ตอนที่ 108 เหมือนนางมาก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 108 เหมือนนางมาก
ต๭นที่ 108 เหมือนนางมาก หลี่เฉินเย่นรีบร้อนกลับมาที่จวน ที่แรกที่เขาพุ่งไปก็คือเรือนจื่อยี่ ยามนี้ในเรือนจื่อยี่ยังเงียบสงบเพราะเหล่าข้ารับใช้ยังไม่ตื่น ชายหนุ่มยืนนิ่งๆอยู่ภายในห้องของชูเซี่ยมองไปรอบๆ เหตุใดจึงไม่พบนางเล่า หรือว่านางยังไม่กลับมาอีกหรือ ชายหนุ่มวิ่งออกไปนอกห้องก่อนจะตะโกนเสียงดัง “เด็กๆ!” เพียงครู่เดียวโคมไฟภายในเรือนก็ถูกจุดขึ้น ทุกคนในจวนต่างก็ออกมามองดูหลี่เฉินเย่นที่วิ่งเข้าวิ่งออกห้องนั้นห้องนี้ราวกับเสียสติไปแล้ว แม้กระทั้งเรือนติดทะเลสาปของฉ่ายเวินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ฉ่ายเวินที่ยังนอนพักผ่อนอยู่ก็ถูกเสียงของเขาทำให้ตกใจ นางถลกผ้าห่มขึ้นก่อนจะรีบร้อนวิ่งออกไปถาม “ศิษย์พี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นถลาเข้ามาจับนางไว้ก่อนจะถามเสียงร้อนรน “ชูเซี่ยเล่า? ชูเซี่ยได้มาที่นี่หรอไม่” ฉ่ายเวินงุนงง “พี่สาวกลับมาแล้วหรือ กลับมาตั้งแต่เมื่อใดกัน ข้ายังไม่เห็นนะเจ้าคะ ข้าเพิ่งจะตื่นขึ้นมาเองเจ้าค่ะ” หลี่เฉินเย่นร้องคำรามออกมาก่อนจะวิ่งออกไปราวกับคนเสียสติอีกครั้ง ทั่วทุกซอกทุกมุมเขาล้วนค้นหาจนทั่วแม้แต่เรือนโม่หลานของโหร่วยเฟยก็ไปมาแล้วรอบหนึ่ง เหลือก็แต่เรือนของเฉินอวี่จู่ที่เขายังไม่ได้เข้าไปหา ยามนี้ชายหนุ่มยืนอยู่หน้าเรือนเฟิงอวี่ซึ่งเป็นเรือนพำนักของเฉินอวี่จู๋ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น ดวงตาคมมองเห็นเงาที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในห้องรวมถึงเสียงพูดคุยที่เล็ดลอดออกมา จะเป็นนางหรือไม่นะ ชายหนุ่มกลั้นใจเดินเข้าไปใกล้ทีละก้าว จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าประตูจากนั้นก็ค่อยๆผลักประตูเข้าไปช้าๆ เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องพร้อมกับใบหน้าของชายหนุ่มที่โผล่เข้ามาในครรลองสายตา ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววผิดหวังเมื่อกวาดตามองไปรอบๆห้อง เขาไม่เห็นชูเซี่ยอยู่ในนี้ ภายในห้องมีเพียงเฉินอวี่จู๋และสาวใช้สองคนข้างกายนางเท่านั้น เฉินอวี่จู๋นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อเห็นว่าเขาเข้ามาก็ผุดลุกขึ้นก่อนจะแย้มรอยยิ้มอ่อนหวานออกมา นางย่อกายเคารพอย่างงดงาม “ท่านอ๋องมาแต่เช้าเลยนะเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นรับคำ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงทุ้มติดจะแหบพร่า “เมื่อครู่มีใครมาที่นี่หรือไม่” เฉินอวี่จู๋ส่ายหน้าเบาๆ ทั้งยังมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เช้าถึงเพียงนี้จะมีผู้ใดมาได้ล่ะเจ้าคะ เหตุใดท่านอ๋องจึงถามข้าเช่นนี้เจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นเดินมานั่งที่โต๊ะกลมกลางห้องด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม ชายหนุ่มส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า “ไม่มี เปิ่นหวางแค่ถามดูก็เท่านั้น” เฉินอวี่จู๋เดินมาหยุดอยู่ข้างกายของหลี่เฉินเย่น จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ สีหน้าของนางฉายแววสงสัย “ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องที่อยากขอถามท่านได้หรือไม่เจ้าคะ!” ยามนี้หลี่เฉินเย่นถูกความผิดหวังกลืนกินตัวตนของเขาอย่างทรมาน มีหรือเขายังจะมีกระจิตกจะใจมาตอบคำถามของนางได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน “ค่อยถามวันอื่นเถิด วันนี้เปิ่นหวางรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย!” เฉินอวี่จู๋แม้จะผิดหวังเล็กน้อยแต่นางก็ยอมลุกเดินมาส่งอีกฝ่าย นางจ้องมองเบื้องหลังของอีกฝ่ายที่เดินห่างออกไป ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ข้าเคยพบกับท่านมาก่อนหรือไม่เจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นไม่ได้หันกลับมา แต่ทว่าเขาก็หยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินก่อนจะเอ่ยถามอย่างเหนื่อยล้า “ไม่มี เปิ่นหวางไม่เคยพบเจ้ามาก่อน” เฉินอวี่จู๋รู้สึกงุนงงสงสัย นางจึงเอ่ยต่อ “แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในหัวของข้ากลับมีภาพเหตุการณืบนเขา ข้าเห็นภาพท่านกับข้ากำลังหาหญ้าอะไรสักอย่างแล้วต่อมาข้าก็พลัดตกน้ำ ภาพเหล่านั้นชัดเจนมากราวกับเกิดขึ้นจริงๆแต่ข้าก็นึกไม่ออกว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงหรือไม่” ร่างทั้งร่างของหลี่เฉินเย่นแข็งทื่อ เขารีบหันกายกลับมาจับจ้องร่างของเฉินอวี่จู๋ด้วยดวงตาที่ทอประกายความดีใจ “เจ้ายังจำอะไรได้อีกหรือไม่ นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่” เฉินอวี่จู๋ขมวดคิ้วนางพยายามนึก “ยังมีอีกเจ้าค่ะ” แต่นางก็หยุด “แต่ข้าว่าท่านอ๋องกลับไปพักผ่อนก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านเหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว” ตอนนี้มีหรือเขาจะยังรู้สึกเหนื่อย? ชายหนุ่มรั้งร่างของเฉินอวี่จู๋มานั่งลงก่อนจะถามอย่างตื่นเต้น “เจ้าพูดมา เจ้ายังนึกอะไรขึ้นมาได้อีก ไม่ เจ้าตอบเปิ่นหวางมาก่อนดีกว่าว่าก่อนจะออกเรือนมาเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรบ้างหรือไม่” เฉินอวี่จู๋มองเขาอย่างประหลาดใจ “ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่าข้าเคยเกิดอุบัติเหตุ แค่คิดถึงเรื่องนั้นข้าก็หวาดกลัวไปหมด ข้าไม่ระวังเดินตกน้ำเจ้าค่ะ ตอนนั้นข้านึกว่าตัวเองจะต้องตายเสียแล้วเพราะยามนั้นไม่มีผู้ใดอยู่แถวนั้นเลยและไม่รู้ว่าถูกช่วยขึ้นมาเมื่อใด