ตอนที่ 133 พลิกชีวิต
1/
ตอนที่ 133 พลิกชีวิต
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 133 พลิกชีวิต
ตนที่ 133 พลิกชีวิต หลี่เฉินเย่นพูดอย่างเย็นชา “เป็นแผนที่โหดเหี้ยมยิ่งนัก!” เขาหยุดไปชั่วครู่แล้วถามขึ้นมาว่า “แล้วเสด็จพี่ล่ะทำไมเขาถึงได้ถูกจับกุม” เชียนซานมองหลี่เฉินเย่นแวบหนึ่งแล้วกล่าว "ท่านอ๋องเจิ้งหย่วนก็เหมือนกันกับท่านที่ได้รับจดหมายนกพิราบ ระหว่างทางที่แอบซุ่มนำคนบุกเข้าวัง ราชครูก็กราบทูลฮ่องเต้ว่าท่านอ๋องลอบวางแผนก่อการกบฏ จากนั้นฮ่องเต้ก็ทรงกริ้วจับกุมเขาเข้าคุกนักโทษประหาร" เสนาบดีหลี่ส่ายหน้า "ตามแผนของเขาแล้ว ท่านอ๋องทั้งสองต้องโทษ พอฮ่องเต้สวรรคต คนที่ต้องครองราชบัลลังก์ต่อก็คือเขา!" "จิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก!" เซียวโหยวพูดอย่างโมโห เพียงแค่อยู่ในที่เกิดเหตุใครหน้าไหนก็ไม่อาจพูดหนุนได้ หากหลี่อวิ๋นหลี่โหดเหี้ยม แล้วฮ่องเต้ที่สวรรคตไปไม่โหดเหี้ยมหรอกหรือ เพื่อขึ้นครองราชบัลลังก์ถึงกับปลงพระชนม์ฮ่องเต้ที่เป็นพระบิดา ลงมืออย่างเหี้ยมโหด แต่กลับเลี้ยงดูบุตรของพี่น้องเป็นบุตรบุญธรรมด้วยความเมตตาจอมปลอมภายใต้ชื่อเขา ทำลายชีวิตพี่น้องไปหลายคน อีกอย่าง หากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้ตัดใจลงมือกับบุตรของตนเองได้ลงคอ แผนของหลี่อวิ๋นหลี่จะสำเร็จหรือ เรื่องทั้งหมดทุกสิ่งอย่างก็ต้องตำหนิความโหดเหี้ยมไร้เมตตาของฮ่องเต้ด้วย เสนาบดีหลี่พูดขึ้นด้วยความกลัว "โชคดีที่ท่านอ๋องออกจากวังแล้ว มิเช่นนั้น อุบายของเขาคงได้สำเร็จจริง ๆ ตอนนี้ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว แม้ท่านอ๋องจะไม่ใช่รัชทายาท แต่ก็เป็นบุคคลที่ถูกเลือกให้เป็นทายาทขึ้นครองราชย์ต่อ หลี่อวิ๋นหลี่วางแผนมาเนิ่นนาน แต่ก็สำเร็จไปได้ครึ่งเดียว เป็นการตัดชุดแต่งงานให้กับท่านอ๋อง!" เซียวโหยวส่งเสียงอืม "ที่เสนาบดีหลี่พูดมานั้นไม่ผิด ตอนนี้พวกเราทำได้แค่รอข่าวออกมาตอนฟ้าสางแล้วค่อยเข้าวังทันที!" หลี่เฉินเย่นไม่ได้สนใจในราชบัลลังก์ เขาเพียงแค่ถามเชียนซานว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าพรรคมังกรเหินมีคนทรยศ เกิดอะไรขึ้นหรือ” เชียนซานขบเคี้ยวเขี้ยวฟันตอบ “หลังจากที่ข้าส่งสัญญาณออกไป เดิมทีก็คิดจะนำคนของพรรคมังกรเหินบุกโจมตีวังหลวง แต่พี่น้องทั้งหลายก็ถูกวางยาพิษไปเสียก่อน เป็นสายที่อยู่ในพรรคมังกรเหินวางยา จุดประสงค์คือยับยั้งไม่ให้พวกเราเข้าวังไปช่วยเจ้านาย พวกเราต้องสูญเสียงกำลังไปมากมายถึงได้กำราบคนทรยศจนรู้ความจริงของเรื่องราว ที่แท้พวกเขาก็ถูกหลี่อวิ๋นหลี่ซื้อตัวไว้แล้ว