ตอนที่ 134 ผิดพลาดเกิดไป
1/
ตอนที่ 134 ผิดพลาดเกิดไป
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 134 ผิดพลาดเกิดไป
ตนที่ 134 ผิดพลาดเกิดไป หลังจากเสร็จสิ้นเคลื่อนพระศพของฮ่องเต้ไปฝังไว้ที่สุสานหลวงที่เขาหลิงซาน เพียงแต่ไม่รู้ว่าในปรโลก เขาจะมีหน้าไปพบเสด็จพ่อของเขาหรือไม่ ท่านผู้นั้นที่ถูกเขาสั่งหารเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ วันที่แปด เดือนหก หลี่เฉินเย่นขึ้นครองราชย์ เปลี่ยนรัชศกเป็นเจียผิง! สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกหลังจากฮ่องเต้เจียผิงขึ้นครองราชย์คือการสืบหาฆาตรกรที่ปลงพระชนม์ฮ่องเต้พระองค์ก่อน เขาไต่สวนองครักษ์และข้ารับใช้ที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยวันนั้นด้วยตนเอง องครักษ์บอกว่าหลังจากบุกเข้าตำหนักฉ่ายเหว่ยก็เห็นฮ่องเต้นอนจมกองเลือดแล้ว และตอนนั้นในตำหนักฉ่ายเหว่ยก็มีเพียงเว่ยกงกงที่ตายไปแล้วกับหวงกุ้ยเฟยเท่านั้น บวกกับตอนนั้นในมือของหวงกุ้ยเฟยถืออาวุธอยู่ ดังนั้นจึงตัดสินว่าหวงกุ้ยเฟยเป็นฆาตรกรฆ่าฮ่องเต้พระองค์ก่อน แต่ข้ารับใช้ในตำหนักฉ่ายเหว่ยล้มล้างคำให้การนี้ ข้ารับใช้บอกว่าตอนนั้นมีชายคนหนึ่งเข้ามา หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องก็ปิดประตู หลังจากออกมาแล้ว องครักษ์ก็บุกเข้าไป และนั่นหมายความว่า ตอนนั้นไม่ได้มีหวงกุ้ยเฟยอยู่ในตำหนักเพียงคนเดียว รวมถึงตอนที่องครักษ์บุกเข้าไป ข้ารับใช้ก็ตามเข้าไปด้วย ตอนนั้นหวงกุ้ยเฟยสลบไปแล้ว และมีความเป็นไปได้สูงเช่นกันที่จะมีคนเอามีดสั้นวางไว้ในมือของหวงกุ้ยเฟย และต่อจากนั้นจงเจิ้งที่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้ยืนยันว่าอ๋องเก้าเข้าไปในห้อง ตอนนั้นจงเจิ้งรับผิดชอบหน้าที่คอยเฝ้าปรนนิบัติอยู่ข้างนอกห้อง หากไม่มีคำสั่งของฮ่องเต้ก็ห้ามใครเข้าไปข้างใน เพียงแค่สั่งให้เขาคอยเฝ้าปรนนิบัติอยู่ตรงเฉลียงด้านหน้าเท่านั้น ดังนั้นตอนที่อ๋องเก้าเข้าไปข้างใน เขาจึงคิดว่าเป็นรับสั่งของฮ่องเต้ หลังจากอ๋องเก้าออกไปแล้ว บนเสื้อก็เหมือนจะย้อมไปด้วยเลือดสด เขากำลังสงสัยคิดจะเข้าไปตรวจดูข้างใน ทว่าองครักษ์ก็บุกเข้าไปเสียก่อน จากคำให้การโดยรวม บวกกับการวินิจฉัยของหมอหลวง ตอนนั้นหวงกุ้ยเฟยได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่าว่าแต่ทำร้ายคนเลย แค่ดูจากอาการบาดเจ็บของนาง เพียงนางขยับตัวเบา ๆ แผลก็ฉีกแล้ว อีกทั้งฮ่องเต้เป็นคนมีวรยุทธ์ ดังนั้นหวงกุ้ยเฟยจึงไม่มีแรงแทงฮ่องเต้จนสิ้นใจได้ ต่อมาก็มีองครักษ์สองนายกลับคำให้การ บอกว่ามั่นใจว่าตอนนั้นอ๋องเก้าเข้าไปในห้อง หลังจากเขาออกมา มือก็ย้อมไปด้วยเลือด ดังนั้น อ๋องเก้าจึงเป็นผู้ต้องสงสัยที่ฆ่าฮ่องเต้พระองค์ก่อน ตอนนี้มีเพียงวิธีเดียวคือต้องจับกุมอ๋องเก้าให้ได้เร็วที่สุด จากนั้นก็ไต่สวนอย่างละเอียดถึงจะรู้เรื่องราวที่แท้จริง หลังจากออกคำสั่งจับนักโทษ ประชาชนก็ดี ทางการก็ดี บู้ลิ้มก็ดี ล้วนแต่สืบหาที่ที่อ๋องเก้าอยู่ คดีนี้ความจริงแล้วมีหลายอย่างที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก ทั้งยังมีขุนนางสงสัย แต่หลี่เฉินเย่นขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ เขาเอ่ยคำประกาศิตออกไปแล้ว แม้จะมีข้อสงสัยก็ไม่กล้าเสนอความเห็นออกมา อีกอย่าง มีแค่ข้อสงสัยแต่ไร้หลักฐาน ใครจะกล้าท้าทายอำนาจแห่งสรวงสวรรค์หรือ ฮองเฮาถูกแต่งตั้งเป็นเว่ยจิงไทเฮา ย้ายไปที่ตำหนักโส่วหนิง หรงเฟยถูกแต่งตั้งเป็นหรงกุ้ยไท่เฟย อยู่ตำหนักโส่วหนิงร่วมกับเว่ยจิงไทเฮา หลิงกุ้ยเฟยถูกแต่งตั้งเป็นหลิงกุ้ยไท่เฟย เข้าพักที่ตำหนักหมิงเยว่ ฉินเฟยถูกแต่งตั้งเป็นฉินไท่เฟย อยู่ที่ตำหนักเฉี่ยนหมิง เจิ้งหย่วนอ๋องถูกแต่งตั้งเป็นเจิ้งกั๋วอ๋อง เพิ่มศักดินาให้อีกหนึ่งขั้นเป็นแม่ทัพเจิ้งกั๋ว อัครมหาเสนาบดีซ้ายขวาคือเสนาบดีหลี่กับเซียวโหยว หลี่ซี่ถูกแต่งตั้งเป็นรองเสนาบดีกรมการกลาโหม จูฟางหยวนยังคงผู้บัญชาการทหารองครักษ์พระราชวังชั้นใน นี่เป็นความคิดของเขา เขาบอกหากชูเซี่ยอยู่ในวังแม้เพียงวันเดียว เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ แม้จะไม่มีความสามารถอะไร แต่ก็ยังหวังว่าจะได้อยู่เคียงข้างนาง คำพูดนี้แม้จะทำให้หลี่เฉินเย่นรู้สึกไม่สบายใจ แต่พอได้ผ่านพ้นเรื่องราวมามากมาย เขาก็รู้ว่าจูฟางหยวนไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับชูเซี่ย ดังนั้นจึงยอมทำตามสิ่งที่เขาขอ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างจิ้งกั๋วโฮ่ว หลิวมี่เหอก็เข้าวังเช่นกัน นางยังคงถูกแต่งตั้งเป็นโหรวเฟย เข้าพักตำหนักเพียวสวี่ แต่เข้าวังโดยที่ไร้ความโปรดปราย ถึงแม้จะถูกแต่งตั้งเป็นโหรวเฟยก็ไม่มีใครเห็นความสำคัญ ไม่ว่าจะอย่างไร ตอนนี้นางถือว่าเป็นสนมเพียงหนึ่งเดียวของหลี่เฉินเย่น ตามกฎของบรรพบุรุษแล้ว ยังคงต้องตั้งตั้งตำแหน่งเฟยให้ ชูเซี่ยยังคงอยู่ที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยเช่นเดิม เดิมทีหลี่เฉินเย่นคิดจะเปลี่ยนที่ให้นาง