ตอนที่ 129 บุตรซ้ายของฮ่องเต้องค์ก่อน
1/
ตอนที่ 129 บุตรซ้ายของฮ่องเต้องค์ก่อน
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 129 บุตรซ้ายของฮ่องเต้องค์ก่อน
ตนที่ 129 บุตรซ้ายของฮ่องเต้องค์ก่อน ยามที่คนผู้นั้นบุกเข้ามาชูเซี่ยกำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่มุมห้อง ดาบเหล็กที่เย็นชืดถูกวางพาดอยู่ที่ลำคอของนางตามด้วยเสียงทุ้มของชายหนุ่มที่มีน้ำเสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้น “เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมช่วยนาง” ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้านางมีใบหน้าเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ ความโกรธแค้น ดวงไฟแห่งความแค้นราวกับจะเผาไหม้นางให้เป็นจุณ เชียนซานพุ่งกายเข้ามาจากนั้นก็ใช้ดาบพาดคอของชายหนุ่มและเอ่ยเสียงกร้าว “วางดาบลงเดี๋ยวนี้!” ชูเซี่ยก็กันไปสั่งเชียนซาน “เชียนซาน เจ้าออกไปก่อน” เชียนซานส่ายหน้า “ผู้ใดก็ไม่อาจมาเอาดาบจ่อนายหญิงของข้า ต่อให้เป็นฮ่องเต้หรือเทวดามาจากไหนก็ไม่ได้!” คำพูดโผงผางตรงไปตรงมาเช่นนี้หาไม่ได้เลยในวังหลวงแห่งนี้ แต่นี่ก็นับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเชียนซาน ผู้บุกรุกเข้ามาก็คือเฉินหยวนชิ่ง ชายหนุ่มไม่ได้สนใจดาบของเชียนซานที่จ่ออยู่แม้แต่น้อย มือหนาขยับดาบบาดลึกลงไปที่ผิวของชูเซี่ยมากกว่าเดิม “ข้าได้ยินมาว่ายามที่เจ้าอยู่ที่มณฑลกวางตุ้งแม้แต่คนตายก็สามารถช่วยให้ฟื้นคืนได้ เจ้าสามารถช่วยอวี่จู๋ได้แต่เหตุใดจึงไม่ยอมช่วย หรือเป็นเพราะว่าเจ้าจงใจที่จะไม่ช่วยนางแต่แรก เจ้าเป็นถึงหวงกุ้ยเฟยแต่กลับรักใคร่หลงในตัวท่านอ๋อง ดังนั้นเจ้าจึงปล่อยให้น้องสาวของข้าตายใช่หรือไม่ เจ้าเป็นผู้ศึกษาวิชาแพทย์แต่เหตุใดจึงมีความคิดเลือดเย็นเลวทรามเช่นนี้” ชูเซี่ยไม่ได้เอ่ยคำแก้ตัวใดๆออกไป แต่กลับเป็นเชียนซานที่เอ่ยตะคอกออกมาอย่างดุดัน “นายหญิงของข้าทุ่มสุดความสามารถที่จะช่วยรักษาน้องสาวของท่านแล้ว แม้แต่ยาแก้สารพัดพิษเม็ดสุดท้ายที่นางมีนางก็มอบให้น้องสาวของท่านไปแล้วแต่ก็ไม่อาจรักษาน้องสาวของท่านได้ ท่านจะโทษใครได้ โทษโชคชะตาของนางเถิด” มีหรือที่เฉินหยวนชิ่งจะฟังคำที่เชียนซานพูดออกมา ดวงตาคมจ้องเขม็งที่ชูเซี่ยจากนั้นก็เอ่ยถามเสียงเย็น “ที่มณฑลกวางตุ้งมีหญิงสาวผู้หนึ่งทะเลาะกับสามี สุดท้ายนางก็แขวนคอตาย นางสิ้นลมหายใจไปแล้ว ทางบ้านของนางก็เตรียมจัดพิธีศพให้แต่เจ้าก็ช่วยนางกลับมาได้ไม่ใช่หรือ ที่มณฑลกวางตุ้งมีเศรษฐีผู้มั่งมีคนหนึ่ง นอนซมด้วยโรคภัยมานานหลายปี เชิญท่านหมอมารักษามากมายนับไม่ถ้วนแต่อาการก็ไม่ดีขึ้นมา แต่เจ้ากลับใช้เวลาเพียงแค่คืนเดียวก็ทำให้เขาสามารถก้าวลงจากเตียงได้แล้วใช่หรือไม่ ยังมีจอมยุทธอีกผู้หนึ่งที่ถูกพิษประหลาดเข้าไป ชีวิตเขาใกล้จะดับไปแล้วแต่เจ้ากลับใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วยามก็สามารถแก้พิษให้เขาได้... คนพวกนี้อาการล้วนร้ายแรงกว่าอวี่จู๋ด้วยซ้ำ เจ้าช่วยพวกเขาได้แต่เหตุใดจึงช่วยอวี่จู๋ไม่ได้เล่า หากเจ้าทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อช่วยนางแล้วไม่สามารถยื้อชีวิตอวี่จู๋ไว้ได้ข้าก็ไม่โทษเจ้า แต่เป็นเพราะเจ้ามันเห็นแก่ตัวไม่คิดจะช่วยนางแต่แรก คนเช่นเจ้าจะหรือที่ข้าต้องทน วันนี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของข้า ข้าก็จะแก้แค้นให้อวี่จู๋ให้ได้!” เรื่องที่เขาพูดออกมาทั้งหมดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ดูท่าว่าเขาคงไปได้ยินเรื่องราวพวกนี้มาถึงได้เข้ามาในวังเพื่อคิดบัญชีกับนางสินะ หญิงสาวที่ทะเลาะกับสามีนางไม่ได้ตายเสียหน่อยแค่ร่างกายช็อกอยู่ก็เท่านั้น ส่วนเศรษฐีผู้นั้น เดิมทีก็ไม่ได้ป่วยหนักอะไรทั้งนั้นก็แค่ร่างกายเจ็บป่วยเล็กน้อยเท่านั้นแต่กลับคิดเองเออเองว่าตนเองป่วยหนักจึงนอนอยู่แต่บนเตียง วันๆนอนสบายนอนกินอาหารบำรุงจนกลายเป็นความดันโลหิตสูงขึ้นมา นางใช้การฝังเข็มเล็กน้อยเพื่อล้างเลือดให้เขาเท่านั้น ทั้งยังข่มขู่เขาไปอีกว่าหากว่าภายในคืนนี้ไม่ลงจากเตียงมาเดินเขาก็คงไม่อาจเดินต่อไปได้อีกแล้ว จากนั้นก็กลายเป็นว่าเศรษฐีผู้นั้นตกลงใจจนรีบผุดลุกขึ้นยืนเสียอย่างนั้น ที่เรื่องนี้เผยแพร่ออกไปก็เป็นเพราะเศรษฐีผู้นั้นโพนทะนาออกไปมากกว่า ส่วนจอมยุทธผู้นั้น เขาถูกศัตรูไล่ลาจนมาถึงมณฑลกวางตั้ง นางใช้เวลาหนึ่งชั่วยามในการแก้พิษให้เขาก็จริง แต่วิธีแก้พิษนางก็แค่มอบยาแก้พิษของท่านอาจารย์ที่ให้นางไว้แก่เขาก็เท่านั้น เพราะมันแก้พิษได้เป็นร้อยชนิดอยู่แล้ว เรื่องที่เขากล่าวมาทั้งหมด ผู้ป่วยเหล่านั้นไม่ได้ตกอยู่ในภาวะอันตรายสักคน แต่ละคนต่างก็ปกติทั้งนั้น ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองเชียนซาน “เชียนซาน เจ้าออกไปก่อน การที่เขาบุกรุกเข้ามาในวังเกรงว่าเหล่าองครักษืคงตามหากันให้ควั่กแล้ว เจ้าออกไปดูต้นทางก่อน” แม้ว่าเสียงของนางจะเบามากแต่ก็แฝงไปด้วยความเด็ดขาด