ตอนที่ 93 ส่งคำสั่งปลอม   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 93 ส่งคำสั่งปลอม
ต๭นที่ 93 ส่งคำสั่งปลอม ชูเซี่ยคิดถึงเรื่องพรรคพวกนี้นางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา นางก็แค่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างเรียบง่ายเท่านั้นนางไม่อยากหาเรื่องยุ่งยากเข้ามาใส่ตัวเพิ่มขึ้นจึงเลือกที่จะปฎิเสธออกไป “หม่อมฉันไม่กล้ารับหรอกเพคะ นี่เป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนเหล่าเชื้อพระวงศ์ไม่ใช่หรือเพคะ ข้าเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้พวกเขาไม่มีทางรับฟังคำสั่งของข้าหรอกเจ้าค่ะ” ไทเฮาทรงตรัส “พรรคมังกรเหินจะเชื่อฟังตรามังกรเหิน อีกอย่างเราสั่งให้คนไปแจ้งต่อชาวสำนักเรียบร้อยแล้วว่าเจ้าเป็นนายหญิงคนใหม่ของพรรค ไม่มีเรื่องใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้” ชูเซี่ยหันไปมองหลี่เฉินเย่นอย่างขอความช่วยเหลือ ชายหนุ่มเมื่อเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยออกมาเสียงเบา “ในเมื่อเสด็จย่าทรงจัดการเรื่องทุกอย่างไว้ให้เจ้าเรียบร้อย เจ้าก็ยอมรับแต่โดยดีเถิด” ชูเซี่ยได้ยินหลี่เฉินเย่นกล่าวออกมาเช่นนั้นก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ นี่มันมัดมือชกนางชัดๆ แล้วนางจะทำเช่นไรได้เล่านอกจากเอ่ยออกไปว่า “เช่นนั้น ชูเซี่ยขอบพระทัยองค์ไทเฮาที่เมตตาเพคะ” ไทเฮาทรงสรวลอย่างยินดี นางเอื้อมมือไปดึงมือชูเซี่ยไว้ “เรายังอยากได้ยินเจ้าเรียกเราว่าเสด็จย่าอีกสักครั้ง” “เพคะ เสด็จย่า!” ชูเซี่ยส่งเสียงเรียกอย่างเขินอาย คำเรียกเสด็จย่านี้ให้ความรู้สึกต่างจากเมื่อก่อนมากโข เพราะเมื่อก่อนนางเรียกในฐานะที่ตนเป็นหลิวหยิงหลง แต่ในยามนี้นางเป็นตนเอง เป็นชูเซี่ย พระพักตร์ของไทเฮาอ่อนโยนยิ่ง แต่จู่ๆก็ทรงถอนพระปัสสาสะออกมา “เราอยากมีชีวิตอยู่ถึงวันที่พวกเจ้าสองคนแต่งงานกันเหลือเกิน!” หลี่เฉินเย่นไม่สบายใจกับถ้อยคำของเสด็จย่า “เสด็จย่าอย่าได้ตรัสเช่นนั้น พระองค์จะต้องดีขึ้นแน่!” ไทเฮาทรงแย้มสรวล “อืม เด็กน้อย เจ้าออกไปก่อนได้หรือไม่ เรามีเรื่องเกี่ยวกับพรรคมังกรที่อยากพูดคุยกับชูเซี่ยเสียหน่อย!” หลี่เฉินเย่นรีบคำและออกไปแต่โดยดี ชูเซี่ยพยุงไทเฮาลุกขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปรินน้ำถวาย “ดื่มน้ำสักหน่อยก่อนนะเพคะ!” ไทเฮาทรงวางแก้วในมือลง สีพระพักตร์ของพระองค์จริงจังยิ่ง “ยังก่อน เรามีเรื่องบางเรื่องที่จะต้องพูดกับเจ้าให้ได้เสียก่อน” ชูเซี่ยเห็นว่าพระองค์จริงจังนางก็คุกเข่าลงกับพื้น “เสด็จย่ามีอะไรโปรดตรัสมาเลยเพคะ!” สีพระพักตร์ของไทเฮาเศร้าหมองยิ่ง “เราเองก็แก่มากแล้ว เหลือเวลาอยู่ไม่มากนัก เจ้าเองก็ไม่จำเป็นต้องลำบากใจไปหรอกนะ เรารู้ว่าเจ้าอยากจะรักษาเราให้หาย แต่ทว่าสำหรับคนที่มีใจเตรียมพร้อมที่จะตายแล้วต่อให้เจ้าช่วยเขาได้ครั้งหนึ่งก็ไม่อาจช่วยเขาได้เป็นครั้งที่สองหรอก” ชูเซี่ยนิ่งอึ้ง “เสด็จย่าหมายความเช่นไรเพคะ” พระอัสสุชลของพระองค์ไหลริน สุรเสียงสั่นเครือ “เราเองก็เพิ่งจะรู้ความจริงเมื่อปีก่อน ที่แท้แล้วอดีตฮ่องเต้ทรงถูกเจ้าลูกอกตัญญูคนนั้นสังหารจริงตามข่าวที่เขาที่เขาร่ำลือกัน ข้าไม่รู้จริงๆว่าเหตุใดเขาถึงโหดร้ายได้ถึงเพียงนั้นทั้งๆที่ยามนั้นตัวเขาเองก็ครองตำแหน่งรัชทายาทแล้ว เหตุใดจึงไม่ยอมรอจนถึงช่วงเวลาที่อดีตฮ่องเต้ทรงสละราชบัลลังก์เล่า เราอยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือของเรานักแต่ทว่าเราก็ไม่อาจทำใจได้ ในอดีตที่อดีตฮ่องเต้ทรงเข้มงวดกวดขันดุด่าเขาก็เป็นเพราะว่าต้องการให้ เขาเป็นฮ่องเต้ที่ดีสืบต่อบัลลังก์จากพระองค์ หากไม่ได้คำสั่งสอนของพระองค์แล้วจนถึงตอนนี้เขาคงไม่อาจเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้เสียด้วยซ้ำ เรารู้ดีอยู่แก่ใจมาโดยตลอดว่าตลอดหลายปีที่เขาครองราชย์มาเขารักใคร่และปกครองประชาชนอย่างยอดเยี่ยม แต่ทว่าฮ่องเต้ที่สามารถสังหารได้แม้กระทั่งบิดาและพี่น้องสายเลือดเดียวกันได้ ฮ่องเต้ที่มีจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ หากมีสักวันที่เขารู้สึกว่าโอรสแท้ๆของตนเองมีภัยคุกคามต่อบัลลังก์ของเขา เขาก็คงไม่ลังเลที่จะสังหารทิ้งเหมือนที่เขาเคยทำกับลูกสาวของเราแน่ แม้แต่สัตว์ร้ายมันยังไม่ทำร้ายลูกของตนเองเลย ชายผู้นี้ยังแย่กว่าสัตว์ร้ายเสียด้วยซ้ำ!” เมื่อไทเฮาทรงตรัสถึงตรงนี้ ทำนบพระอัสสุชลก็ไหลบ่าออกมาราวกับสายธารของไข่มุก ไม่ว่าพระองค์จะพยายามห้ามเช่นไรก็ไม่อาจหยุดมันได้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ตกค้างในใจของพระองค์มานานหลายปี ยามนี้หัวใจของพระองค์กำลังบรรเทาความเจ็บปวดของมันออกมาผ่านสายพระอัสสุชล ดวงตาชูเซี่ยแดงก่ำด้วยความสงสาร หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดพระอัสสุชล ไทเฮาทรงเอื้อมพระหัตถ์มากุมมือนางไว้ ตรัสด้วยสุรเสียงเคียดแค้น “ความจริงแล้วเราอยากสั่งให้พรรคมังกรเหินลอบปลงพระชนม์เขาเสีย แต่ทว่าดีเลวอย่างไรเขาก็เป็นลูกของเรา เราลงมือทำร้ายเขาไม่ลง ในวันนี้เรามอบพรรคมังกรให้อยู่มือเจ้า หากว่าวันหนึ่ง ในวันหนึ่งหากว่าเขาคิดจะสังหารแม้กระทั่งลูกตนเองในวันนั้นเจ้าจะต้องลงมือสังหารเขาเสียอย่าได้คิดลังเล!” ชูเซี่ยเอ่ยกระซิบราวกับละเมอ “พระองค์คงไม่โหดเหี้ยมถึงเพียงนั้นหรอกเพคะ” ฝ่าบาทในสายตาของนางเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยม เฉลียวฉลาดและรักราษฎร์ยิ่งกว่าผู้ใด ในวันนั้นที่พระสนมทรงให้กำเนิดบุตรพระองค์ก็ยังหอมแก้มของทารกน้อยด้วยความเอ็นดู ยามที่หลี่เฉินเย่นได้รับบาดเจ็บพระองค์ก็ทรงเสด็จออกมาเยี่ยมเยียนด้วยพระองค์เอง ความห่วงใยมากมายปานนั้นดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ทรงเสแสร้งแสดงออกมา “ฝ่าบาททรงรักเฉินเย่นและเจิ้นหยวนอ๋องดุจแก้วตาดวงใจ อย่างไรเสียพระองค์ก็คงไม่มีวันทำเรื่องเช่นนั้นได้หรอกเพคะ!” ชูเซี่ยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ไทเฮาทรงแย้มพระสรวลอย่างเย็นชา “เพราะว่าตอนนั้นสองพี่น้องคู่นี้ยังไม่เป็นอันตรายต่อบัลลังก์ของเขาอย่างไรเล่า จนถึงตอนนี้ที่เขายังไม่ตั้งตำแหน่งองค์รัชทายาทก็เพราะว่าเขาเกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนยามที่เขายังเป็นรัชทายาทที่มีกองกำลังอานาจขุนนางคอยเกื้อนุลอยู่เบื้องหลังคอยบงการให้สังหารบิดาตนเองอย่างไรเล่า ชายผู้นี้เห็นแก่บัลลังก์ของตนเองมาก มิฉะนั้นเขาจะพยายามทำให้สองพี่น้องคู่นี้ให้แตกแยกกันหรือ” ชูเซี่ยชะงักกก “พระองค์กำลังจะตรัสว่าพระองค์เป็นผู้ยุยงให้สองพี่น้องคู่นี้แตกแยกกันงั้นหรือ” สวรรค์ แม้แต่โอรสแท้ๆ ของพระองค์เองยังทรงวางแผนจัดการอีกหรือ บัลลังก์มันสำคัญถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ไทเฮาทรงตรัสเสียงเย็น “อวิ่นกังเป็นบุรุษที่ทระนงองอาจกล้าหาญ เป็นผู้บัญชาการที่มีทหารอยู่ใต้อาณัตินับไม่ถ้วนทั้งยังทำคุณแก่แผ่นดินมากมาย แต่ทว่าเขากลับกล้าพระราชทานชายาแม่ทัพอินทรีย์ให้แก่หลี่เฉินเย่นทั้งๆที่เดิมฉายานี้เป็นของหลี่อวิ่นกังมาก่อนก็เพื่อให้ทั้งสองพี่น้องเกิดความหวาดระแวงคลางแคลงใจต่อกัน ให้พวกเขาหันมาฆ่าฟันทำร้ายกันเองเพื่อที่จะล้มเลิกความคิดที่จะช่วงชิงบัลลังก์ของเขา การที่เขาทำเช่นนั้นจิตใจจะต้องเจ็บปวดมากเป็นแน่แต่ทว่าเขากลับคิดว่าการที่ตนเองทำเช่นนี้เพราะไม่มีทางเลือกเพราะในใจของเขามีเพียงแค่บัลลังก์เท่านั้นที่เขาต้องการยึดไว้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียวไม่อาจยกให้ผู้อื่นได้” ชูเซี่ยนิ่งเงียบอยู่นาน นางนึกไม่ถึงเลยว่าภายใต้ดวงพระเนตรที่อ่อนโยนและเรียบง่ายของไทเฮาจะทรงเก็บทุกลายละเอียดและรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง “บุคคลที่หลงไหลในอำนาจเมื่อได้มันมาครอบครองแล้วก็จะเริ่มเข้าสู่วังวนแห่งความบ้าคลั่งทีละน้อย