ตอนที่ 89 ฮ่องเต้โมโห
1/
ตอนที่ 89 ฮ่องเต้โมโห
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 89 ฮ่องเต้โมโห
ตนที่ 89 ฮ่ฮ่องเต้โมโห แม้หลี่เฉินเย่นเย่นจะอยู่เฝ้าไข้ในวัง แต่กลับยากที่จะได้พบเจอกับชูเซี่ย แม้จะพบกัน แต่ก็ไม่อาจพูดคุยได้มากมายนัก วันนี้ ฮองเฮากำลังเสวยน้ำแกงลูกบังอยู่ในตำหนัก ทว่าจิตใจกลับกระสับกระส่ายไม่นิ่ง ฮองเฮาเห็นท่าทีแล้วก็นั่งลงข้างเขาแล้วตรัส “เฉินเย่น หญิงสาวบนโลกนี้ไม่ได้มีแค่นางเพียงคนเดียว” หลี่เฉินเย่นมองไทเฮา “เสด็จแม่ตรัสอะไร ลูกไม่เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮายื่นมือไปจับหน้าเขา “เจ้าเป็นลูกแม่ ใจเจ้าคิดอะไร แม่จะไม่รู้เชียวหรือ นิสัยของเสด็จพ่อเจ้า เจ้าเองก็รู้ดี ผู้หญิงที่เขาชอบก็ต้องคว้าเอามาให้ได้ หากเจ้ายืนกรานจะตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับเขา ผลลัพธ์ที่ได้มันไม่ได้ดีหรอก” หลี่เฉินเย่นกุมพระหัตถ์ไทเฮาไว้ แล้วพูดด้วยความเสียใจ “หลายปีมานี้เสด็จแม่ได้รับความทุกข์มากเกินไปแล้ว” ฮองเฮอาแย้มพระสรวล “แม่ไม่ทุกข์หรอก ตั้งแต่แม่ให้กำเนิดเจ้า ใจแม่ก็มีแต่เจ้า ขอเพียงแค่เจ้าได้มีชีวิตสุขสบาย แม่ก็สุขสบายไปด้วย สำหรับเสด็จพ่อเจ้า เขาไม่มีทางยุดใจอยู่ที่ผู้หญงิคนใดหรอก ฉะนั้น ตั้งแต่นั้นมาแม่จึงไม่หวังอีกต่อไป เมื่อไม่มีหวัง ก็ไม่ต้องผิดหวัง และยิ่งไม่ต้องรู้สึกทุกข์” พระนางนิ่งเวียบไปชั่วครู่แล้วตรัสอีกว่า “นับตั้งแต่ชูเซี่ยจากไป แม่ก็มองหาหญิงสาวที่สามารถเข้าไปในดวงใจเจ้าได้มาตลอด แต่นึกไม่ถึงว่าคนที่สวรรค์สร้างขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นก็เดินเข้าไปในใจเสด็จพ่อเจ้าด้วย แม่รู้ว่าใจของผู้หญิงคนนั้นก็ชอบเจ้า แต่แต่ชะตาของฮ่องเต้เอาชนะได้ยาก บวกกับช่วงนี้เสด็จพ่อเจ้าหลงเชื่อคำราชครู ราชครูบอกว่านางเป็นหญิงสาวที่สูงส่ง หากแต่งเข้าวังก็จะสามารถค้ำจุนชะตากรรมของแคว้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือให้กำเนิดรัชทายาทได้ เขาจะยอมปล่อยมือง่าย ๆ หรือ ต่อให้เป็นลูกชายของเขาเอง เขาก็จะไม่อ่อนข้อให้ แม้จะปรารถนาให้เจ้ากับผู้หญิงคนนั้นได้อยู่ด้วยกัน แต่ที่ปรารถนายิ่งกว่านั้นคือเจ้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ดีได้” หลี่เฉินเย่นพูดกระซิบ “ไม่มีวิธีอื่นบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาส่งสายตามองนางกำนัลที่อยู่ข้างหลัง