ตอนที่ 112 คนรักใหม่กับคนรักเก่า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 112 คนรักใหม่กับคนรักเก่า
ต๭นที่ 112 คนรักใหม่กับคนรักเก่า ข่าวการปลดฮองเฮาประกาศออกมา สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วทั้งแคว้น เซียวโหยว บิดาของฮองเฮากับแม่ทัพเซียวหยวน พี่ชายของฮองเฮาก็ถูกให้ลดอำนาจ ยังมีท่าน ข้าหยวนอ๋องและท่าน หนิงอานอ๋องที่มีหนังสือทราบทูลต่อฮ่องเต้เช่นกัน หลังจากมีเรื่องการปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่ง เพราะเรื่องที่ฮ่องเต้ต้องการปลดฮองเฮาลงจากตำแหน่ง ผู้คนทั่วแคว้นต่างพากับตกตะลึงกับท่าทีนี้ของฮ่องเต้ ผู้คนมากมายล้วนเลือกแล้วว่าจะรอดูไฟชายฝั่ง เรื่องการปลดฮองเฮานั้นช่างกะทันหัน และไม่มีผู้ใดหาเหตุผล ยิ่งกว่านั้นคือตระกูลเซียวที่มีอำนาจที่แข็งแกร่ง ใครผู้ใดจะกล้าที่จะเห็นด้วยกับความคิดเห็นของผู้อื่น ต้นเดือนสี่ หนิงอานอ๋องได้รับโทษ เพราะเขาได้ลอบติดต่อกับแคว้นหนานจ้าวและถูกไส้ศึกแทรกซึมเข้ามาในกองทัพ ผู้คนในจวน หนิงอานอ๋องทั้งหมดล้วนถูกสั่งกักบริเวณ ด้านนอกจวนมีกองกำลังขนาดใหญ่ของราชองค์รักษ์มาเฝ้าประจำการณ์ ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าออก เซียวฮองเฮาก็ถูกสั่งกักบริเวณ เพียงรอการปลดออกจากตำแหน่งในเดือนสี่ประกาศออกไป ก็จะต้องถูกพาเข้าไปในตำหนักเย็น เรื่องบางเรื่องที่ได้เกิดขึ้นนี้นั้นช่างกะทันทัน ทำให้ผู้คนรับมือกันแทบไม่ทัน เรื่องทั้งหมด ชัดเจนที่สุดคืออ๋องเก้าและราชครู ฮ่องเต้เริ่มทรงประชวรตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสาม เริ่มจากอาการปวดหัว ตามมาด้วยเจ็บปวดติดต่อกันหลายวัน หมอหลวงทำการรักษาและวินิจฉัยแล้วแต่ก็ไม่เห็นผล อาการนับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น หลังจากที่ฮ่องเต้ทรงเสวยอู่สือชาน อาการปวดจึงค่อยๆ หายดีขึ้น และเริ่มได้สติ ฮ่องเต้ทรงประชวร อ๋องเก้าก็ทำได้เพียงติดตามอาการประชวรเท่านั้น ฮ่องเต้ทรงรีบร้อนเรียกราชครูจ้าวมาเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับที่อยู่ของ ชูเซี่ย ราชครูออกความคิดเห็นว่า ชูเซี่ยน่าจะกลับมายังเมืองหลวงแล้ว แต่ว่าที่อยู่กลับไม่ชัดเจน ตอนนี้ ราชครูเข้ากราบทูลต่อฮองเต้ว่า หมอเวินอาจจะเป็นอดีตพระชายาหนิงอาน ชูเซี่ย นางกลับมาทวงคืน ดังนั้นท้ายที่สุดอาจกลับมามีผลความรู้สึกของหลี่เฉินเย่น ที่ราชครูกราบทูลเช่นนี้เป็นเพราะได้รับการชักจูงจากอ๋องเก้า สุดท้ายแล้วอ๋องเก้ารู้สึกสงสาร ชูเซี่ย หรือไม่อยากที่จะให้นางเจ็บปวดจากการพลัดพรากกับคนที่รักไปตลอดชีวิตกันแน่ ดังนั้นจึงอยากใช้คูดของราชครูทำให้พวกเขาต่อสู่แย่งชิงกัน ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ก็ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นก็แล้วกัน อ๋องเก้ายอมรับว่าเข้าวังเพื่อให้มีชีวิตรอด และแก้แค้น แต่ว่าเมื่อผ่านช่วงเวลาที่ ชูเซี่ยได้หายตัวไปอย่างไร้ร้องรอย และการอยู่ข้างกายฮ่องเต้มาเป็นเวลาหลายเดือน ทำให้ฮ่องเต้สนใจพูดเรื่องที่พี่น้องที่มีความจริงใจต่อกันต่อเขา เขาจึงค่อย ๆ ละทิ้งความโกรธแค้นในหัวลง เพียงขอปกป้องให้จากไปอย่างมีชีวิต แต่ว่าความหวังที่จะจากไปก่อนหน้านี้ เพื่อ ชูเซี่ยจึงลงมือทำอะไรบางอย่าง แต่ก็คงไม่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องนี้ น่าเสียดาย เรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้มาโดยตลอด คือ ในของคน เมื่อฮ่องเต้ได้ฟังว่า เวินหน่วนอาจจะเป็นร่างของ ชูเซี่ยที่ตายไปในอดีตแล้วกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง จึงคิดได้ว่านางช่างมีความสามารถฟื้นจากความตายกลับมามีชีวิตเช่นเดิม ก่อนหน้านี้ราชครูเคยกล่าวว่านางคือหญิงที่ล้ำค่าหายาก สูงส่งเกินที่จะบรรยายได้ และก่อนที่ไทเฮา จะเสียชีวิตก็ได้มอบหมายนางให้เป็นหัวหน้าพรรคมังกรเหิน เขาจึงอยากที่จะเอาชนะ ชูเซี่ย หัวหน้าพรรคมังกรเหินในวังหลวงจะมีฐานะเป็นอะไร ใครล้วนทราบดี ดังนั้นเรื่องการปลดฮองเฮาล้วนไม่เป็นกังวล เพราะเพียงเหล่าขุนนางทราบว่าฮองเฮาคนใหม่คือหัวหน้าพรรคมังกรเหิน ยิ่งไม่มีใครข้าที่ไม่เห็นด้วย และตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือบีบให้ ชูเซี่ยปรากฎตัว สองเดือนก่อนหน้านี้ ขาทั้งสองข้างของ ชูเซี่ยได้หายเป็นปกติเรียบร้อยแล้ว นางปลอมตัวเป็นบุรุษ เป็นแพทย์อยู่ในโรงหมอ หลี่เฉินเย่นก็รับรู้มาโดยตลอด หลี่อวิ่นกังก็เป็นคนคนส่งข่าวให้กับเขาตลอดเวลา บางที ชูเซี่ยทำสิ่งใด อารมณ์ดีไม่ดี หลี่เฉินเย่นล้วนทราบดีทั้งหมด แต่ว่าเขาต้องควบคุมตนเองให้อดทนไม่ไปเข้าใกล้ ชูเซี่ย ไม่มีสักวันที่ฮ่องเต้จะลบการแต่งซูเซี่นเข้าวังออกจากความคิด เขาจึงไม่ไปพบนางเลย ไม่อาจทำร้ายนางได้ แต่ว่า เขาจะคิดแผนการอีกครั้งอย่างไร หรือที่เขาคิดจะต่อกลอนกับเสด็จพ่อของตนไม่ได้ เรียกว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด ฮ่องเต้ทราบดีว่า ชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่นมีความรู้สึกเช่นสามีภรรยากัน ช่วงเวลาที่เฉินเย่นได้รับโทษ นางจะต้องไม่อาจเฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายได้ หลังจากที่หลี่เฉินเย่นได้รับโทษ หลี่อวิ่นกังก็สืบหาเรื่องจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา แต่ว่าสารสับทั้งหมดนั้นล้วนถูกเก็บวางใว้ในพระตำหนักของฮ่องเต้ เขาจึงไม่มีวิธีทางเอื้อมถึง หากยังสืบไม่เจอสิ่งใด ก็ไม่ต้องเอ่ยถึงการช่วยเหลือหลี่เฉินเย่นแล้ว หลี่อวิ่นกังไม่มีทางเลือก แม้ต้องพาตนเองเขาไปซ่อนตัวในแคว้นหนานจ้าว เพื่อสืบหาความจริงของเรื่องทั้งหมดที่เกิดนี้ ก่อนหน้าที่เขาจะออกจากจวน ชูเซี่ยก็ได้มาขอพบ อ๋องเก้าเคยมาพบกับ ชูเซี่ย นำเรื่องราวทั้งหมดบอกเล่าแก่นางให้ทราบ ที่สุดแล้วอ๋องเก้ายังคำนึงความสัมพันธ์ระหว่างอาหลานกับหลี่เฉินเย่น เลยไม่อาจทนมองหลี่เฉินเย่นถูกส่งไปตาย ดังนั้นเขาจึงของร้องให้ ชูเซี่ยลงมือหาทางช่วยเหลือ “เจ้ามาได้อย่างไร” เพียงพบ ชูเซี่ยมาที่จวน แถมยังสวมใส่อาภรณ์ผู้หญิงดังเดิมแล้ว หลี่อวิ่นกังก็อดที่จะเอ่ยขึ้นอย่างโมโหไม่ได้ว่า “เสด็จพ่อตามหาเจ้าอยู่ทั้วทุกแห่งหน รีบกลับไปเดี๋ยวนี้” ชูเซี่ยมอง หลี่อวิ่นกังอย่างเงียบ ๆ เขาเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดคลุมสีขาวที่ส่วางดั่งเช่นแสงจันทร์ ด้านนอกมีทาสรับใช้จูงรถม้าออกมารออยู่ นางทราบดีว่าเขาต้องการไปที่แคว้นหนานจ้าว ตอนนี้แคว้นหนานจ้าวและแคว้นเหลียงได้เปิดศึกกันแล้ว เขาไปแคว้นหนานจ้าวอันตรายยิ่งนัก แม้จะนำกองทหารไปด้วย แต่ก็อาจจะไปแล้วไม่ได้กลับมา ไม่มีแม้แต่คนเดียว มิตรภาพระหว่างพี่น้องนี้ ทำให้นางซาบซึ้งยิ่งนัก นางเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “หม่อมฉันมาเพื่ออำลาท่านอ๋อง หม่อนฉันต้องเข้าวังเพคะ” หลี่อวิ่นกังดึงมือของนางเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต้ำแฝงด้วยความโกรธว่า “ไม่ได้ เจ้าเข้าวังไปตอนนี้ เท่ากับส่งเนื้อเข้าปากเสือ”” ชูเซี่ยคุกเข่า ยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ท่านวางใจเถิดเพคะ หม่อมฉันมีวิจารณญานของตน หม่อมฉันไม่เข้าวังเรื่องการถูกใส่ร้ายของเฉินเย่นก็ไม่อาจที่จะกระจ้างชัดเจนได้ เขาทำเพื่อข้ามามากมายแล้ว ข้าไม่สามารถทนนิ่งดูดายได้ อีกอย่างเรื่องนี้เดิมทีข้าเป็นผู้ก่อขึ้น ก็จะต้องไปจัดการให้จบสิ้นด้วยตนเอง” หลี่อวิ่นกังส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้ เสด็จน้องเคยกำชับข้าไว้ จะต้องดูแลเจ้าให้ดี เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจ ข้าจะไปหนานจ้าวสืบหาความจริงให้ปรากฎ เฉินเย่นถูกใส่ร้าย เพียงข้าหาหลักฐานมายืนยันได้ เสด็จพ่อจะต้องปล่อยเขาออกมาแน่นอน” ชูเซี่ยยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านยังไม่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งอีกหรือเพคะ เดิมทีแล้วเฉินเย่นไม่ได้สบคบกับแคว้านหนานจ้าว และเดิมทีก็ไม่มีผู้ใดขึ้นกราบทูลเรื่องนี้ เรียกว่าเป็นหลักฐานที่เสด็จพ่อของพระองค์ปลอมแปลงออกมา เขาเพียงอย่างบีบให้หม่อมฉันปรากฎตัวออกมา เขาทราบดีอยู่แล้วถึงสถานะของหม่อมฉัน” หลี่อวิ่นกังตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปขาวซีด “เจ้าพูดว่าอะไร ทั้งหมดนี้ล้วนคือฝีมือของเสด็จพ่อที่สร้างเรื่องขึ้นมาหรือ เจ้าพูดว่าเขาตั้งใจกล่าวโทษว่าสบคบกับแคว้นศัตรูเพื่อบีบให้เจ้าปรากฎตัวงั้นหรือ” เขาส่ายหน้า ไม่อาจเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพื่อบีบให้ ชูเซี่ยปรากฏตัว เขาถึงกับใส่ความพระโอรสของตนเองว่าสมคบกับศัตรูขายชาติ ซึ่งเรื่องสมคบกับศัตรูขายชาตินี้ถือเป็นโทษที่หนักที่สุดในแคว้น หากจะพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดายเลย แม้เฉินเย่นจะไม่ตาย แต่ผู้คนทั่วทั้งแคว้นเหลียงก็ไม่สามารถจับเขาได้อีกต่อไป เสือร้ายไม่กินลูกของตนเอง เขาสามารถลงมือทำเรื่องประเภทนี้ขึ้นมาได้อย่างไรกัน ชูเซี่ยเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องได้เกินแล้ว พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ท่านวางใจได้ เมื่อข้าเข้าวังแล้วข้ามีความสามารถที่จะดูและปกป้องตนเองได้” นางหยุดไปชั่วครู่ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเศร้าโศกอีกครั้งว่า “แต่ว่าเฉินเย่นจะต้องกล่าวโทษตนเองอย่างแน่นอนถึงเรื่องที่ข้าเข้าวัง ยังต้องให้ท่านและจูเก๋อหมิงช่วยกันปลอบใจเขาให้มากด้วย” หลี่อวิ่นกังสามารถนึกออกถึงความรู้สึกของหลี่เฉินเย่น ผู้หญิงที่เขาอย่างลึกซึ้งนั้นเพื่อตนเองแล้วต้องเสียสละตนเอง พูดในทางที่ดีก็คืออับจนหนทาง พูดในทางที่ยากที่จะฟังคือไร้ความสามารถ เขาเป็นที่หยิ่งในศักดิ์ศีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ กลัวว่าอาจไม่สามารถรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ สามเดือนมานี้ เขาไม่กล้าพบหน้ากับ ชูเซี่ยเลย กลัวว่าเสด็จพ่อจะทรงทราบที่อยู่ที่ไร้ร่องรอยของ ชูเซี่ย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลีกเลี่ยงเช่นนั้นแล้ว ก็ยังหลีกเลี่ยงไม่พ้นการขู่บังคับครั้งนี้ไปได้ เรื่องราวทั้งหมดเหมือนกับว่าย้อนกลับไปยังจุดเดิมอีกครั้ง แม้กระทั่งยังจะยิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม หลี่อวิ่นกังก็คิดว่าตนเองนั้นช่างไม่มีความสามารถเสียจริง เขาเคยรับปากว่าจะปกป้อง ชูเซี่ย แต่ว่าตอนนี้กลับทำได้เพียงมองส่งนางเข้าวังไปอย่างเงียบๆ มีบางอย่างติดอยู่ในใจไม่สามารถนำออกมาได้ แต่กลับกลืนเข้าไปก็ไม่ได้เช่นกัน ขณะที่ ชูเซี่ยกำลังที่จะเอ่ยขอตัวลา กลับมองเห็นองค์รักษ์ที่ประตูด้านนอกรีบร้อนเดินเข้ามา พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “พระชายาหนิงอานเสด็จมาพะยะคะ” หลี่อวิ่นกังตกใจแล้วจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “รีบไปเชิญนางเข้ามาเดี่ยวนี้” ทั่วบริเวณโดยรอบทั้งด้านหน้าและหลังจวนอ๋องถูกล้อมรอบเอาไว้ทั้งหมด นางออกมาได้อย่างไร ถ้าเสด็จพ่อทราบเข้า กลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องกับเฉินหยวนชิ่งก็เป็นได้ เมื่อได้ยินเช่นนั้นองค์รักษ์ก็รีบออกไปทันที ชูเซี่ยกลับมาอยู่ที่ด้านข้าง นางยังไม่เคยพบหน้าพระชายาหนิงอานนี้เลยสักครั้งเดียว แต่ตอนนี้ไม่ได้อยากที่จะพบนาง เพียงได้ยินถึงนามของพระชายาหนิงอานเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกเสียใจและไม่สบายใจ ดังนั้น นางต้องไปตอนที่ เฉินอวี่จู๋ยังมาไม่ถึง จึงรีบร้อนเอ่ยต่อ หลี่อวิ่นกังว่า “ท่านอยู่ต้อนรับนางเถิด