แต่นางบอกว่าคุ้นชินกับตำหนักฉ่ายเหว่ยแล้ว ไม่คิดอยากเปลี่ยน นางยืนยันเช่นนี้ หลี่เฉินเย่นก็ได้แต่ยอมแพ้ แต่ชูเซี่ยยังคงไม่ถูกแต่งตั้งเป็นไท่เฟย เหล่าขุนนางก็มีความเห็นต่างมากมาย ขุนนางทั้งหลายต่างก็เขียนยื่นฎีกา ขอให้แต่งตั้งหวงกุ้ยเฟยเป็นหวงกุ้ยไท่เฟยโดยเร็ว แต่ก็ล้วนถูกหลี่เฉินเย่นถ่วงลากเอาไว้อย่างสบาย ไม่ใช่เพราะเขาอยากแต่งตั้งชูเซี่ยเป็นกุ้ยไท่เฟย แต่เขาอยากแต่งตั้งชูเซี่ยเป็นฮองเฮา แต่เขารู้ดีว่าวันข้างหน้าไม่อาจยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดบนโต๊ะได้ เขาต้องส่งชูเซี่ยออกไปนอกวังอีกครั้ง จากนั้นก็จัดการสถานะให้นางใหม่ แต่งชูเซี่ยเข้าวังเป็นทางการเพื่อเป็นฮองเฮา ภายใต้นามฮ่องเต้พระองค์ก่อนมีเหล่าบรรดาองค์ชายสิบกว่าพระองค์ แต่ทว่าไม่ใช่ลูกที่เกิดจากเขา เหล่าบรรดาพี่น้องที่เป็นบุตรของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หลี่เฉินเย่นจัดการเรื่องราวให้อยู่ในสภาพปกติดังเดิม แต่งตั้งบรรดาองค์ชายทั้งหลายเป็นอ๋อง อีกทั้งยังให้พวกเขารู้จักบรรพบุรุษ รับรู้ถึงบิดาผู้ให้กำเนิดของตน สืบทอดสายเลือดของพวกเขา และเป็นการให้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่อยู่ในปรโลกได้รับผิดชอบกับเหล่าพี่น้องของเขาด้วย วิธีการนี้ทำให้บรรดาขุนนางซาบซึ้งอย่างยิ่ง และทำให้บรรดาอ๋องที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการในถิ่นทุรกันดานต่างซาบซึ้งอย่างมาก แต่ละคนต่างก็เดินทางเข้าเมืองหลวงมาเพื่อแสดงความขอบคุณ เนื่องด้วยหลี่เฉินเย่นยกทัพจับศึกกับแคว้นหนานจ้าวจนบรรลุสันติภาพด้วยตนเอง ฮ่องเต้แคว้นหนานจ้าวสั่งให้เดินทางมาเพื่อถวายพระพรให้กับฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ให้ขุนนางเสนอเรื่องแต่งองค์หญิงหนิงเหอกับหลี่เฉินเย่น หลี่เฉินเย่นปฏิเสธโดยอ้างว่าประเทศชาติยังไม่มั่นคง ชั่วชีวิตนี้ของเขาต้องการชูเซี่ยเพียงคนเดียว และไม่คิดแต่งสนมคนใดเข้าวังหลังอีก ฮ่องเต้หนานจ้าวไม่พอพระทัยอย่างยิ่ง เนื่องด้วยเป็นฝ่ายออกปากเสนอไปเอง ทว่ากลับถูกปฏิเสธ สำหรับทางการทูตแล้วถือว่าไม่ไว้หน้าอย่างยิ่ง แต่กำลังของแว่นแคว้นยังคงขาด ทั้งยังเป็นช่วงหลังสงคราม แม้ในใจจะโมโหก็ไม่กล้าระดมพลโจมตี ได้แต่ลงนามทำสัญญาสงบศึกเท่านั้น แต่ในเวลานี้กลับก่อให้เกิดความไม่พอใจจากขุนนางใหญ่ภายในราชสำนัก หลี่เฉินเย่นเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ อีกทั้งไม่มีตัวเลือกมากมาย ในวังมีเพียงโหรวเฟยเพียงคนเดียว จึงควรจะคัดเลือกสนมมาส่งเสริมวังหลัง การที่ฮ่องเต้หนานจ้าวยื่นข้อเสนอเรื่องการแต่งงานสร้างสัมพันธไมตรี ถือว่าเป็นการสร้างสัมพันธภาพทางการทูต หลี่เฉินเย่นไม่ควรปฏิเสธ ขุนนางทั้งหลายต่างยื่นฎีกาหวังว่าฮ่องเต้จะทบทวนเรื่องแต่งงานสร้างสัมพันธไมตรี แต่ท่าทีของหลี่เฉินเย่นหนักแน่นอย่างยิ่ง ไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อยนิด และถึงขั้นตำหนิเหล่าขุนนางในท้องพระโรงด้วยความโกรธ เรื่องนี้การะจายมาถึงวังหลัง ชูเซี่ยก็รู้แล้วเช่นกัน ชูเซี่ยรู้ความคิดของหลี่เฉินเย่นดี ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง นางรู้สึกซาบซึ้งมาก และรู้จุดยืนของนางดี นางไม่ควรพูดอะไร ต่อให้ชี้แนะให้เขาแต่ง ในใจเขามีเพียงตัวนาง แล้วจะเอาองค์หญิงแคว้นหนานไปไว้ที่ไหน ก่อนหน้านี้คิดแค่อยากให้เขาขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ กุมอำนาจเอาไว้ ก็ไม่ต้องถูกใครควบคุมอีก แต่ตอนนี้พอมองดูแล้ว ถึงแม้จะอยู่บนบัลลังก์อันสูงส่งก็ยังมีช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทุก ๆ วันหลี่เฉินเย่นจะกินข้าวเป็นเพื่อนชูเซี่ย ภายในห้องครัวเล็กของตำหนักฉ่ายเหว่ยมีแม่ครัวชาวเจียงหนานอยู่หนึ่งคน หลี่เฉินเย่นชอบอาหารเจียงหนานมาก ทุกวันชูเซี่ยจะสั่งให้คนเตรียมอาหารที่หลี่เฉินเย่นชอบกินเอาไว้ จิบเหล้าเป็นเพื่อนเขา พูดคุยเรื่องราวชีวิตประจำวันทั่วไป แต่หลี่เฉินเย่นเคยไม่พูดเรื่องงานบ้านงานเมือง เขาขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน ดูเหมือนขุนนางแต่ละคนก็มีใจอยากจะกลับบ้าน แต่เขาก็รู้ดีว่าหลายคนแสดงท่าทีนอบน้อม แต่ลับหลังต่อว่าตำหนิเขามากมาย และตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีเขาไม่อยากให้ชูเซี่ยถามเรื่องกิจการบ้านเมือง เพราะหากชูเซี่ยพัวพันกับเรื่องกิจการบ้านเมืองขึ้นมา นางก็จะได้ยินข่าวลือบางอย่างที่ไม่ดีเกี่ยวกับนาง จนถึงตอนนี้เขาได้ปกครองแว่นแคว้นแล้ว สิ่งที่สามารถทำเพื่อนางได้ก็คือใช้วิธีของตนปกป้องนางไว้ ณ ห้องทรงอักษร ใต้เท้าซือคงจางยื่นฎีการ้องขอให้หลี่เฉินเย่นแต่งตั้งหวงกุ้ยเฟยเป็นหวงกุ้ยไท่เฟย การที่หลี่เฉินเย่นยังคงไม่ได้แต่งตั้งสถานะของชูเซี่ย เป็นความปรารถนามุ่งมั่นที่ใคร ๆ ต่างก็มองเห็น ใต้เท้าซือหม่ามิใช่คนที่มีจิตใจยากจะหยั่งถึง ตรงกันข้าม เขาเป็นคนซื่อตรงอย่างมาก ทั้งยังคร่ำครึมากอีกด้วย เขาเองก็คอยสนบสนุนหลี่เฉินเย่น