ยามนั้นพี่ชายข้าคิดว่าข้าตายเสียแล้วแต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆข้าก็ฟื้นขึ้นมาได้ ท่านแม่ยังบอกเลยว่าข้าดวงแข็งทั้งยังดวงดีมากเลยเจ้าค่ะ!” หลี่เฉินเย่นเอ่ยถามอย่างสนใจ “เรื่องที่เจ้าตกน้ำเกิดขึ้นเมื่อใด” เฉินอวี่จู๋ยิ้มอย่างเขินอาย “ก่อนหน้าที่ข้าจะออกเรือนมาแค่คืนเดียวเจ้าค่ะ!” ร่างกายของหลี่เฉินเย่นขนลุกวาบ ตามคำบอกเล่าของหลางเยว่บอกว่าชูเซี่ยถูกทำร้ายก่อนหน้าที่เขาจะแต่งงานสองวัน บอกได้ว่าเวลามันช่างเหมาะเจาะยิ่งนัก อาจารย์บอกว่าให้เขาเห็นค่าของคนที่อยู่ตรงหน้าหรือว่าท่านต้องการจะบอกเขากลายๆว่าแท้จริงแล้ววิญญาณของชูเซี่ยได้เข้ามาอยู่ในร่างของเฉินอวี่จู๋ แต่เพราะเหตุใดนางจึงแทบจะไม่เหลือความทรงจำระหว่างเขากับนางเลยเล่า เรื่องนี้ชายหนุ่มยังไม่กล้าปักใจเชื่อทันที เขายังต้องสืบจนมั่นใจเสียก่อน แต่ก็นับว่ามีความเป็นไปได้ไม่น้อย เลือดในกายของเขาและสมองกำลังร้อนระอุและทำงานอย่างหนัก เขาพยายามคิดทบทวนอย่างหนักถึงสิ่งที่เฉินอวี่จู๋พูดกับเขา ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้าจำเรื่องที่ตัวเองโดนพิษได้หรือไม่” เฉินอวี่จู๋ตอบกลับแทบจะทันที “จำได้เจ้าค่ะ เป็นฝีมือของโหร่วเฟย!” หลังจากนั้นนางก็นิ่งอึ้งไป นางพยายามคิดอย่างหนักว่าทั้งๆที่ไม่มีความทรงจำอะไรแต่ทำไมนางถึงพูดออกไปเช่นนั้นว่าเป็นโหร่วเฟยที่วางยาพิษนาง ยามนี้โหร่วเฟยถูกกักบริเวณอยู่ภายในจวนเพราะนางเป็นผู้ที่วางยาพิษทำร้ายชูเซี่ย แต่ทว่าเพราะเห็นแก่ภาพลักษณ์ของท่านอุปราชจึงไม่ได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ทางฝั่งฮ่องเต้ก็ถูกปิดบังเรื่องเอาไว้ไม่ให้ทราบด้วยเช่นกัน ทางวังรับรู้เพียงว่ามีสาวใช้นางหนึ่งถูกชูเซี่ยว่ากล่าวตำหนิแล้วทนไม่ได้จึงแค้นเคืองแอบวางยาพิษลงในอาหารของนางเพียงเท่านั้น นางเพิ่งจะออกเรือนมาได้ไม่นาน แต่ตอนที่นางมาโหร่วยเฟยนางก็ถูกกักบริเวณอยู่ในจวนแล้ว นางจึงไม่เคยมีโอกาสได้พบกับอีกฝ่ายเลย แล้วไฉนนางจึงรู้ได้นะว่าเป็นฝีมือของโหร่วเฟย เขาเริ่มจะเชื่อแล้วกอปรกับคำพูดของท่านนักบวชที่บอกกับเขาว่าชูเซี่ยปลอดภัยแล้ว แต่ก็บอกเพียงว่านางปลอดภัยไม่ได้พูดอะไรอื่นอีก แต่ก็ยังมีหลายคำถามที่เขายังปรารถนาจะรู้คำตอบของมันอยู่ดี ยามนี้เขาต้องการคนที่สามารถให้คำตอบและให้ความมั่นใจแก่เขาได้ จู่ๆสมองของเขาก็คิดถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา คนคนนั้นก็คือท่านราชครู ท่านราชครูเป็นคนของอ๋องเก้าอีกทั้งอ๋องเก้าก็รักชูเซี่ยราวกับน้องสาวแท้ๆ เขาจะต้องยอมช่วยแน่ ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างกระทันหันทำให้เฉินอวี่จู๋ถึงกับสะดุ้ง “ท่านอ๋องจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นหันมามองนาง “เปิ่นหวางจะออกไปหาคนสักหน่อย