เชียนซานลังเลเล็กน้อย นางยังอดมองชูเซี่ยอย่างเป็นห่วงไม่ได้ “วางใจเถิด ข้าไม่เป็นไร!” เชียนซานจังเก็บดาบเข้าฝักจากนั้นก็เอ่ยเตือนเฉินหยวนชิ่ง “หาท่านกล้าทำร้ายนางล่ะก็ข้าจะไม่มีวันปล่อยท่านไปแน่ รวมถึงชีวิตคนตระกูลเฉินทั้งหมดด้วย” กล่าวจบนางก็ยอมออกไปแต่โดยดี ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมงเฉินหยวนชิ่ง นางเอื้อมมือออกก่อนจะปัดดาบที่จ่อคอนางออกและเอ่ยเสียงเด็ดขาด “แม่ทัพเฉิน นั่งลงก่อน!” เฉินหยวนชิ่งเพ่งมองหญิงสาวตรงหน้า ร่างบอบบางค่อยๆนั่งลงช้าๆ ใบหน้าของนางไม่มีวี่แววของความหวาดกลัวทั้งยังไม่มีร่องรอยของความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย น้ำเสียงยามที่นางเอ่ยปากดูสงบนิ่ง ดวงตาของนางไม่กระพริบด้วยซ้ำ ชายหนุ่มยอมเก็บดาบลงแต่โดยดีและนั่งลงตรงหน้าของนาง เสียงทุ้มที่เอ่ยยังดุดัน “ดี ข้าก็อยากลองฟังเจ้าแก้ตัวดูสักครั้ง!” ชูเซี่ยยิ้มออกมาน้อยๆ “เรื่องอะไรที่ข้าจะต้องแก้ตัวด้วยเล่า อีกอย่างท่านเองก็พูดผิดไปเล็กน้อยนั่นก็คือที่ท่านกล่าวหาว่าข้าไม่ทุ่มเทสุดความสามารถในการรักษานาง อีกอย่างข้าช่วยนางเพราะว่าข้าเต็มใจหาใช่ภาระไม่ ดังนั้นท่านเองไม่มีสิทธิ์ที่จะมาจ่อดาบใส่ข้าเช่นนี้” แม้ใบหน้าของเฉินหยวนชิ่งจะเย็นชาแต่ดวงไฟในตาของเขากำลังคุกรุ่นมากขึ้น “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” ชูเซี่ยสบสายตาของเขาจากนั้นก็เอ่ยเสียงจริงจัง “ความจริงก็คือข้าทำสุดความสามารถของข้าแล้ว ข้าเป็นเพียงหมอท่านหนึ่งไม่ใช่เทวดา!” เฉินหยวนชิ่งนิ่งอึ้ง จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างไม่เชือ่ “ไม่ เจ้าพูดจาเหลวไหล แม้แต่คนตายเจ้าก็ยังช่วยให้ฟื้น...” “แต่ทว่าข้าก็ไม่อาจรักษาเฉินอวี่จู๋ได้จริงๆ จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางถูกพิษหรือว่าป่วยเป็นโรคอะไร แม้แต่สาเหตุของโรคข้าก็ยังไม่ทราบ” นางยกตำราเล่มหนึ่งขึ้นมา เล่มนี้เป็นตำรายาที่เทพโอสถมอบให้แก่นาง ในนั้นบันทึกโรคมากมายที่ยากจะพบไว้ นับตั้งแต่ที่เฉินอวี่จู๋ตายไปนางก็นั่งอ่านตำราเล่มนี้อยู่เสมอเผื่อว่าจะเจอสาเหตุของโรคที่เฉินอวี่จู๋เป็นได้ “หลายวันมานี้ข้าเองก็ไม่ได้ต่างจากพวกท่านเท่าไหร่หรอกนะ หายปีที่ข้าศึกษาวิชาการแพทย์ข้าเองก็พูดได้ไม่เต็มปากหรอกนะว่าสามารถรักษาผู้ป่วยได้ทุกคน แต่อย่างน้อยข้าก็ยังรู้ว่าคนพวกนั้นป่วยเป็นอะไรตาย