เพราะคำทำนายของราชครูถึงทำให้เขามีความคิดที่จะรับเจ้าเข้ามาเป็นนางสนมในวัง และคำทำนายของราชครูก็คือหากได้เจ้าถวายตัวเข้ามาอยู่ในวังเป็นนางสนมแล้ววังหลังก็จะรอดพ้นจากภยันตราย ท่านราชครูมั่นใจอย่างยิ่งว่าหากทำเช่นนั้นแล้วเราก็จะอยู่รอดปลอดภัยซึ่งเป็นเพราะเจ้าเองก็มีฝีมือการแพทย์ที่เลิศล้ำอยู่แล้ว อีกทั้งเรามั่นใจว่าอย่างยิ่งว่าราชครูจะต้องรู้แน่ว่าเจ้าก็คือชูเซี่ย แต่ที่เขาไม่ยอมเอ่ยปากทูลต่อฮ่องเต้ก็เป็นเพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้จงรักภักดีต่อฝ่าบาทจริงๆหรอก” ชูเซี่ยอดตื่นตะลึงไม่ได้ แม้แต่เรื่องนี้พระองค์ก็รู้งั้นหรือ ชูเซี่ยเอ่ยถาม “เช่นนั้น ท่านราชครูเป็นคนของผู้ใดหรือเพคะ” ไทเฮาทรงตรัสด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ราชครูเป็นคนของอ๋องเก้า เรื่องนี้เราทราบมานานแล้ว แต่ทว่าเราก็ไม่ได้คิดจะเปิดเผยเขาเพราะว่าแท้จริงแล้วเขาก็ทำเช่นนี้เพื่อปกป้องหลานทั้งสองของเขาทั้งสองคน เพราะเช่นนั้นเราจึงไม่คิดสนใจหากว่าอ๋องเก้าจะคิดหันมาต่อต้านพี่ของตนบ้าง แต่ทว่า...” พระองค์ทรงดึงมือชูเซี่ยไว้จากนั้นก็ตรัสฝากฝังต่อนางอยากหนักแน่น “ไม่ว่าฝ่ายใดจะแพ้หรือชนะเจ้าจะต้องมั่นใจว่าหลานทั้งสองของข้าปลอดภัยนะเข้าใจหรือไม่!” ในใจของชูเซี่ยรู้สึกขมขื่นและเจ็บปวด มีหรือนางจะไม่อยากปกป้องพวกเขา แต่ทว่านางเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางจะสามารถอยู่ได้จนถึงช่วงเวลานั้นหรือไม่ กลัวว่าพวกเขายังไม่ทันแก่งแย่งกันเสร็จสิ้นนางก็คงสิ้นชีวิตเสียก่อน! “ชูเซี่ย!” ไทเฮาทรงทอดพระเนตรเห้นว่านางไม่พูดไม่จาก็เอ่ยเรียกนางเสียงดัง “เราอยากให้เจ้าสาบานกับเราว่าเจ้าจะปกป้องหลานทั้งสองของเรา!” “เสด็จย่า!” ชูเซี่ยเอ่ยอยากตระหนก “คุกเข่า!” องค์ไทเฮาทรงกริ้วเสียแล้ว! ชูเซี่ยคุกเข่าลงกับพื้นทันที! ไทเฮาทรงตะคอกนางเสียงดัง “เราอยากให้เจ้าสาบานกับเราว่าเจ้าจะใช้ทั้งชีวิตทุ่มเทกำลังเพื่อปกป้องหลานชายทั้งสองของเราด้วยชีวิตของเจ้า!” ดวงตาชูเซี่ยแดงก่ำ “ไทเฮา หม่อมฉันไม่กล้าสาบานเพคะ ชูเซี่ยเกรงว่าตนเองจะไม่สามารถทำได้” ไทเฮาส่ายพระพักตร์ “เจ้าทำได้ เจ้ามีตรามังกรเหินอยู่ในมือ คนในพรรคมังกรเหินจะต้องช่วยเหลือเจ้าแน่” ชูเซี่ยกัดฟัน ด้วยชีวิต! เอาเถิด ตราบใดที่นางยังมีชีวิตหนึ่งวันนางก็ใช้ชีวิตที่เหลือปกป้องหลี่เฉินเย่นหนึ่งวัน หญิงสาวยอมเอ่ยคำสาบานออกไปในที่สุด “ขาชูเซี่ย ขอสาบานต่อฟ้า ว่าจะปกป้องเจิ้นหยวนอ๋องและหนิงอานอ๋องด้วยชีวิตของตนเอง หากว่าข้าผิดคำสาบานขอให้ฟ้าผ่าตาย!” องค์ไทเฮาแย้มสรวลได้ในที่สุด “เด็กน้อย