ตอนที่ 109 เป็นคนอื่น
1/
ตอนที่ 109 เป็นคนอื่น
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 109 เป็นคนอื่น
ตนที่ 109 เป็นคนอื่น หลี่เฉินเย่นเข้าวังหาท่านราชครูครั้งนี้ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับคำตอบที่แน่นอน แต่ทว่าจากคำกล่าวของท่านราชครูที่กล่าวว่าชูเซี่ยกลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้วทั้งยังอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวง อีกทั้งยังมีคำพูดของเฉินอวี่จู๋ที่เล่าถึงความทรงจำระหว่างเขากับชูเซี่ยได้ นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขามั่นใจได้ถึงแปดเก้าส่วนว่านางก็คือชูเซี่ย แต่ทว่า เพียงแปดเก้าส่วนก็ยังไม่ถึงสิบส่วนอยู่ดี เขาจะต้องมั่นใจว่าเฉินอวี่จู๋จะใช่ชูเซี่ยจริงหรือไม่ ด้านบ้านหลังเล็กของชูเซี่ย พระอาทิตย์ยามนี้ขึ้นเต็มดวงแล้ว ชูเซี่ยเองก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาได้ในที่สุด จูเก๋อหมิงเห็นว่านางฟื้นขึ้นแล้วก็ถลาเข้าไปถามอย่างห่วงใย “เจ้าฟื้นแล้วหรือ รู้สึกอย่างไรบ้าง” ชูเซี่ยกระริบตาขับไล่ความมึนงงก่อนจะหันมาเห็นจูเก๋อหมิงและหลี่อวิ่นกัง นางชะงักเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม “พวกท่านอยู่นี่กันหมดเลยหรือ ข้ากลับมาแล้ว?” จูเก๋อหมิงรับคำ “อาจารย์ของเจ้าส่งเจ้ากลับมา!” ชูเซี่ยรู้สึกตื่นตระหนก อาจารย์ไปแล้วหรือ ถ้าอย่างนั้นนางก็ไม่มีโอกาสได้พบกับอาจารย์อีกแล้วหรือ บิดามารดาให้ชีวิตลูกๆแค่ชีวิตเดียว แต่อาจารย์ให้ชีวิตใหม่นางมาแล้วถึงสามครั้ง บุญคุณในครั้งนี้นางจะได้มีโอกาสได้ตอบแทนหรือไม่นะ หลี่อวิ่นกังมองชูเซี่ยอย่างลำบากใจ “ขออภัย เปิ่นหวางทำให้เจ้าต้องเป็นเช่นนี้” ชูเซี่ยหันมามองเขา “ต่อให้ไม่มีท่านข้ามันก็เป็นชะตาที่ข้าไม่อาจหลีกหนี ท่านก็แค่ทำให้มันเกิดขึ้นเร็วขึ้นเพียงเท่านั้น แต่ไม่เป็นไรเสียหน่อย อย่างไรข้าก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ” หลี่อวิ่นกังถอนหายใจออกมา “เป็นเปิ่นหวางที่ประมาทเลินเล่อเอง ผู้มีพระคุณกับศัตรูยังไม่สามารถแยกออกได้จนเกือบทำให้เจ้ากับเชียนต้องพรากจากกันตลอดไปเสียแล้ว” หัวใจชูเซี่ยกระตุกวูบ นางหันมามองจูเก๋อหมิงก่อนถามอย่างเป็นห่วง “เขาเป็นเช่นไรบ้าง” “เขาแต่งงานกับเฉินอวี่จู๋แล้ว ตอนที่เจ้าหายตัวไปพวกเราไปโกหกเขาว่าเจ้าหนีออกจากเมืองหลวงไปรอสงบสติอารมณ์ได้แล้วจะกลับมา แต่ทว่า...” จูเก๋อหมิงหยุดไว้ตรงนี้ ชูเซี่ยร้อง ‘อ่อ’ ออกมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “แต่ทว่าอะไร พูดออกมาตรงๆเถิดไม่ต้องอ้อมค้อม!” จูเก๋อหมิงเล่าถึงคำพูดที่นักบวชผู้นั้นพูดให้ชูเซี่ยฟัง “ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเข้าใจว่าเฉินอวี่จู๋ก็คือเจ้า!” ชูเซี่ยหลับตาลง