ตอนที่ 119 ใส่ร้าย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 119 ใส่ร้าย
ต๭นที่ 119 ใส่ร้าย ชูเซี่ยรวบรวมจิตใจกลับมา เรียกหาเชียนซาน กำชับเขาไม่กี่ประโยค เชียนซานก็เข้าใจทันที ก่อนขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “เพียงครั้งนี้ที่สามารถหลบหลีกได้ แล้วครั้งละเพคะจะทำเช่นไร” ชูเซี่ยถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยว่า “อย่าพึ่งคิดเรื่องหลังจากนี้เลย เรื่องตรงหน้าจัดการให้ผ่านไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยคิดอีกครั้ง” เชียนซานกัดฟันเอ่ยว่า “ความจริงนายท่านไม่จำเป็นต้องทำให้ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นนี้ ท่านสามารถจากวังไป สนใจเขาไปก็ไร้ประโยชน์ เขาก็ไม่อาจรับมือกับท่านได้ ท่านคือหัวหน้าพรรคมังกรเหิน เป็นผู้มีบุญคุณของราชวงศ์ ” ชูเซี่ยมองเชียนซาน เอ่ยอย่างสุขุมว่า “ด้วยความสามารถตอนนี้ของข้า ต้องถอดร่างออกทั้งหมอซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายที่จะทำได้อีกต่อไป แต่เจ้าลืมไปแล้วหรือ ก่อนที่ไทเฮา จะเสียชีวิต ต้องให้ข้าสาบานว่าจะปกป้องหลานของนางทั้งสองคนอย่างรอบคอบ ข้าสามารถจากไปโดยไม่คำนึงถึงเรื่องนี้ได้หรือ ข้าไปนั้นง่ายดาย แต่ทิ้งสภาพที่หยุ่งเหยิงสับสนให้พวกเขาสองพี่น้องเก็บกวาด การมอบหมายที่สำคัญยิ่งของไทเฮา นี้จะทำให้ทรงผิดหวังได้หรือ” เชียนซานจนใจเอ่ยว่า “แต่ถูกคนสบประมาทเช่นนี้ พวกลูกน้องที่พบเห็นก็ตรอมใจแทนนายท่านนะเพคะ” สายตาของ ชูเซี่ยนั้นมืดมนและหนาวเหน็บ ความอบอุ่นในวันก่อนๆ ล้วนไม่ได้มีลักษณะเช่นนี้อีกแล้ว นางเอ่ยว่า “ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ใครให้เขาเป็นฮ่องเต้ พวกเรายังมีอำนาจไม่พอ ไม่สามารถทำอะไรก็ได้ แต่เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่สามารถถูกคนบงการอยู่ตลอดเช่นนี้หรอก ต้องมีสักวัน ที่เขาจะต้องตอบแทนสิ่งที่ค่าสูญเสียไปในวันนี้” เชียนซานในเวลานี้เพิ่งเข้าใจความคิดความอ่านของเจ้านายของตน เดิมทีใช่ว่านางแสดงออกอย่างไม่สนใจเช่นนี้ ฮ่องเต้บีบบังคับอย่างหนักให้นางเข้าวัง ใช้ชีวิตของคนที่นางรักที่สุดมาคุกคามนาง นางกลับมีจิตใจสงบไร้กังวลยอมรับ ตอนนี้เขาคิดว่าอารมณ์ของนายท่านก็โอนอ่อนผ่อนตามเกินไปแล้ว ง่ายที่จะรังแก แต่คิดไม่ถึงว่า นางจะอดกลั้นเอาไว้ไม่แสดงออกมา คิดแล้วคือโอกาสหรือไม่ถึงเวลา เชียนซานกวาดเก็บความขับข้องใจก่อนหน้านี้เอาไว้ เอ่ยอย่างเบิกบานใจว่า “นายท่านคิดได้เช่นนี้ ดีมากเลยเพคะ พวกเราที่เป็นคนของพรรคมังกรเหินเคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้ในก่อน ตอนนี้แม้ฮ่องเต้จะถือว่าดี ข่มขี่บีบคั้นหลายต่อหลายครั้ง ยังใช้บุตรชายของตนมาคุกคามนายท่าน ตอนนี้ยังดีที่ศึกครั้งนี้ได้รับชัยชนะ แต่คนยังไม่กลับมา ก็รีบร้อนปฏิเสธความดีความชอบของเขา บิดาเช่นนี้ สัตว์เดรัจฉานก็ยังเปรียบมิได้อย่างยิ่งเพคะ” แม้ว่าลักษณะนิสัยของเชียนซานจะตรงไปตรงมา แต่ว่าก็เป็นคนที่มีมาตรฐานของตน หากไม่ใช่โกรธถึงที่สุดแล้ว ก็จะไม่อยู่ในวังพูดจาบ้าๆ เช่นนี้ ชูเซี่ยเอ่ยอย่างโล่งอกขึ้นว่า “รีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องนี้ พวกเราต้องคิดไตร่ตรองให้ดีก่อน ไม่อาจทำให้เขาดูถูกดูแคลนพวกเรา เจ้าวางใจเถอะ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าจะตีโต้อย่างสาสมแน่นอน” เชียนซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวว่า “แต่พวกเราผู้อยู่ใต้การบังคับบัญชาล้วนตามคำสั่งของนายท่าน นายท่านคิดว่าเมื่อเวลาใดจะลงมือ พวกเราก็ลงมือเมื่อนั้นเพคะ” ชูเซี่ยเอ่ยกับเขาว่า “เสี่ยวเต๋อจื่อรับผิดชอบป้ายหัวเขียวของวังหลัง เจ้าไปพูดกับเขา ว่าข้ามีระดู คืนนี้ไม่สามารถร่วมหลับนอนกับฮ่องเต้ได้ เสี่ยวเต๋อจื่อจะจัดการด้วยตนแอง” “รับทราบเพคะ” เชียนซานรับคำสั่งแล้วเดินจากไป ใกล้ค่ำเชียนซานถึงได้กลับมา สีหน้าของนางก็ไม่ค่อยดี ยักไหล่แล้วเอ่ยว่า “ได้ยินมาว่า ฮ่องเต้โมโหอย่างมาก ด่าทอไล่คนคอยปรนนิบัติที่อยู่วังหน้า เสี่ยวเต๋อจื่อที่คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ที่วังหน้ามานาน ก็ล้วนถูกด่าท่อจนหู้เทียบจะไหม้เพคะ” ชูเซี่ยนั่งอยู่บนเตียงงนอนเล่น ในมือถือถ้วยชาอุ่น ๆ เอาไว้ เอ่ยถามอย่างราบเรียบว่า “ฝ่าบาทยอมใช้ผงห้าหินหรือไม่” “ได้ยินมาว่ามีเพคะ เสี่ยวเต๋อจื่อพูดว่า ทุกครั้งที่ราชครูเข้าเฝ้าก็นำยาเม็ดมามอบเป็นของขวัญให้กับฮ่องเต้ แต่ไม่รู้ว่ายาเม็ดนั้นคืออะไร ข้าเห็นสีหน้าของฮ่องเต้ล้วนแดงเปล่งปลั่ง แต่นิสัยใจคอนับวันยิ่งอารมณ์ร้อนและฉุนเฉียวง่าย” เชียนซานเอ่ยคล้ายกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ชูเซี่ยอืมรับแล้วเอ่ยว่า “ผงห้าหินสามารถทำให้ความคิดความอ่านสับสนวุ่นวาย ปลุกปั่นอารมณ์ทั้งเจ็ดของมนุษย์ เดิมทีก็โกรธเคืองอยู่แล้ว หลังจากใช้ผงห้าหิน ความโกรธนั้นก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ได้รับประโยชน์จากผงห้าสี ตัวเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมจิตใจตนเองได้แล้ว ส่วนเม็ดยาของราชครู เจ้าหาโอกาสเข้าไปขโมยออกมาสักเม็ด ข้าจะไปตรวจสอบดูว่ามันคือสิ่งใด” ราชครูคือคนของอ๋องเก้า เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ชูเซี่ยจึงไม่สามารถที่จะประมาทได้ เขาล้วนคิดว่าอ๋องเก้าไม่แน่ว่าจะสามารถ ควบคุมราชครูได้ โดยเฉพาะราชครูนั้นรู้ประวัติความเป็นมาของนางเป็นอย่างดี เรื่องที่นางมาจากโลกที่แตกต่างจากที่นี่ก็ล้วนทราบดี คนผู้นี้ไม่อาจที่จะไม่ป้องกันเอาไว้ได้ และหากไม่ใช่เขาพูดหลายต่อหลายครั้งต่อหน้าฮ่องเต้ว่านางคือสตรีที่สูงค่าอะไรนั้น เป็นจักรพรรดินีที่ในอนาคตจะให้กำเนิดกษัตย์ผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกลพันธ์นั้น ฮ่องเต้ก็ไม่ต้องใช้การลงมือที่สกปรกเช่นนี้มาคุกคามและบีบบังคับนาง เชียนซานเอ่ยว่า “เพคะ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้บ่าวจะแอบเข้าไปห้องพระอักษรขโมยเม็ดยาออกมาสักเม็ด” เชียนซานเงียบลงไปครู่หนึ่ง มีบางอย่างคล้ายไม่เข้าใจแล้วจึงเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นองค์รักษ์เหยียนเจินเจินที่อยู่ด้านหน้าตำหนัก แอบขโมยพาบุรุษผู้หนึ่งเข้ามาในวัง วังหลังแห่งนี้ไม่ใช่ไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาหรือหรือเพคะ ไม่อาจมีผินเฟยคิดที่จะสมคบแอบมีชายชู้หรือนะเพคะ” ชูเซี่ยเอ่ยหัวเราะว่า “ในเมื่อแอบขโมยหลบซ่อน แล้วเจ้าเห็นได้อย่างไร อยู่ในวังหลังฮ่องเต้ก็เป็นน้ำฝนที่ทุกคนต้องแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้นควรจะไม่มีใครกล้าที่จะลักลอบเป็นชู้กับชายอื่น อีกอย่างเรื่องนี้แม้อยากที่จะทำ ก็ควรที่จะหาคนที่อยู่ข้างกายดีกว่า ทำไมต้องเรียกองค์รักษ์ที่อยู่ด้านหน้าละ ไม่กลัวเรื่องจะถูกลืออกมาหรือ นั่นคือโทษหนักของการทำลายเกียรติของราชวงศ์ ” เชียนซานคิดดูแล้วก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริง จึงเอยขึ้นว่า “แต่ความจริงที่แอบลักลอบซิเพคะ มีประตูเข้าออกไม่ใช้ ใช้ประตูข้างเข้าไปในตำหนักเย็น จากตรอกยาวของตำหนักเย็นก็ทะลุตรอกมืด เลี้ยวเข้าไปที่ทางเดินด้านข้างของสวนดอกไม้ในอุทยาน กิ่งและใบเจริญงอกงามที่ไหนกันเพคะ ยังมีต้นไม้ตั้งอยู่มากมายเหมือนภูเขาจำลอง ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นได้ หากไม่ใช่ลักลอบคบชู้กับชายอื่น ใยถึงทำเรื่องที่ลึกลับซับซ้อนเช่นนี้กันเล่าเพคะ เสื้อผ้าที่บุรุษผู้นั้นสวมใส่ก็เหมือนจะมีร่างกายที่อวบอ้วน หน้าตางามเฉิดฉาย ท่าทางอ่อนโยนอย่างมาก คล้ายกับว่าฉากหนึ่งในละครอย่างมากเพคะ ” “ก็ไม่ใช่ว่าเข้าวังว่าร้องรำหรือ ในวังทุกวันมีงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ ก็อาจจะว่าจ้างคณะบรรเลงดนตรีจากข้างนอกเข้ามาในวังก็ได้” ชูเซี่ยคาดเอาเอ่ยขึ้น “เข้าวังเพื่อร้องรำบรรเลงเพลงก็ไม่น่าจะที่ต้องทำตัวหลบซ่อนเช่นนี้ อีกอย่างร้องรำไม่ได้เล่นมีคณะหรอกหรือ คนผู้หนึ่งเข้าวังแถมยังไม่เข้ามาตามทางหลัก ใช้วิธีการลึกลับซับซ้อนซ่อนตัวเข้าวังหลัง ข้าคิดว่าคงลักลอบทำสิ่งที่ผิดแน่เพคะ” เชียนซานปล่อยริมฝีปากที่กัดอยู่ออกมา ชูเซี่ยหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า “เอาละ เรื่องราวของผู้อื่นนี้ พวกเขาไม่ต้องยุ่งให้มากความหรอก ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาก็พอแล้ว