ตอนที่ 90 เจ็บปวดจนอยากตาย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 90 เจ็บปวดจนอยากตาย
ต๭นที่ 90 เจ็บปวดจนอยากตาย ห้องโถงใหญ่กว้างโล่ง ประตูใหญ่ปิดลง ผ้สแพรต่วนลู่ตรง ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิด เหมือนกับว่าทุกสิ่งอย่างรวมถึงอากาศภายในที่นี้นิ่งหยุดอยู่กับที่ ฮ่องเต้ยืนตรงหน้าชูเซี่ย เขามองนางอย่างจริงจังและเย็นชา ทันใดนั้นก็ยื่นมือไปเชยคางชูเซี่ย บีบบังคับให้นางเงาหน้ามองตนเอง พลางตรัสอย่างรุนแรง "เจ้ากล้าพูดกับข้าไหมว่าเจ้าไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวกับเขา ข้าขอเตือนเจ้า เจ้าเป็นได้เพียงผู้หญิงของข้าเท่านั้น" ชูเซี่ยถูกบังคับให้มองฮ่องเต้ นางจิตใจมั่นคง แววตานิ่งสงบ น้ำเสียงราบเรียบ "หม่อมฉันไม่รู้ว่าฝ่าบาทกำลังตรัสอะไรเพคะ" ฮ่องเต้ออกแรงบีบมากขึ้น พร้อมกับตรัสอย่างเยือกเย็น "ไม่รู้หรือ ดี งั้นข้าจะทำให้เจ้ารู้เอง!" พูดจบก็โอบเอวชูเซี่ย แล้วฉวยโอกาสประทับพระโอษฐ์ลงบนปากของชูเซี่ยอย่างรุนแรง ชูเซี่ยรู้สึกขยะแขยงที่ปากเขาประกบลงบนปากของตน น้ำย่อยปะทุไหลย้อนขึ้นจนแทบจะอาเจียน นางรีบดิ้นออกแล้วถอยห่างไปสองก้าวโดยที่ไม่สนอารมณ์โกรธของฮ่องเต้ "อภัยด้วยเพคะฝ่าบาท!" นางรีบเข้าไปที่โถงตำหนักฉิ่นอย่างรวดเร็วทันที นางพุ่งเข้าไปข้างในจนเกือบจะชนกับหลี่เฉินเย่นเข้าให้ หลี่เฉินเย่นประคองร่างนางไว้ เมื่อเห็นแก้มนางมีรอยฟกช้ำดำเขียวก็พูดด้วยน้ำเสียงโมโห "เขาทำอะไรเจ้า" ทว่า ชูเซี่ยกลับส่ายหน้า "ไม่มีอะไร!" นางสูดหายใจเข้าลคก ถึงอย่างไรก็ไม่อาจให้หลี่เฉินเย่นรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เด็ดขาด มิเช่นนั้น เกรงว่าเขาจะโวยวายจนเรื่องใหญ่ได้ "ไม่มีอะไรงั้นหรือ" แน่นอนว่าหลี่เฉินเย่นไม่เชื่อ ชูเซี่ยเบาเสียงตอบเขา "เขาแค่สั่งสอนข้าไม่กี่คำน่ะ" นางไม่ได้ผลักหลี่เฉินเย่นออก เพราะเมื่อครู่นี้ตอนที่วิ่งเข้ามา นาวได้ยินเสียงฮ่องเต้เปิดประตูออกไปอย่างโมโหโกรธา ไทเฮาถอนหานใจพลางตรัส "ข้าคิดจะช่วยพวกเจ้า แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปหมด เป็นเพราะข้าใจร้อนเอง" หลี่เฉินเย่นนั่งลงตรงหน้าพระแท่นบรรทมของไทเฮา "เสด็จย่าไม่ต้องเป็นห่วงหลานหรอกพ่ะย่ะค่ะ หลานมีวิธ๊รับมือ" คำพูดพวกนี้เป็นเพียงคำพูดปลอบพระทัยไทเฮา เขาหรือจะมีวิธีอะไรจำพวกนั้น คน ๆ นั้นเป็นฮ่องเต่องค์ปัจจุบัน เป็นเสด็จพ่อของเขา สถานะทั่งสองนี้กดเขาเอาไว้ กดเสียจนเขาแทบหายใจไม่ออก ไทเฮาส่ายพระพักตร์ "เขาไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่ เขาเอาแต่กลัวว่าจะปกบัลลังก์ตนเองไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ใช่ว่าจะได้มาอย่างชอบธรรม