หลังจากที่เหล่านางกำนัลออกไปแล้ว ก็เอาสมุดรายชื่อออกมา “เสด็จพ่อเจ้ามีรับสั่งให้เลือกชายาให้เจ้า เจ้าลองดูสิ หญิงสาวพวกนี้มีใครที่เจ้าชอบบ้าง หากมีก็บอกแม่ เดี๋ยวแม่จะจัดการให้เจ้าเอง” หลี่เฉินเย่นกลับส่ายหน้า มองฮองเฮาอย่างไใ่ละสายตา “หากไม่ใช่นาง ลูกก็ไม่แต่งพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาบีบมือเขาแล้วตรัสอย่างจริงจัง "เฉินเย่น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะบุ่มบ่ามเอาแต่ใจ เสด็จพ่อเจ้าสงสัยเรื่องเจ้ากับชูเซี่ยแล้ว เจ้าไม่แต่งงานก็ได้ ไม่สู้ให้โหรวเฟยขึ้นเป็นชายาไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเอาอย่างนั้นแม่จะไปคุยกับเสด็จพ่อเจ้าให้" หลี่เฉินเย่นนึกถึงหลิวมี่เหอที่วางยาชูเซี่ย ไม่ฆ่านางก็นับว่าเมตตาแล้ว เขาจะยอมให้นางขึ้นเป็นชายาหรือ เขาพูดด้วยสีหน้าเฉียบขาด "ไม่ได้เด็ดขาด!" ฮองเฮาถอนหายใจ "ตอนที่แต่งโหรวเฟยก็เป็นความคิดเจ้าไม่ใช่หรือ ทั้งยังฉวยโอกาสตอนที่แม่ออกจากเมืองหลวงไปสวดภาวนาแต่งนางเข้ามาอีก หากไม่ได้ไทเฮาตรัสหว่านล้อมให้เจ้า เจ้าก็ถูกตัดสินลงโทษไปแล้ว ตอนนั้นเจ้าแต่งนางโดยไม่คำนึงถึงสิ่งได้ ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้เล่า หากจะบอกว่าเจ้าลืมชูเซี่ยไม่ได้ ก็ยังจะพอรับได้ แต่ตอนนี้เจ้า…นางเป็นใครกัน สำคัญมากขนาดนั้นเชียวหรือ" หลี่เฉินเย่นยืนขึ้น พลางพูดอย่างหงุดหงิด "เสด็จแม่ ข้ายอมตายยังจะดีเสียกว่า!" พอพูดจบ เขาก็ก็กล่าวทิ้งท้าย "ลูกจะไปเยี่ยมเสด็จย่า" หลังจากนั้นเขาก็ไปที่ตำหนักฉิ่นของไทเฮา ก็เห็นว่าฮ่องเต้อยู่ด้วย ส่วนไทเฮาบรรทมไปแล้ว ฮ่องเต้ดึงชูเซี่ยมาด้านข้างและพูดคุยกับนาง ชูเซี่ยเงยหน้ามองก็เห็นเขาเข้ามาก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ถอยไปหนึ่งก้าวแล้วกล่าวทำความเคารพ "ถวายพระพรท่านอ๋องเพคะ" หลี่เฉินเย่นส่งเสียงอืมตอบรับ ก่อนจะทำความเคารพฮ่องเต้ จากนั้นก็เอ่ยถามชูเซี่ย "เสด็จย่าเป็นอย่างไรบ้าง" ชูเซี่ยตอบกลับ "เรียนท่านอ๋อง ไทเฮาเพิ่งจะดื่มซุปแล้วหลับไปเพคะ" ฮ่องเต้ เมื่อเห็นหลี่เฉินเย่นเข้ามาก็ขมวดพระขนงด้วยความไม่พอพระทัย "ทำไมวันนี้เจ้าถึงได้มาเยี่ยมเสด็จย่าเจ้าได้เล่า บอกว่าจะมาเฝ้าไข้ก็ควรมาอยู่เป็นเพื่อนพระนางทุกวันสิ" หลี่เฉินเย่นรู้สึกหงุดหงิดใจ แต่ก็ทำได้เพียงพูดเสียงแข็งด้วยความโกรธ "พ่ะย่ะค่ะ ลูกทราบแล้ว" ชูเซี่ยมองหลี่เฉินเย่นอย่างค่อนข้างเป็นห่วง เพราะเกรงว่าเขาจะสะกดกั้นอารมณ์ของตนเองไว้ไม่อยู่แล้วพูดอะไรที่รุนแรงกับฮ่องเต้ จากนั้นฮ่องเต้ก็ส่งเสียงอืมตอบรับแล้วตรัสถาม "แม่เจ้าให้สมุดรายชื่อแล้วหรือยัง มีแม่นางในใจบ้างหรือไม่" ชูเซี่ยตกตะลึง ในดวงตาฉายแววความกังวลขึ้นมาทันที หลี่เฉินเย่นสบสายตากับนาง ใจบีบแน่นแล้วทูลตอบ "ลูกมีชายาอยู่แล้ว ฉะนั้น จึงไม่ต้องแต่งชายาอีกพ่ะย่ะค่ะ" สีพระพักตร์ของฮ่องเต่พลันอ่อนลงทันที "ข้ารู้ว่าเจ้ายังคิดถึงนาง แต่นางจากไปสามปีแล้ว การที่เจ้าทรมานตัวเองแบบนี้ มันทำให้แม่เจ้าเศร้าโศกข้าเองก็เป็นห่ววเจ้าเช่นกัน เจ้าคิดดูให้ดี ยิ่งตอนนี้สุขภาพของแม่เจ้าไม่ค่อยดี เพราะเอาแต่เป็นห่วงเจ้าเสมอมา" หลังจากที่ฮ่องเต้ฟังคำแนะนำของราชครูให้แต่งตั้งหลี่เฉินเย่นเป็นรัชทายาทก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงอบอุ่นแบบนี้พูดคุยกับหลี่เฉินเย่นอีก หลี่เฉินเย่นฟังแล้วก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา แต่เขารู้ว่าไม่อาจถูกความรักของคนเป็นพ่อละลายได้ เพราะหากหลงเข้าให้แล้วก็เกิดเรื่องได้ง่าย ดังนั้น เขาจึงยังคงมีสีหน้าท่าทางดังเดิมแล้วกล่าวขึ้นมา "เสด็จพ่อไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องลูกหรอกพ่ะย่ะค่ะ ลูกรู้อยู่แก่ใจดี" ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยเล็กน้อย ขณะที่กำลังคิดจะตรัสกับเขา ไทเฮาก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อน พระนางขยับอยู่บนพระแท่นบรรทมสักพัก จากนั้นก็ตรัสอย่างช้า ๆ "รู้อะไรกัน จะหาหลานสะใภ้แทนข้าหรือ ถ้าเช่นนั้นไยต้องไปหาจากที่อื่นเล่า ตรงหน้าข้าก็มีอยู่หนึ่งคนไม่ใช่หรือ ยกเวินหน่วนให้เขาก็ได้แล้ว" ฮ่องเต้ตะลึงไปชั่วครู่ ต่อมาก็รีบลุกขึ้นแล้วย่างพระบาทไปตรงหน้าพระแท่นบรรทมของไทเฮา จากนั้นก็ตรัสพร้อมกับรอยพระสรวล "เสด็จแม่ตรัสอะไรพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้จะว่าไปชายาของอ๋องหนิงอัน คนที่จะเป็นภรรยาของแม่ทัพอินทรีบิน ก็ต้องมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงนะพ่ะย่ะค่ะ..." "ผายลมเถอะ ข้าที่เป็นแม่เจา้ก็แค่หญิงขุดกระจับที่ซูเจียง ไม่ใช่ว่าเสด็จพ่อเจ้าหลงรักข้ามาหลายปีหรอกหรือ แค่ถูกใจกันก็พอแล้ว จะพูดเรื่องฐานะอะไรกัน คร่ำครึ!" ไทเฮาตำหนิเบา ๆ จากนั้นก็ส่งสัญญาณบ่งบอกว่าให้ชูเซี่ยประคองพระนางลุกขึ้นนั่ง