มือบอบบางของนางเผลอกำผ้าห่มที่คลุมกายไว้แน่น นางใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการซ่อนความเจ็บปวดที่ตีตื้นขึ้นมาในหน้าอก แต่ถึงกระนั้นนางก็พยายามปรับน้ำเสียงของตนเองให้เรียบเฉย “อืม แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ!” จูเก๋อหมิงเห็นท่าทางเช่นนี้ของนางก็รู้สึกเจ็บปวดสงสารขึ้นมา “หากเจ้าอยากร้องก็ร้องออกมาเถิดอย่าได้ฝืนตัวเองเช่นนี้เลย” ชูเซี่ยยิ้มซีดเซียว “”ข้าไม่ได้เสียใจหรอก การที่เขาเห็นเฉินอวี่จู๋เป็นข้าก็หมายความว่าในใจของเขายังคงมีข้าอยู่ไม่ใช่หรือ ย่างน้อยก็นับว่าข้าโชคดีกว่านาง ไม่ใช่หรือเจ้าคะ” หลี่อวิ่นกังก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เรื่องของความรู้สึกพวกเขาเป็นคนนอกก็ไม่สมควรถาม อีกอย่างชูเซี่ยก็เป็นเพียงแม่นางน้อยผู้หนึ่งต่อให้นางเสียใจอยากร้องไห้เพียงใดก็คงต้องฝืนทนเอาไว้ไม่ให้พวกเขาเห็นหัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วงและรู้สึกแย่ แต่เพราะนางไม่แสดงอะไรออกมาเลยต่างหากที่ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ ชูเซี่ยยังคงเอ่ย “ต่อให้ข้าไม่หายตัวไปอย่างไรเสียเขาก็ต้องแต่งกับเฉินอวี่จู๋อยู่ดีไม่ใช่หรือ เป็นเช่นนี้ก็ดีอย่างน้อยข้าก็สามารถหนีปัญหาเรื่องเสด็จพ่อของท่านมาได้ จะได้ไม่ต้องเข้าวังให้ปวดหัวอีก ทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าฝ่าบาทจะทรงปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่งก็เพราะข้า” หลี่อวิ่นกังได้ยินนางพูดเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งนางเป็นเช่นนี้เขาก็ยิ่งปวดใจ เรื่องทุกอย่างเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขา เขายังจะต่อสู้แย่งชิงเพื่ออะไรอีก เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่ายิ่งคนเรามีความปรารถนามากขึ้นก็รังแต่จะทำบาปทำกรรมมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะแม่ทัพพญาอินทรีย์ ตำแหน่งรัชทายาท ของพวกนี้มันสำคัญกว่าสายเลือดอีกงั้นหรือ เขารู้สึกรังเกียจตัวเองเหลือเกิน เขาควรเข้าใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้วไม่เช่นนั้นยามที่ชูเซี่ยกลับมาเขาก็คงไม่ก่อเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ จูเก๋อหมิงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “เจ้าสอนข้าฝังเข็มทองเถิด ไม่เช่นนั้นข้าก็คงไม่มีความสามารถที่จะรักษาขาของเจ้าได้” ชูเซี่ยทำสีหน้าครุ่นคิดก็จะค่อยๆยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ช่วยไม่ได้ ท่านก็มาเป็นศิษย์ข้าดีหรือไม่” จูเก๋อหมิงนิ่งไปก่อนจะมองมาที่นางนิ่งๆ “เจ้าแน่ใจ?” ชูเซี่ยมองตอบเขานิ่งๆเช่นกัน “ท่านไม่ยินยอม?” ใบหน้าของจูเก๋อหมิงแข็งเกร็งแทบจะไม่ยิ้ม “จะไม่ยอมได้อย่างไร ข้าย่อมต้องยอมอยู่แล้ว” “ข้าล้อเล่น ข้าไม่ได้อยากเป็นอาจารย์เสียหน่อยแค่มาแลกเปลี่ยนวิชากันก็พอแล้ว” ชูเซี่ยยิ้มขำ สีหน้าของจูเก๋อหมิงผ่อนคลายมากขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววโล่งใจ “ไม่นับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกันหรอก เพียงแค่ชี้แนะก็พอได้!” หลี่อวิ่นกังมองจูเก๋อหมิงอย่างประหลาดใจ ในใจของเขาก็พอเข้าใจท่าทางเช่นนี้อยู่บ้าง แม้ว่าเขาพอจะดูออกว่าอีกฝ่ายชอบพอชูเซี่ยแต่จากที่เห็นนั้นท่าทางจะรักปักใจเลยทีเดียว ชูเซี่ยเป็นหญิงสาวจากโลกต่างนางจึงอาจจะไม่รู้ว่าโลกใบนี้ อาจารย์และลูกศิษย์มีฐานะชัดเจนไม่อาจแต่งงานหรือมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวได้ นับเป็นจริยธรรมและกฏที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจฝืน แน่นอนว่าชูเซี่ยไม่รู้เรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย นางรู้เพียงว่าวิชาแพทย์ของจูเก๋อหมิงสูงส่งถึงเพยงนี้จะให้นางบังอาจนับเขาเป็นศิษย์และให้เขาเรียกขานนางว่าอาจารย์ได้อย่างไรเล่า วิชาการแพทย์ทางอาจจะห่างชั้นกับจูเก๋อหมิงอยู่มาก นางถนัดเพียงแค่การฝังเข็มก็เท่านั้นจะไปสู้จูเก๋อหมิงที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการรักษาและการใช้ยาได้อย่างไรกัน แต่จู่ๆก็เหมือนชูเซี่ยจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้นางรีบเงยหน้าขึ้นมองจูเก๋อหมิงก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ “ท่านรีบเรียกเชียนซานมาที่นี่หน่อย เร็วเข้า!·” เมื่อจูเก๋อหมิงเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของนางก็อดถามขึ้นไม่ได้ “มีเรื่องอะไรหรือ” ชูเซี่ยไม่รู้ว่าจะเอ่ยออกมาอย่างไรดี นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอย่าเพิ่งถาม ช่วยเรียกเชียนซานมาที่นี่ก่อนเถิด” “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ เปิ่นหวางจะสั่งให้คนไปตามเชียนซานมาเอง ส่วนจูเก๋อเจ้าก็ช่วยตรวจอาการของชูเซี่ยก่อนว่านอกจากขาแล้วยังมีตรงไหนที่บาดเจ็บอีกหรือไม่!” หลี่อวิ่นกังเป็นห่วงอาการของชูเซี่ยแม้ว่าโดยรวมแล้วนางจะสบายดีแต่ว่าก่อนหน้านี้นางได้รับบาดเจ็บหนัก การจะหายดีภายในระยะเวลาเพียงครึ่งเดือนนั่นค่อนข้างน่าเหลือเชื่อไปสักหน่อย “เช่นนั้นก็ดี ลำบากท่านอ๋องแล้ว!” ยามนี้เรื่องความแค้นและความขุ่นเคืองใจระหว่างจูเก๋อหมิงและหลี่อวิ่นกังมลายหายไปจนสิ้นแล้ว ในเมื่อชูเซี่ยเองก็กลับมาแล้ว เขายังจะไปถือสาอะไรอีก หลี่อวิ่นกังเดินออกไป จริงอยู่แม้ว่าเขาไม่อาจเดินเข้าไปในจวนอ๋องเพื่อตามหาเชียนซานด้วยตนเองได้แต่ว่าเขาก็สามารถให้องครักษ์ในจวนอ๋องของเขาไปตามนางได้ ค่ำวานนี้เชียนซานทำตามคำบอกของจูเก๋อหมิงที่ให้นางลองหาทางไปพูดคุยเรื่องแผนกับเฉินอวี่จู๋ นางชั่งน้ำหนักความคิดเหตุผลต่างๆนาๆสุดท้ายนางก็ไม่ได้ไป สำหรับนางแล้วนายหญิงก็คือนายหญิงไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่ได้ นางไม่อยากโกหกเพียงเพื่อแค่ทำให้หลี่เฉินเย่นสบายใจ ดังนั้นยามนี้เมื่อนางได้ยินว่าจูเก๋อหมิงอยากพบนาง หญิงสาวจึงคิดว่าคงเพราะต้องการคุยเรื่องเมื่อวาน นางชั่งใจอยู่บ้างแต่ก็ยอมตามคนของหลี่อวิ่นกังไป ร่างสูงของหลี่อวิ่นกังนั่งรอเชียนซานอยู่บนรถม้า ทันทีที่เชียนซานขึ้นมาบนรถ เขาก็บอกนางทันทีว่าชูเซี่ยกลับมาแล้ว แรกเริ่มเชียนซานไม่เชื่อ คนที่ตายไปแล้วจะกลับมาได้อย่างไรเล่า นอกเสียจากว่าจะเป็นผี หญิงสาวนึกว่าเป็นแผนการของหลี่อวิ่นกังและจูเก๋อหมิงที่พยายามจะควบคุมนาง หญิงสาวอารมณ์ขุ่นมัวไม่น้อยแต่ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่อวิ่นกังนางก็ยังไว้หน้าอีกฝ่ายอยู่บ้าง เมื่อมาถึงเรือนหลังเล็กของชูเซี่ย เชียนซานเดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมรอยยิ้มเย็นชา “จูเก๋อหมิง ท่านคิดว่าข้าเป็นโง่ที่หลอกง่ายมากนักหรืออย่างไร” นางเดินเข้ามาภายในห้องก็พบร่างสูงของจูเก๋อหมิงนั่งอยู่ข้างเตียง บนเตียงมีร่างบอบบางนอนอยู่ ยังไม่ทันที่นางจะมองร่างนั้นให้ชัดก็เอ่ยเสียงเย็นยะเยือก “จูเก๋อหมิง ข้ามาลองคิดดูแล้ว ข้าจะไม่มีวันยอมให้เฉินอวี่จู๋มาใช้ฐานะของนายหญิงเด็ดขาด ท่านก็เลิกล้มแผนการเสียเถิด กลับไปอธิบายกับท่านอ๋องจะดีกว่า” เมื่อจูเก๋อหมิงลุกขึ้นยืนเชียนซานก็สามารถมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวบนเตียงได้ชัดเจน นางตื่นตะลึงอยู่สักพักจากนั้นก็ยิ้มเย็น “หืม แม้แต่ใบหน้าก็ทำปลอมไว้เสร็จสรรพแล้วหรือ เจ้าคิดว่าเฉินอวี่จู๋อาจทำตามแผนไม่ได้จึงหาคนอื่นมาแทนหรือไงกัน แต่งออกมาได้เหมือนมากเลยนี่!” ชูเซี่ยหันมามองเชียนซานด้วยรอยยิ้มเหนื่อยใจ “เชียนซาน เจ้านี่ท่าทางจะปักใจเชื่อเหลือเกินนะว่าข้าตายไปแล้ว เจ้าไม่ดีใจเลยหรือที่ข้ากลับมาแล้ว ยังจะคาดเดาคิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะ ช่างน่าสนใจจริงๆ!” เชียนซานมองชูเซี่ยอย่างพิจารณา “แม้แต่เสียงก็ยังเหมือน!” ชูเซี่ยเอื้อมมือมาตบเบาๆที่เตียงเพื่อให้เชียนซานมานั่ง เชียนซานก็ยังคงจ้องมองนางอยู่เงียบๆไม่ยอมเคลื่อนไหว จูเก๋อหมิงจึงดันร่างนางไปข้างหน้าเบาๆ “นางคือชูเซี่ยจริงๆ หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปลูบๆใบหน้านางดูก็ได้ นั่นไม่ใช่หน้ากากหรอกนะ” เชียนซานทำเสียงขึ้นจมูก “ท่านคิดว่าข้าไม่กล้าหรืออย่างไร ข้าจะเดินไปกระชากหน้ากากนางให้ดู” พูดพลางนางก็เอื้อมมือไปลูบใบหน้าของชูเซี่ยจริงๆ ทั้งใบหู ตา จมูกและปากทุกซอกทุกมุม ชูเซี่ยเกิดรำคาญจึงปัดมือนางออกและเอ่ยเสียงดุ “นั่งลงเดี๋ยวนี้ ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า!” เชียนซานมองมาที่นางอย่างตื่นตระหนก ทันใดนั้นดวงตาของนางก็มีน้ำใสๆเอ่อคลอออกมาจนขนตาเปียกชื้นแต่เจ้าตัวก็พยายามห้ามไม่ให้มันไหลลงมา “สวรรค์ ท่านเป็นนายหญิงของข้าจริงๆหรือ ท่านยังไม่ตาย?” ชูเซี่ยกลอกตา “ปกติเจ้าออกจะฉลาด แต่ทำไมเรื่องนี้ถึงโง่นักเล่า!” เชียนซานถลาเข้ามากอดนางทั้งยังพยุงร่างของนางขึ้นมาตบหลังเบาๆ “ท่านทำให้ผู้อื่นตกใจเกือบตายรู้หรือไม่ ข้าเคยบอกว่าไม่ว่าท่านอยู่ข้าอยู่ ท่านตายข้าตาย หากไม่ใช่ว่าเพราะเรื่องที่ท่านฝากฝังข้ายังไม่สำเร็จลุล่วงข้าคงขอตายตามท่านไปแล้วรู้หรือไม่ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร ทำให้ข้าตกใจแทบแย่” ว่าพลางนางก็ตบที่หลังชูเซี่ยหลายครั้ง น้ำหนักมือของนางไม่เบาเลยทีเดียว หลี่อวิ่นกังรีบดึงร่างของเชียนซานออกทันทีด้วยสีหน้าดุดัน “เจ้าอย่าได้ทำเช่นนี้ หลังของนางบาดเจ็บอยู่!” เชียนซานตกใจรีบก้าวไปจับไหล่ทั้งสองข้างของนายหญิงไว้พลางเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอย่างไรบ้าง ข้าทำท่านเจ็บหรือไม่” ใบหน้าของชูเซี่ยซีดขาวไปหมด นางโบกไม่โบกมือปฎิเสธ “ไม่เป็นไร ไม่ถึงตายหรอก!” เชียนซานพยักหน้าเล็กน้อย “ครึ่งเดือนมานี้ท่านไปอยู่ที่ใดมา รู้หรือไม่ว่าท่านอ๋องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว!” จูเก๋อหมิงดึงนางออกมาอีกครั้ง “พูดเรื่องนี้ไปทำไมกัน นายหญิงของเจ้ากลับมาเจ้าไม่ดีใจหรืออย่างไร ทำหน้าเหมือนจะร้องทำให้ผู้อื่นหดหู่ตามไปด้วย!” เชียนซานจ้องจูเก๋อหมิงตาเขม็ง “ยังจะมาพูดอีก โชคดีเหลือเกินที่ข้าได้ทำการแผนการของท่านไปพูดคุยกับเฉินอวี่จู๋ ไม่เช่นนั้นท่านอ๋องก็คงจะเสร็จผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว แล้วคราวนี้ตอนที่นายหญิงกลับมาจะกลับไปในฐานะอะไรเล่า” เมื่อกล่าวจบนางก็เห็นว่าสีหน้าของชูเซี่ยไม่ดีนักก็รู้ตัวว่าตนเองเผลอพลั้งปากพูดสิ่งไม่ดีออกไปเสียแล้ว จึงค่อยๆเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม “โชคดีเหลือเกินที่นายหญิงกลับมาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นเฉินอวี่จู๋ก็หมดความหมาย” ชูเซี่ยหันมามองเชียนซานก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าเรียกเจ้ามาก็เพราะว่าข้าอยากให้เจ้าตามปกป้องคุ้มครองเฉินอวี่จู๋” เชียนซานปาดน้ำตาออก “คุ้มครองนาง? เหตุใดข้าจะต้องคุ้มครองนางด้วย” จูเก๋อหมิงได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปเช่นกัน “เกิดอะไรขึ้นกับนางหรือ เหตุใดต้องปกป้องคุ้มครองนางด้วย” ชูเซี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ก่อนหน้านี้ข้าก็อยากจะบอกพวกเจ้าเหมือนกัน ข้ากำลังสงสัยว่าผู้ที่วางยาข้าก็คือฉ่ายเวิน