ถึงได้เอาแต่หวาดระแวงเช่นนี้" หลี่เฉินเย่นตะลึงงัน จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าสถานะฮ่องเต้ของเสด็จพ่อนั้นมีที่มาอย่างไร เขาก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น หลังจากนี้ไปเกรงว่าฮ่องเต้จะระแวงเขามากกว่าเดิมแล้ว ชูเซี่ยกุมมือเขาไว้แล้วพูด "อย่ากังวลไปเลย ต้องมีวิธีแก้ไขแน่" ตานางฉายแววเย็นเยือก เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่ควรเก็บงำอดกลั้นอีก มิฉะนั้น หากเรื่องดำเนินไปในทางที่แย่ลง หลี่เฉินเย่นคงถูกเล่นงานทุกวิถีทางแน่ หลังจากที่ออกจากโถงบรรทมของไทเฮาแล้ว นางก็ไปที่สำนักตำราหลวง เพื่อขอออกจากวัง ก่อหน้านี้ฮ่องเต้มีรับสั่งให้นางเข้าวัง เคยตรัสไว้ว่าหากไม่มีคำสั่งจากเขาก็ออกจากวังไม่ได้ ดังนั้น นางจึงต้องมาขอคำสั่งให้นางออกจากวัง ฮ่องเต้ไม่ยอมพบนาง เพียงรับสั่งให้เสี่ยวเต๋อจื่อออกมาบอกกล่าวเท่านั้น จากนั้นก็ถามว่านางต้องออกวังเพราะเหตุใด นางพูดเพียงว่าต้องการไปเอาเข็มทอง เพื่อนำมาใช้รักษาไทเฮา ฮ่องเต้ได้ยินแล้วก็ทรงอนุญาต แต่สั่งให้องครักษ์ติดตามนางออกจากวังด้วย เพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวของนาง ชูเซี่ยกลับมาที่จวนอ๋องเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่าง ความจริงล่วมยาอยู่ที่วังหลวงแล้ว แต่นางออกมา เพื่อจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างเท่านั้น พอเก็บของเสร็จ นางก็พูดว่าจะกลับวัง แต่พอก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็พูดขึ้นมาอีก "ข้าต้องไปดูสุนัขของข้าหน่อย" ต่อจากนั้นก็ไปที่โรงเลี้ยงลา องค์รักษ์จะตามนางไปด้วย ชูเซี่ยกล่าวว่า "พวกท่านรอที่นั่นแหละ สุนัขของข้ากลัวคนแปลกหน้า ไม่เช่นนั้นมันจะกัดเอา" องครักษ์ลังเลสักพัก "งั้น ท่านหมอรีบไปรีบกลับมาเถอะ" พวกเขาเฝ้าอยู่ที่ประตู ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนเข้าออก ชูเซี่ยเดินมาถึงโรงเลี้ยงลา "หัวหน้าเหมา ข้าจะเอายาชาด" หัวหน้าเหมาถอนหายใจ "เจ้าคิดดีแล้วหรือ" ชูเซี่ยพูดอย่างเฉียบขาด "ข้าคิดดีแล้ว" หัวหน้าเหมาคายเม็ดยาสีแดงออกมาจากปากแล้วพูดว่า "เจ้ากินยาชาดนี้ แม้เจ้าจะตายไปแล้ว วิญญาณของเจ้าก็ไม่อาจกลับไปที่โลกของเจ้าได้" ความทุกข์ฉายบนใบหน้าของชูเซี่ย "แต่ข้าก็ไร้หนทางแล้วเช่นกัน" ยาชาดนี้เป็นยาที่อาจารย์มอบให้นางไว้ก่อนตาย ยาเม็ดนี้คือยาชุบชีวิต สามารถให้พลังวิญญาณแก่นางได้ แต่เพราะเป็นของจากเซียน มนุษย์ธรรมดาจึงไม่อาจกินตามอำเภอใจได้ พอกินยาชาดแล้ว วันถัดไปชีวิตก็จะจบสิ้น และวิญญาณของนางก็จำต้องได้รับการชำระล้าง ชำระล้างอย่างไรน่ะหรือ ก็คือเฝ้าดูเตาหลอมยากลั่นยาอายุวัฒนะให้เทพเซียนหนึ่งร้อยปี