ตอนที่ 131 เป็นคนอื่น
1/
ตอนที่ 131 เป็นคนอื่น
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 131 เป็นคนอื่น
ตนที่ 131 เป็นคนอื่น ชูเซี่ยประคองกายกับโต๊ะฝืนยืนด้วยหน้าขาวซีด ใจรู้สึกได้ถึงเพียงเลือดลมที่สูบฉีดไปมา ลำคอรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวหวาน นางกลืนเลือดกลับลงไปอย่างยากลำบากและยิ่งรู้สึกปวดหัววิงเวียนศีรษะ ตอนที่ส่งหลี่เฉินเย่นไปเมื่อครู่นี้เป็นการใช้พลังวิญญาณขั้นสูงสุดอย่างหนึ่งจนเกือบจะสูญสิ้นพละกำลังทั้งหมดที่มีของนาง แม้จะใช้ระยะเวลาครึ่งค่อนเดือนก็ไม่อาจฟื้นคืนมาได้ นางในเวลานี้อ่อนแอจนแม้แต่เด็กก็สามารถผลักนางให้ล้มลงได้ องครักษ์พุ่งเข้ามาแล้วค้นจนไปรอบด้าน ร่างที่สวมอาภรณ์สีเหลืองอร่ามก็เข้ามาด้วยเช่นกัน ด้านหลังเขาตามมาด้วยเว่ยกงกงที่มีสีหน้าระแวดระวัง เว่ยกงกงชำเลืองมองชูเซี่ยด้วยความวิตกกังวล ชูเซี่ยค้อมกายทำความเคารพ “ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท!” พระเนตรของฮ่องเต้ประกายวาบราวกับไฟ พระพักตร์เคร่งขรึมเต็มไปด้วยโทสะ เขายืนอยู่ตรงหน้าชูเซี่ยแล้วตบชูเซี่ยไปหนึ่งฉาด เขาออกแรงเต็มกำลัง ร่างของชูเซี่ยที่อ่อนแอมากอยู่แล้ว พอถูกตบก็ทรุดลงไปกับพื้นทันที ศีรษะกระแทกกับมุมเหลี่ยมเก้าอี้ ทันใดนั้นเลือดก็ไหลออกมาเป็นจำนวนมาก เว่ยกงกงตกใจยกใหญ่ รีบก้าวเข้าไปประคองตัวชูเซี่ย จากนั้นก็คุกเข่าวิงวอน “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ!” ฮ่องเต้สูดลมหายใจเข้า ต่อมาก็กล่าวอย่างโมโห “แม้แต่เจ้าก็จะทรยศข้าหรือ” เว่ยกงกงรีบพูดทันที “ฝ่าบาท กระหม่อมมิได้ทรยศฝ่าบาท เพียงแค่เรื่องราวยังไม่ได้สืบสวนชัดเจน กระหม่อมคิดว่า...” “ยังมีอะไรไม่ชัดเจนอีก นางแอบยุแยงข้ากับลูกชายให้แตกแยกกันอยู่ข้างหลัง ใคร ๆ ต่างก็เห็น ยังจะมีอะไรไม่ชัดเจนอีก ผู้หญิงในวังที่หมกมุ่นในโลกีย์เช่นนี้ เหตุใดจึงต้องสงสาร” ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย พลางใช้สายตาแห่งความโกรธแค้นชิงชังจ้องนางเขม็ง “เรื่องมาถึงขึ้นนี้แล้ว เจ้ายังอันใดจะพูดอีกหรือ ก่อนหน้านี้ข้าถามเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าก็ล้วนแต่กล่าวว่าไม่มีความรู้สึกส่วนตัวใด ๆ กับเขา หากตอนนั้นเจ้ายอมรับมาตามตรง บางทีข้าอาจจะช่วยให้พวกเจ้าสมปรารถนาเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ เจ้ามีสถานะเป็นชายาของข้า แต่กลับไร้ยางอายเช่นนี้ ไม่รู็จักรักษาหน้า ข้ามองเจ้าผิดไปจริง ๆ” ชูเซี่ยแทบอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ทำไมถึงได้มีคนหน้าหนาเช่นนี้ได้ สถานการณ์ในตอนนั้น นางพูดว่ามีความรู้สึกแบบส่วนตัวกับหลี่เฉินเย่นง่าย ๆ ได้ที่ไหนหรือ? หากเป็นก่อนหน้านั้นก็ว่าไปอย่าง แต่ต่อมาเขารู้แจ้งอยู่แล้วว่านางก็คือชายาของหนิงอานอ๋อง ตอนนั้นชูเซี่ยก็คือลูกสะใภ้ของเขา แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ยอมรับ ไม่ยอมแม้แต่จะให้นางยอมรับตัวเองเป็นชูเซี่ย ตอนนี้เขากลับยืนอยู่ในมุมมองของคนไร้ความผิด ตำหนิการปิดบังของนางในวันนั้นอย่างเหิมเกริม ช่างน่าขันเป็นที่สุดเสียจริง! เพียงแค่ชูเซี่ยรู้สึกได้ถึงความโกรธจากก้นบึ้งในใจเดือดพล่านขึ้นมา ตามมาด้วยคาวเลือดในลำคอ เลือดสดที่ไม่อาจกลืนลงไปได้อีกครั้งก็พ่นพรวดอกมา เว่ยกงกงประคองนางโดยไม่สนโทสะของฮ่องเต้แล้วรีบพูดขึ้นมาว่า “กระหม่อมจะไปตามหมอหลวงมาให้หวงกุ้ยเฟยนะพ่ะย่ะค่ะ!” ชูเซี่ยยื่นมือไปรั้งเขาไว้แล้วพูดอย่างไม่สนิทสนม “ขอบคุณกงกง แต่ไม่ต้องหรอก ข้าไม่เป็นไร ของคุณในความสงสารของกงกง” ทันใดนั้นเว่ยกงกงก็อกสั่นขวัญหายขึ้นมาทันที หากในเวลานี้เป็นห่วงชูเซี่ยมากเกินไป สถานะตัวตนของเขาก็จะถูกเปิดเผย แต่ในเวลานี้แม้ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยก็ไม่อาจช่วยชูเซี่ยได้ ฮ่องเต้ทรงกริ้วแล้ว หากให้เขารู้อีกว่าตนเป็นคนของพรรคมังกรเหิน เกรงว่าภายใต้ความโกรธนั้น แม้แต่เจ้านายก็ไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ถ้าจะให้เขานิ่งดูดาย เขาก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน! องครักษ์ตรวจค้นเสร็จก็ออกมารายงาน “ทูลฝ่าบาท ไม่พบพ่ะย่ะค่ะ!” ฮ่องเต้ตกตะลึง เขาพูดด้วยความโกรธ “ค้นทั่วแล้วรึ” องครักษ์ประสานมือตอบกลับ “ทูลฝ่าบาท หาจนทั่วแล้ว นอกจากนางในของตำหนักฉ่ายเหว่ยแล้ว ไม่มีใครอื่นอีกพ่ะย่ะค่ะ!” กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่พบตัวหลี่เฉินเย่น ฮ่องเต้จ้องชูเซี่ย “คนล่ะ?” ชูเซี่ยลุกขึ้นยืน ประคองกายจับของโต๊ะ “หม่อมฉันไม่เข้าใจความหมายของฝ่าบาท คนอะไรเพคะ?” ฮ่องเต้โกรธจนหน้าคล้ำเขียว จากนั้นก็ออกคำสั่ง “ปิดล้อมประตูวังทันที ค้นหาให้ทั่ววังหลวง!” “พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์แต่ละนายกระจายตัวออกไป การตรวจค้นทั่ววังครั้งล่าสุดคือตอนที่มีการใส่ร้ายฮองเฮา ในใจของชูเซี่ยเข้าใจดี แม้แต่ภรรยาที่ผูกผมร่วมเตียงเคียงหมอนมานานยี่สิบกว่าปีก็ยังลดทอนใจจัดการอย่างโหดเหี้ยม กับนางก็ยิ่งไม่มีทางเมตตาแม้แต่นิด ฮ่องเต้จ้องเว่ยกงกง