ตอนที่ 136 ปกป้องเจ้านาย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 136 ปกป้องเจ้านาย
ต๭นที่ 136 ปกป้องเจ้านาย แต่ละวันก็ผ่านไปอย่างเรียบง่ายไร้รสไร้ชาติเช่นนี้ วันนี้หลวี่หนิงเข้าวัง เขาดื่มสุรามาเล็กน้อย จากนั้นก็มุ่งตรงไปที่ตำหนักฉ่ายเหว่ย ชี้ไปที่ชูเซี่ยแล้วก่นด่าอย่างเกรี้ยวกราด “เป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ฝ่าบาทตกเข้าสู่ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ ถ้าข้าเป็นเจ้า ก็คงรุ้ตัวว่าต้องออกจากวังไปแล้ว ในเมื่อเจ้าเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หากเจ้าสำนึกในบุญคุณของพระองค์ก็คงออกจากวังไปสวดภาวนาอธิษฐานให้พระองค์แล้ว เจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในวังเคียงคู่อยู่กับฮ่องเต้อีก ต้าเหลียงมีหญิงมอมเมาด้วยเสน่หาอย่างเจ้า ถือว่าเป็นตัวกาลกินี วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า ฆ่าเพื่อบ้านเมือง!” พูดจบก็ดึงดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าแทงชูเซี่ย เชียนซานที่เพิ่งกลับมาจากเดินเล่นกับนายท่านเหมา พอเข้าประตูห้องโถงมาก็ได้ยินเสียงหลวี่หนิงตะคอกชูเซี่ย ในใจพลันบันดาลโทสะ จากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปทันที พอเห็นว่าเขาพุ่งเข้าแทง ภายใต้ความเร่งรีบนั้น นางดึงปิ่นปักผมออกมาแล้วขว้างพุ่งเข้าไปทันที หลวี่หนิงพลันได้ยินลมจากทางด้านหลังก็กลับหลังหันใช้ดาบรับเอาไว้ เพียงได้ยินเสียงแกร๊ง ปิ่นหยกเขียนกระแทบเข้ากับดาบของเขาร่วงลงกับพื้นแตกเป็นสองชิ้น หน้าของเชียนซานขึ้นเขียวทันที นางพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อหลวี่หนิง จากนั้นก็ตบเขาไปมาซ้ายทีขวาทีไปสองที นางพลางตบ พลางก่นด่าอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าโง่นี่ นั่นเป็นของดูต่างหน้าเพียงสิ่งเดียวที่แม่ข้าทิ้งไว้ให้ เจ้าต้องชดใช้ให้แก่ข้า!” เดิมทีหลวี่หนิงยังคิดโต้กลับ พอได้ยินคำพูดของเชียนซานก็พลันนิ่งอึ้ง เขามองเชียนซานอย่างตกตะลึง พอเห็นหน้าที่ทั้งเศร้าทั้งแค้นของเชียนซานก็ลืมที่จะโต้ตอบ เชียนซานยกเท้าถีบ จากนั้นก็ก้มลงหยิบปิ่นนั้นขึ้นมา น้ำตาไหลพราก ชูเซี่ยก็ตะลึงงันไปแล้วเช่นกัน ที่ผ่านมาเห็นว่าเชียนซานทะนุถนอมปิ่นนี้มาก แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นของดูต่างหน้าที่แม่นางทิ้งไว้ให้ ความโกรธที่ของหลวี่หนิงมีต่อชูเซี่ยถูกความรู้สึกผิดที่มีต่อเชียนซานครอบงำเอาไว้ เขาพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “ข้าขอโทษ ข้าจะชดใช้ให้เจ้าเอง!” เชียนซานพลันยืนขึ้นทันที ถลึงตามองหลวี่หนิงด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “เจ้าจะชดใช้? เจ้าจะชดใช้อย่างไร ต่อให้ซื้อคืนก็ชดใช้ไม่ได้!” หลวี่หนิงยิ่งรู้สึกกลัว “ขอโทษ!” เชียนซานชี้หน้าเขา ก่นด่ายกใหญ่ “เจ้ามันตัวอะไรกัน ถึงกับกล้ามาแสดงความโออังในตำหนักฉ่ายเหว่ยเชียวหรือ เจ้าคิดว่าเจ้ารู้อะไร ๆ อย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าเจ้ามีเมตตามีคุณธรรมยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ แม้แต่ผายลมเจ้าก็ยังไม่รู้เลย เจ้านายของข้าต้องจ่ายไปมากเท่าไหร่เพื่อฝ่าบาทเจ้ารู้หรือไม่ หากตอนแรกไม่ใช่เพราะนางทำเพื่อช่วยฝ่าบาท นางจะเข้าวังหรือ นางเป็นเจ้านางของพรรคมังกรเหิน คิดว่านางสนใจจะเป็นหวงกุ้ยเฟยอะไรพวกนี้หรือ ผายลมเถอะ หวงกุ้ยเฟยคนนี้แม้แต่ผายลมก็ไม่ใช่เสียด้วยซ้ำ เจ้านายของเราเป็นตัวกาลกินีหรือ หากไม่มีเจ้านายข้า สงครามนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนตายไปมากเท่าใด ตอนแรกหากไม่ใช่เพราะนางเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตส่งฮ่องเต้ออกนอกวัง เกรงว่าแม้แต่ชีวิตของฝ่าบาทก็คงจะไม่เหลือเสีย วันนี้จะยังได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้หรือ เจ้าไม่รู้อะไรเลยสักอย่างก็มาเอะอะ่อความวุ่นวายที่นี่ เจ้าก็เหมือนกับเจ้าซือคงนั่น เป็นพวกหัวใหญ่แต่ไร้สมอง ไร้ประโยชน์ ไปให้พ้น ตำหนักฉ่ายเหว่ยไม่ต้องการให้เจ้ามาอารักขา เจ้าไปตายเสีย!” หลวี่หนิงฟื้นสติจากฤทธิ์เหล้าอย่างสมบูรณ์แบบ เชียนซานเป็นคนขวานผ่าซาก พูดจาเสียงดังราวกับจุดประทัด ไม่เคยอ้อมค้อม ในเวลานี้พอเห็นหลวี่หนิงทำลายของรักของหวงของนาง ก็ยิ่งไม่ไว้หน้า ในอดีตที่ผ่านมาหลวี่หนิงไม่เคยถูกคนด่ามาก่อน สีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวเขียว ทว่าก็โต้กลับไม่ลง เพราะเขารู้ว่าของดูต่างหน้าของมารดามีอยู่เพียงหนึ่งเดียวในใจและมีค่ามากน้อยเพียงใด เพราะมารดาของเขาด่วนจากไปเช่นกัน ทิ้งไว้เพียงเสื้อนวมปุยฝ้ายที่ทำเองกับมือให้เขาเท่านั้น และเสื้อนวมปุยฝ้ายตัวนั้นไม่พอดีกับตัวมานานแล้ว ดังนั้นถึงแม้ในเวลานี้จะถูกเชียนซานจิ้มหัวด่า เขาก็ไม่กล้าเถียงกลับ ตรงกันข้าม ยังรู้สึกผิดมากอีกด้วย คน ๆ นึงหากไม่ใช่เพราะอยู่ในภาวะจิตใจว้าวุ่นดั่งไฟเผาพร้อมกับความเศร้าระคนโทสะก็คงไม่พูดจาโหดร้ายเช่นนี้ เชียนซานโมโหเขาที่กล่าววาจาไร้มารยาทกับชูเซี่ยเมื่อครู่นี้ แม้จะรู้ว่าเขาทำได้ตั้งใจทำลายปิ่นของตน แต่ก็จดจำแค้นนี้เอาไว้แล้ว พอเห็นเขายืนมึนงงอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ก็ก้าวเข้าไปผลักเขา “ไป ไปให้พ้น ต่อไปอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!” หลวี่หนิงลืมไปแล้วว่าจะด่าชูเซี่ย เมื่อถูกเชียนซานผลัก ปากก็พร่ำพูดขอโทษ “ข้าขอโทษ แม่นางเชียนซาน ข้าไม่ได้ตั้งใจ ปิ่นของท่านราคาเท่าไหร่ ข้าจะชดใช้ให้ท่านเอง ไม่สิ ชดใช้ให้ท่านสิบเท่าเลย…!” เขาพูด พลางหยิบถุงเงินออกมาจากเสื้อหมายจะล้วงเอาเงินออกมา พอเชียนซานได้ยินว่าเขาเอาเงินมาวัดค่าปิ่นของนาง เดิมทีก็โกรธจนไฟลุกโชนอยู่แล้ว ก็ยิ่งโมโหจนจนสิ้นสติขึ้นไปอีก จากนั้นก็แย่งเอาถุงเงินของเขามาแล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ผายลมกับแม่เจ้าสิ เจ้ามีเงินมากเลยหรืออย่างไร ข้าไม่ต้องการให้เจ้าชดใช้ ข้าต้องการให้เจ้าออกไป!” สีหน้าของหลวี่หนิงสลับเปลี่ยนไปมา เขาพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “พูดดี ๆ ก็ได้ เจ้ามาด่าแม่ข้าทำไม เจ้าจะด่าข้าอย่างไรก็ได้ ข้าทำปิ่นของเจ้าพังแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ข้า” เชียนซานย่ำเท้าไปมา น้ำตาไหลพราก พูดด้วยความทั้งโกรธทั้งโมโห “ทำไม? เจ้าทำของดูต่างหน้าที่แม่ข้าให้ไว้พัง ตอนนี้ข้าพูดอะไรไม่ได้เลยหรือ แม่เจ้าสูงค่านักหรืออย่างไร หรือเพราะแม่ข้าด่วนจากไปก่อน ก็เลยสมควรที่จะถูกบุตรผู้สูงส่งอย่างเจ้าย่ำยีใช่หรือไม่” หลวี่หนิงมุ่นคิ้ว “เจ้าพูดเช่นนี้ไม่คิดว่ารังแกกันไปหน่อยหรือ ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้นเสียหน่อย!” “ใครรังแกใครกันแน่ เจ้ามันผู้ชายตัวโต บุกเข้ามาในตำหนักฉ่ายเหว่ยของข้ามารังแกเจ้านายข้าก่อน จากนั้นก็รังแกข้า ต่อมาก็รังแกแม่ข้า ใครรังแกใครกันแน่ เจ้าเห็นว่าตำหนักฉ่ายเหว่ยของเรามีเพียงผู้หญิงอ่นเพียงสองคน ทำอะไรเจ้าไม่ได้ ดังนั้นเจ้าก็เลยมารังแกพวกเราใช่หรือไม่ ทั้งวังมีคนตั้งมากมายก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะไปด่าใคร แต่ดันมาด่าเจ้านายข้า ข้าด่าเจ้าแค่ไม่กี่คำ เจ้าก็ว่าไร้ความยุติธรรมแล้ว แล้วยังจะมาพูดว่าข้ารังแกอีก แล้วเจ้าล่ะ เมื่อครู่นี้เจ้าด่าเจ้านายข้าว่าอย่างไร ผู้ชายตัวใหญ่อย่างเจ้าทนรับคำด่าไม่กี่คำไม่ได้ แล้วเจ้าคิดว่าผู้หญิงอ่อนแออย่างเจ้านายข้าจะยอมรับมันได้หรือ เมื่อครู่นี้หากไม่ใช่เพราะข้ากลับมาเร็ว เจ้านายข้าก็คงถูกเจ้าแทงตายไปแล้ว ผู้ชายตัวใหญ่อย่างพวกเจ้ามารังแกผู้หญิง มีเกียรติมากมาใช่หรือไม่ ใต้เท้าซือคงคนนั้นของพวกเจ้าอยากให้เจ้านายข้าไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขจนต้องถึงกับพยายามฆ่าตัวตาย นั่นเรียกว่าเป็นคนดีอย่างนั้นหรือ เจ้านายของข้าทำอะไรอย่างนั้นหรือ ในสายตาของพวกเจ้าถึงได้เห็นว่าสมควรตาย ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้ให้รู้ หากข้าเชียนซานยังอยู่ พวกเจ้าหน้าไหนก็ก็แตะนางไม่ได้แม้แต่ปลายผม มิเช่นนั้น พรรคมังกรเหินของข้าก็ไม่เสียดายที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับราชสำนัก พอถึงเวลานั้นข้าจะมองดูใต้เท้าซือคงของพวกเจ้าตายไปสู่ปรโลกแล้ว จะไปพบบรรพบุรุษ พบเจาเฉิงฮองเฮาได้อย่างไร” เชียนซานยิ่งก่นด่าก็ยิ่งลื่นไหล สุดท้ายก็ลากบรรพบุรุษกับเจาเฉิงฮองเฮาที่เป็นเจ้านายคนแรกของพรรคมังกรเหินมาด้วย หลวี่หนิงได้ยินคำพูดของเชียนซานแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมา แน่นอนว่าหวงกุ้ยเฟยในตอนนี้เป็นเจ้านายของพรรคมังกรเหิน หากเขาลงดาบแล้วเกิดความผิดพลาดใด เกรงว่าคนทั้งพรรคมังกรเหินคงได้เป็นศัตรูกับราชสำนักแน่ พอถึงเวลาที่สู้รบกัน ประชาชนก็ต้องเดือดร้อนกันทั่วทุกหย่อมหญ้าเพราะเขาเป็นเหตุ เขารู้ตัวว่าทำไม่ถูกและไม่กล้าต่อคำกับเชียนซาน ได้แต่ปล่อยให้เชียนซานชี้หน้าด่าเท่านั้น ชั่วชีวิตนี้เขาไม่ดคยได้รับการดูถูกเหยียดหยามมาก่อน แต่ก็ไม่เคยถูกคนเหยียดหยามแล้วไร้ความโกรธเช่นกัน มีเพียงแค่ความกลัวและรู้สึกผิดอยู่เต็มในหัวใจเท่านั้น สุดท้ายก็เป็นชูเซี่ยที่ทนไม่ได้ นางที่กำลังยืนอยู่ข้างประตูเอ่ยขึ้นมา “พอแล้ว เชียนซาน หากด่าอีกก็เป็นหญิงปากคอเราะร้ายด่ากราดไปทั่วแล้ว กลับมานี่เถอะ!” จากนั้นเชียนซานจัดเสื้อผ้า ถลึงตามองหลวี่หนิงแล้วพูด “เจ้าไปให้พ้นหน้าข้า ต่อไปไม่ต้องมาที่นี่อีก!” พูดจบก็เข้าไปในห้องโถง ปิดประตูดังปึง ชูเซี่ยมองท่าทางโมโหฟึดฟัดของนาง พลางยิ้มแล้วกล่าว “เจ้าจำต้องโมโหเขาด้วยหรือ เขาทำร้ายข้าไม่ได้หรอก” เชียนซานปัดผมที่ตกลงมาขึ้น ใบหน้าของนางยังคงโกรธอยู่ “ทำร้ายได้หรือไม่ได้นั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่รังแกเจ้านายข้า ข้อไม่อาจนิ่งดูดายได้ ข้ายังด่าได้ไม่แรงพอ ควรจะสาบแช่งบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรเสียด้วยซ้ำ!” ภายในใจชูเซี่ยรู้สึกซาบซึ้งมาก แต่พอได้ยินประโยคสุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะมุ่นคิ้ว “ด่าเขาไปหลายคำก็ไม่เป็นไรหรอก บรรพบุรุษของเขาล้วนแต่ขุนพลที่ดี พลีชีพเพื่อชาติ ตอนเขาสามขวบ แม่เขาก็ด่วนจากไปแล้ว เมื่อครู่เจ้าด่าครอบครัวเขา แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ” ในเวลานี้เชียนซานเพิ่งได้นึกถึงความซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติและยอมพลีชีพเพื่อชาติของตระกูลหลวี่ ความโกรธลดน้อยลงบ้านแล้ว “ข้าโกรธจนหัวหมุน ลืมความความซื่อสัตย์ต่อบ้านเมืองและการพลีชีพเพื่อชาติของตระกูลหลวี่ไปจนสิ้น แต่ตระกูลหลวี่ล้วนแต่มีขุนนางที่ดี แต่ทำไมถึงได้ให้กำเนิดตัวอะไรอย่างเขาที่สมองป่วยการได้ น่าโมโหจริง ๆ!” ในมือนางยังถือปิ่นที่หักของนางอยู่ รู้สึกปวดใจอย่างมาก ชูเซี่ยรู้จักเชียนซานมานานก็ยังไม่เคยเห็นนางร้องไห้มาก่อน แต่ในเวลานี้กลับร้องไห้ต่อหน้าคนนอกก็เข้าใจได้เลยว่าในใจนางเสียใจมากเพียงได้ นางก้าวเข้าไปหยิบปิ่นแล้วกล่าว "ข้าจะหาช่างฝีมือที่ฝีมือดีมาเอาปิ่นของเจ้าไปทำ ยังใช้ได้อยู่นี่ อย่าเสียใจไปเลย" เชียนซานขอบตาแดงก่ำ "ข้าไม่เคยเจอท่านแม่ แม่นางลวี่บอกว่านี่เป็นของสิ่งเดียวที่แม่ข้าทิ้งไว้ให้" ชูเซี่ยนึกไม่ถึงว่าชีวิตของเชียนซานจะน่าสงสารขนาดนี้ นางอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างสงสาร "เอาล่ะ อย่าเสียใจไปเลย เลี่ยมเสร็จก็ยังใช้ได้อยู่ แม่เจ้าคงไม่ยินดีที่เจ้าเจ็บปวดเสียใจเพราะของที่นางทิ้งไว้ให้หรอก" เชียนซานพูดอย่างเศร้า ๆ "ถึงข้าเสียใจ นางก็ไม่รู้อยู่ดี" ชูเซี่ยกุมมือนาง พลางพูดอย่างอ่อนโยน "ทำไมจะไม่รู้ล่ะ เจ้าเป็นแก้วตาดวงใจของนาง นางคอยเฝ้าปกป้องเจ้าอยู่บนสวรรค์ คอยมองเจ้าอยู่นะ" เชียนซานเหมือนจะสัมผัสบางอย่างได้ นางกะพริบตาไปมา "จริงหรือ" "จริงแท้แน่นอน ข้าเคยหลอกเจ้าเสียเมื่อไร" ชูเซี่ยยิ้มอย่างอ่อนโยน "เอาล่ะ เช็ดน้ำตาเสีย มองเจ้าตอนนี้แล้วเหมือนลูกแมวมอมแมมเลย" พูดจบก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบน้ำตาบนหน้านาง ในเวลานี้เชียนซานถึงได้หยุดร้องไห้แล้วหัวเราะออกมา "ข้าไม่ใช่แมวนะ!" เงยหน้าเห็นชูเซี่ยที่มีสีหน้าท่าทางค่อนข้างเงียบก็พูดปลอบใจ "เจ้านายอย่าได้เก็บคำพูดของเจ้าโง่นั่นไปใส่ใจเลยนะเจ้าคะ ใครไม่โดนก็ไม่รู้หรอก!" ชูเซี่ยมองเชียนซาน "เมื่อครู่นี้เจ้าเพิ่งพูดว่าใต้เท้าซือคงพยายามฆ่าตัวตายหมายความว่าอย่างไรกัน" เชียนซานเบือนหน้าหนี "ไม่มีความหมายอะไรหรอกเจ้าค่ะ ก็แค่พูดส่งเดชไปงั้น ๆ!" ชูเซี่ยยิ้มเบา ๆ ท่าทางนิ่งเงียบ "ไม่พูดก็ช่างเถอะ ตอนนี้แม้แต่เจ้าก็ยังปิดบังข้า!" เชียนซานได้ยินก็ค่อนข้างปวดใจ นางรั้งชูเซี่ยแล้วกล่าวอย่างเสียใจ "เจ้านาย เชียนซานไม่ได้จะปิดบังท่าน