นับตั้งแต่ที่เจ้านายเริ่มให้พวกข้าตรวจสอบตัวตนของหลี่อวิ๋นหลี่ หลี่อวิ๋นหลี่ก็สั่งให้คนวางยาพิษในอาหารพี่น้องของเราทีละนิด ช่างชั่วช้าจริง ๆ!” การที่พรรคมังกรเหินมีคนทรยศเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พรรคมังกรเหินเป็นพรรคที่ถ่อมตนมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรมาแทบจะสนใจสิ่งใด ถึงแม้จะรับหน้าที่ตรวจสอบภารกิจอำนาจการบริหารงานบ้านงานเมือง แต่เพราะเจ้านายของพรรคมังกรเหินเป็นคนผู้นั้นที่มีอำนาจที่สุดในวังหลัง ดังนั้น ภายในพรรคมังกรเหินจึงไม่เอ่ยถามเรื่องงานบ้านงานเมือง ทั้งนี้จะได้ไม่ขัดแย้งกับผู้เป็นนาย “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้สถานการณ์ภายในวังหลวงเป็นอย่างไรบ้าง สถานการณ์เจ้านายของพวกเจ้าเป็นอย่างไร” แววตาของหลี่เฉินเย่นดูกระวนกระวาย ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจก็คือชูเซี่ย นางถูกส่งเข้าคุกหลวงด้วยโทษฐานปลงพระชนม์ฮ่องเต้ ต่อไปต้องได้รับโทษ! เชียนซานตอบว่า “วางใจเถอะ ตอนนี้เจ้านายยังอยู่ดี จากข่าวของคนที่อยู่ในวังบอกว่าตอนนี้เจ้านายกับจูฟางหยวนอยู่ด้วยกัน ท่านอ๋องเจิ้งหย่วนถูกคุมขังในห้องนักโทษประหารชีวิต สถานการณ์ทางเขาค่อนข้างอันตราย เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก” หลี่เฉินเย่นนั่งไม่ติดแล้ว เขาลุกขึ้นยื่นทันที “รอไม่ได้แล้ว พวกเราจะบุกเข้าวังหลวงเดี๋ยวนี้” เซียวโหยวยืนขึ้นยับยั้งเขาไว้แล้วกล่าวว่า “ไม่ได้ พวกเราต้องรอ รอคนในวังออกมาประกาศเรื่องการสวรรคต” หลี่เฉินเย่นกล่าวอย่างร้อนรน “รอไม่ได้แล้ว หากรออีกต่อไปเสด็จพี่คงได้ตายเป็นแน่!” เชียนซานพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องวางใจได้ ท่านหมอหลวงชางกวนแอบไปรักษาแผลให้ท่านอ๋องแล้ว เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรนั้นยังไม่อาจทราบได้” เสนาบดีหลี่ก็เป็นกังวลมากเช่นกัน เขามักจะมองหลี่อวิ๋นกังในแนวโน้มที่ดีมาตลอด ตอนนี้พอได้ยินว่าหลี่อวิ๋นกังเกิดเรื่อง เขาก็ร้อนใจราวกับถูกไฟเผา แต่ในเวลานี้ไม่อาจตีตนก่อนไข้ได้ ดังนั้น เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อมีท่านหมอหลสวงชางกวนคอยดูแล พวกเราก็วางใจได้ชั่วขณะ เหลือแค่เฝ้ารอให้คนในวังออกมาประกาศข่าวสวรรคตโดยเร็ว เราก็จะสามารถเข้าวังได้ในทันที ยิ่งยื้อเวลาไว้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งเอื้อประโยชน์ให้หลี่อวิ๋นหลี่มากเท่านั้นจนเขามีเวลามากพอที่จะจัดการเรื่องทั้งหมด” หลี่เฉินเย่นรู้ว่าในเวลานี้ต้องอดทน ใจเหมือนกับถูกทรมานโยนไว้ในกองไฟ เวลาผ่านไปผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาทีอย่างทรมานอย่างถึงที่สุด สุดท้าย ชั่วยามสุดท้ายแห่งการทรมานก็มาถึง จงเจิ้งออกมาประกาศข่าวเรื่องการสวรรคต ให้ หนิงอานอ๋องเข้าวังไปร่วมพิธีศพ! หลี่เฉินเย่นนำทัพล้อมวังหลวงไว้ ผู้คนต่างก็เข้าวังอย่างเกรียงไกร ในเวลานี้ภายในวังไว้ทุกข์อย่างเงียบสงัด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วพระราชวัง หลี่อวิ๋นหลี่ใช้เวลาครึ่งคืนในการชะล้างร่องรอยชีวิตที่สูญเสียไปในวังหลวง แต่เลือดเหนียวเหนอะยังคงชะล้างไม่ออก ระฆังมรณะโหยหวนกึกก้องไปทั่วแคว้น! หลี่เฉินเย่นที่อยู่ในฐานะอ๋องควบคุมพระราชวังเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว เดิมทีคิดว่าจะมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ภายในวังนั้นเงียบสงบมาก แม้กระทั่งร่องรอยของอ๋องเก้ากับราชครูก็ไม่มี ที่แท้ หลังจากหลี่อวิ๋นหลี่รู้ว่า หนิงอานอ๋องไม่ตกหลุมพราง เขาก็ถอนตัวออกไปแล้ว เพราะเขารู้ว่าแม้ตนเองจะจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้จุดด่างพร้อย ท้ายที่สุดก็ไม่อาจขึ้นครองราชบัลลังก์ได้อยู่ดี เพราะหลี่เฉินเย่นไร้ความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเขาไม่มีความสามารถพอที่จะโยนความผิดให้หลี่เฉินเย่น เว้นแต่ว่าเขาจะหนีไปอย่างไร้ทางเลือก ทว่าเป้าหมายของเขาบรรลุแล้ว เขาล้างแค้นสำเร็จแล้ว เรื่องราชบัลลังก์ เดิมทีก็ไม่ได้อยู่ในแผนการของเขา เขาเพียงแค่โกรธจนทนไม่ได้เท่านั้นเอง แม้ตัวเขาจะไม่ได้สนใจ แต่ก็อยากจะยึดไว้ไม่ให้ราชบัลลงก์ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น แต่ชูเซี่ยกลับยังไม่สามารถออกมาได้ เพราะทหารองครักษ์ในวังยืนยันว่าชูเซี่ยปลงพระชนม์ฮ่องเต้ ทั้งยังประดาศออกไปทั่วอย่างรวดเร็ว สามารถพูดได้เลยว่าหลังจากที่หลี่อวิ๋นหลี่จากไปแล้ว ได้ทิ้งปัญหาที่แก้ได้ยากอันใหญ่หลวงไว้ให้ เรื่องโทษฐานแม้จะยังไม่ชัดเจน แต่นางก็ยังมีสิ่งที่น่าสงสัย ไม่ได้บริสุทธิ์เสียทีเดียว นางเองก็ไม่สามารถออกจากคุกหลวงได้ มิฉะนั้น หลี่เฉินเย่นก็ต้องได้รับการชี้หน้าด่ากราดจากผู้คน ได้รับการตำหนิจากขุนนาง และเขาก็จะไม่สามารถขึ้นครองราชบัลลังก์เป็นกษัตริย์ได้ สำหรับหลี่อวิ๋นกัง เพราะตอนที่ฮ่องเต้ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เขามีโทษฐานกบฏติดตัว ดังนั้น จึงไม่สามารถปล่อยตัวได้ในทันที เข้าตรู่วันแรกหลังจากที่ฮ่องเต้สวรรคต เสนาบดีหลี่กับเซียวโหยวก็เสนอหลี่เฉินเย่นเป็นว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไป เหล่าขุนนางไร้ความเห็น ฐานะว่าที่กษัตริย์ของหลี่เฉินเย่นเป็นที่แน่นอนแล้ว เหลือแค่เลือกวันขึ้นครองราชย์ เรื่องพระราชพิธีศพของฮ่องเต้จัดการโดยกรมกิจการภายในร่วมกับกรมพิธีการ หลังจากที่เรื่องราวได้ข้อสรุปแล้ว หลี่เฉินเย่นถึงได้ไปเยี่ยมชูเซี่ยที่คุกหลวง ภายในคุกหลวงทั้งชื้นและมืด หลี่เฉินเย่นเห็นชูเซี่ยที่เสื้อผ้าขาดวิ่นนั่งอยู่ข้างจูฟางหยวนเงียบ ๆ นางดูเหนื่อยล้า หน้าขาวซีด เนื่องจากภายในวังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลานี้ยังคงวุ่นวายอยู่ นางจึงไม่รู้ถึงข่าวคราวภายนอก ดังนั้น จึงไม่รู้ว่าหลี่เฉินเย่นควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้แล้ว พอได้ยินเสียงฝีเท้า นางจึงคิดว่าผู้คุมเดินผ่าน พอเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองอย่างงุนงงก็เห็นร่างอันคุ้นเคยเดินเข้ามาในห้องขังอันมืดสลัวอย่างรวดเร็ว นางพยายามประคองตัวลุกขึ้น สีหน้าตกตะลึง รีบพิงกับลูกกรงเหล็กแล้วพูดขึ้นทันที “เจ้ามาที่นี้ได้อย่างไร รีบออกไปเถอะ!” มือของชูเซี่ยถูกมือใหญ่ของเขากอบกุมไว้ หลี่เฉินเย่นพูดอย่างสะอึกสะอื้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เจ้าลำบากแล้ว!” ชูเซี่ยเหล่มองไปรอบด้านด้วยความวิตกหวาดผวา นางกดเสียงต่ำถาม "ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าปลอดภัยดีหรือ" หลี่เฉินเย่นบอกเล่าสถานการณ์ส่วนใหญ่ให้เขาฟัง ชูเซี่ยอึ้งปเล็กน้อย นางยิ้มอย่างขมขื่นพลางพูด "ข้าสงสัยราชครูมาตลอดจึงสั่งให้คนตรวจสอบอย่างละเอียด แต่นึกไม่ถึงว่ากลายเป็นการกระตุ้นเขาให้ลงมือล่วงหน้าโดยที่พวกเราไม่ได้เตรียมตัวเลยสักนิด โชคดี ที่เจ้าหนีออกไปแล้ว!" หลี่เฉินเย่นถามชูเซี่ยด้วยความสงสัย “เจ้าส่งข้าออกจากวังอย่างไรหรือ” ชูเซี่ยยิ้มอยู่สักพัก "คนในหุบเขาต่างก็มีแผนอันล้ำเลิศเป็นของตนเอง ตอนนั้นข้าแค่ไม่อยากให้ท่านถูกเสด็จพ่อของท่านพบที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยแล้วตกอยู่ในฐานะนักโทษอย่างพวกเรา ดังนั้นจึงส่งเจ้าออกจากวัง แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำลายแผนการของราชครูโดยคาดคิดมาก่อน" หลี่เฉินเย่นเห็นว่านางไม่อยากพูดจึงไม่บังคับนาง เขาสั่งให้คนเปิดคุกหลวง จากนั้นก็ยื่นมือไปโอบกอดชูเซี่ยแล้วพูดอย่างรู้สึกผิด "ตอนนี้ข้ายังพาเจ้าออกไปไม่ได้ แต่เข้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอนานเกินไปหรอก ข้าต้องล้างข้อสงสัยในตัวเจ้าให้ได้ จะช่วยเจ้าออกไปให้เร็วที่สุด" ตอนที่ชูเซี่ยได้ยินเขาบอกว่าสถานการณ์มั่นคงแล้วก็เบาใจลงทันที