมมากขึ้น นางพูดขึ้นมาว่า “เรื่องทั้งหมดปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะเพคะ หม่อมฉันไม่อยากดื้อดึง” แม้จะแต่งกับหลี่เฉินเย่นได้ แต่จะมีความสุขได้สักกี่วันกัน นางจะไม่ดื้อดึงอีกแล้ว ไทเฮาตรัสกับชูเซี่ยว่า “เจ้าประคองข้ากลับเถอะ อากาศเย็นจริง ๆ ตอนที่ข้ายังเด็กเล่นบนพื้นหิมะติดกันหลายชั่วยามก็ไม่รู้สึกหนาวแม้แต่นิด ตอนนี้แก่แล้ว ถึงจะยืนครู่เดียวก็ทนยืนไม่ไหว เห็นได้เลยว่าคนเราก็ต้องยอมรับกำเนินของโชตชะตา โชคชะตานี้รวมถึงเรื่องเกิดแก่เจ็บตายด้วย ถึงอย่างไรก็ต้องล้มหายตายจากกันอยู่ดี” คำพูดนี้ จี้เข้าไปตรงต่อมน้ำตาของชูเซี่ย ขอบตานางเปียกชุ่มไปหมด นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ประคองไทเฮาเดินเข้าไปในห้องโถง
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 88 แสงสายัณห์ของตะวันรอน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A