ตอนนั้นอาจารย์บอกนางว่า หากนางตายครั้งนี้ก็ไม่อาจหาร่างได้อีก เพราะนางไม่อาจปรับตัวให้เข้ากับกาลเวลานี้ได้ และต้องส่งวิญญาณนางกลับไปจุติในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ก่อนจุติเกิด หากสถานการณ์เป็นในอนุญาติให้นางพบพ่อแม่ของนางสักครั้ง เพื่อกล่าวคำอำลา ความปรารถนานี้อยู่ในใจของชูเซี่ยมาตลอด แม้จะรู้ว่าอาจจะไม่ได้พบ แต่อาจารย์นางรับปากไว้แล้วว่าจะพยายามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางกำยาชาดไว้ในมือ จากนั้นก็วางเจ้าถ่านลงแล้วพูดกับหัวหน้าเหมา "ช่วยข้าดูแลเจ้าถ่านหน่อย ข้ากลับมาได้ไม่เร็วนัก" พูดจบ นางก็หันกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยว เอายาชาดที่อยู่ในมือเข้าปากแล้วกลืนมันลงไป ยาชาดเม็ดนี้ ให้พลังวิญญาณนางได้แค่บางส่วน แต่ไม่สามารถยืดอายุขัยของนางได้เพียงพอ และกล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือ ไม่ว่าวันสิ้นอายุขัยของนางจะมาถึงเมื่อไหร่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเพราะยสาชาดเม็ดนี้ได้ ใจของชูเซี่ยเสียใจเหมือนกับอากาศที่หมองหม่นในเวลานี้ นางรู้ดีว่าตนเองไม่มีโอกาสที่จะได้พบหน้าพ่อแม่อีกแล้ว เพื่อปกป้องตนเอง เพื่อปกป้องเขา แม้แต่คนรัก นางก็ไม่ต้องการแล้ว นางอยากร่ำไห้ออกมา ร้องไห้ให้กับความอกตัญญูของตน ร้องจนตนเองไม่รู้ความตายมาถึงเมื่อไหร่ บนรถม้า นางเริ่มรู้สึกปวดท้อง แม้ความรู้สึกปวดจะไม่ได้มาเยือนนานแล้วก็ตาม แต่นางก็ยังทนไม่ได้กับความเจ็บปวดเช่นนี้ นางกุมท้องไว้ กัดฟันแน่นด้วยความอดกลั้นอดทน อาจารย์เคยบอกไว้ว่า หลังจากกินยาชาดไปแล้ว นางจะปวดไปถึงหกชั่วยาม และความปวดนี้จะทรมานนางจนไม่อาจร้องขอความเป็นความตายได้ นางรู้สึกได้ว่ามีของเหลวหยดลงไปบนมือนาง นางก้มหน้ามองสักพัก หยดเลือดสีแดงสดแตกตัวราวกับความสวยงามของดอกไม้ นางกัดปากตัวเองจนแตก แต่กลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บนั้นแม้แต่นิด นางรู้สึกเหมือนท้องตัวเองราวกับโดนซุนหงอคงเจาะเข้าไป เขากำลังกลิ้งไปมาอยู่ข้างใน แล้วหยิบเอากระบองห่วงทองทิ่มไปมาตามอำเภอใจ หน้าผากมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดซึมออกมา ความเจ็บปวดรุนแรงดั่งพายุกระหน่ำถาโถมเข้ามา แม้กระทั่งหายใจก็ยังแทบหายใจไม่ออก นางเปิดม่านออก ทันใดนั้นรถม้าก็วิ่งช้าลง องครักษ์ที่อยู่ข้างนอกเห็นหน้าเหยเกซีดขาวของนางก็ตกใจจนหน้าซีดตามไปด้วย รีบเอ่ยถามทันที "ท่านหมอเวิน ท่านเป็นอะไรไปหรือ" ชูเซี่ยยื่นมือไปจับขอบรถม้า นางดึงองครักษ์ไว้แล้วพูดขึ้นว่า "ตีข้าให้สลบที ข้าปวดมากเลย!" แต่องครักษ์จะกล้าที่ไหนเล่า องครักษ์นายหนึ่งรีบประคองนางที่เกือบตกลงไป