นางรู้ว่าตนเองยังแบกรับนักโทษโทษฐานปลงพระชนม์ฮ่องเต้ไว้อยู่ หากจะตรวจสอบให้แน่ชัดก็เกรงว่าจะไม่ง่าย บวกกับอ๋องเก้ากับราชครูจากไปแล้ว หลังจากไปแล้วยังสร้างสถานการณ์ที่ยากจะแก้ไขเช่นนี้ไว้ให้ วันนั้นอาจเป็นเพราะคนที่พุ่งเข้าไปในตำหนักฉ่ายเหว่ยส่วนใหญ่เป็นคนของราชครู พวกเขายืนกรานอย่างหนักแน่น จากสายตาของคนทั้งแคว้นที่กำลังจ้องมอง ทำให้ไม่อาจลงโทษโดยการโบย ทำได้แค่ไต่สวนตามกระบวนการเพียงเท่านั้น ซึ่งบางทีอาจไม่มีกลับคำเหมือนดังเดิม หลี่เฉินเย่นถามชูเซี่ย “วันนั้นหลังจากที่เจ้าส่งข้าออกไปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น ใช่แล้ว จูฟางหยวนเป็นอย่างไรบ้าง” จูฟางหยวนกำลังอยู่ในห้วงแห่งนิทรา ชูเซี่ยฝังเข็มให้เขา สกัดจุดบนร่างกายเขาไปหลายจุดเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ตอนนี้ร่างกายอ่อนเพลีย หลังจากได้หลับไปบ้างแล้วก็ดีขึ้นมาก ชูเซี่ยตอบเขา "เขาได้รับบาดเจ็บ ข้าฝังเข็มรักษาให้เขาแล้ว ตอนนี้ไม่ได้อาการหนักหนาอะไร" นางเล่าเรื่องราวในวันนั้นอีกรอบ หลังจากผ่านพ้นคืนวันอันเงียบสงบมาสองสามวัน นางก็นึกเรื่องราวออกมาได้มากมาย นางเล่าว่า "ตอนนั้นข้าถูกมีดแทง อยู่ในช่วงสติเลือนลาง เห็นคน ๆ นึงเข้ามาให้ห้องแล้วหยิบมีดสั้นขึ้น แต่ข้าเห็นไม่ชัดว่าคนผู้นั้นเป็นใคร จากนั้นข้าก็ได้ยินฮ่องเต้ส่งเสียงอู้อี้ ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นข้าก็ไม่รู้แล้ว พอฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในคุกหลวงแล้ว บาดแผลบนตัวข้าก็มีคนช่วยพันไว้เรียบร้อย" หลี่เฉินเย่นมุ่นคิ้วแล้วกล่าว "งั้นก็หมายความว่า บางทีอาจเป็นไปได้ว่าคนที่เข้ามาหลังจากนั้นสังหารเสด็จพ่อ คนๆ นั้นเป็นใครกัน?" ชูเซี่ยพูดว่า "คนที่สามารถเข้าตำหนักฉ่ายเหว่ยของข้าได้โดยที่ไร้การขัดขวาง อีกทั้งไม่มีองครักษ์ตามเข้ามาด้วย ถ้าไม่ใช่อ๋องเก้าก็คงเป็นราชครู" หลี่เฉินเย่นพยักหน้า "ข้าก็เดาว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน เพียงแต่หากคนที่ลงมือเป็นสองคนนั้น เรื่องก็คงจัดการได้ยาก เพราะองค์รักษ์ไม่มีทางเปลี่ยนคำให้การแน่" ในเวลานั้นเองจูฟางหยวนก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้น พอได้ยินคำพูดของหลี่เฉินเย่น เขาก็พูดอย่างเอื่อยเฉื่อย "น่าขันจริง หากชูเซี่ยไม่ได้ฆ่าบิดาท่าน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นคนอื่น องครักษ์พวกนั้นต้องได้รับการปลูกฝังมาแน่ พวกเขามีพยาน พวกเราก็มีพยานได้เหมือนกัน ตอนนี้ใครเขายังทำตามกฎระเบียบกัน หากต้องการพยาน