แต่อาการป่วยของน้องสาวท่านจนถึงบัดนี้ข้าก็ยังไม่ทราบ” เฉินหยวนชิ่งจ้องมองเธออย่างสงสัย “นอกจากเจ้าจะไม่ยอมช่วยน้องข้าแล้วเจ้ายังกล้ามาเล่นลิ้นอีกหรือ เจ้ากลัวว่าข้าจะสังหารเจ้าเลยมาเล่นลิ้นหาข้อแก้ตัวมากมายใช่หรือไม่” ชูเซี่ยยิ้มอย่างไม่แยแส “ท่านฆ่าขาไม่ได้หรอก!” เฉินหยวนชิ่งชะงักก่อนจะยิ้มเย็น “เจ้าจะมั่นใจเกินไปแล้ว ตอนนี้หากข้าจะลงมือกับเจ้า สังหารเจ้าก็ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย! เจ้าคิดว่าสาวใช้ข้างกายเจ้าจะกลับมาช่วยเจ้าได้ทันงั้นหรือ เกรงว่าตอนที่นางเข้ามาเจ้าก็คงกลายเป็นศพไปแล้ว!” ชูเซี่ยขยับมือซ้ายเบาๆก็บังเกิดแสงประกายที่หางตาจากนั้นเข็มทองเล่มหนึ่งก็พุ่งตรงไปที่เฉินหยวนชิ่ง เฉินหยวนชิ่งไม่ทันระวังจึงถูกเข็มทองปักลงที่จุดชีพจนบนร่าง นั่นทำให้ร่างสูงไม่อาจขยับเขยื้อนได้ทั้งยังเอ่ยปากพูดไม่ได้ ทำได้เพียงใช้สายตาเบิกกว้างจับจ้องนางอย่างตื่นตะลึงเท่านั้น ชูเซี่ยลุกขึ้นยืนและก้าวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เอื้อมมือออกไปเพื่อควบคุมตำแหน่งเข็มทองที่ปักอยู่ตรงตำแหน่งหัวใจ เข็มทองมันวาวภายใต้แสง มันบางและมีขนาดเล็กจนคล้ายกับเส้นผมเพียงเส้นหนึ่งเท่านั้นและด้วยความที่มันเล็กและพริ้วไหวทำให้สามารถปักเข้าสู่ร่างกายของเขาได้แทบจะทันทีทั้งยังปิดผนึกร่างกายของเขาได้เกือบหมด ทั้งวรยุทธ การเคลื่อนไหว ทั้งการพูดด้วย วิชาเช่นนี้ทำให้ชายหนุ่มอดรู้สึกสยองขึ้นมาไม่ได้ และที่ยิ่งน่าสยองไปมากกว่านี้ก็คือนางไม่จำเป็นต้องแตะต้องร่างกายเขาด้วยซ้ำเข็มทองก็สามารถหลุดออกจากร่างเขาและกลับเข้าสู่มือของนางได้ทันที เมื่อชายหนุ่มอ้าปากพูดได้อีกครั้งก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “อาจารย์ของเจ้าคือผู้ใด” ชูเซี่ยเดินกลับไปนั่งใหม่ “อาจารย์ของข้าหาใช่ผู้มีชื่อเสียงอันใดไม่เป็นที่กล่าวขวัญ ที่ข้าทำไปไม่ใช่ว่าต้องการจะโอ้อวดอันใด ข้าก็แค่อยากจะบอกว่าข้าไม่ได้โกหกท่านแม้แต่น้อยและข้าก็ไม่ได้ละเลยต่อน้องสาวของท่าน หากเป็นไปตามที่ท่านพูดที่ว่าข้าชอบหลี่เฉินเย่นแล้วล่ะก็ นั่นยิ่งไม่มีเหตุผลที่ข้าจะปล่อยให้เฉินอวี่จู๋ตายด้วยซ้ำ เพราะยามนี้สถานการณ์ของหลี่เฉินเย่นเป็นอย่างไรทั้งท่านและข้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เขาจำเป็นที่จะต้องมีคนที่มีความสามารถอยู่ข้างกายของเขาและเน่องจากพิธีแต่งงานนั่นก็ทำให้ท่านต้องสนับสนุนเขาอย่างไร้เงื่อนไขอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นข้ายิ่งไม่มีเหตุผลที่ต้องปล่อยให้เฉินอวี่จู๋ตายแน่ ” เฉินหยวนชิ่งพูดอะไรไม่ออก เขาค่อยๆรับฟังพูดคำต่างๆของชูเซี่ยอย่างระมัดระวัง จากนั้นชูเซี่ยก็เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “ใครกันที่บอกท่านเรื่องที่ข้าเคยทำเมื่อตอนอยู่ที่มณฑลกวางตุ้ง” เฉินหยวนชิ่งเลิกคิ้วแต่ก็ยอมบอกความจริง “ท่านราชครู!” ชูเซี่ยรับคำ “ถ้าเช่นนั้นแม่ทัพเฉินคิดว่าท่านราชครูเป็นคนของฝ่ายใดกันเล่า” เฉินหยวนชิ่งนิ่งอึ้งไป ท่านราชครูเป็นคนของฮ่องเต้ไม่ว่าผู้ใดก็รู้กันทั่ว นึกถึงตอนนั้นท่านราชครูก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอกเขาโดยตรงเพียงแต่พูดถึงกิตติศัพท์ของหญิงสาวตรงหน้าเมื่อสมัยอยู่ที่มณฑลกวางตุ้งเท่านั้น มายามนี้เมื่อย้อนกลับไปคิดเขาเองก็คิดว่าท่านราชครูไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเช่นนั้นก็ได้ นั่นคงเป็นเพราะอีกฝ่ายตั้งใจจะให้เขาได้ยินมากกว่า หลังจากใคร่ครวญอยู่นานเขาก็รู้ตัวจนได้ว่าตนเองคงกลายเป็นหมากตัวหนึ่งที่ถูกคนจับวางไปแล้ว สีหน้าเรียบเฉยค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นโทสะ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนจากนั้นก็จ้องเขม็งมาที่ชูเซี่ย “ครั้งนี้ข้าจะเชื่อเจ้า แต่หากว่ามีวันใดที่ข้ารู้ว่าเจ้าจงใจปล่อยให้น้องของข้าตายแล้วล่ะก็ ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!” ประตูถูกเปิดออกทำให้สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านเข้ามาจน ชูเซี่ยปิดเปลือกตาลงนิ้วของนางเคาะเบาๆลงบนโต๊ะอย่างคนกำลังใช้ความคิด ท่านราชครูไม่ใช่คนของฝ่าบาทอย่างที่เฉินหยวนชิ่งคิด แต่ทว่าเขาจะซื่อสัตย์ต่ออ๋องเก้าจริงหรือ เป็นไปได้หรือไม่ว่าอ๋องเก้าเองก็อาจจะกลายเป็นหมากตัวหนึ่งของท่านราชครู เชียนซานเดินเข้ามาในห้องอย่างกระฟัดกระเฟียด “ฝึกแต่วรยุทธ มันสมองไม่มี!” ชูเซี่ยลืมตาขึ้นจากนั้นก็หันไปพูดกับเชียนซาน “ข้าจะไปคอกลาสักหน่อย!” เชียนซานชะงักไป “ดึกถึงเพียงนี้แล้วจะไปคอกลากันทำไมเจ้าคะ” ชูเซี่ยยิ้มพายออกมา “ไประบายความในใจกับนายท่านเหมาหน่อยน่ะ!” เชียนซานร้อง ‘อ้า’ ออกมา จากนั้นก็กะพริบตาปริบๆอย่างตื่นเต้น “ข้าจะไปกับท่าน!” ชูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่ เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าไปสักครู่เดี๋ยวก็กลับ!” กล่าวจบนางก็ลุกขึ้นวิ่งออกไปทันที! ที่คอกลา