ตอนที่ 103 ร่องรอย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 103 ร่องรอย
ต๭นที่ 103 ร่องรอย หลี่เฉินเย่นกระชกสาบเสื้อของนางขึ้นมาก่อนเอ่ยเสียงเหี้ยม “วันมงคล? ไม่ผิด วันนี้เป็นงานมงคลสมรสของเปิ่นหวาง แต่ทว่าเมื่อสามปีก่อนเปิ่นหวางก็ได้แต่งพระชายาไปแล้วเหตุใดวันนี้จึงต้องมาแต่งพระชายาอีกครั้งเล่า หากไม่ใช่เพราะเจ้าเปิ่นหวางต้องเป็นเช่นนี้หรือ” หลิวมี่เหอมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด “ที่แท้แล้วท่านไม่เคยลืมพี่สาวของข้าได้เลยหรือเจ้าคะ ท่านละทิ้งท่านหมอเวินไปทั้งยังแต่งคุณหนูตระกูลเฉินเข้าจวนแค่เพียงเพราะว่านางมีใบหน้าคล้ายคลึงกับพี่สาวของข้าเท่านั้นหรือ สามปีแล้ว ท่านควรปล่อยวางนางแล้วใช้ชีวิตใหม่ได้เสียที” หลี่เฉินเย่นมองนางด้วยดวงตาเย็นยะเยือก แต่ทว่าทันใดนั้นชายหนุ่มก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าเหตุใดตนเองจึงมาระบายอารมณ์โกรธกับนางได้กันนะ หากจะกล่าวหาว่านางเป็นผู้ทำให้ชูเซี่ยตาย เขาก็ด้วยไม่ใช่หรือที่เป็นคนมี่วนทำให้ชูเซี่ยต้องตายเช่นกัน แล้วเหตุใดจึงเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดผู้อื่นทั้งที่ไม่เคยดูตนเอง ช่างเป็นเรื่องที่น่าขำสิ้นดี เขาและชูเซี่ยต้องมายืนอยู่ ณ จุดๆนี้ก็เป็นเราะน้ำมือที่เขาสร้างขึ้นมาเองไม่ใช่หรือ แล้วในยามนี้แม้แต่หญิงสาวที่ถูกเขาลงโทษกักบริเวณในเรือนก็จ้องมองเขาด้วยแววตาเวทนาสงสาร ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของเขาไม่ใช่หรือไงเล่า ชายหนุ่มหันกายกลับออกไปอย่างไร้เยื่อใย เขาไม่ได้กลับไปยังห้องหอ ในยามนี้เขาคิดถึงชูเซี่ยสุดหัวใจ เขาอยากให้ชูเซี่ยคอยอยู่เคียงข้างเขาในยามนี้ยิ่งนัก เขาอยากให้นางเป็นที่พึ่งทางจิตใจและคำมั่นสัญญาให้กับเขาเหลือเกิน เขามาถึงเรือนที่ชูเซี่ยเคยพำนัก ซึ่งในยามนี้เสี่ยวฉิงหลับไปแล้วเหลือเพียงเชียนซานที่นั่งอยู่ตรงลานหน้าเรือน ในมือของนางถือสุราไว้หนึ่งจอกก่อนจะค่อยๆเทมันลงไปที่พื้น เมื่อเชียนซานเห็นว่าเขาเข้ามาก็ค่อยๆลุกขึ้นย่อกายอย่างนอบน้อม ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเฉยชาเช่นปกติ “คืนนี้เป็นงานมงคลของท่านอ๋องไม่ใช่หรือ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรกันเจ้าคะ นายหญิงของข้ายังไม่กลับมาเสียหน่อย” สีหน้าของหลี่เฉินเย่นเต็มไปด้วยความอ้างว้าง ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วก่อนจะหยุดลงที่จอกเหล้าในมือของเชียนซาน ทันใดนั้นก้อนเนื้อที่หน้าอกของเขาก็เกิดลางสังหรณ์บางอย่างก่อนจะเอ่ยถามออกไป “เจ้าไว้อาลัยผู้ใดอยู่” ใบหน้าเฉยชาของหญิงสาวฉายแววเศร้าโศกเพียงแวบเดียว “ข้าไว้อาลัยแด่นายหญิงที่เสียไปเจ้าค่ะ!” ทว่าในยามที่หลี่เฉินเย่นเกิดความตื่นตระหนกอยู่นั้นนางก็เอ่ยขึ้นมาต่อ “เป็นองค์ไทเฮาเจ้าค่ะ ข้าไว้อาลัยแด่นายหญิงที่จากไปของข้า!” หลี่เฉินเย่นจ้องเขม็งมาที่นาง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าชูเซี่ยหนีไปที่ใด” เชียนซานยิ้มเล็กน้อย “รู้เจ้าค่ะ ท่านวางใจเถิด นายหญิงของข้าปลอดภัยดี ยามที่องค์ไทเฮามีชีวิตอยู่เชียนซานได้สาบานต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์แล้วว่าจะเป็นหรือตายก็จะดูแลนายหญิงให้ดีที่สุด หากว่ายามที่ท่านอ๋องเห็นว่าเชียนซานยังอยู่ดีนั่งก็ย่อมหมายความว่านายหญิงก็อยู่ดีเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ” คำพูดของนางทำให้จิตใจของหลี่เฉินเย่นค่อยๆสงบลงไปไม่น้อย ดวงตาคมเป็นประกายจ้องมองไปที่เชียนซาน “ในเมื่อเจ้ารู้ว่านางไปที่ใดเจ้าก็ควรติดตามนางไปด้วยไม่ใช่หรือ หรือเจ้าไม่ห่วงว่านางจะได้รับอันตรายระหว่างทางบ้างหรืออย่างไร” ดวงตาของเชียนซานยังคงนิ่งเฉย “เชียนซานรู้ดีว่านายหญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ทั้งที่ที่นางอยู่ในตอนนี้ไม่มีอันตรายใดๆแน่ นางเองก็อยากอยู่อย่างสงบเพียงผู้เดียวไม่ต้องการผู้ใดมารบกวร ดังนั้นเชียนซานจึงไม่อาจอยู่เคียงข้างนายหญิงได้เจ้าค่ะ!” หลี่เฉินเย่นจับจ้องมาที่นางก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ตอนที่เปิ่นหวางและจูเก๋อหมิงแทบจะพลิกแผ่นดินตามหานาง เจ้าก็คงรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ว่านางอยู่ที่ใดแต่กลับไม่ยอมบอกเปิ่นหวาง เชียนซาน จิตใจของเจ้าช่างเย็นชายิ่งกว่าก้อนน้ำแข็งเสียอีก!” เชียนซานหลุบตาลงต่ำ “เชียนซานได้แต่ทำตามคำสั่งของนายหญิงเท่านั้น หากนายหญิงไม่อยากให้เอ่ย เชียนซานก็ไม่อาจบอกท่านได้เจ้าค่ะ” ใจของหลี่เฉินเย่นค่อยๆสงบลง “พรุ่งนี้เช้าจะไปพบนายหญิงของเจ้าหรือไม่ หากเจ้าไปพบนาง เปิ่นหวางก็มีเรื่องที่อยากฝากเจ้าไปบอกนางสักหน่อย!” “เชิญท่านอ๋องกล่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ!” สีหน้าของเชียนซานยังคงเรียบเฉยขณะที่นางเอ่ย หลี่เฉินเย่นทำสีหน้าครุ่นคิด “เจ้าบอกให้นางรีบกลับมาได้แล้ว เปิ่นหวางคิดถึงนาง!” “ข้าจะนำคำกล่าวของท่านไปบอกนางแน่นอนเจ้าค่ะ” หลี่เฉินเย่นรับคำจากนั้นก็เงยหน้ามองมาที่นาง “ไม่ต้องบอกดีกว่า มีพู่กันหรือไม่ เปิ่นหวางอยากเขีนจดหมายให้นาง” เชียนซานมองไปที่หลี่เฉินเย่นนิ่งไปพักหนึ่งจากนั้นก็ค่อยๆเอ่ย “มีเจ้าค่ะ เชิญท่านอ๋องเข้ามาข้างในก่อน!” ในมือของหลี่เฉินเย่นถือพู่กันค้างอยู่เช่นนั้น ชายหนุ่มคิดอยู่นานก่อนจะค่อยๆจรดปลายพู่กันลงไปบนผืนกระดาษแล้วก็เป่าจนตัวักษรบนนั้นแห้งจากนั้นก็ส่งให้เชียนซาน “บอกให้นางตอบจดหมายกลับมาด้วยล่ะ!” เชียนซานรับจดหมายมาไว้ในมือ “เรื่องนี้เชียนซานไม่กล้ารับประกันเจ้าค่ะ หากว่านายหญิงอยากกลับนางก็คงกลับมาเอง แต่ทว่าหากนางไม่อยากกลับเชียนซานก็ไม่กล้าทำให้นางลำบากใจเจ้าค่ะ!” หลี่เฉินเย่นตวัดสายตามองนางดุ “เจ้าจะช่วยพูดสักหน่อยก็ไปได้หรืออย่างไร?” เชียนซานยังคงนิ่งอยู่เช่นนั้นไม่ได้ตอบ ในเมื่อหลี่เฉินเย่นมาถึงที่นี่แล้ว ชายหนุ่มก็ไม่อยากไปที่ใดอีก เขาหันกลับมาเอ่ยกับเชียนซาน “คืนนี้เปิ่นหวางจะนอนที่นี่ เจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถิด” คืนนี้เขาดื่มสุราไปมากมายจนหัวมึนงงไปหมด เขาไม่อยากกลับไปที่ห้องหอเพื่อเผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้เป็นเจ้าสาวของตนเองและยิ่งไม่อยากรู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป เขาเพียงแค่อยากอยู่ที่นี่ ในห้องนี้มีกลิ่นอายของชูเซี่ย บนเตียงก็มีภาพวันเก่าๆความรักและความอบอุ่นแนบชิดของพวกเขา เดิมทีเชียนซานอยากจะเชิญเขาให้กลับไป แต่ทว่าเมื่อมองเห็นใบหน้าซีดขาวที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าก็บังเกิดความสงสาร นางลอบถอนหายใจพลางคิดในใจ ‘ช่างเถิด!’ ด้านหญิงสาวที่ถูกทิ้งอยู่ในเรือนหอ นางค่อยๆเดินกลับมานั่งลงบนเตียงด้วยหัวใจว้าวุ่น นางไม่รู้ว่านางทำอะไรผิดกัน เหตุใดทำไมจู่ๆหลี่เฉินเย่นถึงพุ่งออกไปจากห้องกระทันหันเช่นนั้นได้ทั้งยังเหลือนางไว้ที่ห้องหอแห่งนี้ในคือมงคลเช่นนี้เพียงลำพัง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาดึกมากแล้ว น้ำตาของนางก็ค่อยๆเอ่อล้นออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจที่ไม่อาจบอกใครออกไปได้ หญิงสาวลุกขึ้นมาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าจากนั้นก็ทิ้งตัวลงบนเตียงในห้องหอเพียงลำพัง แต่เมื่อนางสำผัสได้ถึงบางอย่างที่อยู่ใต้ร่างก็ผุดลุกขึ้นมาทั้งยังเปิดผ้าปูเตียงขึ้นมา ใต้ผ้าห่มมีถั่วลิสง เม็ดบัว ลำใยและดอกไป๋เหออยู่เต็มไปหมด ล้วนแต่เป็นของที่มีความหมายดีงามคลอดบุตรสืบทายาทได้ในเร็ววัน นางยิ้มอย่างเย้ยหยันจากนั้นก็หยิบกล่องมาใบหนึ่งและกวาดพวกมันลงกล่องจนหมด เวลาล่วงเลยไปแต่ทว่านางก็ยังไม่อาจข่มตาหลับได้ ก่อนที่นางจะออกเรือนมา พี่ชายของนางเคยกล่าวกับนางเรื่องของหลี่เฉินเย่นมาไม่น้อย ชายผู้นี้มีความรักต่อภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของเขาอย่างยิ่ง นับว่าชายหนุ่มที่รักเดียวใจเดียวจนน่านับถือ อีกทั้งนางเองก็มีรูปโฉมคล้ายกับพระชายาหนิงอานที่เสียไปแล้วหากว่าเขาพบนางอาจจะเผลอไปสะกิดบาดแผลในใจของเขาเข้า ดังนั้นก่อนออกเรือนมาที่นี่นางจึงมีความรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่บ้าง กลัวว่าเขาอาจจะลงมือทำร้ายนาง แต่ทว่าตอนนี้นางกลับรู้สึกว่านางอาจจะตีตนไปก่อนไข้คิดมากไปเองก็เป็นได้ นางถอนหายใจออกมาแผ่วเบาจากนั้นก็กระซิบให้กำลังใจตนเอง “ในเมื่อแต่งเข้ามาแล้ว