คนของเราก็มีเยอะกว่า!" ชูเซี่ยมองจูฟางหยวนแบบไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องให้ดี "ท่านตื่นมาตอนไหนหรือ" จูฟางหยวนไม่ตอบชูเซี่ย เพียงแค่มองหลี่เฉินเย่นที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ "ตอนนี้อ๋องเก้ากับราชครูหนีไปแล้ว เรื่องก็จัดการได้ง่ายกว่าเดิม เรื่องถูกผิดขึ้นอยู่กับว่าเราจะพูดอย่างไร" สีหน้าของหลี่เฉินเย่นค่อนข้างจริงจัง "แต่เรื่องนี้กำลังถูกคนทั้งราชสำนักจับตามองอยู่ เกรงว่าหากจะเล่นเล่ห์เหลี่ยมก็คงไม่ง่ายนัก!" จูฟางหยวนส่งเสียงหัวเราะเยาะ "เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะใช้วิธีการใดให้เหมาะสม คืนนั้นในวังหลวงมีคนตั้งมากมาย ในตำหนักฉ่ายเหว่ยก็มีข้ารับใช้จำนวนมาก นอกจากองครักษ์ที่บุกเข้าไปในตำหนักฉ่ายเหว่ยบอกว่าชูเซี่ยเป็นฆาตรกรแล้ว คนอื่น ๆ ก็ล้วนแต่ไม่ได้ชี้ตัวชูเซี่ย จะว่าไปคำให้การขององครักษ์พวกนั้นบอกว่าเห็นชูเซี่ยฆ่าคนอย่างนั้นหรือ หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเองก็จัดการเรื่องราวได้ง่ายขึ้น" หลี่เฉินเย่นรุ่นคิดอยู่สักพัก "คำพูดเจ้าก็มีเหตุผล องครักษ์ไม่มีทางกลับคำแน่ เชื่อว่าหากหลี่อวิ๋นหลี่ต้องการให้องครักษ์จำนวนมากเชื่อฟังคำสั่งเขา มันก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการวางยา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาชำนาญ องครักษ์เหล่านั้นถูกพิษที่ร้ายแรงมากจึงต้องเชื่อฟังคำสั่งเขา แต่ต่อให้พวกเขาไม่อาจกลับคำได้ พวกเราก็มีหลักฐานใหม่ได้เช่นกัน" พูดจบ แววตาของเขาก็เปล่งประกายทันที เขาโอบกอดชูเซี่ยแล้วหอมแก้มนางแรง ๆ ไปหนึ่งที "เจ้ารอข้านะ อีกไม่นานข้าก็จะพาตัวเจ้าออกไปแล้ว!" สีหน้าของชูเซี่ยดูอ่อนโยน นางยิ้มมองเขา "ได้ ข้าจะรอเจ้า!" หลี่เฉินเย่นออกคำสั่งขึ้นมาทันใด "ใครก็ได้ พาจูฟางหยวนออกไปรักษา" ผู้คุมก้าวเข้ามารับคำสั่ง "พ่ะย่ะค่ะ! ท่าน!" ตอนนี้หลี่เฉินเย่นยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ แต่เพราะฐานะว่าที่กษัตริย์เป็นที่กำหนดแน่นอนแล้ว เหลือแค่เลือกวันขึ้นครองราชย์เท่านั้น ดังนั้น จึงไม่อาจเรียกท่านอ๋องได้อีก จึงลดเหลือเรียกแค่คำว่าท่านเท่านั้น หลี่เฉินเย่นยังให้คนทำความสะอาดห้องขังให้ชูเซี่ย จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันให้ หลังจากจัดการเรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อยถึงได้ค่อย ๆ จากไปอย่างจำใจ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 133 พลิกชีวิต
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A