ชูเซี่ยกำลังลูบหัวของนายท่านเหมาอย่างอ่อนโยน “หลายวันมานี้ตอนที่ไปเดินเล่นที่หอดูดาวของท่านราชครูได้ข่าวอะไรมาบ้างหรือไม่” นายท่านเหมาหันไปมองรอบๆจากนั้นจึงเอ่ยปาก “มีครั้งหนึ่งข้าเห็นว่าเขาคุกเข่าลงกับพื้นและพูดว่า ‘เสด็จพ่อ ลูกใกล้จะแก้แค้นให้ท่านได้แล้ว’ เรื่องฐานะของเขามันมีพิรุธอยู่จริงๆ เพียงแต่ว่าเรายังสืบหาไม่ได้ก็เท่านั้น” เสด็จพ่อ? ชูเซี่ยทีหน้าครุ่นคิด “ดูแล้ว ข้าคงต้องกลับไปสืบค้นบรรดาโอรสของอดีตฮ่องเต้เสียแล้ว” “เจ้าสงสัยว่าท่านราชครูเป็นหลานของอดีตฮ่องเต้งั้นหรือ” นายท่านเหมาเอ่ย “ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ พี่น้องของฮ่องเต้นอกจากอ๋องเก้าแล้ว ที่เหลือก็ล้วนถูกสังหารจนหมด แต่ก็อาจจะสังหารสายเลือดของพวกเขาไม่หมดกระมัง” ชูเซี่ยพยักหน้า “ทุกวันเจ้าต้องไปที่หอดูดาวนั่นเพื่อติดตามเขาทุกฝีเก้านะ!” “อืม วางใจเถิด!”นายท่านเหมากล่าว“เจ้าต้องระวังให้มากนะ ข้าคิดว่าอีกไม่นานจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่” ชูเซี่ยแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิท ท้องฟ้าที่สงบมักจะมีพายุที่กำลังก่อตัวอยู่เสมอ และดูท่าแล้วเกรงว่าพายุลูกนี้จะร้ายแรงมากเลยทีเดียว! ชูเซี่ยออกจากคอกลามุ่งตรงไปที่พรรคมังกรเหินสั่งให้คนไปสืบหาบรรดาหน่อเนื้ออดีตฮ่องเต้ว่ามีข้อสงสัยอะไรบ้าง เรื่องของท่านราชครูทุกอย่างดูลึกลับไปหมด อายุ ชื่อ ตัวตน ทุกอย่างล้วนไม่มีผู้ใดทราบ ดูจากภายนอกแล้วเขาอายุสี่สิบกว่าปีทั้งยังไว้เคราแพะ แต่ชูเซี่ยก็คิดว่านี่อาจเป็นแค่การปลอมตัว ท่านราชครูไม่มีชื่อ ฝ่าบาทเองก็ทรงไม่ได้พระราชทานนามให้แก่เขา คนนอกต่างก็เรียกเขาว่าท่านราชครูกันหมด ที่มาที่ไปฐานะและตัวตนของเขาไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยสักคน ชูเซี่ยไปถามท่านอ๋องเก้า เขาก็ไม่เต็มใจที่เปิดเผยบอกแค่เพียงเพื่อว่าตัวเขาไม่ชัดเจนเรื่องนี้เท่าใดนัก แต่ชูเซี่ยมั่นใจว่าเขาต้องรู้แน่ชัดอย่างแน่นอน เพราะสถานการณ์ที่เขาเคยพบมาแทบจะไม่มีทางเลยที่เขาจะไม่ไว้ใจคนที่ไม่มีที่ไปให้อยู่เคียงข้าง หากไม่รู้จักอีกฝ่ายดีอ๋องเก้าย่อมไม่ยอมเสี่ยงอันตรายแน่ นี่เป็นข้อบ่งชี้ว่าแท้จริงฐานะของท่านราชครูมีพิรุธอย่างยิ่ง!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 129 บุตรซ้ายของฮ่องเต้องค์ก่อน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A