ตอนที่ 104 ความเชื่อในการแก้แค้น
1/
ตอนที่ 104 ความเชื่อในการแก้แค้น
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 104 ความเชื่อในการแก้แค้น
ตนที่ 104 ความเชื่อในการแก้แค้น เพราะการปรากฎตัวอย่างกระทันหันของหลี่เฉินเย่นทำให้จูเก๋อหมิงตื่นตระหนกไม่น้อย แต่ทว่าสีหน้าของท่านหมอก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงทั้งยังยิ้มออกมาน้อยๆ “เหตุใดวันนี้จึงว่างมาหาข้าได้เล่า” “ใช่ วันนี้เปิ่นหวางว่าง จึงแวะมาดูเจ้าเสียหน่อย” ชายหนุ่มหันไปมองรอบๆโรงหมอ มีผู้ป่วยมากมายมาต่อแถวรอการรับการรักษา เหล่าท่านหมดทั้งหลายต่างก็ตรวจและสอบถามอาการคนไข้ แต่จนแล้วจนรอดก้ไม่พบแม้แต่เงาของชูเซี่ย จูเก๋อหมิงยิ้มน้อยๆ “เจ้าก็เห็นแล้วว่าข้าไม่อาจขยับตัวไปที่ใดได้เลย!” “ไม่เป็นไรหรอก เปิ่นหวางจะรอเจ้าอยู่นี่แล้วกัน!” ชายหนุ่มปรายตามองไปที่โต๊ะทำงานของจูเก๋อหมิง บนนั้นมีกระดาษอยู่ปึกหนึ่ง เป็นกระดาษที่สหายของเขาเขียนเทียบยาให้แก่ผู้ป่วย หลี่เฉินเย่นรู้ดีว่ากระดาษพวกนี้เป็นสิ่งที่หลี่เฉินเย่นสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ชายหนุ่มเอ่ย “เปิ่นหวางรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เมื่อคืนคงดื่มสุราหนักไปหน่อย เจ้าออกเทียบยาให้เปิ่นหวางหน่อยเถิด” จูเก๋อหมิงจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ปวดมากเลยหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้คนไปต้มยาสร่างเมาให้และจะใส่ตัวยาลดธาตุไฟในตัวเจ้าให้ด้วยเพื่อลดอาการร้อนในให้ก็แล้วกัน” กล่าวพลางก็หยิบกระดาษขึ้นมาใบหนึ่งจากนั้นก็จรดพู่กันลงไป เมื่อเขียนเทียบยาเสร็จเขาก็มอบหมายให้เด็กๆในโรงหมอไปจัดยามาให้แต่ทว่าหลี่เฉินเย่นกลับดึงมาไว้ในมือเสียเอง “เดี๋ยวเปิ่นหวางนำไปให้เด็กจัดยาเอง เจ้าก็อยู่ดูแลผู้ป่วยที่นี่เถิด” จูเก๋อหมิงเหลือบไปมองผู้ป่วยมากมายที่รอรับการรักษาก็พยักหน้า “ก็ดี เจ้านำไปมอบให้เด็กจัดยาแล้วพวกเขาจะต้มยาให้เจ้าเอง แค่ครึ่งชั่วยามก็คงได้กินแล้วล่ะ” หลี่เฉินเย่นพยักหน้าก่อนจะหันกายเดินตรงไปยังห้องจัดยา เมื่อจัดเทียบยาเสร็จแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปหยิบกระดาษจดเทียบยากลับมา “เปิ่นหวางนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ เช่นนั้นก็ขอเอาเทียบยากลับไปต้มที่จวนก็แล้วกัน เปิ่นหวางกลับก่อน เจ้าก็ไปกล่าวแก่จูเก๋อก็แล้วกัน!” เด็กจัดยาตัวเล็กๆหรือจะกล้าเอ่ยขัดเขาได้ “ถ้าเช่นนั้นท่านอ๋องเดินทางปลอดภัยนะขอรับ!” หลี่เฉินเย่นออกจากโรงหมอมาเพื่อขึ้นรถม้าที่เทียบท่ารออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มหยิบจดหมายของชูเซี่ยและเทียบยามาพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่ง