อีกทั้งเขาก็ยังเป็นบุรุษที่รักเดียวใจเดียวควรค่าที่ข้าจะแย่งชิงมาเป็นของตน อย่างไรเสียอดีตพระชายาก็ตายไปแล้วแต่ข้ายังมีชีวิตอยู่อีกนานเพราะฉะนั้นข้าไม่ยอมถอดใจง่ายๆหรอก!” เมื่อคิดเช่นนั้นก็ทำให้จิตใจที่กระวนกระวายของตนเองสงบลงได้มากโข หญิงสาวเอื้อมมือไปโอบกอดผ้าห่มผืนเย็นไว้ซึ่งดูเหมือนจะเป็นที่พึ่งพิงเพียงสิ่งเดียวในคืนวันเข้าหอของนาง ในเช้าวันที่สองนางจะต้องเข้าไปในวังเพื่อถวายพระพรฮองเฮา เฉินอวี่จู๋จึงตื่นเช้าเป็นพิเศษ นางรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเหล่าข้ารับใช้ในวังต่างก็รู้กันหมดแล้วเป็นแน่ “คุณหนู นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะเจ้าคะ เขารังแกท่านเกินไปแล้ว!” สาวใช้นามว่าตานเสวี่ยเอ่ยขึ้นอย่างอัดอั้น นางเป็นสาวใช้ติดตามเฉินอวี่จู๋มาจากตระกูลเฉิน นอกจากตานเสวี่ยแล้วยังมีสาวใช้อีกนางหนึ่งนามว่าเสี่ยวหลาน ในคืนเข้าหอพวกนางไม่ได้อยู่ปรนนิบัติคุณหนูเช่นเคยเพราะต้องไปตระเตรียมข้าวของที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาในเรือน ในเช้านี้พวกนางจึงรีบมาปรนนิบัติรับใช้คุณหนูยามตื่นนอนทั้งยังได้รู้ว่าเมื่อคืนท่านอ๋องไม่ได้อยู่ในเรือนหอด้วยกันกับคุณหนูของพวกนาง นั่นยิ่งทำให้บังเกิดความไม่พอใจและเวทนาสงสารคุณหนูขึ้นมา ใบหน้าของเฉินอวี่จู๋เรียบเฉยนางหันมาเอ่ยกับสาวใช้คนสนิทด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีอะไรไม่ยุติธรรมกัน ข้าแต่งเข้ามาในจวนอ๋องทุกอย่างล้วนต้องขึ้นอยู่กับความพอใจของท่านอ๋องอยู่แล้ว เขาย่อมมีเหตุผลรองรับการกระทำของเขาอยู่แล้ว พวกเจ้าก็อย่าไปคาดเดาอะไรให้มากความ จงจำไว้อีกสามวันเมื่อกลับไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาว เจ้าห้ามให้เรื่องนี้ถึงหูท่านพี่เด็ดขาดเข้าใจหรือไม่” ตานเสวี่ยเงยหน้าขึ้นก็พบว่าที่หน้าประตูมีร่างสูงโปร่งของใครบางคนยืนอยู่ เพื่อเพ่งมองให้ดีก็รีบร้อนย่อกายทำความเคารพ “หม่อมฉันถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ!” เฉินอวี่จู๋ถึงกับนั่งตัวเกร็งก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขายังคงเย็นชาเช่นเดิม แต่ดวงตาคมกลับเป็นประกายอ่อนแสงเล็กน้อย นางรีบลุกขึ้นย่อกายเล็กน้อย “ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ!” หลี่เฉินเย่นได้ยินคำพูดก่อนหน้าของเฉินอวี่จู๋ ในใจก็รู้สึกสงนขึ้นมา เขาเคยได้ยินมาตลอดว่าคุณหนูเฉินผู้นี้เป็นหญิงสาวที่เอาแต่ใจตนเองยิ่ง แต่ดูเหมือนว่านางจะเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลและมีความเข้าใจเรื่องราวต่างๆมากกว่าที่เขาคิด ดังนั้นเมื่อยามที่เขาเข้ามาในเรือนแห่งนี้ครั้งแรกด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์แต่ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของนางอารมร์ขุ่นมัวก่อนหน้าก็หายไปจนสิ้น