อารมณ์แห่งความสงสัยเปิดเผยออกมา เว่ยกงกงก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไร ฮ่องเต้เก็บสายตาแล้วตรัสกับเว่ยกงกงอย่างเย็นชา “เจ้าออกไปข้างนอกห้อง!” เว่ยกงกงเงยหน้าชำเลืองมองชูเซี่ย การชำเลืองมองนี้ตกอยู่ในสายพระเนตรของฮ่องเต้ นั่นทำให้เขายิ่งชัดเจนมากขึ้นว่ามันเป็นมาอย่างไร ใบหน้าและเสื้อผ้าของชูเซี่ยเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงสด นางใช้เข็มทองสกัดจุดห้ามเลือดตนเองไว้ พยายามยืนให้มั่นคง ท้ายที่สุดเว่ยกงกงก็ยังเงยหน้ามองฮ่องเต้ จากนั้นก็พูดเสียงเบา “ฝ่าบาท กระหม่อมจะคอยปรนนิบัติอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ!” แววพระเนตรของฮ่องเต้พลันดุดันขึ้นมาทันที มุมปากของเขาฉีกยิ้มอย่างเหี้ยวโหด “ดี ดี ข้ามองพลาดไปจริง ๆ เสี่ยวเต๋อจื่อทรยศข้า แม้แต่เจ้าก็ทรยศข้า แล้วเจ้าจะมีประโยชน์อันใดอีก” แววพระเนตรของฮ่องเต้พลันเยือกเย็นเหี้ยมโหดขึ้นมา ในพระหัตถ์ฉายประกายแวววับ มีดสั้นปักเข้าไปตรงหัวใจของเว่ยกงกงอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ชูเซี่ยตกใจจนหน้าซีด เลือดของเว่ยกงกงกระเซ็นสาดออกมา พ่นลงบนมือนางจนรู้สึกถึงความอุ่นร้อนหนืดเหนียวของเลือด นางพุ่งตัวไปข้างหน้าผลักฮ่องเต้ออกแล้วโอบกอดร่างของเว่ยกงกงที่โอนเอนไปมา จากนั้นก็หันกลับไปมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชิงชัง “เขารับใช้ท่านมากี่สิบปี ท่านยังลงมือกับเขาได้เชียวหรือ ใจของท่านทำจากหินใช่หรือไม่” การฆ่าคน สำหรับฮ่องเต้แล้วไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ราชบัลลังก์ของเขาก็เหยียบย่ำปีนป่านกองเลือดของคนนับไม่ถ้วน เพื่อให้ราชบัลลังก์มั่งคงแล้ว แม้แต่ลูกของเขาก็ลงมือได้ไม่อาลัย แค่บ่าวหนึ่งคน จะมีความสงสารได้อย่างไรกัน เดิมที่ไม่ควรสงสาร ไม่ควรเศร้า แต่พอมองชายชราที่อยู่ข้างกายตนมานานหลายปีที่หลับตาและไร้ซึ่งเสียงลมหายใจ ในใจของฮ่องเต้ก็ยังมีความเสียใจฉายวาบมา แต่ความเสียใจนี้หายไปในพริบตา เขาสมน้ำหน้า เพราะเขาอยู่ข้างกายตนเองมานานหลายปี ฉะนั้น คนที่จะหักหลังตนเองยิ่งไม่สมควรเป็นเขา ถึงตายไปก็ยังไม่สาสมแก่ความผิดที่ทำลงไป! เว่ยกงกงยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ขาดใจตายเสียแล้ว มีดสั้นของฮ่องเต้คมกริบไร้ที่เปรียบ พอแทงเข้าไปตรงหัวใจเขาก็ตัดผ่านเส้นเลือดใหญ่พอดี เว่ยกงกงยังไม่ทันได้รับความเจ็บปวดมากมายก็จากไปเสียแล้ว ชูเซี่ยวางเง่ยกงกงลง น้ำตาไหลดั่งสายฝน