และเนื่องด้วยการสนับสนุนนี้ เขาจึงไม่อาจปล่อยให้หลี่เฉินเย่นที่เพิ่งจะขึ้นครองราชย์ก็ทำสิ่งที่ผิดแปลกไปอย่างการแต่งผู้หญิงของบิดาเป็นสนม เช่นนี้จะเป็นการส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของหลี่เฉินเย่น หากกระจายไปทั่วก็จะยิ่งทำให้ชื่อเสียงของแคว้นเหลียงได้รับความเสียหาย เดิมทีเขาคิดจะปิดบังเรื่องนี้อย่างง่าย ๆ ที่ห้องทรงอักษร แต่ใต้เท้าซือหม่าทำการบีบบังคับ นับแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันก็เอาแต่อ้างตำรา เริ่มพูดเกี่ยวกับการเมืองวังหลังของฮ่องเต้กับความมั่นคงของราชวงศ์ในอดีตอีกครั้ง เขาหวังว่าหลี่เฉินเย่นจะจัดการส่งขุนนางไปสู่ขอทางหนานจ้าวด้วยตนเอง และถือว่าเป็นการหาทางลงจากความลำบากใจแก่ฮ่องเต้แคว้นหนานจ้าว ในตอนแรกหลี่อวิ่นเชียนยังพูดด้วยดีอยู่ แต่น้ำเสียงของใต้เท้าซือหม่ายิ่งแย่ขึ้นเรื่อง จนกระทั่งถึงดับยกเรื่องชูเซี่ยปลงพระชนม์ขึ้นมาพูด หลี่เฉินเย่นได้มีพระราชโองการไปก่อนแล้ว ห้ามใครหน้าไหนยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก แต่ใต้เท้าซือหม่ากลับไปแตะเกล็ดย้อนของเขาเข้าอีกครั้ง เขาจึงโมโหยกใหญ่ สั่งคนโบยใต้เท้าซือหม่าสิบไม้ แม้ต่อมาจะถูกจงเจิ้งสั่งหยุด แต่ใต้เท้าซือหม่ากลับเสียใจกับสิ่งนี้จนก่นด่าออกมา "นับแต่โบราณมาคนงามเป็นกาลกินี ฝ่าบาททรงเป็นนักปราชญ์ผู้รู้แจ้ง ไม่ควรลุ่มหลงในหญิงงาม หากหวงกุ้ยเฟยเป็นคนเข้าใจในเหตุผล ก็คงจะทราบดีว่าไม่ควรทำให้ฝ่าบาทยืนอยู่ภายใต้กำแพงแห่งความอันตราย เพื่อเลี่ยงการทำผิดต่อฝ่าบาท ควรออกจากวังไปบำเพ็ญเพียรโดยเร็ว แต่กระหม่อมดูแล้ว หวงกุ้ยเฟยก็เป็นพวกมอมเมาด้วยเสน่หา ฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็ถูกนางล่อลวง แต่งตั้งหวงกุ้ยเฟยทั้งที่ไร้ความดีความชอบ ทำให้ขุนนางมากมายต่างครหา ตอนนี้ฝ่าบาทยังล้มล้างเรื่องการเกี่ยวดองกับทางหนานจ้าวเพราะหวงกุ้ยเฟยอีก เห็นได้ว่าผู้หญิงแซ่เวินนั่นเป็นตัวกาลกินีแน่แท้!" ใต้เท้าซือหม่าพูดเช่นนี้ถือว่าเป็นการยอมเอาชีวิตของครอบครัวมาเสี่ยง เขาเป็นขุนนางเก่าแก่ มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง อดีตฮ่องเต้ทั้งสองพระองค์ต่างก็เคารพเขามาก ตอนนี้ถูกฮ่องเต้พระองค์ใหม่สั่งโบยสิบไม้ แม้จะไม่ได้ตีจนครบ แต่ก็ทำลายเกียรติ ทำลายหน้าตาและยิ่งไปกว่านั้นคือทำร้ายจิตใจ ยังจนสนว่าอะไรควรไม่ควรอยู่อีกหรือ หลี่เฉินเย่นโกรธจนตัวสั่นตบโต๊ะด้วยความเกรี้ยวกราด