เนื้อกระดาษเป็นชนิดเดียวกันไม่ผิดแน่ อีกทั้งกระดาษทั้งสองใบมีกลิ่นยาสมุนไพรแบบเดียวกันเห็นได้ชัดว่ามาจากโรงหมอแน่ เขาลองย้อนกลับไปถึงยามที่เขาเข้าไปหาสหายรักในโรงหมอเมื่อครู่ จูเก๋อหมิงไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น้อยแสดงว่าชูเซี่ยคงไม่ได้อยู่ในโรงหมอจริงๆ” ชายหนุ่มลองใคร่ครวญดูให้ดี วันนี้เชียนซานออกจากจวนไปหาชูเซี่ยแต่ทว่าเมื่อช่วงบ่ายก็กลับมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าชูเซี่ยคงอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก อีกทั้งกระดาษที่นางใช้ยังเป็นกระดาษที่มีเพียงโรงหมอของจูเก๋อหมิงเท่านั้นที่มีใช้ แต่ทว่าสิ่งที่เขามั่นใจก็คือนางไม่ได้อยู่ที่วัดแถบชานเมืองอย่างที่จูเก๋อหมิงบอกกับเขาแน่ “ทหาร!” ชายหนุ่มเอ่ยตะคอกเสียงดังก่อนที่ผ้าม่านจะถูกเปิดออกแทบจะทันที เสี่ยวซานจื่อเข้ามาในรถม้า “ท่านอ๋อง มีอะไรจะรับสั่งขอรับ!” “เรียกหลางเยว่มาพบเปิ่นหวาง!” หลี่เฉินเย่นสั่งเสียงเคร่ง เสี่ยวซานจื่อถึงกับชะงักไปชั่วครู่ “ขอรับ!” หลางเหว่เป็นหัวหน้าองครักษ์เงาของเขา หากไม่มีเรื่องหนักหนาจริงๆเปิ่นหวางจะไม่เรียกใช้หลางเยว่โดยเด็ดขาด การที่ท่านอ๋องทรงเรียกหาเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ยามที่หลี่เฉินเย่นกลับมาถึงจวนอ๋องหลางเยว่ก็รอรับคำสั่งของเขาอยู่ที่นั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลางเยว่ เป็นชื่อที่เข้ากับบุรุษตรงหน้ายิ่งนัก ความงดงามและสุขุมนุ่มนวลราวกับดวงจันทร์ เพียงแค่มองไปที่ใบหน้าเขาก็สามารถทำให้ผู้พบเห็นลุ่มหลงได้ไม่ยาก ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาไร้ความรู้สึก เขาเป็นองครักษ์เงาแห่งจวนอ๋องหนิงอานจะออกมาปฎิบัติหน้าที่ยามค่ำคืนเพียงเท่านั้น แม้แต่ชูเซี่ยก็ไม่เคยพบเขามาก่อน “สั่งคนให้สะกดรอยตามเชียนซานและจูเก๋อหมิง!” “ออกไปดูวัดที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองว่าชูเซี่ยเคยไปพำนักอยู่จริงหรือไม่” “สั่งให้คนของเราแฝงตัวไปสืบข่าวคราว หากมีเรื่องอะไรรีบกลับมาบอกเปิ่นหวาง!” “ไปจวนอ๋องเจิ้นหยวนสืบข่าวดูว่าใครเป็นคนช่วยองค์ชายน้อยอานเหยียนกลับมาและใครที่เป็นคนลักพาตัวเขาไป!” หลี่เฉินเย่นถ่ายทอดคำสั่งออกไปหลายคำ เขาหวนคิดไปถึงคืนวันมงคลของเขา ที่เรือนจื่อยี่ในคืนนั้นเขาเห็นเชียนซานเทจอกเหล้าลงพื้นซึ่งเป็นวิธีคาราวะหรือไว้อาลัยแด่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบด้วยความหวาดกลัว ชูเซี่ยนางไม่เคยบอกเขาว่านางจะออกจากเมืองหลวงก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรผิดแปลก งานแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของเขานางเองก็รู้ดีว่าเขาถูกบังคับ นางย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตำแหน่งพระชายาผู้นี้หาใช่ชายาที่เขาปรารถนา ดังนั้นนางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไปจากเขาได้เลย สมองของเขาดูจะมีสติและเห็นอะไรหลายๆอย่างได้ชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่คล้องหลังหลางเยว่ไปในมือหนาของเขาก็ชื้นไปด้วยเหงื่อ หัวใจเต้นเร็วและแรงมากขึ้น เขาเริ่มหวาดกลัวที่จะรู้ความจริงขึ้นมา เขานึกถึงคำพูดของชูเซี่ยที่นางพูดถึงเวลาที่เหลืออยู่ของนาง เขานึกมาตลอดว่านางยังมีเหลือเวลาอยู่อีกมาก แต่ทว่าเขามัวแต่มีความสุขกับช่วงระยะเวลาสั้นๆที่ผ่านมาจนหลงคิดไปว่ายังเหลือเวลาเหลือเฟือ หรือว่ามันถึงเวลาแล้ว? เขาไม่กล้าคิด เพียงแค่มีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาในหัว ในใจของเขาก็แทบจะกระดอนออกมาจากอกเพราะความหวาดกลัว ในเช้าวันที่สองหลี่เฉินเย่นก็ให้เชียนซานนำจดหมายไปส่งให้ เดิมทีเชียนซานไม่เต็มใจทว่าหลี่เฉินเย่นยืนกรานที่จะให้นางนำจดหมายไปมอบแก่นายหญิงและจะต้องตอบกลับมาให้เขาด้วย เชียนซานจึงได้แต่รับจดหมายมาไว้ในมือและออกจากจวนไป เชียนซานวรยุทธ์สูงส่ง ดังนั้นตลอดทางนางจึงระมัดระวังไม่ให้ถูกผู้อื่นสะกดรอยตามไปด้วย แต่ทว่าต่อให้วรยุทธ์นางล้ำเลิศเพียงใดก็ไม่อาจเทียบชั้นกลับหลางเยว่ได้ ฝีมือสะกดรอยของหลางเยว่ดุจภูติผีที่ไร้ซึ้งผู้ใดสังเกตได้ ดังนั้นต่อให้หญิงสาวจะระมัดระวังเพียงใดก็ยังถูกร่างสูงของหลางเยว่ตามติดอย่างกับเงาตามตัว จูเก๋อหมิงก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว หากจะให้ส่งจดหมายสนทนาโต้ตอบเช่นนี้เรื่อยๆมีแต่จะทำให้หลี่เฉินเย่นพบพิรุธมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเขาเขียนจดหมายตอบกลับเสร็จสิ้นก็เอ่ยกำชับกับเชียนซาน “เจ้าจงถือโอกาสนี้อ้างว่าจะตามไปอยู่ดูแลชูเซี่ยและจงออกจากจวนอ๋องมาเสีย” เชียนซานพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าเองก็หวาดกลัว แม้แต่คำพูดก็ยังไม่กล้าเอ่ยมากนักเพราะเกรงว่าจะหลุดพูดอะไรที่ไม่สมควรออกมา อีกอย่างหนึ่งคือท่านอ๋องเป็นคนที่ฉลาดยิ่งนัก!” จูเก๋อหมิงเองก็ไม่กล้าไปเหยียบที่จวนอ๋องเช่นกัน เขาเองก็กลัวแสดงพิรุธอะไรออกมา แม้ว่าการปิดบังเช่นนี้จะไม่ใช่เรื่องนี้แต่ทว่าการให้เชียนทราบความจริงที่โหดร้ายก็ไม่ดีเช่นกัน ตกกลางคืน เชียนซานก็นำจดหมายตอบกลับมามอบแก่หลี่เฉินเย่น หลี่เฉินเย่นยังคงนั่งนิ่งๆอย่างสงบที่เรือนจื่อยี่ เขาไม่ได้เอื้อมมือไปรับซองจดหมายมาเพียงแต่เอ่ยถามเสียงราบเรียบ “นายหญิงของเจ้าสบายดีหรือไม่” เชียนซานเอ่ยตอบเสียงเบา “ดียิ่ง นายหญิงสบายดียิ่งเจ้าค่ะ!” หลี่เฉินเย่นรับจดหมายมาไว้ในมือจากนั้นก็ส่งเสียง ‘อืม’ จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นลอยๆ “เช่นนั้น แผลของนางที่ถูกไฟลวกตกสะเก็ดแล้วหรือไม่” เชียนซานพยักหน้าเร็วๆ “ดีแล้วเจ้าค่ะ ตกสะเก็ดจนแทบจะหายดีแล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องโปรดวางใจ นายหญิงสบายดีเจ้าค่ะ” มือของหลี่เฉินเย่นที่ถือจดหมายอยู่สั่นน้อยๆ ดวงตาคมเพ่งมองจดหมายอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าออกไปก่อนเถิด เปิ่นหวางจะอ่านจดหมาย!” เชียนซานลอบถอนหายใจออกมาแผ่วเบา นางกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะถามอะไรมาอีก หาถามอีกครั้งนางเองก็ไม่รู้จะเอ่ยตอบเช่นไรดี หลี่เฉินเย่นมองตามร่างของเชียนซานที่เดินกลับออกไปจากห้อง จากนั้นเข้าก็ก้มลงมองจดหมายในมืออีกครั้ง เขาไม่ได้เปิดจดหมายขึ้นมาอ่านเพราะเขารู้ดีว่าจดหมายฉบับนี้ชูเซี่ยไม่ได้เป็นคนเขียน หลางเยว่เห็นกับตาว่าจูเก๋อหมิงเป็นผู้เขียนจดหมายมอบให้แก่เชียนซาน เขาเกือบลืมไปเสียแล้วว่าฝีมือการปลอมลายมือของจูเก๋อหมิงเก่งกาจเพียงใด ลายมือของเขาจูเก๋อหมิงยังสามารถปลอมได้จนแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจยังแยกกันไม่ออกอีกทั้งเขาย่อมต้องมีลายมือชูเซี่ยที่มักจะเขียนเทียบยาที่โรงหมออยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะปลอมจดหมายเป็นชูเซี่ยเพื่อโต้ตอบเขาได้ เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าจูเก๋อหมิงและเชียนซานมีเรื่องปิดบังเขาอยู่ เมื่อเขาลองมาใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนดีแล้วมีเหตุผลเป็นไปได้เพียงแค่สองข้อเท่านั้น ข้อแรก แท้จริงแล้วพวกเขาไม่รู้ว่าชูเซี่ยอยู่ที่ใดนับตั้งแต่ที่นางหายตัวไปข่าวคราวพวกนั้นล้วนเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นทั้งสิ้น ข้อที่สอง พวกเขารู้ข่าวคราวของชูเซี่ยและคงรู้ว่าชูเซี่ยไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้วจึงปลอมจดหมายของนางมาเพื่อปลอบใจเขา ข้อแรกแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะหากว่าชูเซี่ยยังคงหายสาบสูญจูเก๋อหมิงไม่มีทางที่จะมาโกหกเขาว่าพบชูเซี่ยแล้วแน่ ป่านนี้เขาคงยังไม่หยุดตามหาแน่ ดังนั้นเมื่อลองคิดดูอีกครั้งข้อสุดท้ายดูจะเป็นไปได้มากที่สุด เหตุผลข้อสุดท้ายนั้นก็สามารถแบ่งออกได้เป็นสองสถานการณ์ อย่างแรกคือชูเซี่ยบอกกับพวกเขาว่าจะไปจากเมืองหลวงจะไปจากเขาด้วยตนเอง อย่างต่อมาคือชูเซี่ยตายไปแล้ว! แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อใดเขาเองก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้แน่ หลังจากใช้เวลาสอบสวนอยู่หลายวันจนล่วงเลยเข้าปีใหม่มาแล้วในที่สุดหลางเยว่ก็กลับมาพร้อมข่าวคราวที่สืบมาได้ ตอนนั้นหลี่เฉินเย่นนั่งอยู่ที่ห้องหนังสือที่เรือนหมิงหลาง หน้าต่างในห้องเปิดค้างไว้อยู่จนเห็นแสงแดดของปีใหม่ถูกส่งเข้ามาจากข้างนอกเพื่อขจัดความหนาวเย็น อากาศบริสุทธิ์สดชื่นกอปรกับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมากระทบกับพื้นหินอ่อนจนสะท้อนแสงแวววาว นอกหน้าต่างยามนี้ดอกเหมยสีแดงสดบานสะพรั่งอยู่พอดิบพอดี เฉินอวี่จู๋เองก็เด็ดดอกเหมยสีขาวมาวางไว้ประดับแจกันภายในห้องเช่นกันทำให้สีสันตัดกันได้อย่างงดงามลงตัว ในวันที่อากาศดีเช่นนี้แต่เขากลับต้องทนฟังข่าวร้าย “ข้าน้อยไปสืบข่าวมาเรียบร้อยแล้วขอรับ!” เสียงทุ้มต่ำของหลางเยว่ดูจะดังฟังชัดเหลือเกินในห้องหนังสือที่เงียบสงบแห่งนี้ ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นยังคงเรียบเฉยแต่ทว่าแผ่นหลังที่ตั้งตรงจนแข็งก็พอจะบอกได้ว่าแท้จริงชายหนุ่มตื่นเต้นกระวนกระวายมากเพียงใด “ในวันนั้นตอนที่ช่วยองค์ชายน้อยอานเหยียนกลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกองครักษยังแบกร่างที่ได้รับบาดเจ็บของสตรีผู้หนึ่งกลับมาด้วย มีองครักษ์คนหนึ่งจำได้ว่าหญิงสาวผู้นั้นก็คือท่านหมอเวิน และในวันถัดมาก็มีผู้พบเห็นว่ามีคนนำห่อผ้าขนาดใหญ่ขนย้ายออกจากจวนไปแต่ทว่าตลอดทางนั้นกลับมีเลือดหยดลงมาเป็นทาง ข้าน้อยลองสืบดูเส้นทางที่คนผู้นั้นไปจนไปถึงสุสานคนไร้ญาติ มีพยานพบเห็นว่าเจิ้นหยวนอ๋องไปปรากฎตัวที่นั่นอีกด้วยขอรับอีกทั้งยังรับสั่งให้เหล่าทหารและองครักษ์ออกกระจายกันค้นหาอะไรบางอย่างทั้งวันทั้งคืนแต่สุดท้ายก็หาไม่พบ ต่อมาข้าน้อยแอบไปสอบถามจากองครักษ์ในจวนจึงทราบว่าที่แท้แล้วสิ่งที่พวกเขากำลังตามหาก็คือศพของท่านหมอเวิน บนเนินเขาที่ตั้งของสุสานคนไร้ญาตินั้นมักจะมีฝูงหมาป่าออกหากินอยู่เสมอ ศพที่ถูกนำไปทิ้งที่นั่นก็มักจะเป็นเหยื่อที่พวกมันมักจะลากกลับไปกินที่รังด้วยขอรับ” คำรายงานที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาอย่างยิ่งทำให้หลี่เฉินเย่นบังเกิดภาพในหัวได้อย่างชัดเจน ภาพของฝูงหมาป่าที่ฝังคมเขี้ยวและกัดกระชากร่างของชูเซี่ยทำให้เขาแทบจะสิ้นสติ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปขยุ้มขอบโต๊ะด้วยความแค้นระคนหวาดกลัว “บอกมาว่าผู้ใดเป็นคนลักพาตัวอานเหยียนไป และมันผู้ใดที่กล้าลงมือสังหารชูเซี่ย” หยางเยว่อึกอัก หลี่เฉินเย่นจึงเอ่ยตะคอกกดดันอย่างหมดความอดทน “พูด!” หลางเยว่เอ่ยข่าวที่เขาไปสืบมาได้อย่างละเอียด “เป็นฝ่าบาทที่ลักพาตัวองค์ชายน้อยอานเหยียนไปขอรับ แต่ท่านหมอเวินก็หาจนพบทว่ากลับถูกจับตัวไว้ด้วยเช่นกัน ต่อมาไม่ทราบว่าเรพาะเหตุใดท่านหมอเวินจึงหนีออกมาได้ แต่ตอนนั้นเองที่องครักษ์ของเจิ้นหยวนอ๋องตามมาทัน องครักษ์พวกนั้นเข้าใจว่าเป็นฝีมือของท่านหมอเวินที่ลักพาตัวองค์ชายน้อยจึงพลั้งมือทำร้ายนางจนบาดเจ็บทั้งยังจับนางกลับจวนอ๋องเจิ้นหยวน ตอนที่จับนางกลับไปท่านหมอเวินก็บาดเจ็บอยู่แล้วแต่ท่านอ๋องยังโหดร้ายทุบตีนางอย่างแรง ท้ายที่สุดก็สั่งให้องครักษ์สังหารนางทั้งยังนำศพไปทิ้งไว้ที่สุสานคนไร้ญาติอีกด้วยขอรับ แต่ต่อมาก็ไม่แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดเขาจึงออกตามหาศพท่านหมอเวินด้วยตนเองที่เนินเขานั่น!” ดวงตาของหลี่เฉินเย่นฉายแววอำมหิต ในปากของเขาได้กลิ่นคาวทั้งยังเจ็บแปลบที่หน้าอกอย่างแรงจนกระอักเลือดออกมาคำโต “ท่านอ๋อง!” หลางเยว่ถึงกับตื่นตระหนกตกใจรีบร้อนวิ่งเข้าไปพยุงร่างของท่านอ๋องไว้ หลี่เฉินเย่นหลับตาลงอย่างช้าๆจากนั้นก็พยายามปรับลมปราณของตนเองให้เข้าที่ นานทีเดียวจึงเอ่ยปากพูดอีกครั้ง “เจ้าออกไป เรื่องนี้อย่าให้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด!” หลางเยว่มองมาที่นายของตนอย่างเป็นห่วง “ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการของท่าน!” หลี่เฉินเย่นยกมือขึ้นห้ามก่อนจะเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่จำเป็น ออกไป!” หลางเหยว่ไม่กล้ารบกวนนายของตนอีกจึงได้แต่ยอมถอยห่างออกไปแต่โดยดี หลี่เฉินเย่นตกอยู่ในภวังค์ของตนเองไม่ขยับอยู่นาน สวรรค์ช่างยุติธรรมนัก ความเจ็บปวดแบบเดียวกันเกิดขึ้นกับคนคนเดียวกัน แต่ทว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกลับดูจะทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็ครั้งที่แล้วกลับครั้งนี้มันต่างกัน ครั้งก่อนเป็นเขาเองที่ทำร้ายชูเซี่ย แต่ทว่าครั้งนี้คนที่ทำร้ายนางกลับเป็นเสด็จพี่ที่เขารักและเคารพ การแก้แค้นดูเหมือนจะกลายเป็นเป้าหมายเพียงสิ่งเดียวของเขาในยามนี้เสียแล้ว! ในส่วนลึกในจิตใจของเขายังคงคาดหวังเหลือเกินว่าดวงวิญญาณของนางจะสามารถสิงในร่างของหญิงสาวผู้อื่นกลับมาอยู่ข้างกายของเขาได้อีกครั้ง แต่ทว่าความหวังอันริบหรี่กลับถูกไฟแค้นที่โหมกระพรือทำให้ดับไปเสียแล้ว ในมือหนากำปิ่นปักผมหยกของชูเซี่ยไว้แน่น แม้ว่าเขาจะกำแน่นเกินไปจนเลือดไหลซึมแต่ทว่าเขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย เลือดเนื้อภายนอกเจ็บแต่ไม่อาจสู้ความเจ็บปวดในใจของเขาในยามนี้ได้เลย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 104 ความเชื่อในการแก้แค้น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A