ฮ่องเต้เงยพระพักตร์ชำเลืองมองนางแล้วตรัสอย่างกระอึกกระอัก "แต่ท่านหมอเวินเคยบอกกับข้าว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่แต่งงาน จะดึงดังได้อย่างไร ถึงอย่างไรก็ไม่ได้อยู่ดี!" ไทเฮารู้สึกไม่พอพระทัย "มีผู้หญิงที่ไหนที่ไม่แต่งงานกัน แล้วอย่างไร นางบอกว่าไม่แต่งก็จะไม่แต่งหรือ เจ้าต้องแต่งตั้งสถานะศูงศักดิ์ให้นาง ไม่อย่างนั้นข้าจะออกคำสั่งแต่งตั้งเอง ให้โหวเยี่ยเป็นพ่อนาง เป็นพี่น้องหลิวหยิงหลง แต่งเข้าจวนอ๋อง ไม่นับว่าน่าชื่นชมหรอกหรือ" มีหรือที่ฮ่องเต้จะยินยอม แต่เพราะไม่อยากกระตุ้นโทสะไทเฮา จึงได้แต่ตรัสว่า "เรื่องนี้หารือกันภายหลังเถิดพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเฉินเย่นไม่ยอมแต่ง เรื่องนี้ก็ไม่อาจบังคับได้" ไทเฮาแค่นเสียงทันที "เขาไม่ยอมหรือ หากเขาไม่ยอม ข้าก็จะไม่นับเขาเป็นหลาน เฉินเย่น เจ้าบอกกับย่าสิ เจ้าไม่ยอมแต่งงานกับเวินหน่วนใช่หรือไม่" ใจของหลี่เฉินเย่นเต้นตุบ ๆ ขุมขนเปิดไปทั่วร่าง คำว่ายินยอมกำลังจะออกจากปาก ทว่าฮ่องเต้กลับยั้งไว้เสียก่อน "เสด็จแม่ เสด็จแม่พักผ่อนเถอดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ยับยั้งไว้ก่อน" ทว่า หลี่เฉินเย่นกลับก้าวขึ้นมาแล้วกล่าวว่า "เสด็จย่า หลาน..." ฮ่องเต้ขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด "เฉินเย่น เจ้าออกไปกับข้า ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า!" หน้าของหลี่เฉินเย่นทะมึนทึงลงทันที เขามองชูเซี่ยอย่างลังเล มือของชูเซี่ยชุ่มเหงื่อไปหมด พลางจ้องเขาอย่างใจจดใจจ่อ เรื่องแต่งงาน เกือบจะถูกตัดสินไปแล้ว แต่ไทเฮาเลือกตรัสก่อนฮ่องเต้ เพื่อลิขิตชะตาที่ถูกกีดกัน ไทเฮาตรัสอย่างช้า ๆ ว่า "ฮ่องเต้ เจ้าจะทำอะไร ข้ากำลังถามเฉินเย่นอยู่นะ" ฮ่องเต้ตรัสว่า "เสด็จแม่ เรื่องนี้เกี่ยวข้องอย่างใหญ่หลวง เสด็จแม่รักษาพระทัยและพระวรกายให้ดีเถิด แล้วค่อยพูดกันคราวหลังพ่ะย่ะค่ะ สำหรับชายาของเฉินเย่น ลูกมีคนที่เลือกไว้ในใจแล้ว เสด็จแม่ไม่ต้องร้อนใจไป ลูกกับฮองเฮาจะจัดการให้เหมาะสมเรียบร้อยเอง เสด็จแม่เพียงแค่รักษาพระวรกายให้ดี คอยรับน้ำชาจากหลานสะใภ้ก็พอพ่ะย่ะค่ะ" หลี่เฉินเย่นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกทันที "เสด็จพ่อ ลูกไม่แต่งพ่ะย่ะค่ะ!" ฮ่องเต้ตรัสด้วย้ำเสียงโมโห "มันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะตัดสินใจอะไร นับแต่โบราณมาก็ต้องทำตามคำสั่งของพ่อแม่และแม่สื่อ อีกอย่างเจ้าเป็นถึงชินอ๋อง เรื่องแต่งงานจำต้องได้รับพระราชทานจากข้า เป็นกฎธรรมเนียมที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษ แม้แต่เสด็จย่าของเจ้าก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้" สองมือของหลี่เฉินเย่นลู่ตกลง คิ้วก็ตกลงเช่นกัน น้ำเสียงนุ่มนวล ทว่ากล่าวด้วยความไร้ข้อคำถาม "ลูกพูดไปแล้วว่าลูกไม่แต่ง หากเสด็จพ่อบังคับอีก ถ้าเช่นนั้นลูกก็จะไม่เป็นชินอ๋องอีกต่อไป" ฮ่องเต้กริ้วจนตัวสั่น ชี้นิ้วไปที่เขาพลางตรัสเสียงสูง "เจ้าพูดเนรคุณเช่นนี้เชียวหรือ ก็ได้ ดูเหมือนว่าสาเหตุจะมากการที่ข้ารักเอ็นดูเจ้ามากไป หากวันนี้ข้าไม่สั่งสอนเจ้า เจ้าก็คงจะไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ" ตรัสจบ ก็ตระโกนขึ้นมา "ใครก็ได้เข้ามาที!" องครักษ์เดินเข้ามาจากนอกประตู "พ่ะย่ะค่ะ!" ฮ่องเต้สะบัดชายพระองค์ ตรัสสั่งกับองครักษ์ "อ๋องหนิงอันกล่าววาจาไม่นอบน้อมต่อพระพักตร์ไทเฮา เถียงข้ากับไทเฮา ลากออกไปโบยสามสิบไม้เป็นการเตือนอย่าให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง" องครักษ์ตะลึงงัน เพราะไม่เคยมีเรื่องโบยชินอ๋องในวังมาก่อน อ๋องหนิงอันพูดอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้ฮ่องเต่ทรงกริ้วแบบนี้ ใจของชูเซี่ยรู้สึกตกใจ มือดึงแขนฉลองพระองค์ของไทเฮาเบา ๆ การกระทำนี้ตกอยู่ในสายพระเนตรของฮ่องเต้ เขาไม่รอให้ไทเฮาออกเสียงก็ตรัสขึ้นมาก่อน "หากเสด็จแม่ตรัสห้ามสปรามข้า ห้าหนึ่งประโยค โบยเพิ่มอีกสิบไม้" ไทเฮารู้ว่าตอนที่ฮ่องเต่ไม่กริ้วยังพอจะรับมือได้ แต่พอทรงกริ้วแล้วก็จะไม่ฟังใครทั้งสิ้น แต่ถ้าพระนางต้องทนมอนหลานของตนถูกโบย แน่นอนว่าพระนางทนดูไม่ได้ พระนางตรัสกับชูเซี่ยด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก "เจ้าประคองข้าลุกขึ้นหน่อย ข้่างนอกฝนยังตกอยู่ใช่หรือไม่ หลานคนนี้ไม่เชื่อฟังเป็นเพราะการสั่งสอนมีปัญหา ข้าจะออกไปคุกเข่าข้างนอก ขอประทานอภัยจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพราะไร้ปัญญาสั่งสอนหลาน" ชูเซี่ยมุ่นคิ้ว "ได้อย่างไรกันเพคะ ไทเฮาพระวรกายอ่อนแอ อย่าว่าแต่ออกไปคุกเข่าท่ามกลางสายฝนเลยเพคะ เกรงว่าแม้แต่คุกเข่าในห้องพระก็จนทนไม่ไหวนี่สิเพคะ" ไทเฮาตรัสขึ้นมาเบา ๆ "ตายก็ดีสิ ถึงอย่างไรข้าก็ใกล้ตายอยู่แล้ว