หม่อมฉันทูลลาก่อนเพคะ” หลี่อวิ่นกังดึงนางเอาไว้ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้เจ้าจะไปที่ใด เจ้าอน่างพึ่งเข้าไปในวัง เรื่องนี้พวกเราค่อยคิดให้รอบคอบปรึกษากันให้ดีก่อน” ชูเซี่ยยิ้มขึ้นอย่างยากเย็น “ไม่จำเป็นแล้ว ข้าได้ตัดสินใจแล้ว” เอ่ยจบแล้ว นางก็สลัดจากมือของ หลี่อวิ่นกังเบาเบาให้หลุด แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปยังเขา แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “เขาคงต้องฝากท่านดูแลแล้ว” เอ่ยจบก็หมุนกายเดินตรงออกไป และขณะนี้ เฉินอวี่จู๋ที่ส่วมใส่ชุดสาวใช้ก็รีบร้อนตามองค์รักษ์เข้ามาด้านในจวน นางก้มหน้าลงไม่มองไปยัง ชูเซี่ย ชูเซี่ยไม่ได้คิดที่จะมองนางเลย แต่พอเมื่อนางได้เดินผ่านด้านข้างของตนไป ก็อดไม่ได้ที่จะมองนางแวบหนึ่ง เพียงมองนางแวบเดียว ชูเซี่ยก็รู้สึกว่าเลือดในร่างกายทั้งหมดนั้นแข็งตัว เฉินอวี่จู๋คล้ายกับตนในอดีตอย่างกับคนเดียวกัน ไม่ใช่สิ ควรจะพูดว่า เฉินอวี่จู๋คล้ายกับหลิวหยิงหลงอย่างกับคนเดียวกัน ก็สามเดือนมานี้ หลี่เฉินเย่นไม่เคยมาพบตนเลยสักครั้งเดียว ตามคำพูดทั้งหมดของ หลี่อวิ่นกัง เขาไม่ได้เชื่อที่อาจารย์จัดเรียงการเตรียมการ ที่ไม่มาพบนางเพราะวกลัวว่านางอยู่ที่ใดนั้นจะรั่วไหล นางเชื่อเช่นนั้น แต่ว่านางกลับไม่แน่ใจ เมื่อพบกับ เฉินอวี่จู๋ในวันนี้ นางทราบดีว่าหลี่เฉินเย่นนั้นตกหลุมรักตนตอนที่ยังเป็นหลิวหยิงหลง นางเคยเรียนจิตวิทยาเป็นวิชาโท รู้ดีว่าคนเราสามารถเกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่ไม่สามารถอธิบายได้กับคนที่มีใบหน้าที่รู้จักคุ้นเคย หากมีหนึ่งคนที่ดูเหมือนกับคนรักคนแรกของเขา ดังนั้นเขาจะเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้น แล้วพยายามที่จะเขาใกล้หรือตกหลุมรักเธอ ใจของคนเรานั้นช่างแสนประหลาด ไม่ใช่เอ่ยว่าหัวใจนั้นทราบดีว่านางไม่ใช่คนที่ตนคิดคนนั้น และสามารถที่จะทำให้เกิดการปฏิเสธได้ คนเราไม่ได้เป็นสัตว์ที่มีอิสระที่สมบูรณ์แบบ เขาอาจจะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถที่จะอยู่กับตนเองได้ ดังนั้นจึงได้ถ่ายโอนย้ายความรู้สึกเหล่านี้ไปคนที่คล้ายคลึงกับตัวเอง การเคลื่อนย้ายความรู้สึกประเภทนี้เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยและยังมีเหตุผลที่สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ สายตาของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ก้มหน้าเดินจากไป แม้ว่าตอนนี้ไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมกัน ก็ยังต้องให้เขาทำลายตนให้เสียใจไปตลอดชีวิตอีกหรือ ตอนนี้มีอีกคนปรากฏตัวออกมาเช่นนี้แล้ว แทนที่ตำแหน่งเดิมของนาง ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ อย่างน้อยตอนที่นางอยู่ในวังก็สามารถวางใจได้ใช่หรือไม่ หลี่อวิ่นกังมอง ชูเซี่ยจากไปเช่นนี้ ในใจจึงเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น เขาจึงไม่สนใจ เฉินอวี่จู๋ชั่วคราว รีบออกไปดึงตัว ชูเซี่ยไว้ เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เจ้าอย่าพึ่งทำอะไรหุนหันพันแล่น แม้ต้องเข้าวัง พวกเขาก็ควรต้องคิดพิจารณาวางแผนกันให้ดีก่อน” เอ่ยจบก็บังคีบดึงตัวนางกลับจวน เฉินอวี่จู๋เข้ามาในจวนแล้วพบว่า หลี่อวิ่นกังรีบร้อนเดินตรงไปด้านนอก ถึงได้เดินตามเขาออกไป นางเห็น หลี่อวิ่นกังฉุดดึงอยู่กับหญิงสาวผู้หนึ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะเร้นกายดูด้วยความสงสัย แต่ว่านางเข้าใจดีว่าเรื่องดีไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน นางเองก็มิใช่คนที่มากความ อีกอย่างตอนนี้ตรงหน้านางมีเรื่องที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ นางเดินเข้ามาแล้วคุกเข่าลงก่อนเอ่ยขึ้น “เสด็จพี่ หม่อมฉันขอร้องท่านช่วยท่านอ๋องด้วยนะเจ้าคะ” หลี่อวิ่นกังก็ทราบดีว่าเพราะเรื่องนี้นางจึงได้มาที่นี่ ก่อนเอ่ยขึ้น “เจ้าลุกขึ้นก่อน เขาไปด้านในด้วยกันแล้วค่อยพูดจากัน” ชูเซี่ยมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของ เฉินอวี่จู๋ ปิดตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาลง ภาพเช่นนี้ช่างดูน่าสงสาร นางมาขอร้องเช่นนี้ จึงถูกหลักทำนองคลองธรรม แสดงว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของพวกเขาก็ไม่ได้ย่ำแย่ เฉินอวี่จู๋ลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม กระพริบ ขนตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เอ่ยขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “เสด็จพี่ ท่านต้องคิดหาทางช่วยท่านอ๋องให้ได้นะเจ้าคะ ในท้องของข้าได้มีเด็กแล้ว เด็กไม่อาจกำพร้าบิดา ท่านนำข้าเขาวังไปพบเสด็จพ่อ ข้าจะแก้ต่างกับเสด็จพ่อเองเพคะ” เหมือนกับวันที่ท้องฟ้าปรากฏฟ้าผ่า ชูเซี่ยเพียงรู้สึกว่าสมองของตนนั้นขาวโพลน สีหน้าไร้ซีดขาวราวไร้เลือด นางยื่นมือไปยังต้นไม้ด้านข้างเพื่อประคองร่างกาย น้ำตาแทบจะไหลทะลักออกมา หลี่อวิ่นกังมองไปยัง ชูเซี่ยอย่างกังวล เอ่ยกับ เฉินอวี่จู๋ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “เข้าไปแล้วค่อยพูดกัน” ชูเซี่ยใช้พลังทั้งหมดจากร่างกายของตนเองควบคุบน้ำตาและความรู้สึกที่กำลังจะพังทลาย นางหายใจเข้าออกเพื่อให้ตนมั่นคงแล้วเดินไปด้านหน้าเอ่ยขึ้น “ท่านฮ่องรีบจัดการธุระของท่านเถิด ข้าน้อยขอลา” เอ่ยจบก็หมุนกายเดินตรงออกไปด้านนอก หลี่อวิ่นกังมองตามหลังนางอย่างกังวล ตอนนี้ไม่อาจขัดขวางนาง สามารถพูดอันใดกับนางได้ เรื่องราวแบบนี้ จำเป็นต้องทรมาณด้วยตนเองถึงจะผ่านไปได้ คนที่อยู่ด้านข้างล้วนไม่อาจช่วยเหลือ เขาได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจอย่างเงียบๆ ออกคำสั่งให้คนประคอง เฉินอวี่จู๋เข้าไปด้านในจวน
已经是最新一章了
加载中