นางวางเว่ยกงกงแล้วจ้องฮ่องเต้ด้วยความโกรธแล้วขบเคี้ยวเขี้ยวฟันพูด “ท่านมันเป็นคนเสียสติ!” ฮ่องเต้หัวเราะอย่างเยือกเย็น ทิ้งมีดสั้นลงบนพื้น ชูเซี่ยพบว่า มีดสั้นนั้นสลักอักษร “จอมพลผู้กล้า” สี่ตัวอักษร ใจของชูเซี่ยเต้นกระหน่ำ พลางเงยหน้ามองฮ่องเต้อย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่าน...” ฮ่องเต้บีบกรามนาง ดวงตาอันเหี้ยมโหดจับจ้องหน้าของนาง พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ทำไม? แปลกใจมากหรือ ตอนนี้เขาอยู่ในคุกหลวงแล้ว เขาไม่มีทางได้เห็นแสงตะวันของวันพรุ่งหรอก!” ชูเซี่ยสั่นศีรษะ พูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “เขาเป็นบุตรของท่าน ทำไมท่านถึงได้กลั้นใจทำแบบนี้กับเขาได้” ฮ่องเต้ยิ้ม รอยยิ้มนั่นหมองหม่นเหมือนกับอากาศที่มืดครึ้มข้างนอก “ลูก? แล้วอย่างไรเล่า ข้าเป็นห่วงเป็นใยเลือดเนื้อเชื้อไข แต่เขากลับฆ่าบิดาเพื่อบัลลังก์ ข้าไม่ฆ่าเขา เขาก็ต้องฆ่าข้า ในเมื่อเขาไม่จงรักภักดี ไร้ความเมตตา ไร้ความกตัญญู แล้วข้าจะเก็บเขาไว้เพื่อประโยชน์ใดเล่า” น้ำตาของชูเซี่ยไหลพราก นางกล่าวอย่างโมโห “พวกเขาไม่เคยอยากได้ราชบัลลังก์ของท่าน แต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาแค่ต้องการบ้านที่มั่นคง ชีวิตที่มั่นคงก็เท่านั้น!” ฮ่องเต้แสยะยิ้ม “เป็นความปรารถนาที่ธรรมดาเสียจริง หากเป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดพวกเขาจึงต้องเพียรพยายามเช่นนั้นด้วยเล่า” ชูเซี่ยจ้องเขาเม็งด้วยสายตาเดือดดาล “ใช่สิ ทำไมพวกเขาถึงได้เพียรพยายามเช่นนี้กัน เพราะพวกเขามีบิดาที่ฆ่าบิดาของตนเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์จนเอาแต่เป็นกังวลว่าพวกเขาจะเป็นเฉกเช่นเขาในวันนั้น ดังนั้นจึงใช้อำนาจปรามพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะจงรักภักดีมากเท่าไร บิดาของพวกเขาก็มองไม่เห็นมันอยู่ดี เอาแต่เพ้อพกว่าพวกเขาต้องการแย่งชิงราชบัลลังก์ พวกเขาออกไปสู้รบเพื่อบ้านเมือง ในสายตาบิดาของเขากลับกลายเป็นพวกเขาไปรวบรวมกองกำลัง เพื่อเตรียมการสำหรับการแย่งชิงในวันข้างหน้า พอพวกเขาติดต่อกับขุนนาง หารือเรื่องกิจการงานบ้านงานเมือง ในสายตาของบิดาของพวกเขาก็กลับกลายเป็นการซ่องสุมพรรคพวก...” ชูเซี่ยยังไม่ทันได้พูดจบ ฮ่องเต้ก็โกรธจนเงื้อมือตบหน้านางสุดกำลัง ตบจนนางมึนงงไปหมด ประโยคที่ว่าฆ่าบิดาเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ ทำให้ฮ่องเต้ตกเข้าสู่ความบ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์แบบ เขายกเท้าขึ้นถีบตรงท้องของชูเซี่ย จากนั้นก็ย่อตัวลงแล้วตบชูเซี่ยอยู่หลายครา ดวงตาของเขาแดงก่ำเพราะความโกรธ หน้าผากมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา ชูเซี่ยเจ็บจนแทบหายใจไม่ออก แต่นางก็กัดฟันแน่นไม่ร้องขอความเมตตา “นังสถุน ข้าอุตส่าห์ปล่อยให้เจ้าปล่อยข่าวลือ ให้เจ้ามีสัมพันธ์กับคนอื่น ข้าจะฆ่าเจ้า!” ไฟโทสะของฮ่องเต้ลุกโชน จากนั้นก็ฉวยหยิบมีดสั้นที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วเงื้อขึ้นหมายจะแทงเข้าไปตรงหัวใจของชูเซี่ย ชูเซี่ยไร้เรี่ยวแรวที่จะต่อต้าน นางหลับตา นิ่งรอความเจ็บปวดที่จะมาเยือนและความตายที่จะมาถึง แต่มีดสั้นไม่ได้แทงเข้ามาที่หัวใจนาง นางได้ยินเสียงแกร๊งดังขึ้น พอลืมตาก็เห็นฮ่องเต้กุมหน้าอกอย่างทรมาน มุมปากมีเลือดสีดำไหลหยดลงมา นางเบิกตากว้างด้วยความฉงน มองฮ่องเต้ล้มสะเทือนลงบนพื้นตรงหน้านางอย่างไม่ละสายตา ร่างกายชักเกร็งอย่างแรงอยู่หลายครา ตาเหลือกขึ้น จ้องชูเซี่ยเขม็ง หน้าตาดุดันเพราะความทุกข์ทรมาน นางพยายามยันกายลุกขึ้นแล้วพุ่งตัวไปตรงหน้าร่างของเขา จากนั้นยื่นมือไปประคองตัวเขา แต่มีดสั้นในมือของฮ่องเต้ค่อย ๆ แทงเข้าไปในช่วงท้องของนางอย่างไร้ซุ่มเสียง ฮ่องเต้ยื่นมือออกไปคว้าจับผมนางด้วยความทรมานแล้วกล่าวอย่างโมโห “นังชั้นต่ำ...เจ้ากล้าวางยาข้าหรือ” ร่างของชูเซี่ยไถลอ่อนยวบลง ความมืดแผ่ปกคลุมนางอย่างโหมกระหน่ำ นางพยายามประคองตัวให้เอาไว้ คิดหมายจะตะเกียกตะกายออกไปเรียกคน แต่ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้แทบหมดสติ นางฟุบลงกับพื้น ก่อนหน้าที่จะสลบไปนางก็เห็นประตูห้องโถงถูกเปิดออก ร่าง ๆ หนึ่งเดินเข้ามา นางพยายามลืมตา แต่ก็เห็นเพียงแค่รองเท้าสีดำเท่านั้น เจ้าของรองเท้าสีดำหยิบมีดสั้นขึ้นมาจากพื้น ก่อนที่นางจะหลับตาลงก็ได้ยินเสียงมีดสั้นค่อย ๆ แทงเข้าไปในร่างกาย ต่อจากนั้น ฮ่องเต้ก็ส่งเสียงอู้อี้เหมือนกับว่าถูกคนปิดปากไว้ เรื่องราวต่อจากนั้น นางก็ไม่รู้อะไรแล้ว รู้เพียงว่าหลังจากที่ตนเองตื่นขึ้นมาก็อยู่ในคุกอันกว้างใหญ่ด้วยโทษฐานปลงพระชนม์ฮ่องเต้แล้ว แต่ในคุกเดียวกันนั้นคนอื่นอยู่รวมกับนาง และยังมีจูฟางหยวน เขามีบาดแผลฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว นอนหายใจรวยริน ชูเซี่ยตะเกียกตะกายล้มลุกคลุกลานไปหาจูฟางหยวน นางประคองตัวเขาแล้วตบหน้าเขาเบา ๆ จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างร้อนรน “จูฟางหยวน คุณเป็นยังไงบ้าง” จูฟางหยวนลืมตาขึ้นเล็กน้อย มองหน้าชูเซี่ยที่มีคราบเลือด