คิดจะถอนตำแหน่งของใต้เท้าซือหม่า โชคดีที่ไทเฮามาถึงได้ทันเวลา เอ่ยตักเตือนหลี่เฉินเย่น แต่ในตอนแรกใต้เท้าซือหม่าโกรธจนอยากจะวิ่งพุ่งชนกับต้นเสาจนไทเฮาร้อนใจแทบจะคุกเข่าขอร้องเขา ใต้เท้าซือหม่าร้องไห้โฮยกใหญ่ ตะโกนในห้องทรงอักษรว่าแคว้นเหลียงต้องล่มสลายเพราะชูเซี่ย การโวยวายครั้งนี้ล่วงเข้าสู่หูชูเซี่ย ดังนั้น ตอนคืนนี้ที่กินอาหารกับหลี่เฉินเย่น ชูเซี่ยพูดเรื่องพจนะของเว่ยเจิงกับถางไท่จงกับเขา สุดท้าย นางพูดขึ้นมาว่า "เสาหลักของประเทศชาติควรกล้าที่จะทัดทานอย่างตรงไปตรงมา แต่การที่เจ้าลงโทษใต้เท้าซือหม่าก็ทำได้แค่เพียงทำให้ขุนนางทั้งหลายเกิดความหดหู่ใจ อีกอย่าง ใต้เท้าซือหม่ารับราชการมานานหลายปี มีลูกศิษย์ลูกหามากมายจากในบรรดาขุนนางที่สำคัญทั้งหลาย วันนี้เจ้าทำให้เขาลำบากใจ เกรงว่าวันข้างหน้าจะค่อย ๆ เกิดสถานการณ์ที่ทนไม่ไหวขึ้นไปทุกที" หลี่เฉินเย่นเงียบขรึม เขาเงยหน้ามองหน้าชูเซี่ย ในใจบังเกิดความเศร้าโศก วันนั้นชูเซี่ยเข้าวังเพื่อช่วยชีวิตเขา นับแต่หลังจากจากได้รู้จักเขา นางก็ได้รับความอยุติธรรมมากเท่าไหร่ ประสบกับเคราะห์กรรมไปมากเท่าใด ทนรับคำตำหนิมากเพียงใด แต่นางก็ไม่เคยเล่ามันต่อหน้าเขา แม้แต่คำบ่นว่าก็ไม่มี ยังคงสงบนิ่งเย็นใจเชื่อเขาเสมอ เขารู้สึกว่าตนเองพูดอะไรก็เกินความจำเป็น ในเวลานี้เขาขึ้นปกครองบ้านเมือง ได้ทุกสิ่งอย่างที่ใครต่างก็ต้องการ แต่สิ่งที่เขาต้องการเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ตรงหน้าเขา แต่ทว่าเขาไม่อาจไล่คว้ามันได้ หากว่าตามคำโบราณแล้ว หากไม่มีนาง ถึงแม้เขาจะได้ราชบัลลังก์มา แล้วมันจะมีความหมายอะไรเล่า ยามนั่งบนราชบัลลังก์ เขาว่างเปล่าเช่นนั้น จิตใจไร้อารมณ์เช่นนั้น มีเพียงยามที่พูดคุยกับนางเท่านั้น ในใจถึงได้รู้สึกสงบขึ้นมาบ้าง หากไม่มีนาง ชาตินี้เขาไม่รู้ว่าควรอยู่อย่างไรต่อไปดี สุดท้ายเขายิ้มแล้วพูดขึ้นมา “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าจัดการได้!” ชูเซี่ยจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร เขาเพิ่งได้นั่งบนเขาราชบัลลังก์ บัลลังก์ยังไม่มั่นคงก็ล้มล้างเรื่องแต่งงานกับทางหนานจ้าวจนก่อให้เกิดคำครหาแล้ว ตอนนี้ยังโต้เถียงกับใต้เท้าซือหม่าเพราะนางอีก เกรงว่าวันพรุ่งข่าวก็คงจะกระจายไปทั่ว เขาก็ต้องได้รับเสียงก่นด่ามากขึ้น
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 134 ผิดพลาดเกิดไป
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A