ก็แค่น้อยใจแทนท่านเท่านั้นเอง" แสงแดดจากด้านนอกตกกระทบลงบนใบหน้าของชูเซี่ย ต่างหูมุกที่ส่งเปล่งประกายล้อแสงยิ่งขับหน้าของนางงดงามยิ่งขึ้น นางยืนเงียบตรงนั้นอยู่แบบนั้น จากนั้นก็พูดเบา ๆ "มีเจ้า มีเขา ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าก็ไม่รู้สึกว่ามันน่าน้อยใจหรอก!" เชียนซานรู้สึกสะเทือนใจมาก นางช้อนตามองชูเซี่ย ในดวงตายังมีน้ำตาที่ยังไม่แห้งเหือดอยู่ นางเป็นเด็กกำพร้า ไม่เคยได้รับความอบอุ่นแบบนี้มาก่อนและยิ่งไม่เคยถูกใครมองเห็นความสำคัญ ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของชูเซี่ย พูดด้วยคำพูดอันแสนอบอุ่นแบบนี้กับนางที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา นางจึงรู้สึกว่าภูเขาน้ำแข็งในใจกำลังพังครืนลงมา ในเมื่อติดตามรับใช้ไปชั่วชีวิต ถ้าอย่างนั้นก็จะร่วมฝ่าลมฝนไปด้วยกัน ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น นางก็จะพร้อมจะเผชิญหน้ากับนางไปตลอด สุดท้าย นางก็กัดฟันพูด "ใต้เท้าซือคงจางคนนั้นอดอาหารประท้วง เพื่อจะบีบบังคับให้ฝ่าบาทแต่งตั้งเจ้านายเป็นไท่เฟย" หากสนมของฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่มีความผิด ฮ่องเต้ก็ไม่มีสิทธิ์ให้สนมของฮ่องเต้พระองค์ก่อนออกจากวังไปบำเพ็ญเพียรได้ เว้นแต่สนมผู้นั้นจะขอพระราชโองการออกจากวังเอง ดังนั้น ความจริงแล้วใต้เท้าซือคงจางผู้นั้นจึงคิดอยากให้ชูเซี่ยเป็นคนขอพระราชโองการออกจากวังเองเป็นที่สุด ทว่ากลับใช้วิธีแบบนี้รักษาพระพักตร์ของฮ่องเต้ แล้วหันมาบีบบังคับชูเซี่ย ชูเซี่ยได้ยินแล้วก็นิ่งเงียยไม่พูดไม่จา นางเดินไปที่ระเบียง ยื่นมือไปจับราว แมลงปอบินต่ำ ตรงหน้าระเบียงมีอ่างบัวอยู่หนึ่งอ่าง ฤดูร้อนที่สวยงาม ดอกบัวก็บานพอดี กลิ่นหอมของบัวลอยคลุ้งไปทั่วตำหนักฉ่ายเหว่ยไปทั่วทุกซอกมุม เวลาผ่านไปเนิ่นนานนางถึงได้เอ่ยปาก "ดอกบัวฤดูร้อนเบ่งบานได้ดีเช่นนี้ ดูท่าบัวในสระใหญ่คงเบ่งบานได้งามกว่า เจ้าไปถามฮ่องเต้ให้หน่อยสิ ว่าเมื่อใดจะมีเวลามาชมบัวกับข้า" เชียนซานถอนหายใจ "ตอนนี้ท่านยังมีใจคิดจะชมบัวอีกหรือ ตามที่ข้าพูดไว้ มีแต่ต้องบุกไปที่จวนซือคง หาตาเฒ่านั่นแล้วถามให้ชัดเจน หากเขายังปากแข็งอีก ข้าก็จะตีเขาให้ฟันร่วงจนเต็มพื้น!" ชูเซี่ยหัวเราะออกมาแล้ว สายตาเลื่อนไปจับจ้องใบหน้าของเชียนซาน "ฟันร่วงเต็มพื้น? เกรงว่าเขาจะไม่มีฟันอยู่ก่อนแล้วนี่น่ะสิ!" เชียนซานก็หัวเราะออกมาเช่นกัน นางเอามือจับหัวพลางพูด "ใช่เลย แก่ขนาดนั้นแล้ว เกรงว่าจะไม่มีฟันเหลือแล้วนี่สิ!" 
已经是最新一章了
加载中