จะตายช้าหรือเร็วก็ต้องตายอยู่ดี ถึงไม่ถูกลูกหลานไม่รักดีพวกนี้ทำให้โมโหจนกระอักเลือด ต่อให้ไม่ตายก็ตกนรกทั้งเป็นอยู่ดี" หลี่เฉินเย่นคุกเข่าทันที พร้อมกับกล่าวอย่างละอายใจ "เสด็จย่า เป็นเพราะหลานไม่ดีเอง หลานไม่ควรเถียงเสด็จพ่อ" แม้ฮ่องเต้จะค่อนข้างร้อนพระทัย แต่ก็ยังยืนอย่างแข็งขืนไม่ตรัสสิ่งใด เขาเป็นกษัตริย์ ในเมื่อมีคำสั่งงไปแล้วก็ไม่อาจคืนคำได้ ทว่า องครักษ์ไม่กล้าเข้ามาลากตัวหลี่เฉินเย่น หากลากตัวคน ไทเฮาคงออกไปคุกเข่าจริง ๆ หากเกิดเรื่องขึ้น พวกเขายากจะหนีความผิดเช่นกัน แต่ไทเฮาตั้งพระทัยแน่วแน่แล้วว่าจะออกไป ชูเซี่ยไม่ได้ช่วยประคองพระนาง พระนางหารองพระบาทไม่เจอก็ออกไปยืนบนพื้นเย็นทั้งที่พระบาทเปล่า ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นแล้วก็รู้สึกปวดพระทัยอย่างถึงที่สุด จากนั้นก็รีบก้าวเข้าไปประคองไทเฮา "เสด็จแม่ เสด็จแม่จะทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่นอนลงเถอะพ่ะย่ะค่ะ พอแล้ว พอแล้ว ไม่โบยแล้วก็ได้" ไทเฮาทรงบรรลุเป้าหมายแล้ว ทว่าพระโอษฐ์กลับไม่ให้อภัย "เจ้าอย่าได้เปลี่ยนความคิดเพราะข้าเลย เจ้าเป็นกษัตริย์ พูดว่าโบยก็ต้องโบย ข้าเองก็จะไม่ห้ามปรามเจ้า" ฮ่องเต้ถอนพระอุระ "เป็นข้าที่ตัดใจตีไม่ลงเอง เสด็จแม่ไม่ได้ห้ามข้า" ไทเฮาได้ยินถึงได้ให้อภัยเขา แต่พอรู้ว่าไม่อาจพูดเรื่องการแต่งงานของหลี่เฉินเย่นกับชูเซี่ยได้อีก ได้แต่เก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อนชั่วคราวและคิดหาวิธีอื่น ฮ่องเต้ทรงปลอบโยนไทเฮา เงยพระพักตร์ทอดพระเนตรชูเซี่ย แววพระเนตรคมกริบเหมือนกับคมมีด ชูเซี่ยไม่กล้ามองเขาจึงเอาแต่ก้มหน้า คิดหาวิธีถอนตัวเงียบ ๆ อยู่ในใจ นางรู้ว่าฮ่องเต้ต้องบีบบังคับถามนางเรื่องการกระทำเมื่อครู่แน่ ผลสุดท้าย ฮ่องเต้ก็เอ่ยตรัสด้วยน้ำเสียงไม่แยแส "เวินหน่วน เจ้าออกมากับข้า!" ชูเซี่ยก้มหน้าตอบรับ "เพคะ" หลี่เฉินเย่นก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแชะคิดหมายจะตามออกไปด้วย ทว่า ฮ่องเต้กลับตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เจ้าอยู่ที่นี่เฝ้าเสด็จย่าของเจ้าเถอะ" ชูเซี่ยโบกหลังมือให้เขาเพื่อให้เขาสบายใจ จากนั้นก็ตามฮ่องเต้ออกไปจากโถงตำหนัก
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 89 ฮ่องเต้โมโห
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A