จากนั้นก็เร่งรถม้า รีบควบบังเหียนทันทีแล้วพูดขึ้น "รีบกลับวังเร็ว!" ชูเซี่ยแทบจะเอนพิงอยู่ในอ้อมแขนขององครักษ์ ความปวดนั้นทรมานนางจนนางไม่อาจยันกายลุกขึ้นได้ สติของนางค่อนข้างเลือนลาง พอก้มเห็นมือขององครักษ์ที่ประคองนางอยู่ ปาด็กัดข้อมือขององครักษ์ทันที องครักษ์เจ็บจนตัวสั่น แต่ก็ได้แต่อดทนไว้อย่างถึงที่สุด ชูเซี่ยปวดจนกัดฟันจนสั่นไปหมด พอรู้สึกได้ถึงรสเลือดที่อยู่ในปากก็เริ่มตั้งสติได้เล็กน้อย นางมองข้อมืออันน่าสยดสยองขององครักษ์แล้วพยายามฝืนความเจ็บปวดกล่าวด้วยความอ่อนโรย “ขอ...โทษ” องครักษ์เห็นนางปวดหนักขนาดนี้ก็พูดกับนางว่า “ไม่เป็นไรขอรับ ท่านหมอเวิน หากท่านรู้สึกว่ากัดกระผมแล้วสบายตัวขึ้นก็กัดเถอะ” ชูเซี่ยส่ายหน้า มองเขาด้วยสายตาเลื่อนลอย “ท่านสกัดจุดเป็นหรือไม่ ท่านสกัดจุดข้าเถอะ หรือไม่ก็ตีข้าให้สลบเสีย” องครักษ์ส่ายหน้าเหมือนกลองเขย่าเด็กเล่น “ไม่ได้ หากฝ่าบาทรู้เข้า ฝ่าบาทได้ฆ่ากระผมแน่” ชูเซี่ยจับเสื้อผ้าตรงหน้าอกเขา แล้วกล่าวอ้อนวอนด้วยความใจสู้ทว่าไร้กำลัง “เจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด ใครจะรู้เล่า เร็ว ตีข้าให้สลบเถอะ” องครักษ์ที่ถูกนางดึงเสื้อไว้ดิ้นรนอยู่สักพัก เมื่อเห็นว่านางเจ็บมากขนาดนั้น ความลังเลก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตา แต่พอนึกถึงความรักความเทิดทูนที่ฮ่องเต้มีต่อนาง เขาจะกล้าลงมือที่ไหนกัน เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็วางมือไว้ตรงปากนาง “ท่านกัดข้าเถอะ จะกัดแรงเท่าไหร่ข้าก็ไม่กลัว” ชูเซี่ยกลับตาลง ความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาอย่างโหมกระหน่ำ นางปวดจนกรัดร้องออกมา จากนั้นก็กัมือขององครักษ์ องครักษ์เจ็บจนกัดฟันแสยะปาก แต่กลับไม่ส่งเสียงร้อง ชูเซี่ยกัดมือของเขาแน่นจนหยดเลือดไหลซึมออกมาและไม่อาจปล่อยมือได้ พกลับมาถึงวังหลวง ชูเซี่ยปวดจนแทบสลบไป องครักษ์อุ้มนางขึ้นแล้วรีบพาไปตำหนักบรรทมของไทเฮาอย่างรวดเร็ว หลี่เฉินเย่นกับอ๋องเก้าอยู่ในโถงห้องบรรทมของไทเฮา พอเห็นองครักษ์อุ้มชูเซี่ยเข้ามา หลี่เฉินเย่นก็จนใจจนรีบพุ่งตัวเข้าไปหาทันที เขารับตัวชูเซี่ยมาจากองครักษ์แล้วถามอย่างโมโห “เกิดอะไรขึ้น” องครักษ์กล่าวตอบทั้งที่หอบหายใจอยู่ “ท่านอ๋อง กระผมก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับ ตอนที่ท่านหมอเวินนั่งรถม้ากลับวัง อยู่ ๆ ก็ปวดท้องกะทันหัน” อ๋องเก้ามองหน้าที่แทบจะทนไม่ไหวของชูเซี่ย ตรงขมับเปียบชุ่ม ไม่รู้ว่าเป็นน้ำฝนหรือหยาดเหงื่อ สีหน้าขาวราวกับกระดาษ จากนั้นก็ตะคอกขึ้นมา “ยังไม่รีบไมตามหมอหลวงอีก” องครักษ์รีบออกไปทันที มือของชูเซี่ยลู่ตกลง มุมปากมีเลือดซึมออกมา