ยามนี้เฉินอวี่จู๋เป็นพระชายา ไม่แน่ว่านางอาจจะลงมือกับเฉินอวี่จู๋แทนก็ได้” ทุกคนในห้องต่างก็ตื่นตระหนกตกใจกันทั้งยังมองหน้ากันเลิกลั่ก จูเก๋อหมิงถามอย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดเจ้าจึงสงสัยแบบนั้น เรื่องวางยาพิษเจ้าโหร่วยเฟยก็ยอมรับแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงเป็นฉ่ายเวินไปได้ อีกอย่างนางจะวางยาเจ้าไปทำไมกัน เจ้าเป็นคนที่รักษานาง เป็นผู้มีพระคุณต่อนาง นางควรจะซาบซึ้งในบุญคุณของเจ้าจึงจะถูก ไม่มีทางที่จะวางยาเจ้าได้หรอก” ชูเซี่ยยิ้มออกมา “ข้าเป็นคนรักษานางก็จริง แต่ว่าข้าก็แย่งคนรักของนางไปเช่นกัน!” สีหน้าทุกคนในห้องงุนงงไปหมด นางจึงค่อยๆเอ่ยเสริมเข้าไปอีก “นางชอบเฉินเย่น!” “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ระยะนี้ไม่ใช่ว่านางกำลังดูๆอยู่กับคุณชายตระกูลหลี่อยู่หรือ” จูเก๋อหมิงเอ่ยทัดทาน ชูเซี่ยส่ายศีรษะเบาๆ “นั่นเป็นเพียงแค่ฉากหน้า เรื่องนี้ความจริงแล้วหากตรวจดูให้แน่ชัดก็รู้ได้ไม่ยาก นางบอกว่าคุณชายหลี่มีใจให้นาง แต่ว่านางสลับไปตั้งกี่ปี คุณชายหลี่ก็ไม่เคยมาเยี่ยมนางเลยสักครั้งไม่ใช่หรือ หากนางจะบอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนางฟื้น แต่นางเองก็เพิ่งฟื้นได้ไม่นาน ได้ออกจากจวนอ๋องกี่ครั้งกันถึงได้มีโอกาสไปพบกับคุณชายหลี่ได้ อีกอย่างผู้ที่ผลักนางลงน้ำไม่ใช่หลิวหยิงหลงแน่ แต่เป็นฝีมือของโหร่วยเฟยต่างหาก แต่ทว่าเมื่อนางฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินว่าหลิวหยิงหลงแต่งเข้าจวนอ๋องเป็นพระชายาไปแล้ว นางยังไม่รู้ว่าหลิวหยิงหลงตายไปแล้ว ดังนั้นผู้หญิงคนแรกที่นางต้องกำจัดย่อมต้องเป็นหลิวหยิงหลงคนแรก” ใบหน้าของทุกคนในห้องที่ได้ยินต่างก็อึ้ง! จูเก๋อหมิงได้ยินคำพูดของนางก็นึกถึงยามที่ฉ่ายเวินได้ยินว่าหลิวหยิงหลงตายไปแล้ว ใบหน้าของนางยามนั้นทั้งรู้สึกผิดและตะลึงงัน คนที่ทำร้ายตนเองตาไปนางควรจะรู้สึกดีใจสิถึงจะถูก แต่ต่อให้ไม่ดีใจก็ไม่สมควรมีความรู้สึกผิดดอยู่ในนั้น แต่ทว่าฉ่ายเวินไม่น่าจะใช่คนที่โหดเหี้ยมถึงเพียงนั้นไม่ใช่หรือ ในใจของเขานางเป็นสาวน้อยที่น่ารักและจิตใจดีอยู่เสมอ สีหน้าของท่านหมอหนุ่มลำบากใจ “เรื่องนี้ข้าขอเวลาตรวจสอบให้แน่ใจเสียก่อน เชียนซาน ตอนนี้เจ้าก็ทำตามคำสั่งของนายหญิงเจ้าเถิด หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินอวี่จู๋แล้วล่ะก็ เฉินหยวนชิ่งคงไม่ยอมปล่อยเฉินเย่นแน่ นอกจากนี้เราก็ยังต้องระมัดระวังคนข้างกายไว้ให้ดีด้วย” เชียนซานก็ทำได้เพียงตอบตกลงเท่านั้น คำสั่งของชูเซี่ย นางไม่อาจต่อต้านหรือขัดขืนได้อยู่แล้ว!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 109 เป็นคนอื่น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A