เขายิ้มอย่างขมขื่น “พวกเราตายแล้วหรือ” ชูเซี่ยส่ายหน้า พูดพลางร้องไห้ไปด้วย “ไม่ พวกเรายังไม่ตาย เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงได้มาอยู่ในคุกได้” ความผิดหวังฉายขึ้นมาบนหน้าของจูฟางหยวน “ยังไม่ตายหรือ ผมคิดว่าตายไปก็จะสามารถกลับไปได้ ชูเซี่ย...” ทันใดนั้นเขาก็ไออย่างรุนแรง มุมปากมีเลือดไหลออกมาเป็นสาย ช่วงอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง ชูเซี่ยใช้มืออันสั่นเทาเปิดเสื้อของเขาออกก็เห็นว่าตรงอกของเขามีรอยฝ่าเท้าสีดำ คนที่ถีบจะต้องมีฝีมือขึ้นสูง ตรงช่วงอกไปจนถึงช่วงท้องเขาบวมเป่งขึ้นมาแล้ว ชูเซี่ยเอาเข็มทองออกมาจากแขนเสื้อแล้วฝังเข็มระบายเลือดให้เขาอย่างไม่ลังเล หลังจากฝังเข็มไปได้ไม่กี่เล่ม อาการไอของจูฟางหยวนก็หยุดลงในที่สุด ทว่า อาเจียนเป็นเลือดออกมาไม่หยุด ชูเซี่ยรู้ดีว่าเลือดคั่งเหล่านี้ต้องคายออกมาถึงจะดี ดังนั้น จึงฝังเข็มลงไปตรงหน้าอกเขาอีกหลายเข็ม หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม สีหน้าของจูฟางหยวนก็ดีขึ้นเล็กน้อย เขาคว้าจับมือเวินไว้แล้วกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง “ผมได้ยินพวกเขาพูดว่าคุณปลงพระชนม์ฮ่องเต้!” ชูเซี่ยตกตะลึง สีเลือดบนหน้าเหือดหายไป เรื่องก่อนหมดสติต่าง ๆ นานาพรั่งพรูเข้ามาในใจ นางยื่นมือกดตรงท้องของตนเอง มีคนพันแผลให้นางแล้ว ฮ่องเต้ตายแล้วหรือ นางไม่ได้ฆ่าเขา ก่อนที่นางจะหมดสติ ฮ่องเต้ก็ลมลงบนพื้นแล้ว แต่นางจำได้ว่าฮ่องเต้ยังไม่ตาย เป็นเขาที่แทงนาง ทั้งยังใช้สายตาเคียดแค้นชิงชังจ้องนางเขม็ง ไม่ นางไม่ได้ฆ่าเขา ชูเซี่ยส่ายหน้าพลันรีบอธิบาย “เขาตายแล้วหรือ ฉันไม่ได้ฆ่าเขานะ ใครกันที่บอกว่าฉันฆ่าเขา” จูฟางหยวนหลับตาลงอดทนกับความเจ็บปวด เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ก็พลันลืมตามองชูเซี่ยที่อยู่ ๆ ก็เหม่อลอยแล้วพูดเสียงเบา “ตอนที่พวกเขาพาตัวเจ้าคุณมา ผมได้ยินพวกเขาพูดว่าคุณกล้าถึงขนาดปลงพระชนม์ฮ่องเต้!” ภายในหัวของชูเซี่ยยุ่งเหยิงไปหมด เพราะก่อนหน้านั้นที่ส่งตัวหลี่เฉินเย่นออกไปก็สูญเสียพละกำลังไปจนสิ้น หลังจากนั้นก็ถูกฮ่องเต้ตบตีอยู่หลายที สุดท้ายมีดก็หล่นลงบนพื้น นางในช่วงเวลานั้น ความจริงแล้วสติค่อนข้างเลือนลาง จู่ ๆ นางก็เกิดนึกหวาดกลัวขึ้นมา หรือตอนนั้นนางจะสิ้นสติ พยายามต่อสู้อย่างสุดกำลังแล้วหันกลับมาฆ่าฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 131 เป็นคนอื่น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A