ตอนที่ 125 อ่อนแอ
1/
ตอนที่ 125 อ่อนแอ
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 125 อ่อนแอ
ตนที่ 125 อ่อนแอ หลังจากที่ฉ่ายเวินกลับไปแล้ว ชูเซี่ยก็ค่อยๆเปิดจดหมายออกมาอ่าน เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า ‘ชาตินี้คงไร้วาสนาต่อกัน ลาก่อน!’ ชูเซี่ยจัดการเผาจดหมายฉบับนี้ทันทีที่อ่านจบ นางค่อยๆมองดูจดหมายที่ถูกเผากลายเป็นกองไฟย่อมๆ เชียนซานที่ยืนอยู่ด้านหลังนางเมื่อเห็นก็นิ่งงันไป ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างโมโห “หมายความว่าอย่างไรกัน เขาหมายความว่าอย่างไรกันเจ้าคะ นี่เขาจะทิ้งท่านหรือเจ้าคะ” ดวงตาของชูเซี่ยทอประกายเย็นเฉียบ “นี่ไม่ใช่ลายมือของเขา แม้ว่าตัวอักษรจะเหมือนมาก แม้จะพยายามปลอมมากเพียงใดก็มีข้อบกพร่องอยู่ดี!” เชียนซานนิ่งไป “หากไม่ใช่ท่านอ๋องเขียนแล้วผู้ใดเขียนกันเล่า” ชูเซี่ยลุกขึ้นเดินไปล้างมือจากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “น่าจะเป็นฝีมือฉ่ายเวิน!” เชียนซานไม่เข้าใจเลยสักนิด “แล้วทำไมนางจึงเขียนเช่นนี้ล่ะเจ้าค่ะ หรือท่านอ๋องเป็นคนสั่งให้นางเขียนเช่นนี้” ใบหน้าหวานของชูเซี่ยฉายแววยุ่งยากเล็กน้อย “หลี่เฉินเย่นน่าจะฝากนางส่งจดหมายมาให้ข้า แต่นางคงแอบอ่านจดหมานแล้วจัดการทำลายทิ้งไปแล้วแน่ จากนั้นก็เขียนจดหมายฉบับใหม่มอบให้ข้า ยามนี้ข้าถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ภายในตำหนักอย่างไม่มีกำหนด นางคงคิดว่าโอกาสที่ข้าจะพบหลี่เฉินเย่นแทบจะไม่มีจึงได้ส่งปลอมจดหมายฉบับนี้ส่งให้ข้า เหตุผลที่ทำเช่นนั้นก็คงไม่พ้นเหตุผลสองข้อนี้ คือหนึ่ง นางชอบหลี่เฉินเย่น ข้อสองนางกลัวว่าข้าจะทำให้หลี่เฉินเย่นต้องพบความลำบากไปด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะข้อใดเจตนาของนางก็คือให้ข้าออกไปพ้นๆจากชีวิตเขาเสียอย่าได้เกี่ยวข้องใดๆกันอีก” เชียนซานได้ฟังเหตุผลสองข้อนั้นก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “นางชอบท่านอ๋อง? การที่นางชอบท่านอ๋องก็สามารถปลอมจดหมายเช่นนี้มาให้ท่านได้อย่างนั้นหรือ อีกอย่างท่านอ๋องเองก็ไม่ได้ชอบนางเสียหน่อย นางปลอมจดหมายเช่นนี้แล้วจะได้อะไร จดหมายฉบับนั้นที่ท่านอ๋องเขียนมาจะมีเนื้อความสำคัญอะไรหรือไม่พวกเราก็ไม่รู้” ชูเซี่ยส่ายหน้า “วางใจเถิด คงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนักหรอก หากว่าสำคัญมากจริงๆเขาก็คงหาวิธีมาพบข้าด้วยตนเองแน่ อีกอย่างตอนนี้พวกเราก็เคลื่อนไหวอะไรมากไม่ได้ทำได้เพียงแค่รอดูอยู่เฉยๆเท่านั้น