เจ้าก็อยู่รอเปิ่นหวางกลับมาก็แล้วกัน” กล่าวจบชายหนุ่มก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งออกไป เฉินอวี่จู๋มองตามหลังของเขาไปด้วยรอยยิ้มเขินอาย เสี่ยวหลานเห็นก็ยิ้มตาม “คุณหนู จู่ๆท่านอ๋องก็ดีกับท่านเหลือเกิน” ตานเสวี่ยก็เห็นเป็นเช่นนั้น “ใช่เจ้าค่ะ ท่านอ๋องมาหาคุณหนูแต่เช้าทั้งยังบอกให้ท่านรอเขากลับมา เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยเจ้าค่ะ!” เฉินอวี่จู๋ตวัดสายตาค้อนก่อนจะเอ่ยดุ “พวกเจ้าหุบปากเลยนะ!” ทั้งคู่อมยิ้มจากนั้นก็ยอมหยุดล้อคุณหนูของตน ตานเสวี่ยก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจเล็กน้อย “คุณหนู เรื่องเมื่อครู่ที่ท่านบอกว่าไม่ระวังพลัดตกน้ำ เหตุใดตานเสวี่ยจึงไม่รู้เรื่องเลยเจ้าคะ” เฉินอวี่จู๋ชะงัก “เจ้าไม่รู้หรือ เหตุใดจึงไม่รู้เล่า” เสี่ยวหลานเองก็พูดขึ้นบ้าง “ข้าเองก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ คุณหนูตกน้ำตั้งแต่เมื่อใดกัน” เฉินอวี่จู๋ขมวดคิ้วพยายามนึกภาพในสมอง สีหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจระคนสงสัย “น่าแปลก ตอนที่ข้าฟื้นขึ้นมาพวกเจ้าก็อยู่ข้างกายข้าไม่ใช่หรือ ทำไมจึงจำไม่ได้” เสี่ยวหลานและตานเสวี่ยหันมามองสบตากันจากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมเพรียง “แต่ว่าพวกเราจำไม่ได้จริงๆนะเจ้าคะ!” เฉินอวี่จู่ประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม นางพยายามย้อนนึกกลับไป นางจำได้ว่าตอนที่ฟื้นขึ้นมาสาวใช้ของนางสองคนนี้อยู่ข้างกายนางจริงๆอีกทั้งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องนานมาแล้วเสียหน่อย เพิ่งจะครึ่งเดือนเท่านั้นเหตุใดจึงลืมได้เล่า แล้วสองคนนั้นจะลืมพร้อมกันได้ด้วยหรือ หญิงสาวเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้องนัก ภาพความทรงจำของท่านอ๋องกับนาง นางรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นั้นในความทรงจำก็คือนางแต่ก็มีความรู้สึกบางอย่างบอกว่าไม่ใช่นาง แล้วถ้าหากไม่ใช่นางจะเป็นผู้ใดไปได้เล่า เหตุใดความทรงจำของผู้อื่นจึงมาอยู่ในหัวของนางได้นะ ตอนที่หลี่เฉินเย่นมาหาท่านราชครูถึงเรือน อีกฝ่ายก็ตื่นมาสักพักแล้วทั้งยังเตรียมตัวปรุงยาอยู่ เมื่อเขาได้ยินว่าหนิงอานอ๋องมาก็รีบร้อนออกไปให้การต้อนรับ ยังไม่ทันที่จะได้ทำความเคารพ หลี่เฉินเย่นก็พุ่งเข้ามาทั้งยังลากเขาไปอีกมุมหนึ่งของห้องจากนั้นก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “ท่านราชครู เจ้าช่วยเปิ่นหวางเรื่องหนึ่งได้หรือไม่!” ท่านราชครูรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเขาจะต้องมาสีหน้าจึงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลงทั้งยังเอ่ยถามเสียงเรียบ “ท่านอ๋องมาเพราะเรื่องของชูเซี่ยหรือ” หลี่เฉินเย่นพยักหน้า “ท่านราชครูมีวิชาหยั่งรู้สามารถทำนายดวงชะตาได้ ท่านบอกเปิ่นหวางหน่อยเถิดว่าชูเซี่ยอยู่ที่ใด นางปลอดภัยกลับมาแล้วหรือไม่” ท่านราชครูเชื้อเชิญให้หลี่เฉินเย่นนั่งลง ก่อนจะเอ่ยปลอบให้เขาสงบลงเสียก่อน “ท่านอ๋องโปรดอย่าได้ร้อนใจ สงบใจลงก่อนและฟังคำของข้าสักนิดเถิด ก่อนที่ท่านอ๋องจะมาข้าเองก็ได้ทำนายดวงชะตาของท่านหมอเวินแล้ว แต่ทว่าด้วยพลังของข้า ข้ารู้เพียงแค่ว่านางกลับมายังเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัยแล้ว นางเคยต้องเผชิญเคราะห์ครั้งใหญ่แต่ครานี้นับว่าผ่านพ้นไปได้ แต่สิ่งที่ข้ารู้ก็มีเพียงแค่ว่านางอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวงเท่านั้น” หลี่เฉินเย่นปรีดายิ่ง “ตะวันออกเฉียงใต้หรือ ทิศนั้นเป็นที่ตั้งของจวนอ๋องหนิงอานของข้านี่ หรือว่าเฉินอวี่จู๋ก็คือนางจริงๆ” ใบหน้าของท่านราชครูค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ “เหตุใดท่านอ๋องจึงคิดเช่นนั้น” หลี่เฉินเย่นเล่าเรื่องราวของเฉินอวี่จู๋ให้ท่านราชครูฟังทุกถ้อยคำไม่มีตกหล่น เมื่อฟังจบท่านราชครูก็นิ่งเงียบไป “ท่านอ๋อง ยังมีหลายๆเรื่องที่น่าสงสัยและไม่สมเหตุสมผลอยู่นะขอรับ การที่ท่านด่วนตัดสินใจอาจจะนำมาซึ่งความผิดพลาดได้” หลี่เฉินเย่นชะงัก “ความหมายของท่านราชครูก็คือไม่แน่ว่าชูเซี่ยอาจจะไม่ได้มาสิงร่างของเฉินอวี่จู๋งั้นหรือ” ท่านราชครูส่ายศีรษะ “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เรื่องที่ท่านอ๋องกล่าวมาไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ทว่าสำหรับข้าแล้วการที่จะกลับมาเกิดใหม่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเกิดขึ้นง่ายๆเลย กลับกันเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนยิ่งนักต่อให้ข้าบอกแก่ทันก็ไม่แน่ว่าท่านจะเข้าใจได้ ในระยะสั้นการจะหาร่างที่สมพงษ์กับวิญญาณของนางไม่ใช่เรื่องง่ายดายถึงเพียงนั้น” ตอนนั้นเองที่ไฟแห่งความหวังที่โชติช่วงกลับถูกน้ำเย็นสาดจนดับ ชายหนุ่มนิ่งอึ้งอยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงแหบพร่า “แต่ว่าเมื่อครู่ท่านไม่ได้บอกเองหรือว่าชูเซี่ยกลับมาแล้ว นางกลับมาแล้วทั้งยังอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จวนอ๋องของข้าก็ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย” ท่านราชครูไม่กล้าพูดอะไรมากและยิ่งไม่กล้าเอ่ยขัดความคิดของชายหนุ่มตรงหน้า เขารู้ว่าการที่จู่ๆเฉินอวี่จู๋มีความทรงจำของชูเซี่ยอยู่จะต้องเป็นฝีมือของของผู้อื่นแน่ แต่จะมีผู้ใดมีความสามารถถึงเพียงนี้กันเล่า ต่อให้มีก็คงเป็นเทวดาบนท้องฟ้าก็เป็นได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเขาจะกล้าทำอะไรได้เล่า คนธรรมดาเช่นเขาหรือจะกล้ามีปัญหากับเหล่าทวยเทพ ยามนี้ที่ทำได้ก็คงมีเพียงแค่การเตือนสติท่านอ๋องอ้อมๆเท่านั้น “เป็นเช่นนั้นจริง แต่ทว่า ข้าก็ขอยืนยันคำเดิม เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด ท่านอ๋องต้องคิดทบทวนให้ดี” หลี่เฉินเย่นเอ่ยอย่างหมดความอดทน “ยังจะถามอะไรอีกเล่า เรื่องทุกอย่างที่นางพูดมาเปิ่นหวางไม่เคยเล่าให้ผู้ใดฟัง การที่นางสามารถเล่าออกมาได้นั่นก็เห็นได้ชัดแล้วไม่ใช่หรือว่านางก็คือชูเซี่ย ยังมีอีกก่อนที่นางจะออกเรือนมาที่จวนนางเกิดอุบัติเหตุตกน้ำแต่ทว่าเมื่อตื่นมาก็ไม่เป็นอะไรสักอย่าง วันนั้นที่เปิ่นหวางไปเก็บยาสมุนไพรที่เขาเทียนหลางกับชูเซี่ยนางก็พลัดตกน้ำ ยามที่เปิ่นหวางช่วยนางขึ้นมาจากน้ำยามที่นางฟื้นขึ้นก็ไม่เป็นอะไรสักอย่าง เรื่องทั้งสองจะไม่ประจวบเหมาะเกินไปหรือ เจ้าบอกเปิ่นหวางมาตรงๆเถิดว่าแท้จริงแล้วนางคือชูเซี่ยใช่หรือไม่” แท้จริงแล้วหลี่เฉินเย่นเขาเชื่อไปแล้วว่าเป็นเช่นนั้นจริง แต่เขาก็ยังอยากได้คำยืนยันจากท่านราชครู เขาหวังอย่างยิ่งว่าเฉินอวี่จู๋ก็คือชูเซี่ย เข้าเชื่อชูเซี่ยจะต้องกลับมาอยู่ข้างกายของเขา แม้ว่าท่านราชครูจะบอกว่าการเกิดใหม่ในร่างผู้อื่นจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทว่าสำหรับเขาแล้วเรื่องที่ชูเซี่ยกลับชาติมาเกิดก็ดูจะไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะเขาก็เห็นว่านางสิงร่างคนอื่นมาได้ถึงสองครั้งแล้ว ท่านราชครูถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายไม่รู้จะอธิบายอะไรอีก หลี่เฉินเย่นก็มั่นใจเช่นนั้นแล้วเขาพูดไปจะได้อะไรขึ้นมาเล่า เรื่องที่ชายหนุ่มบอกว่าเฉินอวี่จู๋ก็คือชูเซี่ยแท้จริงแล้วจะต้องเป็นแผนของท่านเทวดาผู้นั้นแน่ เขาเองก็เกือบให้คำตอบที่ชัดเจนกับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ทว่าเขาเลือกที่จะปิดปากตัวเองไว้ก่อนจะดีกว่า “ข้าน้อยก็ยังขอยืนยันคำเดิม ให้ท่านตรวจสอบให้ดีขอรับ” หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้ว “เจ้าจงใจจะมีเรื่องกับเปิ่นหวางใช่หรือไม่ ตกลงว่าใช่หรือไม่ใช่ เจ้าบอกมาแค่คำเดียวก็พอ จะพูดจาวกไปวนมาเพื่ออะไร เจ้าก็ตอบมาให้ชัดเจนไม่ดีกว่าหรือ” ท่านราชครูทำสีหน้าลำบากใจ “ท่านอ๋อง เรื่องนี้ข้าไม่กล้ายืนยันหรอกขอรับ ข้าบอกได้เพียงแค่ท่านหมอเวินจะต้องกลับมาแน่ แต่ทว่าวิญญาณนางจะกลับมาสิงร่างของพระชายาหรือไม่ข้าเองก็จนปัญญา ดังนั้นข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยท่านอย่างไร” หลังจากนั้นก็หยุดพูดแต่ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของหลี่เฉินเย่นก็ถอนหายใจออกมา “ท่านอ๋องเป็นผู้ประสบกับเหตุการณ์ต่างๆมาด้วยตนเองทั้งยังเคยเป็นสามีภรรยากับนาง ตัวท่านเองน่าจะบอกได้ดีที่สุดว่าแท้จริงแล้วพระชายาเป็นท่านหมอเวินหรือไม่” หลี่เฉินเย่นลองไตร่ตรองดูอย่างเงียบๆจากนั้นก็หมุนกายเดินจากไป 
已经是最新一章了
加载中