ชายหนุ่มเอ่ย “ไม่ต้องมากพิธีหรอก เจ้าไปแต่งตัวเถิด อีกสักครู่พวกเราค่อยเข้าวังไปถวายพระพรเสด็จพ่อเสด็จแม่กัน” ทางด้านเรือนจื่อยี่ หลังจากที่หลี่เฉินเย่นกลับไปแล้วเชียนซานก็รีบร้อนนำจดหมายที่หลี่เฉินเย่นเขียนให้แก่นายหญิงขึ้นมาจากนั้นก็จุดเทียนแต่ค่อยๆบรรจงวางลงพื้น “นายหญิง นี่คือจดหมายที่ท่านอ๋องมอบให้แก่ท่านเจ้าค่ะ!” เรื่องที่จูเก๋อหมิงรู้มานางเองก็ทราบเช่นกัน ยามที่ชูเซี่ยหายตัวไปนางก็สั่งให้พี่น้องในพรรคทุกคนตามหานายหญิงให้พบ เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เนินฝังศพไร้ญาตินั้นนางล้วนเห็นกับตาทั้งยังได้ยินบทสนทนาระหว่างจูเก๋อหมิงและหลี่อวิ่นกังชัดเจนทุกถ้อยคำ นายหญิงของนางถูกสังหารทั้งยังโยนศพทิ้งที่เนินนั่น ศพของนางยังหาไม่พบเพราะอาจถูกพวกหมาป่ากัดกินไปแล้ว นางเคยรับปากองค์ไทเฮาไว้ก่อนพระองค์จะสวรรคต แต่ทว่านายหญิงกลับยังไม่ทันที่จะทำให้ปรารถนาของพระองค์สำเร็จลุล่วงทั้งที่นางเคยรับปากต่อไทเฮาไว้แล้วว่าจะปกป้องคุ้มครองหลี่เฉินเย่นและหลี่อวิ่นกังให้ปลอดภัยทั้งคู่ ยามที่ชูเซี่ยไปพรรคมังกรเหินครั้งแรกนางก็เคยกล่าวไว้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับนาง คนของพรรคมังกรเหินทั้งหมดจะกลายเป็นคนของหลี่เฉินเย่นทันที ให้ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งของเขา เชียนซานเอ่ยกระซิบเสียงเบา “นายหญิง หลังจากที่ท่านอ๋องได้ขึ้นครองบัลลังก์ เชียนซานจะตามไปอยู่กับท่านนะเจ้าคะ!” เชียนซานเดินทางไปเรือนหมอเพื่อตามหาจูเก๋อหมิง แม้ว่านี่จะเป็นเป็นเวลาเช้าอยู่มาก แต่นางก็เห็นว่าจูเก๋อหมิงกำลังทำหน้าที่ของตนอยู่ เมื่อเพ่งมองรอยคล้ำที่ใต้ตาก็ทำให้นางรู้ได้ไม่ยากว่าเขาคงไม่ได้นอนมาทั้งคืน “เชียนซาน?” ยามที่จูเก๋อหมิงหันมาพบเชียนซานก็ชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นใบหน้าก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนดังเดิม “มาหาข้ามีธุระอะไรหรือ” เชียนซานจึงเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่นางมาอย่างตรงไปตรงมา “ขอให้คุณชายจูเก๋อช่วยปลอมลายมือนายหญิงตอบจดหมายท่านอ๋องด้วยเถิดเจ้าค่ะ” ใบหน้าของจูเก๋อหมิงตื่นตะลึงทันที สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก “เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เชียนซานจ้องมองมาที่เขาตรงๆ “อยู่ต่อหน้าข้าคุณชายจูเก๋อไม่จำเป็นต้องปิดบังหรอกเจ้าค่ะ เชียนซานทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว” ใบหน้าของจูเก๋อหมิงเศร้าสลดลงก่อนจะทิ้งกายนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้าพลางเอ่ยถามเสียงแหบพร่า “ท่านอ๋องฝากจดหมายให้แก่ชูเซี่ยหรือ” “เจ้าค่ะ ท่านอ๋องยืนกรานว่าไม่ว่าอย่างไรต้องให้นายหญิงตอบจดหมายให้จงได้ หากนายหญิงไม่ตอบท่านอ๋องจะต้องสงสัยแน่” เชียนซานนั่งลงตรงหน้าเขา “ขอเพียงแค่คุณชายจูเก๋อตอบกลับด้วยข้อความสั้นๆก็พอแล้วเจ้าค่ะ สำหรับท่านอ๋องแล้วหากเป็นตัวอักษรของนายหญิงก็ล้วนมีค่าดั่งทองคำ!” จูเก๋อหมิงนำกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมากางบนโต๊ะก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มนวล “จดหมายที่เขาเขียนให้ชูเซี่ยอยู่ที่ใด” “เผาไปแล้วเจ้าค่ะ!” เชียนซานเอ่ยตอบเขา จูเก๋อหมิงนิ่งไป “ถ้าเช่นนั้นบนจดหมายเขียนว่าอะไร ข้าจำเป็นต้องรู้เพื่อที่จะเขียนตอบกลับเขาได้” “เขาเขียนว่าคิดถึงนายหญิงยิ่งนัก เมื่อใดจะกลับมาเจ้าค่ะ” เชียนซานอ่านข้อความในจดหมายนั้นแล้วและจำได้ทุกถ้อยคำ จูเก๋อหมิงพยักหน้ารับคำ ก่อนจะตวัดพู่กันลงไปบนผืนกระดาษจากนั้นก็วางมันไว้บนโต๊ะรอจนแห้ง ท่านหมอหนุ่มไม่ได้เอ่ยถามเชียนซานว่านางรู้เรื่องชูเซี่ยได้อย่างไร เพราะรู้ไปก็ไม่เป็นประโยชน์อันใด เพราะเขาเชื่อว่าเชียนซานและเขาก็มีเหตุผลที่จะต้องปกปิดเรื่องนี้แก่หลี่เฉินเย่นเช่นเดียวกัน แต่ทว่าเขาก็อดหวั่นเกรงไม่ได้ แม้แต่เชียนซานยังทราบเรื่องนี้ ช้าหรือเร็วหลี่เฉินเย่นก็ต้องรู้เรื่องนี้แน่ เรื่องนี้ไม่อาจปกปิดได้นานแน่ หลี่เฉินเย่นกลับมาถึงจวนก็ล่วงเลยไปเวลาบ่ายแล้ว เชียนซานมอบจดหมายตอบกลับให้แก่หลี่เฉินเย่น ทันทีที่ชายหนุ่มได้รับจดหมายตอบกลับก็เปิดอ่านทันที เชียนซานทำท่าทางชะเง้อมองข้อความในจดหมายทั้งยังเอ่ยถาม “นายหญิงเขียนอะไรหรือเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นชักมือเสไปอีกทางก่อนจะเอ่ยดุ “ทำอะไรของเจ้า ห้ามแอบดู!” เชียนซานนิ่งงันไป “ข้าอยู่ข้างนายหญิงตอนที่นางกำลังเขียน ข้าย่อมรู้อยู่แล้วล่ะเจ้าค่ะ!” กล่าวจบนางก็หมุนกายเดินจากไป หลี่เฉินเย่นนั่งอยู่ที่ห้องโถงในเรือนจื่อยี่ เข้าเพ่งมองตัวอักษรไม่กี่คำบนนั้นไปมาอยู่หลายรอบ ในนั้นเขียนว่า “คิดถึงเช่นกัน อีกสักพักจะกลับไป!” เขายิ้มออกมาจากนั้นก็อ่านประโยคนี้ด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา “เจ้าคิดถึงข้า ข้าเองก็คิดถึงเจ้า แต่อีกสักพักของเจ้าต้องรออีกนานเท่าใดกัน” ชายหนุ่มยกกระดาษขึ้นจากนั้นก็ยกขึ้นมาจรดจมูกของตนเพื่อสูดกลิ่นหอมที่คุ้นเคย แต่ทว่าเมื่อสูดดมเขากลับได้กลิ่นของยาสมุนไพร ชายหนุ่มชะงักไป ในใจเริ่มคาดเดาไปว่าหรือว่านางจะซ่อนตัวอยู่ที่โรงหมอของจูเก๋อกันนะ มีความเป็นไปได้มากพอสมควร เขาจำได้ว่าเชียนซานกล่าวว่านางอยู่ในที่ที่ปลอดภัย นั่นก็เพราะนางคงรู้ว่าชูเซี่ยอยู่ใกล้ๆนี่เอง ชายหนุ่มพับจดหมายใส่เข้าไปในแขนเสื้ออย่างทะนุถนอมจากนั้นก็นำเสื้อผ้าของเสี่ยวซานจื่อมาเปลี่ยนเพื่อแอบออกจากจวนโดยมีจุดหมายคือโรงหมอในเมืองหลวง 
已经是最新一章了
加载中