ดังนั้นข้าก็เชื่อว่าเฉินเย่นคงไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามจนฝ่าบาททรงสงสัยหรอก!” เชียนซานมองชูเซี่ยด้วยความเคารพนับถือเต็มหัวใจก่อนจะเอ่ยปากชื่นชมนายหญิงของตน “นายหญิง ข้ารู้สึกไปเองหรือไม่เจ้าคะว่าท่านฉลาดและเจ้าแผนการณ์กว่าเมื่อก่อนมากนัก” รอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้าของชูเซี่ย นางเอื้อมมือไปดึงมือบางของเชียนซานไว้ก่อนจะแผ่มือของอีกฝ่ายให้แบมือไว้ จู่ๆมือของนางก็ปรากฎลูกท้อลูกหนึ่งวางอยู่บนนั้น เชียนซานมองลูกท้อในมืออย่างตื่นตะลึงจากนั้นหญิงสาวก็นำมันเข้าปากออกแรงกัดไปหนึ่งคำโต แต่กลับได้ยินเพียงเสียงกึก นางไม่ได้กัดโดนผลรู้ท้อแม้แต่น้อย แต่ฟันของนางกลับกระทบกับอะไรบางอย่างจนแทบจะหัก! เชียนซานรีบพ่นของในปากออกมาจนมันกลิ้งลงกับพื้นแต่เสียงของสิ่งของที่กระทบลงพื้นกลับเป็นเสียงดังแปลกๆ เมื่อนางก้มลงมองก็ถึงกับนิ่งงันไป บนพื้นแทนที่จะเป็นผลท้อนอนกลิ้งอยู่กลับกลายเป็นเพียงก้อนเงินก้อนหนึ่ง นางมองชูเซี่ยอย่างตกตะลึง ชูเซี่ยเองก็ยิ้มขำ “สาวน้อยที่โง่งมของข้า ตกใจมากเลยหรือ นี่เป็นวิชาภาพลวงตาอย่างไรเล่า” เชียนซานส่ายหน้าก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทึ่งๆ “นี่มันน่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว นายหญิง ท่านไปเรียนมาจากที่ใดกันเจ้าคะ” ชูเซี่ยยิ้มกว้างให้เชียนซานก่อนจะอ้าปากตอบ “เรียนกับลาน่ะ เจ้าต้องเปิดกว้างขึ้นและพยายามเรียนรู้จากมัน มันก็จะสอนเจ้าเอง” “จริงหรือเจ้าคะ” เชียนซานมองนางอย่างประหลดใจระคนสงสัย “นายหญิงท่านคงไม่ได้หลอกลวงข้ากระมัง ลาน่ะหรือจะมีวิชาภาพลวงตาได้ ถ้าเช่นนั้นนายท่านเหมาลาของท่านก็ใช้ภาพลวงตาได้เช่นกันงั้นหรือเจ้าคะ” “จริงเสียยิ่งกว่าจริง!” ชูเซี่ยชูไม้ชูมือประกอบ เชียนซานรู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่ง “ไม่อาจดูแต่ภายนอกได้จริงๆ ที่แท้ก็เป็นถึงเทพลา ถ้าเช่นนั้นข้าจะรีบไปหานายท่านเหมา ให้เขารีบสอนข้า!” ชูเซี่ยรีบดึงมือของเขาไว้ทั้งยังผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มันไม่ง่ายเช่นนั้นหรอกนะ เจ้าจะต้องทำดีกับเขาทำให้เขาชอบเจ้าสนิทใจกับเจ้า แล้วสุดท้ายเขาก็จะสอนวิชาแก่เจ้าเอง” “ถ้าอย่างนั้นต้องทำเช่นไรถึงจะเรียกว่าดีเล่า ทุกวันข้าก็เป็นคนป้อนหญ้าเขาเองกับมือแท้ๆ” เชียนซานรีบเอ่ยขอคำแนะนำอย่างกระตือรือร้น ชูเซี่ยจึงเอ่ยตอบ “เมื่อก่อนข้ามักจะพามันออกไปเดินเล่นอยู่เสมอ เอาเช่นนี้สิ ตั้งแต่นี้ไปทุกวันเจ้าก็พานายท่านเหมาออกไปเดินเล่นที่อุทธยานหลวงสักรอบหนึ่ง มันอยากเดินไปไหนเจ้าก็ให้มันไป เจ้าแค่เดินตามหลังอย่าให้คลาดสายตา เป็นพอ แค่ให้มันได้เดินไปมาอย่างอิสระก็พอแล้ว!” “ให้นายท่านเหมาออกไปเดินข้างนอกหรือเจ้าคะ ท่านไม่กลัวฮ่องเต้จะทรงลงอาญาหรือ” เชียนซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “หากฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยเจ้าก็ทูลแก่ฝ่าบาทว่าเป็นความต้องการของข้าก็แล้วกัน แม้ว่าฝ่าบาทจะไม่ชอบพระทัยก็ไม่กล้าขัดข้าหรอก อ่อ จริงสิ นายท่านเหมาชอบไปเดินเล่นที่สวนทางทิศเหนือที่สุด เจ้าก็พามันไปเดินเล่นที่นั่นก็แล้วกันนะ” ชูเซี่ยเอ่ยกำชับ “เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว พรุ่งนี้เช้าข้าจะพานายท่านเหมาไปเดินเล่นที่นั่น” เชียนซานรู้สึกสนใจในวิชาภาพลวงตาอย่างมาก นางตั้งใจจะเรียนมันให้ได้ ด้วยประการฉะนี้ในทุกๆวันเชียนซานจะพานายท่านเหมาออกไปเดินเล่นที่อุทธยานหลวงทางทิศเหนือเสมอหรือก็คือที่ตั้งของหอดูดาวของท่านราชครูด้วยนั่นเอง บริเวณนั้นนอกจากที่ตั้งหอดูดาวแล้วก็ไม่มีองครักษ์หรือนางสนมอาศัยบริเวณนั้นเลยแม้แต่คนเดียว เดิมทีท่านราชครูก็มาที่นี้น้อยครั้งจนแทบจะไม่ได้มาด้วยซ้ำ แต่ทว่าระยะนี้ฝ่าบาททรงรับสั่งให้ท่านราชครูคอยพำนักอยู่ที่วังเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เรียกเขาเข้าเฝ้าได้ตลอดเวลา! อาการป่วยของเฉินอวี่จู๋ยิ่งมายิ่งรุนแรงมากขึ้น จนหลี่เฉินเย่นต้องรีบเชิญจูเก๋อหมิงมารักษานางถึงจวนอ๋อง แต่ทว่าเมื่อจูเก๋อหมิงมาตรวจอาการของนางแล้วเขาก็ไม่อาจวินิจฉันได้ว่านางเป็นโรคอะไรกันแน่ ผลวินิจฉัยของเขาก็เหมือนกับท่านหมอคนอื่นๆก็คือเลือดในร่างกายของนางผิดปกติ จูเก๋อหมิงคุยเรื่องนี้กับหลี่เฉินเย่นเป็นการส่วนตัว “ตามปกติแล้ว หากว่านางไม่เคยตั้งครรภ์หรือให้กำเนิดบุตรมาก่อนจะไม่มีทางที่จะมีอาการเช่นนี้ได้เลย เรื่องนี้ค่อนข้างจะแปลกและผิดปกติไม่น้อย” หลี่เฉินเย่นได้ยินได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว “แม้แต่เจ้าก็ไม่อาจบอกชนิดของโรคได้หรือแสดงว่าอาการของนางหนักมากเลยใช่หรือไม่” จูเก๋อหมิงเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ผิด ยามนี้แม้กระทั่งแรงที่จะลงจากเตียงนางยังไม่มี ข้าลองดูเทียบยาที่หมอหลวงจัดให้นางแล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นยาที่ขับเลือดลมและบำรุงโลหิต แต่ทว่านางก็กินมานานแล้วร่างกายก็ยังไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย ช่างน่าแปลกเหลือเกิน!” หลี่เฉินเย่นรู้สึกวิตกกังวลไม่ใช่น้อย”หากเป็นเช่นนี้คงไม่ดีแน่ นับวันนางยิ่งผ่ายผอมเหลือเกิน เปิ่นหวางเห็นแล้วก็ปวดใจ” หลังจากลองคิดใตร่ตรองดูแล้วจูเก๋อหมิงก็เอ่ยขึ้น “คนในวังไม่ใช่ส่งสมุนไพรล้ำค้ามาให้ตั้งมากมายหรือ เดี๋ยวข้าจะไปดูเสียหน่อย เผื่อมีอะไรที่ใช้ได้จะได้นำมาต้มเป็นยาให้นางดื่ม ข้าจะลองจัดเทียบยาแขนงอื่นให้ดูและปรึกษากับท่านหมอคนอื่นๆด้วย ข้าเชื่อว่ามันต้องได้ผลแน่!” หัวใจของหลี่เฉินเย่นเต้นเร็วและแรงมากขึ้นเมื่อในหัวของเขามีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นถามสหายรักของตน “เจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่พระองค์จะวางยาพิษนาง” สีหน้าของจูเก๋อหมิงเงียบขรึมขึ้นหลายส่วน เขาจ้องมองสหายของตนนิ่งๆ “พระองค์จะโหดเหี้ยมถึงภายนั้นเชียวหรือ อย่างน้อยในตอนนี้นางก็ตั้งครรภ์อยู่เชียวนะ พระองค์คงไม่วางยาพิษนางหรอกอย่างน้อยที่สุดตราบใดที่เด็กเกิดมาพระองค์เองก็มีตัวประกันอีกหนึ่งตัวอยู่ในมือ!” หลี่เฉินเย่นส่ายหน้า “เปิ่นหวางก็แค่ลองคาดเดาดูเท่านั้น อีกเดี๋ยวเจ้าก็ลองไปตรวจดูของที่ส่งมาจากในวังดูเถิดว่า มีคนแอบวางยาพิษลงไปในนั้นหรือไม่!” เมื่อทั้งคู่มาถึงคลังเก็บสมบัติจวนอ๋อง จูเก๋อหมิงก็ลงมือตรวจสินของเหล่านั้นอย่างละเอียด “ไม่มีพิษ!” หลี่เฉินเย่นเอ่ยถามจูเก๋ออย่างต้องการถามความเห็น “เจ้าคิดว่าอาการของอวี่จู๋เหมือนคนถูกพิษหรือไม่” จูเก๋อหมิงเอ่ยตอบทันที “ไม่เหมือน ร่างกายของนางอ่อนแอมาก ทั้งชีพจรและเลือดของนางมีอาการคล้ายกับตกเลือดมากกว่า!” หลี่เฉินเย่นรู้สึกสับสับไปหมด “ตกเลือด? จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร อยู่ดีๆนางจะตกเลือดได้อย่างไรกัน” จูเก๋อหมิงลากเสียงในลำคอยาวๆ “เรื่องนี้ทำให้เกิดความสับสนจริงๆ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้พานางเข้าวังไปหาชูเซี่ย ตอนนี้ชูเซี่ยถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในตำหนักไม่อาจออกมาได้ แต่ทว่าหากทูลต่อฝ่าบาทตรงๆว่าตอนนี้อาการของพระชายาไม่ดีนักต้องการใหชูเซี่ยช่วยตรวจฝ่าบาทก็คงไม่อาจปฎิเสธได้หรอก” แต่หลี่เฉินเย่นกลับรู้สึกว่าการทำเช่นนั้นอันตรายเกินไป เรื่องที่เฉินอวี่จู๋ตั้งครรภ์ปลอมๆนั้นหากเข้าวังไปแล้วความแตกขึ้นมาสถานการณ์คงย่ำแย่กว่าเดิมมากนัก แต่ทว่าอวี่จู๋เป็นโรคอะไรแม้แต่จูเก๋อหมิงก็ยังไม่อาจวินิยฉัยได้ ขืนปล่อยไว้ต่อไปอวี่จู๋ก็อาจจะทนไม่ไหวเข้าสักวัน เมื่อลองคิดชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะเสี่ยง หลี่เฉินเย่นไปหาเฉินหยวนชิ่งในเช้าวันต่อมา ยามที่เฉินหยวนชิ่งเข้าเฝ้าฝ่าบาทในตอนเช้าตรู่เขาก็ได้ยินมาบ้างว่าร่างกายของเฉินอวี่จู๋ไม่ค่อยดีนัก ก่อนหน้านี้เขาก็ไปเยี่ยมนางมาแล้วแต่ทว่าอาการป่วยของนางกลับร้ายแรงกว่าที่เขาคิดมากนัก หลี่เฉินเย่นให้เฉินหยวนชิ่งเข้าวังไปทูลขอฝ่าบาทให้ทรงยอมให้ชูเซี่ยทำการรักษาเฉินอวี่จู๋ “แล้วเหตุใดท่านจึงไม่ไปขอฝ่าบาทให้ทรงยอมให้หวงกุ้ยเฟยมารักษาน้องสาวข้าเล่า” เฉินหยวนชิ่งไม่ทราบความสัมพันธ์ของชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่นมาก่อน แต่หลี่เฉินเย่นก็ไม่คิดจะปิดบังอีกฝ่ายอยู่แล้ว “เสด็จพ่อทรงระแวงเรื่องความสัมพันธ์ของเปิ่นหวางและหวงกุ้ยเฟยมาตลอด หากให้เปิ่นหวางเป็นผู้ไปร้องขอเสด็จพ่อไม่มีทางให้แน่!” เดิมเฉินหยวนชิ่งก็เคยหวาดระแวงเรื่องนี้เช่นกัน แต่ในตอนที่หลี่เฉินเย่นเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาชายหนุ่มแกล้งทำเป็นไม่รู้ก็เท่านั้นทั้งยังแสร้งตีสีหน้าประหลาดใจยามมองหลี่เฉินเย่น “ฝ่าบาททรงระแวงท่านและหวงกุ้ยเฟยงั้นหรือ เหตุใจจึงเป็นเช่นนั้น” “เมื่อก่อนหวงกุ้ยเฟยเคยมาพำนักในจวนของข้าอยู่ช่วงหนึ่งดังนั้นเสด็จพ่อจึงสงสัยอยู่ไม่น้อย” เขาเอ่ยตอบเสียงราบเรียบ ดวงตาคมเป็นประกายกล้ายามที่จ้องมองไปทางหลี่เฉินเย่น “เช่นนั้น ระหว่างท่านอ๋องและหวงกุ้ยเฟยก็บริสุทธิ์ใจต่อกัน?” หลี่เฉินเย่นรู้จักนิสัยของเฉินหยวนชิ่งดี หากว่ามีเม็ดทรายเข้ามาทำให้ดวงตาของชายผู้นี้ระคายเคืองเขาก็คงไม่ลังเลที่กำจัดออกไป หากว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องระหว่างเขากับชูเซี่ยแล้วล่ะก็จะต้องสู้เพื่อคอยปกป้องเฉินอวี่จู๋อย่างสุดความสามารถจนอาจเลยเถิดไปจนถึงการทำอันตรายแก่ชูเซี่ยเลยก็เป็นได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงตั้งใจจะปิดบังไว้จะดีกว่า “บริสุทธิ์ใจอย่างยิ่ง แต่ทว่าบางทีก็มีบ้างที่เปิ่นหวางจะรู้สึกเผลอใจไปบ้าง เพราะว่าท่านหมอเวินมีฝีมือฝังเข็มที่เป็นเลิศอีกทั้งยังเก่งกาจวิชา แพทย์เหมือนกับหยิงหลงอีกด้วย แรกเริ่มเปิ่นหวางก็หลงผิดไปบ้างหวังจะเอานางมาแทนที่หยิงหลง แต่ทว่าตอนนี้เปิ่นหวางแจ่มแจ้งดีแล้วว่านางก็คือนาง หยิงหลงก็คือหยิงหลง!” แต่ไหนแต่ไรมาเฉินหยวนชิ่งก็ชื่นชมในความรักเดียวใจเดียวของหลี่เฉินเย่นที่มีต่ออดีตพระชายาหลิวหยิงหลงมาตลอด มาตอนนี้ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็หมดความสงสัยในตัวท่านอ๋องทันที ทั้งยังลืมเลือนเรื่องราวความบาดหมางในอดีตที่ผ่านมาจนหมดสิ้น ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เช่นนั้นก็ดี เดี๋ยวข้าจะไปทูลต่อฝ่าบาท ดูว่าฝ่าบาทจะทรงตรัสเช่นไร” หลังจากที่เฉินหยวนชิ่งคุยเรื่องงานบ้านงานเมืองกับฝ่าบาทเสร็จสิ้นแล้วก็เอ่ยทูลต่อฝ่าบาทด้วยสีหน้าลำบากใจ “น้องสาวของกระหม่อมนับตั้งแต่ตั้งครรภ์สุขภาพก็ย่ำแย่มาตลอดแม้แต่หมอหลวงก็ไม่อาจวินิจฉัยโรคของนางได้ ช่างทำให้กระหม่อมปวดใจเหลือเกิน!” ฮ่องเต้ทรงตื่นตระหนก “ทำไมหรือ ร่างกายของอวี่จู๋เป็นอะไร” เฉินหยวนชิ่งก็เอ่ยทูล “ทูลฝ่าบาท นับตั้งแต่ที่พระชายาตั้งครรภ์ก็ปวดออดๆแอดๆมาโดยตลอด หลายวันมานี้ป่วยหนักจนลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ แม้แต่หมอหลวงในจวนก็ไม่อาจบอกได้ว่านางเป็นโรคอะไร ขนาดเชิญท่านหมอเทวดาจูเก๋อมาตรวจก็ไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้เช่นกัน ท่านหมอจูเก๋อกล่าวว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่อาจรักษาทารกในครรภ์ไว้ได้แน่!” ฮ่องเต้ทรงขมวดพระขนง รู้สึกไม่สบายพระทัยขึ้นมา “อาการแย่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ เฉินเย่นนี่ก็ใช้ไม่ได้จริงๆ ทำไมถึงไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้เรารู้บ้างเลย” “ฝ่าบาททรงอย่าโทษท่านอ๋องเลยพะย่ะค่ะ น้องสาวของกระหม่อมเองก็เป็นเช่นนี้เสมอ มีอะไรนางก็มักจะเก็บไว้คนเดียวไม่ยอมบอกเพราะเกรงว่าผู้คนจะเป็นห่วง หากไม่ใช่ว่าสองวันนี้นางลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ก็คงไม่มีผู้ใดทราบหรอกพะย่ะค่ะว่านางป่วยหนักถึงเพียงนี้ ยามนี้ท่านอ๋องก็ห่วงอาการของนางเหลือเกิน เอาแต่เฝ้าดูอาการทั้งวันทั้งคืนไม่ห่าง ทั้งยังป้อนยานางด้วยตนเอง กระหม่อมเห็นแล้วก็ยังรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก!” ที่เฉินหยวนชิ่งพูดออกมาก็ดูเกินจริงไปบ้างแต่เจตนาก็เพื่อพิสูจน์ให้ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรเห็นว่าหลี่เฉินเย่นและเฉินอวี่จู๋รักใคร่กันอย่างลึกซึ้งไม่ได้สนใจในตัวของหวงกุ้ยเฟยอีกต่อไปแล้ว ฮ่องเต้ทรงตรัสสุรเสียงดังก้อง “เว่ยเจียง!” เว่ยกงกงวิ่งเข้ามาภายในห้องจากนั้นก็โค้งกายอย่างสุภาพนอนน้อม “ฝ่าบาท กระหม่อมอยู่นี่แล้วพะย่ะค่ะ!” “สั่งการลงไปให้ท่านหมอหลวงชางกวนออกจากวังไปตรวจดูอาการของพระชายา” ฮ่องเต้ทรงรับสั่ง “พะย่ะค่ะ!” จากนั้นเว่ยกงกงก็ถอยออกไป เดิมทีเฉินหยวนชิ่งคิดว่าฝ่าบาทจะทรงให้ชูเซี่ยออกจากวังไปดูอาการให้ ผู้ใดจะคาดคิดว่าพระองค์จะรับสั่งส่งหมอหลวงออกไปแทน แต่โชคยังดีที่หมอหลวงผู้นั้นก็คือท่านหมอชางกวน หากเป็นหมอหลวงท่านอื่น เรื่องที่ตั้งครรภ์ปลอมก็อาจจะแตกได้ สุดท้ายแล้วท่านหมอหลวงชางกวนก็ไม่อาจรักษาเฉินอวี่จู๋ได้ อาการป่วยของเฉินอวี่จู๋ร้ายแรงมาก เมื่อก่อนนางยังสามารถให้ตานเสวี่ยพยุงเดินได้บ้าง แต่จนถึงตอนนี้แม้แต่แรงลุกขึ้นจากเตียงก็ไม่มีแล้ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 125 อ่อนแอ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A