อย่าได้โทษที่ย่าบังคับเจ้าเลย ย่าเองก็แก่มากแล้วไม่เหลือเวลาที่จะอยู่ในโลกใบนี้อีกแล้วล่ะ เราคงถึงเวลาที่ต้องไปพบอดีตฮ่องเต้เสียที!” น้ำตาของชูเซี่ยนองหน้า “พระองค์อย่าได้คิดเช่นนั้นเลย ไม่ว่าอย่างไรการไว้ใจผู้อื่นก็ไม่เท่าการที่เราลงมือทำเองนะเพคะ!” ไทเฮาส่ายพระพักตร์ก่อนจะตรัสด้วยสุรเสียงเหนื่อยอ่อน “เรารู้ว่าเจ้ารักใคร่ในตัวเฉินเย่นจากใจจริง เจ้าเองก็เป็นแม่บุญธรรมของอานเหยียนด้วยเช่นกัน เจ้าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัวของเจ้าด้วยเข้าใจหรือไม่ เราเห็นแก่ตัว เราไร้กำลัง เราไม่อาจสังหารลูกชายอกตัญญูด้วยมือของเราเองได้ หากว่าเขาสามารถกลับตัวกลับใจเลิกคิดที่จะทำร้ายลูกทั้งสองของตนรวมถึงน้องชายแท้ๆของตนแล้วล่ะก็เจ้าก็ปล่อยเขาไปเถิด ถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกชายของเรา! ” พระอัสสุชลของไทเฮาทรงหลั่งรินลงมาเป็นสาย! ชูเซี่ยรู้สึกลำบากใจยิ่งนัก ไทเฮาตรัสเช่นนี้แสดงว่าพรรคมังกรเหินจะต้องเก่งกาจมากอย่างแน่นอน การจะให้นางเป็นผู้ปกครองของคนในพรรคนั้น นางไม่รู้ว่านางทำได้หรือไม่ แต่เนื่องจากนางสาบานแล้ว นางก็ย่อมทุ่มเทอย่างสุดกำลังทำมันให้ออกมาดีที่สุด! “เชียนซาน!” จู่ๆไทเฮาก็ทรงเอ่ยเรียกอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวในชุดเขียวปรากฎตัวมาอยู่ข้างกายของไทเฮาพร้อมทั้งโค้งคำนับ “นายหญิง!” ไทเฮาทรงหันไปตรัสกับหญิงชุดเขียว “จากนี้เป็นต้นไปชูเซี่ยจะเป็นนายหญิงคนใหม่ของเจ้า ทั้งยังเป็นหัวหน้าพรรคมังกรเหินคนใหม่อีกด้วย จากนี้ไปชีวิตของนางก็ขอฝากไว้ในมือของเจ้าแล้ว คำพูดของนางก็คือคำพูดของหัวหน้าพรรค จากนี้ไปนางอยู่เจ้าอยู่ นางตาย เจ้าตาย!” ใบหน้าหญิงสาวเรียบเฉยไร้ความรู้สึก นางหันมาโค้งคำนับของชูเซี่ย “เชียนซานคาราวะนายหญิง!” ไทเฮาทรงพอพระทัยอย่างยิ่ง “ดี พวกเจ้าก็ออกไปเถิด รอพิธีศพของเราเสร็จสิ้นแล้วเจ้าก็จงพานายหญิงคนใหม่ของเจ้าไปพรรคมังกรเหินเสีย เพื่อให้เหล่าพี่น้องของเราได้ทำความรู้จักและคาราวะนาง!” “เจ้าค่ะ!” ใบหน้าของนางยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลงจนชูเซี่ยอดคิดไม่ได้ว่าหญิงสาวข้างกายกำลังใส่หน้ากากอยู่ด้วยซ้ำ ในปีที่ยี่สิบแปด เดือนสิบ วันที่ยี่สิบเจ็ด เป็นวันที่ไทเฮาทรงสวรรคต! ทั่วทั้งแคว้นต่างไว้อาลัยแด่พระองค์ท่าน! ร่างขององค์ไทเฮาถูกส่งไปยังสุสานหลวงของราชวงศ์ที่จงซานและฝังไว้ร่วมกับอดีตฮ่องเต้ ในช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์นั้นทั่วทั้งแคว้นไม่อาจจัดงานมงคลใดๆได้ เพราะว่าฝ่าบาทยังทรงอยู่ในช่วงไว้ทุกข์จึงไม่อาจรับชูเซี่ยเข้าวังเป็นพระสนมได้ แต่ทว่าเขากลับทำพินัยกรรมปลอมของ องค์ไทเฮาขึ้นมาว่าได้ทำการสู่ขอเฉินอวี่จู๋น้องสาวของแม่ทัพเฉินหยวนชิ่งให้มาเป็นพระชายาของจวนอ๋องหนิงอาน และจะจัดพิธีเมื่อครบรอบร้อยวันขององค์ไทเฮา ตามขนบธรรมเนียมโบราณแล้วทุกคนจะต้องไว้ทุกข์ก่อนร้อยวันจึงจะจัดงานมงคลได้หรือมิฉะนั้นก็จำเป็นต้องรอต่อไปอีกสามปี หลี่เฉินเย่นไม่อาจขัดคำสั่งได้เพราะฮ่องเต้ทรงปลอมสาส์นขององค์ไทเฮา หากเขาปฎิสเธนั่นจะเท่ากับว่าเขาจะกลายเป็นหลานอกตัญญู ไม่รักดี! หลี่เฉินเย่นรู้สึกโกรธเคืองอย่างที่สุด ชายหนุ่มตั้งใจจะเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ก่อนที่ไทเฮาจะสวรรคตเขาอยู่ข้างกายพระองค์มาโดยตลอด เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดว่าเสด็จย่าไม่เคยเขียนสาส์นสุดท้ายหรือพินัยกรรมใดๆทั้งสิ้น แต่แม่ทัพเฉินและจูเก๋อหมิงกลับรั้งร่างของเขาไว้เพราะไม่ว่าสาส์นนั่นจะมีจริงหรือไม่แต่เพียงแค่ฮ่องเต้ทรงออกปากแล้วนั่นก็เท่ากับว่ามันเป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว “พวกเจ้าหมายความว่าเปิ่นหวางจะต้องยอมแต่งกับเฉินอวี่จู๋งั้นหรือ นั่นไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอนเปิ่นหวางมีชายาเพียงแค่ผู้เดียวเท่านั้น!” หลี่เฉินเย่นโกรธเสียจนใบหน้าซีดขาวไปหมด ร่างกายสั่นอยู่ตลอดเวลาเพราะความโกรธ ชายหนุ่มไม่เคยลองโกรธมากถึงเพียงนี้มาก่อนในชีวิต ในความโกรธเกรี้ยวแฝงไปด้วยความเศร้าโศก เขานึกไม่ถึงว่าบิดาแท้ๆของตนจะมากะเกณฑ์ชีวิตของเขาถึงเพียงนี้ “ชูเซี่ยเล่า นางรู้เรื่องนี้แล้วหรือไม่” จูเก๋อหมิงเอ่ยถาม อารมณ์ของหลี่เฉินเย่นเย็นลงเล็กน้อย “หลังจากที่เสด็จย่าสวรรคต เชียนซานก็พานางไปที่พรรคมังกรเหิน จนป่านนี้ยังไม่กลับมาดังนั้นนางจึงไม่ทราบเรื่อง” แม่ทัพเฉินลองคิดหาหนทางอยู่นานจนในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นท่านอ๋องก็แต่งแม่นางเวินเข้าจวนเป็นพระชายาสิขอรับ เมื่อเป็นเช่นนั้นต่อให้เฉินอว่จู๋เข้ามาในจวนก็เป็นได้แค่พระสนมเท่านั้น!” จูเก๋อหมิงกลับแย้งออกมา “ไม่ได้ นี่เป็นสาส์นสุดท้ายขององค์ไทเฮา มันเขียนไว้แล้วว่ามอบตำแหน่งพระชายาให้จะให้เป็นเพียงสนมได้อย่างไรเล่า ข้าว่าต่อต้านไปตรงๆเสียยังดีกว่า” “ความจริงแล้วการแต่งคุณหนูเฉินเข้ามาก็หาใช่เรื่องเลวร้ายอันใดไม่ พี่ชายของนางเฉินหยวนชิ่งก็เป็นคนมากความสามารถ สามารถเก็บไว้ใช้งานข้างกายได้ อีกทั้งเขายังเป็นคนของเจิ้นหยวนอ๋อง หากท่านมีเขาอยู่ในมือแล้วล่ะก็ถือเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว!” 
已经是最新一章了
加载中