อ๋องเก้ามองอยู่สักพักก็พูดอย่างตกใจ “แย่แล้ว นางกัดลิ้น!” หลี่เฉินเย่นตกใจจนสติหลุดออกจากร่าง จากนั้นก็รีบเอามือของตนยัดเข้าไปในปากนาง ชูเซี่ยกัดอย่างไร้สติ ร่างกายสั่นไม่หยุด ความปวดนั้นไม่ลดลงแม้แต่นิด นางยอมตายไปแบบนี้ดีกว่า และไม่อยากปวดแบบนี้ไปอีกหลายชั่วยาม หลี่เฉินเย่นเอามือที่เหลืออีกข้างอุ้มนางแล้ววิ่งเข้าไปที่โถงด้านข้าง เขานั่งบนเตียง ใช้มืออีกข้างกอดนางแน่น ส่วนมืออีกข้างยังถูกนางกัดอยู่ เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บ มีเพียงแค่ความหวาดกลัวและเจ็บปวดใจอันแน่นอยู่เต็มเท่านั้น อ๋องเก้าสั่งให้นางกำนัลไปเอาช้อนมาให้หลี่เฉินเย่นเปลี่ยนเอามือตนเองออก ชูเซี่ยเบิกตาโพรง มองซ่งิว๋นเฉินเย่นเขม็ง เม็ดเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก น้ำตาเม็ดใหญ่ก็ไหลออกมาจากหางตาเช่นกัน นางใองหลี่เฉินเย่นเย่นด้วยความปวดใจจนยากจะทนไหว "เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ปวดขนาดนี้ เจ้ากินอะไรเข้าไป เป็นยาพิษใช่หรือไม่" หลี่เฉินเย่นเร่งถามนางติด ๆ กัน นางสั่นไปทั้งตัว ในปากกำลังกัดช้อนเอาไว้ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่มีน้ำตาไหลออกมาอย่างไมาขาดสาย อ่องเก้าคิดอะไรไปมาอยู่สักพัก จากนั้นก็ยื่นมือไปออกแรงกดกระเพาะส่วนล่างของนาง หลี่เฉินเย่นยังไม่ทันตั้งสติได้ว่าเขากำลังทำอะไร พอนึกขึ้นได้ก็ดึงเขาออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด “ท่านทำอะไร ท่านจะทำอะไร” อ๋องเก้าผลักเขาออก "สกัดจุดยับยั้งความเจ็บ นางใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว" หลี่เฉินเย่นได้ยินถึงได้ตั้งสติได้ จากนั้นก็รีบย้อนกลับไปสกัดจุดบนร่างกายนางอีกสองสามจุด สุดท้าย ก็เห็นว่าชูเซี่ยค่อย ๆ นิ่งสงบลง แต่นางไม่รู้ว่าเวลาที่สกัดจุดยับยั้งไว้นั้นอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งชั่วยาม หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม นางก็ยังคงต้องปวดอยู่ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก!” สุดท้ายนางก็พูดออกมาได้แล้ว ความเจ็บปวดห่างหายไปจากร่างกาย นางในเวลานี้ ในที่สุดก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่หายไปจนหมดสิ้นจากร่างกายและคิดว่าเป็นเรื่องที่มีความสุขมากเลยทีเดียว หลี่เฉินเย่นเอื้อมมือไปลูบหน้านาง เอ่ยถามนางอย่างร้อนรน "เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าถึงได้เจ็บขนาดนี้" ชูเซี่ยไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเขาอย่างไร นางหลับตาสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ลืมตาพร้อมกับพูดอย่างเชื่องช้า "ข้าปวดนิวในไตน่ะ!" 
已经是最新一章了
加载中