อย่าพูดเรื่องราวที่ไม่เป็นเรื่องนี้อีกเลย เจ้าออกจากวังรอบนี้ ช่วยข้ารับนายท่านเหมาและเจ้าถ่านเข้าวังมาด้วยแล้วกัน ” เชียนซานจึงเอ่ยว่า “เพคะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” พูดจบ ไม่รอให้ถึงค่ำคืนที่มืดมิดก็รีบร้อบออกเดินทางไปแล้ว หลังจากที่เชียนซานออกไป ชูเซี่ยก็นั่งอยู่บนเตียงนอนเล่น ยังคงจิบชาที่เย็นชืดลงเล็กน้อยในมือต่อ ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจคิดว่ารู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นมากมาย นางครุ่นคิดถึงสิ่งที่สัมพันธ์กับคำพูดของฮ่องเต้ที่พูดกับนางในวันนี้ วันนี้ที่ท้องพระโรง เซียวโหยวและขุนางที่มีความสัมพันธ์กับเขาพากันกราบทูลหนังสือต้องการให้แต่งตั้งหลี่เฉินเย่นเป็นรัชทายาท และมีลักษณะท่าทางของฮ้องเต้ เขาจึงไม่อาจที่จะยอมวางมือยุติเรื่องราวได้ แต่เขาสามารถเลือกใช้วิธีการใดได้หรือ ชูเซี่ยเพียงคิดว่าใจของฮ่องเต้นั้นยากที่จะหยั่งถึง โดยเฉพาะคนที่อารมณ์แปรปรวนผู้นั้น ยากที่จะคาดเอาได้ เดี๋ยวเป็นบิดาผู้มีเมตตาธรรม เดี๋ยวเป็นคนผู้มีอำนาจที่ครอบครองทุกสิ่งบนโลกนี้ กลับไปกลับมาไม่แน่นอน ชิงหลันเตรียมอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชูเซี่ยกินเพียงไม่กี่คำก็วางตะเกียบลง ชิงหลันเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามว่า “เหนียงเหนียงไม่ถูกปากหรือเพคะ ให้บ่าวไปทำซุปบ๊วยเปรี้ยวมาให้ดื่มสักหน่อยไหมเพคะ วันก่อนฮองเฮาสั่งให้คนนำบ๊วยเปรี้ยวมาส่งให้ยังมีเหลืออยู่พอสมควรเพคะ อากาศร้อนระอุเช่นนี้ ดื่มซุปบ๊วบเปรี้ยวสักนิดช่วยให้สมองปรอดโปร่งยิ่งนักเพคะ” “ไม่ต้องหรอก เจ้าไปยกกาน้ำชามาให้ข้าเถอะ” ชูเซี่ยเอ่ยบอกให้ชิงหลันออกไป เมื่อเชียนซานเพิ่งพานายท่านเหมาและอุ้มเจ้าถ่านกลับมาด้วย เดินมุ่งตรงไปยังตำหนักฉ่ายเวย นางผ่านเข้าประตูมาก็เอ่ยถามว่า “ได้ยินมาว่าคืนนี้ฮ่องเต้พลิกกลับไปเลือกป้ายของหลินกุ้ยเฟย” เมื่อเจ้าถ่านมองเห็น ชูเซี่ยก็วางหางชี้ขึ้นเดินเข้าไปกัดที่กระโปรงของ ชูเซี่ย เลียที่รองเท้าปักลายของนาง ชูเซี่ยอุ้มเจ้าถ่านขึ้นมา ยื่นมืออกไปแตะที่หัวของนายท่านเหมาแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้คงไม่จำเป็นต้องรายงานข้าแล้ว” นายท่านเหมาจึงร้องฮือฮือออกมาสองครั้ง สีหน้าของ ชูเซี่ยจึงพลันเปลี่ยนไปทันที นางเอ่ยกับเชียนซานว่า “เจ้าออกไป เฝ้าประตูตำหนักไว้ ห้ามอนุญาตให้ผู้ใดเข้ามาเด็ดขาด” เชียนซานมองเห็นสีหน้าของนางซีดเซียว ก็รู้ว่าน่าจะเพิ่งเกิดเรื่องราวอะไรบางอย่างขึ้นกับนางเป็นแน่ ยังไม่ได้เอ่ยถาม ก็หมุนกายเดินออกไป ชูเซี่ยก็เคลื่อนตัวลงไปนั่งที่พื้น กอดเข้าที่ศีรษะของนายท่านเหมา เอ่ยถามว่า “เจ้าพูดอีกครั้งสิ ว่าเกิดอะไรขึ้น” คำพูดของคนที่มีน้ำเสียงสดใสไหลพรู่ออกจากปากของนายท่านเหมา “ฮองเฮามีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้น รีบไป” ในหัวของ ชูเซี่ยก็คิดถึงเรื่องบุรุษที่เชียนซานพบเจอวันนี้ได้ขึ้นมา สวรรค์ ฮ่องเต้ไม่ใช่คิดที่จะให้ฮองเฮาได้รับโทษจากการล่วงประเวณีในตำหนักใน เพื่อปฏิเสธความดีความชอบของหลี่เฉินเย่นสินะ นั่นคือภรรยาที่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับเขามายี่สิบกว่าปีนะ ถ้าถูกตัดสินเช่นนั้นแล้ว ตำแหน่งฮองเฮาไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ สกุลเซียวทั้งหมดราวมถึงหลี่เฉินเย่นก็ต้องได้รับโทษจากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เช่นกัน มีเสด็จแม่ที่มีเรื่องการล่วงประเวณีในตำหนักในเช่นนี้ ใครกล้าที่จะแต่งตั้งหลี่เฉินเย่นเป็นรัชทายาท ชูเซี่ยรีบหันตัวเดินตรงออกไปด้านนอกทันที เชียนซานที่ยืนอยู่ด้านนอก เห็นนางออกมาก็เอ่ยถามว่า “เกิดเรื่องใดขึ้นเพคะ” ชูเซี่ยเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้าไปที่ตำหนักจาวหยางกับข้า” เชียนซานไม่เอ่ยถามอะไรอีก ก้าวอย่างรีบร้อนตาม ชูเซี่ยไป แต่เพียงออกจากตำหนักฉ่ายเวย ก็ถูกองค์รักษ์จำนวนหนึ่งเข้ามาขัดขวางทางเดินของพวกเขา ชูเซี่ยจำศีรษะขององค์รักษ์ผู้นั้นได้ เป็นเหยียนเจินเจินผู้ที่เดินอยู่หน้าวัง ซึ่งก็คือองค์รักษ์ที่ลักลอบพาบุรุษผู้นั้นเข้ามาในวังที่เชียนซานได้พูดถึงนั่นเอง “กุ้ยเฟย ดึกดื่นแล้ว ท่ายังไม่บรรทม จะไปที่ไหนหรือพะย่ะคะ ” เหยียนเจินเจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ชูเซี่ยก้าวถอยออกมาด้านหลังหนึ่งก้าว เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า “ข้าจะไปที่ใดยังต้องรายงานให้เจ้าทราบหรือ หลีกไปซะ” เหยียนเจินเจินหัวเราะอย่างเย็นยาขึ้น แล้วเอ่ยว่า “ฝ่าบาทมีราชโองการรับสั่งว่า ในวังมีคนแปลกหน้าแอบเข้ามา ตอนนี้จึงทำการค้นหา หวงกุ้ยเฟยกลับเข้าจวนจึงยังจะปลอดภัยกว่า ข้าน้อยอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องคุ้มกันหวงกุ้ยเฟยพะย่ะคะ” ชูเซี่ยจับน้ำเสียงที่เย็นชานั้นได้ แสร้งทำเป็นว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในวังหลวง กำลังทำการค้นหาทั่วทั้งวัง ถึงตอนนั้นก็พบว่าอยู้ในตำหนักจาวหยาง ตอนนั้นฮองเฮาก็มีมลทินที่ล้างไม่ออกแล้ว เชียนซานเอ่ยอย่างโมโหว่า “เจ้าเป็นแค่องค์รักษ์เล็ก ๆ กล้าดีอย่างไรถึงกล้าพูดเช่นนี้กับนายท่านของพวกเรา จะทำอย่างไรถ้าพวกเราไม่กลับเข้าไป พวกเราต้องการที่จะออกไป เจ้าคิดอยากที่จะลงมือหรือเช่นนั้นหรือ” มุมปากของเหยียนเจินเจินปรากฏรอยยิ้มที่ประชดประชันขึ้น “ไม่กล้าพะย่ะคะ แต่ข้าเป็นเพียงขุนนางผู้น้อย หวงกุ้ยเฟยคงคิดได้แล้วว่า หากรีบออกไปเช่นนี้ ก็ถือเป็นการขัดราชโองการนะพะย่ะคะ” ชูเซี่ยยังไม่พูดอะไรออกมา ก็เห็นมีองค์รักษ์ผู้หนึ่งเดินอย่างรีบร้อนมาถึง ยังไม่ได้หยุดยืนก็แสดงคารวะต่อ ชูเซี่ยก่อนว่า “ถวายบังคมหวงกุ้ยเฟยพะย่ะคะ” หลังจากนั้น เขาก็เอ่ยกับเหยียนเจินเจินว่า “ท่านหัวหน้า ตอนนี้ค้นหาถึงตำหนักของซินเฟยแล้วยังไม่พบเลยขอรับ อีกสักพักก็ต้องไปที่ห้องบรรทมของฮองเฮาแล้ว ข้าน้อยเลยมาเรียนท่านหัวหน้า ห้องบรรทมของฮองเฮาฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้ตรวจค้นหรือไม่ขอรับ” เหยียนเจินเจินเอ่ยอย่างโมโหว่า “ใช้การไม่ได้ เรื่องแค่นี้ยังต้องถามอีกหรือ หากผู้บุกรุกอยู่ในตำหนักของฮองเฮา ถึงตอนนั้นมันคุกคามทำร้ายร่างกายของฮองเฮา เจ้ามีเป็นร้อยหัวก็ไม่พอให้ตัด ค้น สั่งการออกไปตำหนักจาวหยางของฮองเฮาก็ต้องค้นให้ทั่ว” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชูเซี่ยก็กัดฟันจนเกือบได้เลือด นางรวบรวมจิตใจกลับมา สงบเงียบหันศีรษะกลับไปเอ่ยกับเชียนซานว่า “ดูแล้ว เหมือนกับว่าจะจริงที่มีผู้บุกรุก เชียนซานพวกเรากลับเข้าตำหนักกันเถอะ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปสวดมนต์ให้กับไทเฮา อีกครั้ง” พูดแล้วก็ส่งสัญญานมือให้กับเชียนซาน เชียนซานเข้าใจคำสั่งทันที จึงเอ่ยปากว่า “เพคะ ถึงอย่างไรสวดมนต์ก็ไม่ได้รีบที่ทำในช่วงเวลานี้ ต่พบว่ามีผู้บุกรุก....” เมื่อเอ่ยคำว่าผู้บุกรุกสองคำนี้ขึ้นมา ร่างกายก็หันกลับไปด้านหลังทันที สาวเท้าขึ้นวาดไปที่คางของเหยียนเจินเจิน หลังจากนั้นสองเท้าก็ยืดแตะเหยียนเจินเจินลอยออกไป เชียนซานลงมายืนบนพื้นเช่นเดิม ตบสองมือเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “นี่คือโทษที่เจ้าหยาบคายต่อนายท่านของข้า” เอ่ยจบก็หยิบซอฟแวร์ออกมา เปิดหญิงงามกำลังโปรยดอกไม้ชูมือโบกไปมาออกมา โยกย้ายปลายพู่กันวาดอย่างมีอิสระ กิ่ไม้ของต้นไม้ก็ถูกลมระลอกใหญ่พัดรวมเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นสิ่งกำบัง พุ่งออกไปปะทะกับองค์รักษ์เหล่านั้น เมื่อสายตาของเหล่าองค์รักษ์ถูกทำให้หลงใหลไปที่ต้นไม้และใบไม้แล้ว ยังจะสามารถมองดูอย่างอื่นได้เช่นไร เพียงฟัง ชูเซี่ยเอ่ยประโยคที่ว่า “เกิดเรื่องน่าเบื่อเช่นนี้ พวกเรากลับตำหนักกันเถอะ” เชียนซานชักดาบกลับคืน แล้วยืนประจันอยู่กเนหน้าขององค์รักษ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น แล้วเอ่ยว่า “ฮึ ถือว่าพวกเจ้ายังมีโชค หลังจากนี้ก็เคารพนายท่านของข้าสักนิดแล้วกัน” เอ่ยพร้อมกับหมุนตัวกลับไป เหยียนเจินเจินตกอยู่ในฐานะที่ลำบากอย่างมาก ถูกเตะม้วนตัวตกลงถึงพื้นก็ถูกกิ่งไม้ใบไม้ร่วงหล่นลงมาโจมตีอีก ไม่ทันที่จะเอ่ยถาม ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเชียนซานแล้ว แม้คนธรรมดาอย่าง ชูเซี่ยก็เห็นแล้วเช่นกัน
已经是最新一章了
加载中